ReadyPlanet.com
dot
dot dot
bulletBUDDHISM TO THE NEW WORLD ERA
bullet1 Thai-ไทย
bullet2.English-อังกฤษ
bullet3.China-จีน
bullet4.Hindi-อินเดีย
bullet5.Russia-รัสเซีย
bullet6.Arab-อาหรับ
bullet7.Indonesia-อินโดนีเซีย
bullet8.Japan-ญี่ปุ่น
bullet9.Italy-อิตาลี
bullet10.France-ฝรั่งเศส
bullet11.Germany-เยอรมัน
bullet12.Africa-อาฟริกา
bullet13.Azerbaijan-อาเซอร์ไบจัน
bullet14.Bosnian-บอสเนีย
bullet15.Cambodia-เขมร
bullet16.Finland-ฟินแลนด์
bullet17.Greek-กรีก
bullet18.Hebrew-ฮีบรู
bullet19.Hungary-ฮังการี
bullet20.Iceland-ไอซ์แลนด์
bullet21.Ireland-ไอร์แลนด์
bullet22.Java-ชวา
bullet23.Korea-เกาหลี
bullet24.Latin-ละติน
bullet25.Loa-ลาว
bullet26.Finland-ฟินแลนด์
bullet27.Malaysia-มาเลย์
bullet28.Mongolia-มองโกเลีย
bullet29.Nepal-เนปาล
bullet30.Norway-นอรเวย์
bullet31.persian-เปอร์เซีย
bullet32.โปแลนด์-Poland
bullet33.Portugal- โปตุเกตุ
bullet34.Romania-โรมาเนีย
bullet35.Serbian-เซอร์เบีย
bullet36.Spain-สเปน
bullet37.Srilanga-สิงหล,ศรีลังกา
bullet38.Sweden-สวีเดน
bullet39.Tamil-ทมิฬ
bullet40.Turkey-ตุรกี
bullet41.Ukrain-ยูเครน
bullet42.Uzbekistan-อุสเบกิสถาน
bullet43.Vietnam-เวียดนาม
bullet44.Mynma-พม่า
bullet45.Galicia กาลิเซียน
bullet46.Kazakh คาซัค
bullet47.Kurdish เคิร์ด
bullet48. Croatian โครเอเซีย
bullet49.Czech เช็ก
bullet50.Samoa ซามัว
bullet51.Nederlands ดัตช์
bullet52 Turkmen เติร์กเมน
bullet53.PunJabi ปัญจาบ
bullet54.Hmong ม้ง
bullet55.Macedonian มาซิโดเนีย
bullet56.Malagasy มาลากาซี
bullet57.Latvian ลัตเวีย
bullet58.Lithuanian ลิทัวเนีย
bullet59.Wales เวลล์
bullet60.Sloveniana สโลวัค
bullet61.Sindhi สินธี
bullet62.Estonia เอสโทเนีย
bullet63. Hawaiian ฮาวาย
bullet64.Philippines ฟิลิปปินส์
bullet65.Gongni-กงกนี
bullet66.Guarani-กวารานี
bullet67.Kanada-กันนาดา
bullet68.Gaelic Scots-เกลิกสกอต
bullet69.Crio-คริโอ
bullet70.Corsica-คอร์สิกา
bullet71.คาตาลัน
bullet72.Kinya Rwanda-คินยารวันดา
bullet73.Kirkish-คีร์กิช
bullet74.Gujarat-คุชราด
bullet75.Quesua-เคซัว
bullet76.Kurdish Kurmansi)-เคิร์ด(กุรมันซี)
bullet77.Kosa-โคซา
bullet78.Georgia-จอร์เจีย
bullet79.Chinese(Simplified)-จีน(ตัวย่อ)
bullet80.Chicheva-ชิเชวา
bullet81.Sona-โซนา
bullet82.Tsonga-ซองกา
bullet83.Cebuano-ซีบัวโน
bullet84.Shunda-ชุนดา
bullet85.Zulu-ซูลู
bullet86.Sesotho-เซโซโท
bullet87.NorthernSaizotho-ไซโซโทเหนือ
bullet88.Somali-โซมาลี
bullet89.History-ประวัติศาสตร์
bullet90.Divehi-ดิเวฮิ
bullet91.Denmark-เดนมาร์ก
bullet92.Dogry-โดกรี
bullet93.Telugu-เตลูกู
bullet94.bis-ทวิ
bullet95.Tajik-ทาจิก
bullet96.Tatar-ทาทาร์
bullet97.Tigrinya-ทีกรินยา
bullet98.Check-เชค
bullet99.Mambara-มัมบารา
bullet100.Bulgaria-บัลแกเรีย
bullet101.Basque-บาสก์
bullet102.Bengal-เบงกอล
bullet103.Belarus-เบลารุส
bullet104.Pashto-พาชตู
bullet105.Fritian-ฟริเชียน
bullet106.Bhojpuri-โภชปุรี
bullet107.Manipur(Manifuri)-มณีปุระ(มณิฟูรี)
bullet108.Maltese-มัลทีส
bullet109.Marathi-มาราฐี
bullet110.Malayalum-มาลายาลัม
bullet111.Micho-มิโช
bullet112.Maori-เมารี
bullet113.Maithili-ไมถิลี
bullet114.Yidsdish-ยิดดิช
bullet115.Euroba-ยูโรบา
bullet116.Lingala-ลิงกาลา
bullet118.Slovenia-สโลวีเนีย
bullet119.Swahili-สวาฮิลี
bullet120.Sanskrit-สันสกฤต
bullet121.history107-history107
bullet122.Amharic-อัมฮาริก
bullet123.Assam-อัสสัม
bullet124.Armenia-อาร์เมเนีย
bullet125.Igbo-อิกโบ
bullet126.History115-ประวัติ 115
bullet127.history117-ประวัติ117
bullet128.Ilogano-อีโลกาโน
bullet129.Eve-อีเว
bullet130.Uighur-อุยกูร์
bullet131.Uradu-อูรดู
bullet132.Esperanto-เอสเปอแรนโต
bullet133.Albania-แอลเบเนีย
bullet134.Odia(Oriya)-โอเดีย(โอริยา)
bullet135.Oromo-โอโรโม
bullet136.Omara-โอมารา
bullet137.Huasha-ฮัวซา
bullet138.Haitian Creole-เฮติครีโอล
bulletคำบูชาพระรัตนตรัย ทำวัตรแปล เช้า-เย็น
bulletChart Showing the Process
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี พ.ศ.2540 - 2566
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี 1
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี 2
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี บุคคลที่ 1 - 188 ปัจจุบัน
bulletหนังสือพิมพ์ดี
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 1
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 2
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 3
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 4
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 5
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 6
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 7
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 8
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 9
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 10
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 11
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 12
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 13
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 14
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 15
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 16
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 17
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 18
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 19
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 20
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 21
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 22
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 23
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 24
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 25
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 26
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 27
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 28
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 29
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 30
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 31
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 32
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 33
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 34
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 35
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 36
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 37
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 38
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 39
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 40
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 41
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 42
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 43
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 44
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 45
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 46
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 47
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 48
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 49
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 50
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 51
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 52
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 53
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 54
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 55
bulletหนังสือพิมพ์ดีเล่มที่ 56
bulletหนังสือพิมพ์ดีเล่มที 57
bulletหนังสือพิมพ์ดีเล่มที 58
bulletหนังสือพิมพ์ดีเล่มที 59
bulletTo The World
bulletENGLISH
bulletUSA
bulletChina
bulletIndia
bullet Mynmar
bullet Cambodia
bullet Loas
bulletSri Lanka
bulletMalaysia
bulletKorea
bulletA Sharp Turn of Believes : Iresearch Iwrite Iread
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 1
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 2
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 3
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 4
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 5
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 6
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 7
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 8
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 9
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 10
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 11
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 12
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 13
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 14
bulletMystery Report 15
bulletMystery Report 16
bulletMystery Report 17
bulletMystery Report 18
bulletMystery Report 19
bulletMystery Report 20
bulletMystery Report 21
bulletMystery Report 22
bulletMystery Report 23
bulletMystery Report 24
bulletMystery World Report 25
bulletศึกษาโลกลี้ลับ 26
bulletเฝ้าดูวัฒนธรรมโลกจากจอแก้ว วิเคราะห์ทุกปัญหาในโลกมนุษย์ด้วยสติปัญญาและเหตุผลวิทยาศาสตร์จากนสพ.ดี
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2536
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2537
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2538
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2539
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2540
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2541
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2542
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2543-2545
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2545-2549
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2549-2550
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2550-ส.ค.2551
bulletเฝ้าดูฯ ส.ค.-ก.ย.2551
bulletเฝ้าดูฯ ก.ย.2551- ธ.ค. 2551
bulletเฝ้าดูฯสำนวนพัชรา กอปรทศธรรม
bulletสำนวนพัชราตอนที่ 16-27
bulletสำนวนพัชราตอนที่ 29
bulletบทความใหม่ เม.ย.-พ.ค.2552
bulletพุทธธรรมเพื่อทางดับทุกข์
bulletทฤษฎีการดับทุกข์ทางจิต วิปัสสนากรรมฐานโดยการทำงาน(สำนวนปรับปรุงใหม่)
bulletประวัติพัชรา กอปรทศธรรม
bulletประวัติการต่อสู้เพื่อการดับทุกข์ ของพัชรา กอปรทศธรรม
bulletอัลบั้มรูป history
bulletนิทานธรรมะประยุกต์ มานุสสาสุระสงคราม 4 ภาค และอื่น ๆ
bulletอัลบั้มรูป ภาพในอดีตและชีวประวัติศาสตร์ที่สวยงาม
bulletจากเวบบอร์ด พูดกันไม่รู้เรื่อง ประชาธิปไตยล้าหลัง
bulletศาสนาสากล การวิเคราะห์ความหมาย
bulletปลอบใจ
dot
รวมบทวิเคราะห์กม.คณะสงฆ์ แนวปฏิรูปคณะสงฆ์อยู่ในบทวิเคราะห์นี้แล้ว
dot
bulletรวมบทวิเคราะห์กม.คณะสงฆ์
dot
สากลจักรวาล สากลศาสนา แนวคิดศาสนาสำหรับคนยุคใหม่ ผู้ก้าวผิดทางไปสู่สิ่งไร้สาระโดยไม่รู้ตัว
dot
bulletสากล...ศาสนา 1
bulletสากล...ศาสนา 2
bulletสากล...ศาสนา 3
bulletสากล...ศาสนา 4
bulletสากล...ศาสนา 5
bulletสากล...ศาสนา 6
bulletสากล...ศาสนา 7
bulletสากล...ศาสนา 9
bulletสากล...ศาสนา 8
bulletสากล...ศาสนา 10
bulletสากล...ศาสนา 11
bulletสากล...ศาสนา 12
bulletสากล...ศาสนา 13
bulletสากล...ศาสนา 14
bulletสากล...ศาสนา 16
dot
ส่วนข้อมูลสำคัญเพื่อการวิจัยการเมืองไทยยุค คมช.-รัฐบาลอภิสิทธิ์
dot
bulletข้อมูลสำคัญยุคคมช.-รัฐบาลอภิสิทธิ์
bulletรายงานสดม็อบสนธิ-จำลอง-ปชป.เป่านกหวีดวันที่1/26ส.ค.2551
bulletรายงานสดม็อบสนธิ-จำลอง-ปชป.เป่านกหวีดวันที่2/27ส.ค.2551
bulletใบปลิว อีเมล์ ในหลวงทรงร้องไห้
bulletข่าวการเมืองแฟ้ม 1
bulletในหลวงเพิ่งทราบข่าวฆ่าประชาชน10เมย.53ทรงร้องไห้
bulletบันทึกลับเสื้อแดงผู้รอดชีวิตจากทำเนียบรัฐบาล
bulletบันทึกลับเสื้อแดงผู้รอดชีวิตจากทำเนียบรัฐบาล
dot
รวมข่าวม็อบการเมืองสนธิ-จำลอง-ปชป.มิ.ย.51-เม.ย.52 นสพ.
dot
bulletข่าวการเมืองแฟ้ม 2
bulletข่าวการเมืองแฟ้ม 3
bulletรวมข่าวม็อบ30มิ.ย.51-23มี.ค.52
bulletเลือดศรีสะเกษบันทึกเรื่องราวรอบด้านเกี่ยวกับเขาพระวิหาร
bulletรายงานการโฆษณาชวนเชื่อในประเทศไทยที่ล้มล้างรัฐบาลทักษิณ
bulletหนังสือพิมพ์ดี ของฟรีให้เปล่ามา20ปีแล้วทั้งเอกสารและอินเทอเนท
bulletหนังสือพิมพ์ดี ( อินเทอเนต ) เล่ม 1 - 44 - ล่าสุด
bulletหน้าที่เก็บไว้
bulletมูลนิธิพระเทพวรมุนี(เสน ปญฺญาวชิโร)
bulletวัดมหาพุทธาราม ศรีสะเกษ บันทึกเหตุการณ์
bulletสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดศรีสะเกษแห่งที่ 1
bulletเกี่ยวกับเวบไซต์ของเรา เราทำเพื่อปัญญาชนโดยแท้
bulletรวมกระทู้เด็ดจากกระดานถามตอบ
bulletคาถาอาคมไสยศาสตร์
bulletกวีนิพนธ์ใหม่
bulletศูนย์ปฏิญญาณละเลิกอบายมุข บัญชีที่ 1- 4


การประชุมสภาสงฆ์ระดับชาติ

 

 

 

 

(คอลัมน์ประชาธิปไตยสงฆ์)
ภาพจำลองเมื่อเริ่มระบบสภาสงฆ์ (ตอน 5)
การประชุมสภาสงฆ์ระดับชาติ

 

 

 

 

 

ปัญหา    หากระบบการคณะสงฆ์ได้รับการปรับปรุงใหม่ตามโครงสร้าง วัด สงฆ์ และ สภาสงฆ์ โดยหลัก 4 ประการคือหลัก ประโยชน์ส่วนรวม หลักอุปัชฌาย์อาจารย์ หลักกัลยาณมิตร และ หลักประชาชน ในบัดนี้แล้ว อะไรจะเกิดขึ้น เหตุการณ์จักดำเนินไปอย่างไร ผลที่หวังไว้จักเป็นไปดั่งหวังหรือไม่ อาจจะมีอุบัติเหตุหรือสิ่งที่ผิดพลาดไม่เป็นไปตามแผนได้เพียงไรหรือไม่ ?

นี่คือภาพจำลองสถานการณ์ ตามแนวความคิดของหนังสือพิมพ์ดี เมื่อมีการปฏิรูปการปกครองคณะสงฆ์ไทยบรรลุผลสำเร็จลงแล้ว การพระพุทธศาสนาทั้งสิ้นจักดำเนินไปอย่างไร (ตอน 5 : การประชุมสภาสงฆ์ระดับชาติ) ต่อจากฉบับ ธ.ค.2541

 

เมื่อคราวที่แล้ว เราได้พาท่านผู้อ่านไปดูการประชุมสภาสงฆ์ระดับจังหวัด ของสภาสงฆ์ระดับจังหวัด จังหวัดสีขรุทุมพร อันเป็นจังหวัดที่ได้รับการยกสถานะใหม่ขึ้นใหม่ ทั้งทางฝ่ายบ้านเมืองและฝ่ายสงฆ์ ก่อนหน้านี้ไม่นาน เราได้ฉายภาพให้เห็นการดำเนินการประชุมของสภาสงฆ์ระดับจังหวัด จังหวัดสีขรุทุมพร ว่าดำเนินไปอย่างไร อะไรน่าจะเป็นสิ่งที่ประทับตรึงใจ จากการเห็นภาพรวมของสงฆ์ ที่ดำเนินระบบการปกครองแบบใหม่ นั่นก็คือ ความอิสระภาพ ความง่าย ความสบายปลอดโปร่ง ความที่ระบบได้ชักนำจิตใจให้ใฝ่ไป ในความรักอิสรภาพ ความสละ ความคลาย ความไม่ยึดมั่นถือมั่น

บัดนี้ เราจะนำท่านผู้อ่าน ไปดูการประชุมสภาสงฆ์ระดับชาติ ซึ่งจักเป็นการประชุมที่สง่างาม สะท้อนความสูงส่ง และความสงบราบคาบแห่งจิตใจ ที่ระงับกิเลส โดยระบบ

ในที่สุด การประชุมสงฆ์ระดับชาติก็เริ่มขึ้น

 

 

 

 

สถานะของสภาสงฆ์ระดับชาติ

สถานะของสภาสงฆ์ระดับชาติ เมื่อ ปีพุทธศักราช 2546 เป็นดั่งนี้


จังหวัดคณะสงฆ์ทั้งสิ้น 80 จังหวัด (โดยอิงอาศัยระบบจังหวัดฝ่ายราชการบ้านเมือง ทุกจังหวัด ซึ่งมี 80 จังหวัดเท่ากันเต็มสมบูรณ์)

สมาชิกสภาสงฆ์ระดับชาติ มี 3 ประเภท ๆ ที่1 และที่2 เป็น สงฆ์ล้วน จำนวน 300 รูป ส่วนประเภทที่ 3 เป็นฆราวาสมาจากระบบราชการและการเมือง จำนวน 55 คน ประเภทที่ 3 นี้ถือว่าเป็นสมาชิกประเภทสมทบ ไม่มีสิทธิ์ในการชี้ขาดทางธรรมทางวินัย

เมื่อรวมจำนวนสมาชิกทั้ง 3 ประเภทแล้ว สมาชิกสภาสงฆ์ระดับชาติมีจำนวน 355 รูป/คน แยกเป็นสัดส่วน ดังนี้

เป็นผู้แทนของจังหวัดคณะสงฆ์ทุกจังหวัด โดยที่ตามบทเฉพาะกาล ของพระราชบัญญัติการพระพุทธศาสนา พ.ศ. 2545 ประกอบด้วย ประธานสภาสงฆ์ระดับจังหวัด 1 รูป และ รองประธานสภาสงฆ์ระดับจังหวัด อีก 2 รูป รวมสมาชิกสภาสงฆ์ระดับชาติ เมื่อเปิดประชุมสภาหนแรก ปื พ.ศ. 2546 มีจำนวน = 80 X 3 = 240 รูป

เป็นสงฆ์ผู้มีคุณวุฒิ คุณธรรม คุณงามความดี ประสบการณ์ และมีความรู้ความสามารถพิเศษ เป็นพหูสูต ที่ได้รับอาราธนามาเป็นสมาชิกสภาสงฆ์ระดับชาติจากทั่วประเทศ จำนวน 60 รูป

รวมเป็นสมาชิกสภาสงฆ์ระดับชาติ ฝ่ายสงฆ์ล้วน 300 รูป

สมาชิกสภาสงฆ์ระดับชาติ ประเภทสมาชิกสมทบ มาจากผู้แทนสถาบันระดับชาติ 3 สถาบันคือ นิติบัญญัติ บริหาร และ ตุลาการ ฝ่ายละ 10 คน รวมเป็นระดับนโยบายระดับชาติ 30 คน นอกจากนี้มี ปลัดกระทรวง และหัวหน้าหน่วยงานประจำที่มีฐานะเทียบเท่ากระทรวง ทุกแห่ง เป็นสมาชิกสภาสงฆ์ระดับชาติ ประเภทสมาชิกสมทบ เมื่อปี พ.ศ. 2546 มีจำนวน 24 คน ปลัดเทศบาลนครกรุงเทพ 1 คน รวมสมาชิกประเภทสมทบทั้งสิ้น 55 คน

รวมเป็นสมาชิกสภาสงฆ์ระดับชาติทุกประเภท 355 คน/รูป

การประชุมสภาสงฆ์ระดับชาติ มีวาระการประชุม 1 ปักษ์ (15 วัน) การประชุมสภาสงฆ์ระดับชาติ สมาชิกสภาสงฆ์ระดับชาติ ฝ่ายสงฆ์ จะต้องมาอยู่ประจำ ณ สภาสงฆ์ระดับชาติ โดยอาจจะมาอยู่ก่อน และหรืออาจจะขออยู่ต่อไป ณ สภาสงฆ์ระดับชาตินี้ ไปอีกระยะหนึ่งก็ได้



 


สถานที่ตั้งสภาสงฆ์ระดับชาติ

สถานที่ตั้งสภาสงฆ์ระดับชาติ อันเป็นที่ประชุม ทางฝ่ายสงฆ์และฝ่ายบ้านเมือง ได้พิจารณาร่วมกันจัดวางออกมาเป็นพิเศษ มีลักษณะอลังการ สง่างาม โดยธรรมชาติ เพื่อให้สมกับเป็นการประชุมสภาสูงสุดทางพระพุทธศาสนา โดยหวังให้เป็นแบบอย่างแห่งระบบ ระเบียบ และวิถีชีวิตของบุคคลระดับสูงสุดในพระพุทธศาสนา ที่แสดงออกซึ่งความผสานกลมกลืนไปกับวัฒนธรรมของชาวพุทธโดยรวม คือแสดงออกซึ่งความผสานภาระหน้าที่ต่อพระพุทธศาสนาระหว่างพุทธบริษัท 4 อย่างเป็นเนื้อเดียวกัน ดังมีรายละเอียด ต่อไปนี้

1    สภาสงฆ์แห่งชาติ ตั้งอยู่ในเนื้อที่ดิน 10,000 ไร่เศษ ๆ ท่ามกลางภูมิผประเทศโดยรอบที่กลมกลืนถูกลักษณะแห่งพุทธเกษตร ประมาณเนื้อที่ 50,000 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ราบลุ่ม พื้นที่ป่าและภูเขา และพื้นที่น้ำ มีแม่น้ำ ห้วยหนองและทะเลสาป กับทั้งบริเวณชายหาดและผืนน้ำฝั่งทะเล บริเวณอ่าวไทย ตั้งอยู่ ณ บริเวณอ่าวไทย มีทะเลอยู่ด้านทิศใต้กับทิศตะวันออก มีภูเขาอยู่ด้านเหนือและด้านตะวันออก ด้านตะวันตกเป็นท้องทุ่งไร่นา และหมู่บ้านเกษตรกร ตำบลที่ตั้งสภาสงฆ์ระดับชาติอยู่ระหว่างกรุงเทพมหานครและจังหวัดฉะเชิงเทรา ห่างจากกรุงเทพมหานคร เพียง 15 กม. มีถนน 12 เลน เข้าไปสู่สถานที่ตั้งสภาสงฆ์ระดับชาติ โปรดดูแผนภูมิประกอบ


2    มีเขาอันเป็นเทือกแนวป่าหนาแน่น 4 ลูก
สามารถเดินทางติดต่อกับเขตอุทธยานแห่งชาติหลายแห่ง บริเวณหุบเขามีทะเลสาปขนาดย่อม ๆ เนื้อที่ประมาณ 2,000 ไร่เศษ ๆ เกิดขึ้นจากการไหลมารวมกันของลำห้วยหลายสาย ระหว่างลำห้วยเป็นหมู่บ้านและท้องนา เป็นระยะ ๆ มีสภาพเป็นชนบทที่อุดมสมบูรณ์ชุ่มชื่นตลอดปี โปรดดูแผนผังประกอบ

3  เดิมบริเวณทิวเขาและทะเลสาปแห่งนี้เป็นเขตฝึกซ้อมของกองพลผสมสี่เหล่า มีกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และ ตำรวจ และเป็นเขตฝึกซ้อมยิงกระสุนปืนใหญ่ของกองทัพบก โดยหน่วยสงครามพิเศษเป็นผู้ดูแลอยู่ ต่อมาเร็ว ๆ นี้กองทัพบกได้ย้ายสถานที่ฝึกใหม่ไปทางเขาสามมุข และเป็นการประจวบเหมาะที่ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายสงฆ์กำลังมองหาที่ตั้งอันเหมาะสมสำหรับแดนพุทธเกษตร ที่ตั้งสภาสงฆ์ระดับชาติอยู่พอดี รัฐบาลจึงได้อนุญาตให้ใช้ที่แห่งนี้เป็นที่ตั้งสภาสงฆ์ระดับชาติ โดยเห็นว่าเป็นบริเวณที่เหมาะสมอย่างยิ่ง และอยู่ห่างกรุงเทพมหานครเพียง 15 กม.เศษ ๆ เท่านั้น จึงเป็นพื้นที่ ราวกับเนรมิตเอาไว้เพื่อการเตรียมรับการปรับปรุงระบบการสงฆ์ไทยโดยเฉพาะ

บริเวณทั้งหมด 50,000 ไร่นี้ รัฐบาลได้ยกขึ้นเป็นอุทธยานแห่งชาติเพื่อการพระพุทธศาสนาโดยเฉพาะ เรียกว่า อุทธยานพุทธเกษตร

 

4    พระมหาเถรานุเถรรวมทั้งคณะสงฆ์ทั้งปวง และรัฐบาล ญาติโยมคฤหบดีได้อุทิศจตุปัจจัยบริจาคสร้างสภาสงฆ์แห่งนี้ เป็นเงินจำนวนหนึ่ง เพื่อเนรมิตรสร้างถนน ขนาดใหญ่ 12 เลน เข้าสู่สภาสงฆ์ระดับชาติแห่งนี้ กับสร้างอาคารสภาสงฆ์ กุฎีที่พักสงฆ์ อาคารที่พักฆราวาสผู้ปฏิบัติธรรม และอาคารที่ทำการสภาสงฆ์และหอสมุดกับศูนย์การสื่อสาร รวมทั้งการดัดแปลงปรับพื้นที่บริเวณรอบ ๆ โดยเฉพาะทำทางเดินรอบทะเลสาป ปรับให้เป็นรูปวงกลมรี อย่างที่เห็นในแผนผัง

 

5     รัฐบาลได้ดำเนินการปรับพื้นที่ภายในเป็นสัดส่วน ให้มีสภาพเหมือนคล้ายพระอารามขนาดใหญ่ ส่วนหนึ่งเป็นสังฆาวาส อยู่ด้านทะเลสาป ที่เชื่อมต่อไปยังเขตอุทธยานแห่งชาติหลายแห่ง ตามทิวเขาจันทบุรีและทิวเขาบรรทัด เลยไปเชื่อมทิวพนมดงรัก เขตอุทธยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีการก่อสร้างกุฎิสงฆ์ขึ้น มีขนาดเล็ก ๆ พออยู่อย่างสันโดษ ตามพระธรรม-พระวินัย ด้วยวัสดุทันยุคสมัย จำนวน 500 หลัง สำหรับเป็นที่ของพระเถรานุเถร สมาชิกสภาสงฆ์ระดับชาติ ใช้เป็นทั้งที่พักและที่ประกอบกิจศาสนธรรม ในระหว่างเดินทางมาในสมัยประชุมสภาสงฆ์ระดับชาติ นอกจากนี้ ทางฝั่งทะเลตะวันออก ซึ่งแต่เดิมเป็นเขตทหารและหวงห้าม บัดนี้ได้ปรับเป็นสถานที่บำเพ็ญพรตตปะธรรมสำหรับสงฆ์โดยเฉพาะ ที่มีความงาม ความสงบ และอากาศสดชื่นสม่ำเสมอตลอดปี สถานที่ดังกล่าวนี้ บัดนี้จักถือเป็นบริเวณพุทธเกษตร สำหรับผู้ประกอบความเพียร เพื่อการศึกษาพระพุทธศาสนธรรมชั้นสูงสุด เพื่อเอาตัวรอดจากทุกข์ เพื่อการบรรลุมรรคผลนิพพาน มีความมุ่งหมายเป็นพิเศษที่จะให้เป็นแดนสะอาดปราศจากโลกียทัศน์ใดใดโดยสิ้นเชิง และพร้อมสำหรับการปฏิบัติธรรมกรรมฐานทุกแบบทุกชนิดทุกระดับชั้นที่มีในพระพุทธศาสนา พุทธเกษตรแห่งนี้ โดยเฉพาะบริเวณทะเลสาปและชายทะเล ที่เป็นสถานที่ทัศนวิสัยที่สวยงามมากนั้น จะห้ามประชาชนทั่วไป เว้นแต่มาเข้าโครงการธรรมะ เพื่อการปฏิบัติธรรม ทั้งนี้ตามระเบียบของสภาสงฆ์ระดับชาติ ที่จะได้ดำเนินการกำหนดออกมาให้รัดกุม

 

6      ถนนขนาดใหญ่สายกรุงเทพ-อุทธยานพุทธเกษตร จะนำชาวกรุงเทพมหานคร และจังหวัดรายทาง ได้แก่จังหวัดฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ เป็นต้น มาทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหารพระเถรานุเถระที่สภาสงฆ์แห่งชาตินี้เป็นประจำวัน โดยตลอดปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมัยการประชุมสภาสงฆ์ระดับชาติ สามัญและวิสามัญ โดยสะดวกง่ายดายมาก เวลาเช้าตรู่ แสงตะวันพอเห็นลายมือ ตามพุทธวินัยบัญญัติ พระเถรานุเถระทั้งหลายจะออกบิณฑบาต ตามถนนใหญ่ภายในสภาสงฆ์แห่งชาติ บริเวณกุฏีสงฆ์ที่พักนั่นเอง ญาติโยมก็จะพากันมายืนรอเรียงรายอยู่บริเวณถนนทางโคจรบิณฑบาตของพระคุณเจ้าทั้งหลาย แล้วค่อยพากันเดินทางกลับบ้าน ในเวลาเพลญาติโยมผู้มีจิตศรัทธาก็จะนำภัตตาหารปิ่นโตหรือห่อด้วยภาชนะใดใดแยกย้ายไปตามกุฎีสงฆ์ ถวายภัตตาหารเพลที่กุฎีสงฆ์แต่ละแห่งได้ตามอัธยาศัย และโดยง่ายดาย เป็นระบบแห่งธรรมชาติแห่งทานอันบริสุทธิ์

และจะกลายเป็นธรรมเนียมของชาวพุทธในสังคมเมือง เกิดขึ้นใหม่ โดยทุกเช้า ชาวพุทธเมือง จะจัดเตรียมภัตตาหาร ของตักบาตรพร้อมครอบครัวหรือสมาชิกบางคน ออกเดินทางแต่เช้าตรู่โดยรถยนต์ มาคอยตักบาตรพระสงฆ์ ที่ท่านมาอยู่จำพรรษาปฏิบัติธรรม ณ สภาสงฆ์ระดับชาตินี้ เป็นประจำวัน ๆ โดยเริ่มตั้งแต่เกิดการประชุมสภาสงฆ์ระดับชาติหนแรกนี้ เป็นต้นไป

ครั้นพ้นสมัยประชุม บริเวณสภาสงฆ์ระดับชาติ ยังจะอนุญาตให้พระเถรานุเถระ ผู้เป็นสมาชิกสภาสงฆ์ระดับชาติ โดยเฉพาะสมาชิกสภาสงฆ์ประเภท 2 ผู้ทรงคุณวุฒิและเอตะทัคคะเฉพาะพิเศษทั้ง 60 รูป มีสิทธิ์ที่จะอยู่ประกอบกรณียกิจได้ตามอัธยาศัย และแม้พระภิกษุสงฆ์อื่น ผู้จำนงปลงใจจะทรงกรรมฐาน หรือตั้งใจจะถือปฏิบัติธุดงควัตร หรือแสวงหาทางปฏิบัติในแบบใดใด ตามหลักมรรคผล ตามป่าเขาที่วิเวก เพื่อการปลีกหลีกเร้นเป็นการเฉพาะตน ได้อยู่บำเพ็ญสมณกิจเช่นว่านี้ได้ต่อไป โดยมีการบิณฑบาตเลี้ยงชีพ ซึ่งชาวพุทธบริษัทในสังคมเมืองยังจะมาถวายอาหารตักบาตร ในเวลาเช้าพระคุณเจ้าทั้งปลายที่อยู่ปฏิบัติธรรม ณ บริเวณพุทธเกษตรนี้ ก็จะยังคงประคองบาตรออกมาเทียวไปเทียวมาบนท้องถนนในบริเวณสภาสงฆ์ระดับชาตินี้เป็นการปกติเป็นประเพณีสืบไป หรือหากไม่มีญาติโยมมาพระคุณเจ้าก็มิปริวิตก ก็อาจเดินบิณฑบาตเข้าไปในหมู่บ้านใกล้ ๆ สภาสงฆ์ระดับชาติ ก็พอประทังชีพไปได้ ตราบได้บรรลุแจ้งแสงทองแห่งวิมุติธรรม ก็ยิ่งจะยังความศรัทธาปสาธะเพิ่มมากยิ่งขึ้น เป็นทางแห่งการฝังรากลึกซึ้งลงในพระบวรพุทธศาสนาให้มั่นคงสืบไปภายหน้า

 

7      บริเวณทะเลสาปที่อุดมสมบูรณ์ด้วยหมู่ปลาและพืชสัตว์น้ำหลากหลายชนิด ซึ่งอยู่ระหว่างหุบเขา 3 ลูก ด้านทิศเหนือ เป็นที่สำหรับปลีกตัวไปถือสันโดษ รัฐบาลจะสร้างถนนสายเล็ก ๆ เข้าไป และปรับบริเวณโดยรอบฝั่งทะเลสาปให้เกลี้ยงเกลาสะอาดสะอ้านขึ้น บางแห่งทำเป็นที่นั่ง บางแห่งทำเป็นที่เดินจงกรม ฯลฯ มีลำห้วยเล็ก ๆ 3 สาย บนภูเขาเตี้ย ๆ ด้านตะวันออกซึ่งติดฝั่งทะเลอ่าวไทย เป็นที่สำหรับพระคุณเจ้าผู้แก่อาคมขลังจะประลองวิชชาชั้นสูง เป็นต้นว่าการเพ่งกสิณและจำเริญฌานภาวนา การประกอบจิตกีฬาประเภทชนิดต่าง ๆ อันเป็นความเพลิดเพลินเฉพาะตัวพระคุณเจ้าผู้สูงสุดแล้ว โดยได้วิสัยแห่งธาตุทั้ง 4 มีดินป่าและภูเขา ห้วงอากาศ ห้วงน้ำ แม้ดวงดาว ดวงเดือน และดวงตะวันที่มีพร้อมพอเหมาะ ณ ดินแดนพุทธเกษตรแห่งนี้

 

8.    รัฐาลได้ทำการขุดคูน้ำขนาดใหญ่ไปตามแนวเดิมที่เป็นลำห้วยธรรมชาติล้อมเป็นคู แทนรั้ว ทั้งสี่ด้าน มีความกว้างใหญ่ ประมาณ 20 เมตร มีความลึกถึง 9 เมตร สามารถนำน้ำใสเย็นเข้ามา เป็นเขตอภัยทานและแหล่งเพาะเลี้ยงปลาและสัตว์น้ำ หย่างอุดมสมบูรณ์ มีสะพานสำหรับประชาชนเข้ามาเลี้ยงอาหารปลา และชมชีวิตสัตว์น้ำเหล่านี้อย่างเพลิดเพลินเป้นสุข ปลาเหล่านี้จะแพร่พันธุ์ออกไปอย่างมากมาย เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาชนิดต่าง ๆอันอุดมสมบูรณ์ โปรดดูแผนภูมิบริเวณสภาสงฆ์ ประกอบ

 

9.    บริเวณชายหาดด้านใต้ เป็นที่สวยงามสงบราบคาบด้วยทะเลใหญ่ มีอากาศพัดเย็นสบายตลอดปี ด้านถนนใหญ่เป็นหาดชายเลนยาวเหยียดสองข้างทางถนนที่ทอดเข้าสู่สภาสงฆ์ระดับชาตินั้น ด้านตะวันออกเป็นแนวเขาเตี้ย ๆ ทอดยาวเลียบฝั่งทะเล มีชายหาดที่สงบ เช่นเดียวกันกับด้านใต้ แม้อยู่นอกเขตสภาสงฆ์แห่งชาติ แต่ก็อยู่ในเขตอุทธยานพุทธเกษตร ซึ่งได้รับความคุ้มครอง ถือเป็นเขตหวงห้ามโดยเฉพาะหมู่สงฆ์ เพื่อสงวนไว้สำหรับการศึกษาพระพุทธศาสนธรรมชั้นสูง ที่ครบพร้อมสมบูรณ์ของโลก

 

10.    บริเวณเนื้อที่นับหมื่น ๆ ไร่ด้านตะวันตก เป็นที่ราบลุ่มเป็นแดนเกษตรกรรมที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย ชาวเกษตรกรที่อยู่ติดที่ดินบริเวณนั้นสืบทอดทายาทกันมานับร้อยปีพันปีมาแล้ว โดยสภาพในฤดูกาล จะเป็นท้องไร่ท้องนาที่อุดมสมบูรณ์ ชาวนาอยู่กันเป็นหมู่บ้าน ๆ มีชีวิตที่เรียบง่าย และพิทักษ์รักษาอาชีพที่เป็นพื้นฐานการเป็นไปแห่งพระพุทธศาสนา นั่นคือ เกษตรกรรม บริเวณนี้จะอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติอุทธยานแห่งชาติพิเศษที่ว่า ด้วยพุทธเกษตรแห่งนี้โดยเฉพาะ และโดยพรบ.อุทธยานแห่งชาติพุทธเกษตรฉบับนี้ จักกำหนดเขตเกษตรกรรมแห่งนี้ไว้โดยกำหนดเป็นแหล่งที่จะต้องอนุรักษ์และทำนุบำรุงส่งเสริม ในฐานะส่วนประกอบอันสำคัญของสิ่งแวดล้อมที่หล่อเลี้ยงพระพุทธศาสนา กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ การเกษตรกรรม การไร่การนานี้ จะเป็นของคู่กับพระพุทธศาสนาตลอดไป

 

11      สถานะของ สภาสงฆ์ระดับชาติ เป็นส่วนหนึ่งของอุทธยานขนาดย่อมแห่งหนึ่ง เรียกว่า อุทธยานพุทธเกษตร ซึ่งมีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 50,000 ไร่ โดยมีรัฐบาลเป็นผู้ดูแลโดยตรง โดยออกเป็นพระราชบัญญัติอีกฉบับหนึ่ง เรียกว่า พระราชบัญญัติอุทธยานแห่งชาติพุทธเกษตร เป็นการเฉพาะ เพื่อให้เกิดการประสานงานการบริหารเป็นไปอย่างละเอียดตรงสู่เป้าหมายอันสูงส่งทางพระพุทธศาสนา แต่ในเขตอุทธยานส่วนที่เป็นสภาสงฆ์ระดับชาตินี้ การบริหารเป็นภาระของฝ่ายสงฆ์โดยตรง รัฐบาลมีหน้าที่รับสนองนโยบายการบริหารของฝ่ายสงฆ์ ในส่วนที่นอกเหนือพื้นที่สภาสงฆ์ระดับชาติ เป็นภาระของรัฐบาล โดยมีนโยบายหลักในเรื่องสำคัญ ๆ ไว้ชัดเจน คือด้านการเกษตรกรรม ได้แก่ส่วนที่เป็นพื้นที่ท้องไร่ท้องนา ด้านตะวันตกของสภาสงฆ์ระดับชาติ ซึ่งคลุมเนื้อที่ท้องไร่ท้องนาประมาณ 20,000 ไร่ จะต้องให้คงไว้อย่างสมบูรณ์ โดยรัฐบาลจะต้องเอาใจใส่ในเรื่องไร่นาของประชาชนในบริเวณนี้เป็นพิเศษ รวมไปถึงการส่งเสริมฟื้นฟูวัฒนธรรมเกษตรในท้องไร่ท้องนา ตามฤดูกาลต่าง ๆ ในเขตป่าและภูเขา ซึ่งอยู่ในอุทธยานพุทธเกษตรนั้น จะเป็นที่อยู่อาศัยเป็นเขตอนุรักษ์แหล่งพันธุ์พืชและต้นน้ำลำธาร ในทะเลด้านใต้และด้านตะวันออก ที่เป็นส่วนของอุทธยานพุทธเกษตร ก็คงเป็นแหล่งหวงห้ามการประมงทุกชนิด ในเขตสภาสงฆ์เอง โดยรอบ ทะเลสาป และในลำคลองใหญ่ ที่เป็นเสมือนเขตปราการล้อมรอบทั้งสี่ทิศของสภาสงฆ์ จะเป็นเขตห้ามการประมงโดยเด็ดขาด จะเป็นที่อนุรักษ์ปลาและสัตว์น้ำทุกชนิด ให้เป็นเขตห้ามการประมง เช่นเดียวกัน จักเป็นแหล่งเพาะพันธ์ปลาและที่อุดมสมบูรณ์ด้วยอาหารปลาชนิดต่าง ๆ กล่าวโดยรวม เฉพาะพื้นที่บริเวณ 10,000 ไร่ ที่จัดเป็นเขตสภาสงฆ์ระดับชาตินี้ จักเป็นเขตอภัยทานโดยสมบูรณ์ สัตว์บกสัตว์น้ำทุกชนิด จะอยู่อาศัย ณ เขตสภาสงฆ์แห่งชาตินี้ไปอย่างเป็นธรรมชาติ และปราศจากอันตรายใดใดจากมนุษย์ หน่วยงานรัฐบาลทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง จักมีหน้าที่เอาใจใส่เป็นพิเศษ ต่อป่าไม้ ต้นน้ำ ลำธาร สัตว์บก สัตว์น้ำ การประมงและการเกษตรบริเวณนี้อย่างดีที่สุด

 

12     สมาชิกสภาสงฆ์ระดับชาติที่มาประชุม จะเท่ากับมาใช้ชีวิตสันโดษอยู่ชั่วเวลาหนึ่ง โดยการอยู่อย่างปราศจากความกังวล อยู่อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่กังวลกับภาระการงานใดใด การเลี้ยงชีพจะเป็นไปตามประเพณีสงฆ์ครั้งพุทธกาล เช้าออกบิณฑบาตร โดยโคจรไปตามถนนสายใหญ่ภายในสภาสงฆ์ระดับชาติ บริเวณกุฏีที่พักนั่นเอง โดยรัฐบาลจะถือเป็นภาระหน้าที่โดยตรงในการทำนุบำรุงเลี้ยงภัตตาหารบิณฑบาตนี้ โดยในระยะเริ่มแรก จะจัดแจงให้บุคคลสำคัญในรัฐบาล ชาวเมืองกรุง คหบดี พ่อค้า ครูอาจารย์ นิสิตนักศึกษา ตลอดจนคนทั่วไป จัดนำอาหารจังหันและเพลไปถวายเป็นปกติประจำวัน และจัดการให้ชาวพุทธบริษัทหมุนเวียนมาตักบาตรพระเถรานุเถระเป็นประจำทุกเช้าและเพล นับแต่วันเปิดสภาสงฆ์ระดับชาติเป็นต้นไป ซึ่งต่อไปในไม่ช้า ก็จะกลายเป็นประเพณีสำคัญสำหรับคนเมืองกรุง คนชั้นสูงในสังคมก็จะได้มีโอกาสบำเพ็ญบุญกริยาวัตถุด้วยประการต่าง ๆ เป็นประจำ เป็นการได้โอกาสมาสัมผัสสิ่งที่ดีงามที่มีคุณค่าของชีวิตและค่อยเรียนรู้พระพุทธศาสนธรรมชั้นสูงต่อไป


 

ที่พักสงฆ์ในสภาสงฆ์แห่งชาติ

 

ในด้านพระเถรานุเถระ สมาชิกสภาสงฆ์แต่ละรูปจะมีกุฏีที่พัก ที่จัดสร้างขึ้นถูกหลักพระธรรมวินัย (ไม่มิดชิดปิดบัง ซ่อนเร้น) และโดยสมัยนิยม (มีความมั่นคง แข็งแรง สะอาด ถูกอนามัย) เมื่อมาประชุมสภาสงฆ์ก็จะได้ใช้ชีวิตที่สันโดษ เป็นโอกาสแห่งการแสวงหาความสงบสงัดวิเวก เพื่อการเจริญกรรมฐานต่าง ๆ เพื่อการวิปัสนาเพื่อความรู้ยิ่ง เพราะโดยแท้จริง สภาสงฆ์ระดับชาตินั้นก็คือ ที่แห่งความสงบสงัด ที่ปลีกตัวจากสังคมเมืองมาเสพความสันโดษ เพื่อได้โอกาสแห่งการปลงภาระหน้าที่อันหนักอึ่งตลอดชีวิต จักเป็นโอกาสแห่งการตรัสรู้ และแสวงหาโอกาสในการบำเพ็ญเพื่อมรรคผลโดยแท้จริง และนอกจากนี้ เมื่อพ้นสมัยประชุมแล้ว สมาชิกสภาสงฆ์ระดับชาติก็มีสิทธิ์โดยสมบูรณ์ที่จักอยู่บำเพ็ญสมณธรรมต่อไป ทั้งนี้โดยระเบียบของสภาสงฆ์ระดับชาติ ซึ่งจะได้จัดทำออกมาภายหลังเปิดการประชุมหนแรกนี้แล้ว โดยมิได้กังวลเรื่องภัตตาหารเครื่องนุ่งห่ม เพราะญาติโยมจักยังคงเทียวมาโดยรถยนต์ บ้าง โดยเรือบ้าง เพื่ออนุเคราะห์พระสงฆ์ให้ได้บำเพ็ญสมณกิจโดยต่อเนื่อง และสำหรับพระเถรานุเถระผู้มีวัยอายุสูงแล้ว การได้มาอยู่กับธรรมชาติในบั้นปลายแห่งชีวิต จักเป็นโอกาสอันประเสริฐโดยแท้จริงสำหรับการได้พบความสงบสันติและการบำเพ็ญเพื่อมรรคผลนิพพานให้สำเร็จได้

 

การประชุมสภาสงฆ์ระดับชาติ โดยสาระที่แท้จริงก็คือ การนัดชุมนุมกันมาเสพความงามความสงบสงัดร่วมกัน เสพธรรมชาติ ที่อุดมด้วยฝน ป่าไม้ พืชพรรณ สายน้ำและทะเล แม้กระทั่งเนินไศลขุนเขาชะเงื้อม ที่อาจทอดตาไปสู่ทะเลกว้างใหญ่ได้ ร่วมประพฤติปฏิบัติตามรอยแบบอย่างองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสัก 1 ครั้งในชีวิต เป็นโอกาสแห่งการเรียนการศึกษาฝ่ายปฏิบัติและปฏิเวธธรรม เพราะสถานที่ที่ตั้งสภาสงฆ์ระดับชาติ เป็นสถานที่จัดวางไว้เพื่อเอื้อแด่การประพฤติธรรม จำเริญสมาธิธรรม กรรมฐาน หรือจะถือธุดงควัตรประการใดใดตามอัธยาศัยล้วนเหมาะทั้งสิ้น เพราะบริเวณโดยรอบ มีทั้งภูเขา ถ้ำ ลำห้วย หรือจะปลีกไปเดียวดายเพื่อกระทำความเพียรบำเพ็ญตปะเฉพาะตน มีทะเลกว้างใหญ่เหมาะสำหรับการจะประกอบสมาธิ-กสิณธรรม บำเพ็ญฌานบารมี แม่น้ำ ทะเลสาป ใสสะอาดสำหรับเสพความวิเวกและวิมุติธรรม และธรรมชาติป่า มีสัตว์เล็กสัตว์น้อย มีท้องไร่ท้องนา ที่อาจเทียวบิณฑบาตตามอัธยาศัย นอกจากนี้ เมื่อความพยายาม ความกล้าหาญบังเกิดขึ้นตามคุณธรรมแล้ว อาจปลีกตัวเองเดินทางเข้าสู่เขตอุทธยานแห่งชาติ มีอุทธยานแห่งชาติเขาใหญ่ อุทธยานแห่งชาติห้วยขาแข้ง ฯลฯ ซึ่งรัฐบาลกับฝ่ายสงฆ์จะพิจารณาร่วมกัน เพื่อเปิดให้เป็นแดนธุดงค์ของฝ่ายสงฆ์ได้ตลอดปี และสงฆ์ผู้มีกำลังความเพียรจักสามารถอุทิศตนทั้งหมดแด่การศึกษาพระพุทธธรรม ตัดขาดจากโลกเสียทั้งสิ้นหวังฟันฝ่าสู่พระโพธิญาณอย่างเดียวโดยเด็ดขาด ก็ย่อมเกิดเป็นขึ้นได้ และเมื่อนั้นชนทั้งหลายย่อมเห็นอานิสงส์สูงสุดแห่งพระพุทธศาสนา ยังความเลื่อมใสบูชาที่หยั่งรากลึกซึ้งแท้จริงได้

 

จึงเป็นโอกาสสำคัญอย่างแท้จริงสำหรับการศึกษาวิมุติธรรมอันบริสุทธิ์แห่งพระพุทธศาสนา และแล้ว สมาชิกสภาสงฆ์ระดับชาติจักได้พบเห็นความประเสริฐนี้ด้วยตนเอง เมื่อการประชุมสภาสงฆ์ระดับชาติเริ่มขึ้นแล้ว เป็นวาระการประชุมที่กินเวลานานถึง 1 ปักษ์ (15 วัน) สมาชิกสภาสงฆ์จากจังหวัดต่าง ๆ ที่ทะยอยมาก่อนกำหนด โดยหวังได้เสพชมสถานที่อันวิเศษนี้ก่อนก็มีมาก และที่มาทันตามกำหนดก็มีมาก ตราบในที่สุด ถึงวันการประชุมสภาสงฆ์ระดับชาติ

น่าหวังว่า หลังเสร็จสิ้นเวลาการประชุม 1 ปักษ์ แล้ว จะมีพระเถรานุเถระหลายรูป ติดใจไม่อยากจะกลับวัด บางรูปอาจถือโอกาสธุดงค์ เดินทางเข้าเขตอุทธยานแห่งชาติ ข้ามห้วย ทะเลสาป ป่าเขา ไป โดยอุทิศทุกสิ่งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง เพราะเหตุแห่งความหน่ายความคลายจากโลกที่ไร้สาระ เป็นพระโยคาวจรเจ้าผู้เห็นภัยในวัฏฏะสงสาร มีนิพพิทาญาณรุ่งเรืองแจ่มจ้าขึ้นแล้ว หมายมุ่งถวายชีวิตเพื่อให้ได้ตรัสรู้สัจธรรมในชาตินี้ให้จงได้

 

5. ตามพระราชบัญญัติการพระพุทธศาสนา พุทธศักราช 2545 กำหนดให้มีหน่วยงานกลาง เพื่อรับภาระการบริหารกิจการทั้งหมดของการพระพุทธศาสนา รวมทั้งการดูแล ประสานงาน และบริหารงานอุทธยานพุทธเกษตรและสภาสงฆ์ระดับชาติโดยเฉพาะ เพื่อให้การณ์เป็นไปตามวัตถุประสงค์ทางพระพุทธศาสนา อย่างมีความเป็นอิสระ และความคล่องตัวอย่างสูงในการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามเป้าหมาย นโยบาย หรือมติใดใดของสภาสงฆ์ระดับชาติ โดยเรียกว่า สำนักงานเลขาธิการการสภาสงฆ์ระดับชาติ สำนักงานประกอบด้วยหัวหน้าหน่วยงานคือ เลขาธิการ เป็นหัวหน้าหน่วยงานสูงสุด มีคุณสมบัติ ต้องเป็นสมาชิกสภาสงฆ์ระดับชาติ และสภาสงฆ์ระดับชาติเป็นผู้แต่งตั้ง มีแผนกงานต่าง ๆ ที่จำเป็น เช่น การศึกษา การปกครอง การเผยแผ่ การสาธารณูปการ การสื่อสาร การต่างศาสนา การข่าวและการวิจัย การบริหารอุทธยานพุทธเกษตรและสภาสงฆ์ระดับชาติ หัวหน้าแผนกงานเป็นฆราวาส เป็นตำแหน่งงานประจำ และที่สำคัญ มีคณะที่ปรึกษาสำนักงานเลขาธิการสภาสงฆ์ระดับชาติ ที่ประกอบด้วยผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญการพระพุทธศาสนา ทั้งพระภิกษุสงฆ์และฆราวาสจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่จะได้แก่สมาชิกสภาสงฆ์ระดับชาติ ประเภท ทรงเอตทัคคะ หรือ มีความชำนาญการเป็นพิเศษ

 

6. เลขานุการสภาสงฆ์ระดับชาติ มี ทั้งฝ่ายสงฆ์และฝ่ายฆราวาส ฝ่ายสงฆ์ตามบทเฉพาะกาล กำหนดให้ เลขานุการในสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก เป็นเลขานุการสภาสงฆ์ระดับชาติ ฝ่ายฆราวาส กำหนดให้อธิบดีกรมการศาสนาเป็นเลขานุการสภาสงฆ์ระดับชาติ โดยตำแหน่ง

 

 

 

 

 

แผนที่ที่ตั้งสภาสงฆ์ระดับชาติ
บริเวณอ่าวไทย ระหว่างกรุงเทพมหานคร กับจังหวัดฉะเชิงเทรา
ภายใน อุทธยานพุทธเกษตร ห่างจากกรุงเทพมหานคร 12 กม.

ยังไม่มีข้อมูล

 

 

แผนผังที่ตั้งอาคารสภาสงฆ์ระดับชาติ
แสดงระบบถ่ายเทอากาศโดยธรรมชาติที่ประชุมกลางสระบัว

ยังไม่มีข้อมูล

 

 

 

 

 

ภาพจำลองเหตุการณ์การประชุมสภาสงฆ์ระดับชาติ

ภาพจำลองเหตุการณ์ภายในสภาสงฆ์ระดับชาตินี้ เป็นเพียงการสมมติเพื่ออธิบายแนวทฤษฎีที่เสนอ เกี่ยวกับการปรับปรุงปฏิรูปการพระพุทธศาสนา ให้เห็นชัดเจนขึ้น ฉะนั้นจึงมีการอธิบายเกี่ยวข้องไปถึงสถาบันอันสูงสุดของชาติด้วย

 



สมัยประชุมสภาสงฆ์ระดับชาติ

 

สมัยประชุมสภาสงฆ์ระดับชาติถูกกำหนดขึ้นระหว่างวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ปีมะแม มีกำหนด 1 ปักษ์ หรือ 15 วัน ถึงวัน แรม 14 ค่ำเดือน 6 ปีมะแม ตรงกับวันพฤหัสบดี ที่ 15 พฤษภาคม ถึงวันศุกร์ ที่ 30 พฤษภาคม พุทธศักราช 2546


วันที่ 15 พฤษภาคม 2546 เป็นวันที่พุทธบริษัททั้งหลายต่างรอคอย ด้วยความรู้สึกกลัดไปด้วยความคาดหวังประการต่าง ๆ แต่เบื้องลึกซึ้งแห่งจิตใจ ต่างนึกวิงวอนให้เหตุการณ์เกี่ยวกับการประชุมสภาสงฆ์ระดับชาติ เป็นไปอย่างเลิศประเสริฐดีงาม ในบางส่วนแห่งความรู้สึกสำหรับชาวกรุงเทพมหานครและคนในสังคมระดับสูง ต่างมีความตื่นเต้น ในการที่จะได้ตื่นแต่เช้าและเตรียมเข้าของไปตักบาตร ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่สังคมเมืองคนชั้นนักปกครองนักบริหาร สังคมธุรกิจชั้นสูงไม่เคยมาก่อนเลยก็ว่าได้ บัดนี้ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมามองเหตุการณ์ทางศาสนาอย่างเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เพราะอยู่กับตัวเสมือนเป็นกิจกรรมประจำตัวอีกประการหนึ่ง

ทางรัฐบาล องค์กรต่าง ๆ ทั่วไป ได้เตรียมการเป็นอย่างดี ผลของการประชาสัมพันธ์ เผยแผ่กิจการทางพระพุทธศาสนาระบบใหม่นี้จักปรากฎออกมาอย่างไร ก็ล้วนเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้น

 

วันแรก
และแล้ว วันเปิดประชุมวันแรกก็มาถึง

เวลาประมาณ 0430 น. รถยนต์จากกรุงเทพมหานครเริ่มทยอยออกวิ่ง มุ่งหมายไปสู่สภาสงฆ์ระดับชาติ ตำบลจำเหลียก ต่อมาไม่นานก็มีรถยนต์เพิ่มจำนวนทะยอยตามกันไปในถนนสายพิเศษมุ่งตะวันออก จนเกิดปรากฎการณ์มหัศจรรย์ เพราะเกิดขบวนรถยนต์เป็นขบวนยาวแล่นตามกันไปเป็นเส้นสายไม่ขาดระยะ รถยนต์เหล่านี้ใช้เวลาวิ่งอยู่บนท้องถนนเพียงประมาณ 30 นาทีเท่านั้นเอง ก็บรรลุสู่จุดหมายปลายทาง

เวลาประมาณ 0550 น. พระเถรานุเถระ สมาชิกสภาสงฆ์ระดับชาติ ที่ได้เดินทางมาเข้าที่พักโดยเรียบร้อยก่อนหน้านี้แล้ว พร้อมด้วยพระสงฆ์ที่ติดตามหรือมาอยู่ประพฤติกรรมฐานธุดงค์จำนวนหนึ่ง ออกบิณฑบาต โดยโฉมหน้าไป2ทิศทาง ตามถนนใหญ่ภายในบรเวณสภาสงฆ์ระดับชาตินั่นเอง เห็นเป็นขบวนยาวเหยียด พุทธบริษัท ต่างประคองภาชนะข้าวปลาอาหารตักบาตรพระสงฆ์เถรานุเถระเหล่านั้น ปรากฎว่าเนืองแน่นไปด้วยพุทธบริษัท มีข้าวปลาอาหารมากมายเหลือหลาก พระเถระบางรูปรับบาตรแต่พอประมาณพอฉันอิ่มทั้งจังหันเช้าและเพลแล้วก็ปลีกตัวกลับเข้ากุฎีที่พักแห่งตน ๆ บางรูปจำเริญเมตตาจิตรับศรัทธาญาติโยมอย่างเต็มที่ จนเต็มบาตรแล้ว ญาติโยมที่มาทีหลังอีกจำนวนหนึ่งไม่ทันได้ถวายอาหารตักบาตรก็มี แต่ต่างก็เบิกบานใจอิ่มบุญ ได้ประสบการณ์แห่งชีวิต ที่ไม่เคยมาก่อน ต่างก็รู้สึกว่าชีวิตนั้นมีคุณค่าและมีความสุขสบายใจเหมือนได้ชีวิตใหม่ ในท่ามกลางธรรมชาติยามเช้าที่ปลอดโปร่งชื่นมื่น ยะเยือกเย็นด้วยลมทะเลรำเพยพัดยามเช้า ต่างก็ตั้งใจไว้ลึก ๆ ว่าจะต้องมาทำบุญตักบาตรพระคุณเจ้าเถรานุเถระนี้ไปตลอดกาล เพราะความสุขสบายใจได้บังเกิดขึ้นลึกซึ้ง ด้วยชีวิตที่ได้สัมผัสกับการให้ และรู้ซึ้งไปถึงแก่นสารแห่งชีวิตที่แท้จริง ทางด้านพระเถรานุเถระทั้งหลาย เมื่อรับบิณฑบาตแล้วก็กลับกุฎิของตน ๆ กระทำภัตตกิจ และวัตรที่จำเป็นทุกอย่าง ทุกสิ่งดำเนินไปตามธรรมชาติ และสันโดษ มีประชาชนมาทีหลังนำข้าวปลาอาหารมาถวายถึงกุฎี บางองค์ท่านถือธุดงค์ ไม่รับอาหารภายหลังนั่งลงบนอาสนแล้ว ท่านก็จะบอกว่าให้โยมไปทางอื่นเถอะ ท่านถือธุดงควัตร นั่งฉันอาสนเดียวตลอดเวลาที่มาในการประชุมสภาสงฆ์แห่งนี้ โยมก็ต้องเข้าใจท่านและอนุโมทนา

สำหรับวันแรกนี้ยังไม่มีการประชุม

หลังภัตตาหารเช้าแล้ว พระเถรานุเถระก็ประพฤติตนตามอัธยาศัย จะเดินทางไปชมบริเวณรอบ ๆ ที่พัก ไปทะเลสาป ไปชมถ้ำในภูเขา หรือไปชายทะเล อันเป็นเขตอุทธยานพุทธเกษตร ก็ตามแต่อัธยาศัย หรือจะขึ้นไปบนยอดเขาด้านตะวันออก มองดูทะเลกว้างใหญ่ ดูดวงตะวัน โผล่พ้นผิวน้ำ เพื่อการเพ่งกสิณต่าง ๆ ตามถนัด หรือเพื่อจำเริญอาณาปานสติภาวนา การบริหารปราณวิถี หรือจักทำอะไร ๆ ก็ตามอัธยาศัย สบาย ๆ ไปกับธรรมชาติอันบริสุทธิ์

เวลาเพล 11.00 น.
วันแรกนั้น พระเถรานุเถระ ที่มิได้ถือธุดงค์ฉันมื้อเดียว ออกมานั่งที่อาสนะในกุฎีที่พักของตน ๆ ส่วน ทางรัฐบาล ด้วยเกรงว่าเพลจะไม่มีญาติโยมมาถวายอาหาร ก็ได้จัดเวรอาหารโดยกระทรวงทบวงกรมต่าง ๆ จัดเพลมาถวาย โดยจัดเป็นที่ ๆ แบบง่าย ๆ ปรากฎว่าญาติโยมพุทธบริษัทหลั่งไหลมาไม่น้อยไปกว่าภาคเช้า ต่างแยกย้ายไปถวายภัตตาหารในกุฎิสงฆ์ทุกแห่ง จนล้นหลามกุฎิสงฆ์ทั้งหมด อันเป็นปรากฎการณ์ที่เกินความคาดฝันจริง ๆ

รัฐบาลจะเตรียมคณะศิษย์วัดคณะหนึ่งไว้คอยรับใช้ปรนนิบัติขณะปฏิบัติภัตตกิจ ร่วมกับศิษย์โดยเฉพาะพนักงานขับรถประจำตัวของพระเถรานุเถระ และครั้นเมื่อมีอาหารเหลือคณะศิษย์วัดเหล่านี้จะได้เก็บรวบรวมอาหารไปให้คนยากคนจนต่อไป

เวลาเย็นเวลา ประมาณ 1800 น. อันเป็นเวลาทำวัตรเย็นโดยปกติของหมู่สงฆ์ทั้งหลาย โดยเฉพาะวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำถือเป็นวันธรรมสวนะ วันที่โดยประเพณีสงฆ์จะมีการรวมหมู่สวดมนต์ตามพระสูตรและปาฐะสำคัญ ๆ ต่าง ๆ เมื่อเสียงฆ้องบอกสัญญาณทำวัตรเย็นดังกระหึ่มขึ้นในป่าใหญ่ แสงเทียนจากกุฎีสงฆ์แต่ละแห่งก็สว่างไสวขึ้น ท่านมิได้มารวมหมู่ประชิดติดกัน หากแต่อยู่ที่กุฎิของตน ๆ ต่างประกอบพิธีกรรมไป ซึ่งก็จะเริ่มขึ้นในแบบอย่างปกติประเพณีสงฆ์ มีจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย แล้วสวดสรณาคมน์ ตลอดจนพระสูตร ปาฐะ ที่เคยสวดกันมาตั้งแต่บวชสามเณรมาจนเท่าถึงชราภาพลงบัดนี้แล้วก็คงเป็นบทสวดบทเดิม ๆ นั่นเอง สำหรับวันธรรมสวนะ มีการสวด7ตำนาน12ตำนานด้วย บางองค์ก็อาจสวดมนต์บทพิเศษเฉพาะตน ทำการสาธยาย ท่องบ่นเสียงดัง ก็แล้วแต่อัธยาศํย คืนวันนี้ แสงเทียน ส่องสว่างวับ ๆ วอม ๆ เป็นระยะ เดือนสว่างเต็มดวงงดงามไร้มนทิล ขึ้นปริ่มฟ้าด้านตะวันออก เสียงนกร้องต้อนรับดวงเดือนระงมไปทั้งป่า เสียงสวดมนต์ดังแผ่วเป็นท่วงทำนองฟังเยือกเย็นไปทั่วขุนเขาบริเวณ ญาติโยมได้มายินฟังย่อมเปล่งสาธุการ พลอยได้สัมผัสความสงบเยือกเย็นไปด้วยโดยธรรมชาติ หลังทำวัตรเย็นแล้ว พระคุณเจ้าก็ตั้งจิตอธิษฐาน ตั้งใจปฏิบัติสมาธิ จำเริญวิปัสนา ไปตามแต่อัธยาศัยและภูมิธรรมปัญญาได้มีเป็นพื้นฐานมาก่อน พระเถระหลายรูปอาจปลีกตัวไปโดดเดี่ยวเพื่อจำเริญวิปัสนาธุระ ณ ที่อันเหมาะแก่อุปนิสัยเฉพาะตนอาจบรรลุวิโมกขธรรมภายในคืนวันแรกนี้เลยก็ย่อมเป็นไปได้




วันที่ 2 วันแรม 1 ค่ำเดือน 6 ปีมะแม ตรงกับวันที่ 16 พฤษภาคม 2546 เป็นวันประกอบพิธีเปิดสภาสงฆ์ระดับชาติ

เวลา 0830 น. หัวหน้าสถาบันสูงสุดของชาติ คือ นิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ ร่วมกันกระหน่ำฆ้องขนาดมหึมา เป็นสัญญาณนัดหมายประชุมสภาสงฆ์ระดับชาติ ณ อาคารสภาสงฆ์ระดับชาติ พระเถรานุเถระต่างทะยอยเข้าสู่ที่ประชุม ซึ่งเป็นอาคารกลางน้ำ มีระบบถ่ายเทอากาศแบบธรรมชาติ ที่ประชุมเป็นรูปวงกลม พระสงฆ์จำนวน 300 รูป เป็นสมาชิกสภาสงฆ์ระดับชาติฝ่ายสงฆ์ และสมาชิกสภาสงฆ์ระดับชาติฝ่ายฆาวาส อีก 55 คน สมาชิกสภาสงฆ์ระดับชาติ ทั้งสิ้นจะหันหน้าเข้าหากัน นั่งกับพื้น ซึ่งจัดเป็นที่พอสำหรับนั่งสมาธิได้อย่างสบาย ๆ ทำที่นั่งเป็นชั้น ๆ มีความลาดชันประมาณ 20 องศา เหมือนที่นั่งชมละคร ชมภาพยนต์ ชั้นบนสุดเป็นระเบียงโดยรอบอาคารสำหรับเดินชมปลาในสระบัว ใสสะอาด สมาชิกสภาสงฆ์ระดับชาติประเภทสมทบนั่งตามแผนผังที่กำหนดให้

เวลา 0909 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบรมราชินีนาถ พระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระบรมราชกุมารี พระเจ้าหลานเธอ พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชบริพาร ตามเสด็จจำนวนมาก เสด็จมาถึงสภาสงฆ์ระดับชาติ ทรงประทับ ณ ที่แวดล้อมด้วยพระเถรานุเถระแห่งสภาสงฆ์ระดับชาติทั้งหลาย ทรงเป็นประธานประกอบพิธีการเปิดประชุมสภาสงฆ์ระดับชาติ ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระไตรรัตน์ ส่วนของฆราวาสแล้ว ประธานในหมู่สงฆ์ สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก ตำแหน่งเดิม ซึ่งบัดนี้คือ ประธานสภาสงฆ์ระดับชาติ โดยบทเฉพาะกาลตามพระราชบัญญัติการพระพุทธศาสนา พ.ศ. 2545 นำสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย ทำวัตรเช้า สวดพระสูตรและปาฐะสำคัญ ๆ ต่าง ๆ แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กษัตริย์ธรรมิกราช ผู้ทรงเป็นเอกอัครศาสนูปถัมภก เสด็จประทับบนพระที่ประธานสภาสงฆ์ ทรงดำรัสเปิดการประชุมสภาสงฆ์ระดับชาติ พระเถรานุเถระเจริญชัยมงคลคาถา แล้วนำสวดธัมมจักกัปปวัฑฒนสูตร เป็นเสร็จพิธีกรรมการเปิดสภาสงฆ์ระดับชาติ ในวันนี้แต่เพียงเท่านี้

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชบริพารตามเสด็จทั้งสิ้นทรงแยกย้ายถวายภัตตาหารเพลแด่พระเถรานุเถระตามกุฎิสงฆ์ต่าง ๆ ทรงรับอนุโมทนา จากพระสงฆ์แล้ว ทรงปลีกพระองค์เสด็จทอดทัศนาทัศนียภาพบริเวณรอบ ๆ สภาสงฆ์แห่งชาติ ทรงไปที่สะพานข้ามคลอง ทรงให้อาหารปลา แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปทะเลสาป และบริเวณใกล้เคียง ทรงมีพระราชหฤทัยเปรมปรีดาโดยทรงดำรัสกับหัวหน้าฝ่ายบริหารและบุคคลสำคัญ ๆ ขณะชมทัศนียภาพรอบ ๆ และทรงปรารภการราชูปถัมภ์ แล้วทรงเสด็จกลับกรุงเทพมหานคร พร้อมอุบาสกอุบาสิกาพุทธบริษัททั้งหลายตามเสด็จ ดูเป็นขบวนเป็นแถวเป็นทิวสง่างามยิ่งนัก และเป็นประวัติการณ์ที่ถนนกว้างใหญ่12เลนดูดุจงูเลื้อยไปช้า ๆ ยาวเหยียดสุดลูกหูลูกตา ด้วยขบวนรถยนต์ตามเสด็จ อันฉายภาพธรรมิกราชา มหาราชขัตติยวงศ์ ผู้ทรงเป็นเอกอัครศาสนูปถัมภกที่แท้จริง


 

วันที่ 3    วันแรม 2 ค่ำเดือน 6 ปีมะเมีย ตรงกับวันที่ 17 พฤษภาคม 2546 เวลา 0830 น. เริ่มการประชุมสภาสงฆ์แห่งชาติ วาระที่ 1 เรื่องทั่วไปที่ประธานจะแจ้งให้ทราบ ภายหลังนำสวดบูชาพระรัตนตรัยแล้ว

สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ประธานกรรมการมหาเถรสมาคม ซึ่งบัดนี้ อยู่ในฐานะ ประธานสภาสงฆ์ระดับชาติ โดยตำแหน่ง ตามบทเฉพาะกาลของพระราชบัญญํติการพระพุทธศาสนา พ.ศ.2545 พร้อมด้วยรองประธานสภาสงฆ์ระดับชาติ ได้แก่ กรรมการมหาเถรสมาคม อีก 2 รูปที่มีอาวุโสรองไปจากสมเด็จพระสังฆราช ตาม พระราชบัญญัติการปกครองคณะสงฆ์ พุทธศักราช 2535

ซึ่งต่อไปนี้ เราจะขออนุญาตสมมตินามพระเถรานุเถระ นับตั้งแต่ประธานสภาสงฆ์ระดับชาติเป็นต้นไปจนถึงสมาชิกสภาสงฆ์และบรรดาบุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้อง




สมเด็จพระพุทธปรานีอริยวงศ์ สวงสุทธิพิริยคุณาธาร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ประธานสภาสงฆ์ :

“ขอแสดงคารวธรรมแด่พระเถรานุเถระและสหธรรมิกสมาชิกสภาสงฆ์ระดับชาติทุก ๆ รูป และขอเจริญพร ท่านนายกรัฐมนตรี ท่านประธานรัฐสภา ท่านประธานศาลฎีกาคณะตุลาการแห่งชาติ และคณะรัฐบาล คณะบริหาร และขอเจริญพร สมาชิกสภาสงฆ์ระดับชาติ ประเภทสมาชิกสมทบทุก ๆ ท่าน ขอเจริญพรญาติโยมพุทธบริษัททุก ๆ คนที่มาร่วมงานสำคัญและที่เฝ้าชมอยู่ที่บ้าน ในที่สุด ก็มาถึงการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปการคณะสงฆ์ครั้งสำคัญ แต่การเปลี่ยนแปลงทั้งหลายจะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่ได้รับความร่วมมือในระหว่างหมู่สงฆ์ด้วยกันเอง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งญาติโยมพุทธบริษัทโดยเฉพาะฆราวาสฝ่ายบริหารบ้านเมือง ผู้นำประเทศ ผู้มีอุปการคุณต่อสภาสงฆ์ระดับชาติ

ผมก็ใคร่ขอออกตัวก่อนว่า การประชุมสภาสงฆ์ระดับชาติ แห่งแรกนี้คงจะเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นปิติยินดีแด่พระเถรานุเถระทั้งหลาย ที่ได้มีโอกาสออกมาเยี่ยมเยือนชมธรรมชาติอันบริสุทธิ์ อาจจะเป็นไปได้ว่าพวกเราไม่เคยได้พบบรรยากาศ หรือสิ่งแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติเช่นนี้ สาเหตุก็เพราะเป็นพระเมืองอยู่ท่ามกลางป่าคอนกรีตไปตาม ๆ กัน แต่สำรับพระเถราบางรูปก็ดูจะเป็นการลำบากสักหน่อย แต่นั่นก็เพราะเรื่องสุขภาพ ที่จริงหากสุขภาพดีก็จะพร้อมสำหรับการเดินทาง พระเรามักเสียสุขภาพ เพราะไม่ค่อยรักษาตัว ไม่ค่อยยอมอุทิศเวลาสำหรับการบริหารร่างกาย หากทำตามธรรมวินัยบ้างก็จะได้บริหารร่างกาย เช่นการบิณฑบาต แท้จริงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสถูกหลักสุขภาพทางแพทย์เขา แพทยเขาแนะนำให้ออกกำลังกายอย่างใดอย่างหนึ่ง วิธีใดวิธีหนึ่งเป็นประจำวัน ๆ หนึ่งให้ได้ไม่ต่ำกว่า 30 นาที ทำติดต่อต่อเนื่องตลอด ทางพระเราเพียงแต่ออกบิณฑบาตทุกวัน ๆ ตามธรรมตามวินัย ก็ได้บริหารสุขภาพถูกต้องตรงกันทั้งทางโลกและทางธรรมแล้ว แต่พระเราอยู่ในเมืองไม่มีโอกาสในการบริหารร่างกาย แม้ตามธรรมตามวินัย นอกจากนี้พระเรามักป่วยด้วยโรคภายใน โรคคิดมาก คิดสับสน คิดลึกในทางที่สัปดนไม่ถูกมโนกรรมอันสุจริต คิดในฝ่ายโลภอกุศลต่าง ๆ สับสนในความคิด ทำให้ป่วย สุขภาพทรุดโทรม ยิ่งวัยอายุมาก ๆ แล้ว ยิ่งทรุดไปใหญ่ทั้งทางกายทางใจ พวกเราทั้งหลายเป็นกลุ่มนักบวชที่ประสบปัญหาเช่นนี้มาเป็นเวลาเนิ่นนานแล้วทีเดียว ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้ อย่าหวังเลยว่าการบรรลุธรรมจะมีเป็นขึ้น เมื่อเราได้เห็นดีเห็นชอบในการเปลี่ยนแปลงระบบการสงฆ์เราใหม่ ชำระสะสางกระบวนการต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ให้อะไรต่าง ๆ ที่ทับถมหมักหมมซับซ้อนเป็นเครือข่ายอันยุ่งเหยิงเหตุทำลายสุขภาพมาเนิ่นนานแล้วนั้น อะไรๆก็จะดีขึ้น ข้อสำคัญสุขภาพก็จะดีขึ้น ทั้งนี้ว่าตามหลักมหาสติปัฏฐาน 4 ระบบกาย ที่หมายถึงเบื้องต้นก็ตั้งแต่ระบบลมหายใจเข้า ลมหายใจออกของเราก็จะปลอดโปร่งขึ้นกว่าเดิม ลมเข้าก็จะหยั่งลงลึก หยั่งลงสุขุม เข้มแข็ง มีเรี่ยวแรง นี่แหละสุขภาพทางฝ่ายกายเริ่มด้วยลมชีวิตเช่นนี้ ก่อน เมื่อฐานชีวิตคือสุขภาพฝ่ายกายมีเรี่ยวแรงขึ้น จึงอาจคิดการใหญ่ คือมุ่งหมายมรรคผลนิพพานเบื้องหน้าได้ ฉะนั้น โดยระบบใหม่ และการจัดวางการประชุมสถานที่ประชุมระดับต่าง ๆ ตลอดจนระดับชาติ นี้ เราจึงวางให้เข้าระบบธรรมชาติ ซึ่งต้องตามธรรมตามวินัย เริ่มแต่ชีวิตตอนเช้าตรู่ พวกเราก็จักได้มีโอกาสประจำวันโดยสม่ำเสมอได้เหยียบดิน ได้สัมผัสบรรยากาศเช้าตรู่ที่บริสุทธิ์ได้ออกเดินบริหารระบบประสาทกายและใจ ทำทุกวัน ๆ เป็นเหตุให้มีสุขภาพดีขึ้นและยืนตัวได้สม่ำเสมอมั่นคง เมื่อเป็นเช่นนี้ความคิดการใหญ่ทางธรรมปฏิบัติจึงอาจจักเกิดขึ้น จักอาจคิดการปฏิบัติที่รุดล้ำหน้าไปได้ ไม่ว่าจักคิดการถือธุดงค์กรรมฐานใดใด ก็จักอาจคิดไปได้ ปฏิบัติไปได้ และเมื่อเป็นเช่นนั้น มรรคผลนิพพาน ก็ไม่ใช่สิ่งที่สุดวิสัย หากแต่เป็นสิ่งที่เป็นไปตามธรรมดา ๆ เกิดขึ้นได้เองตาามเหตุปัจจัยที่ประกอบได้ประกอบเป็น เท่านั้นเอง ไม่ใช่สิ่งที่ลึกลับแต่อย่างใด

ฉะนั้น ในวันนี้ พวกเราได้มีโอกาสวันนี้ขึ้นมา จึงนับเป็นการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงระบบชีวิตคณะสงฆ์เราใหม่ ให้ชีวิตและหมู่ของเราหวลกลับคืนสู่บ้านเกิดเมืองนอนเสียที ผมหมายถึงการกลับคืนสู่ธรรมชาติ และเดินไปโดยวิถีทางแห่งธรรมชาติ อย่างที่พวกเราได้เริ่มสัมผัสในชั่วเวลาผ่านมาระยะหลังที่เราได้มีพระราชบัญญํติการพระพุทธศาสนาขึ้นมากำหนดระบบที่เป็นไปนำพวกเรากลับคืนสู่ธรรมชาตินี้

ผมเกริ่นมาเนิ่นนาน ก็เพื่อให้พวกเราได้รับทราบว่า แท้ที่จริงระบบสภาสงฆ์ โดยเฉพาะระบบระดับชาตินี้ ได้เปิดโอกาสให้เราได้มีอิสระมากขึ้นกว่าเดิม งานของพวกเรา ในส่วนที่ไร้สาระ จะลดน้อยลงไป หรือลดไปแทบทั้งหมด และเราจะได้รู้สึกเอา ณ บัดนี้เองว่า พวกเราได้ไปวุ่นวายอยู่กับภาระการงานอันไร้สาระมาเป็นเวลาเนิ่นนานเป็นศตวรรษเลยทีเดียว โดยที่เราไม่รู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ไร้สาระ และเราไม่รู้ว่าเราถูกครอบงำเพียงดังตาข่าย จึงไม่มีอิสรภาพ เราเหมือนปลาที่อยู่ในร่างแหหรือคอกเลี้ยงของชาวประมง ทำให้ชีวิตอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ไร้กำลังวังชา ไร้สุขภาพแข็งแรง เรามุดไปมุดมาอยู่แต่ในตาข่าย ไร้ความหวังไร้พลังที่จะฝ่าจะฟัน และจำยอมเป็นทาสความอ่อนแอของเราเอง จึงไม่อาจหาญพอที่จะกล้าคิดถึงสิ่งที่ประเสริฐเช่นมรรคผลนิพพาน เลย แม้ว่าโดยแท้จริงแล้ว เรามีภาระหน้าที่ทั้งทางกายกรรมวจีกรรมและมโนกรรมที่จะคิดจะทำจะใฝ่ไปทางมรรคผลนิพพานที่ประเสริฐนั้น บัดนี้เราได้สะสางตาข่ายทั้งสิ้นแล้ว และพวกเราก็พลันได้สัมผัสด้วยตัวเอง ณ บัดนี้ ณ ที่นี่เดี๋ยวนี้เองว่า เรามีความหวังเกิดขึ้นแล้ว คือความหวังที่เกิดขึ้นพร้อมสุขภาพกายและสุขภาพใจอันสมบูรณ์ เมื่อเราได้กลับคืนมาสู่ธรรมชาติอันเป็นบ้านเกิดบ้านใหม่ของเราอีกครั้งหนึ่ง

ผมอยากสรุปดั่งนี้ เมื่อเราพูดถึงระบบการคณะสงฆ์ใหม่ของเรา เป็นระบบที่กลับคืนสู่บ้านเกิดเมืองนอนเดิมของเรา คือระบบธรรมชาตินั่นเอง

ฉะนั้น เมื่อมาอยู่ด้วยกันที่นี่ เราเป็นไปตามธรรมชาติ เช้าก็ออกหากิน ด้วยบิณฑบาตร เหมือนนกเหมือนปลา เอาพอเพียงแก่การที่จะมีกำลังแรงเดินตามรอยของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็พอแล้ว พอได้กลิ่นแห่งมรรคผลนิพพานไปตาม ๆ กันอยู่แล้ว เพราะระบบธรรมชาติที่เหมาะเจาะ ที่ได้ออกแบบไว้อย่างพร้อมสมบูรณ์ ณ ที่นี้ ได้ทำให้ได้ลิ้มกลิ่นของมรรคผลนิพพานอยู่บ้างแล้ว อาศัยความคงแก่เรียน ความมีวิสัยปราชญ์อยู่ในหัวจิตหัวใจของทุก ๆ ท่าน อาศัยความทรหดอดทนพากเพียนอุทิศชีวิตแด่พระพุทธศาสนามาตราบชั่วชีวิต ตั้งแต่เด็ก ๆ เท้าถึงแก่ชรา เมื่อธรรมชาติเปิดออกให้แล้วเช่นนี้ ก็น่าจะได้สัมผัสได้เห็นได้ลิ้มรสพระนิพพานที่แท้จริงได้โดยไม่ยากเย็นอะไร อุปมาเหมือนหมู่ปลาที่พ้นจากตาข่ายชาวประมงไปได้แล้ว ทะเลเบื้องหน้าอันกว้างใหญ่ไพศาลย่อมเป็นที่หวังได้ เมื่อถึงมรรคถึงผลถึงนิพพาน นั่นก็หมายถึงชีวิตได้จบลงอย่างมีคุณค่า อย่างมีความอิ่มความปราโมท อย่างมีความเย็นสบาย ไร้ศัตรูไร้กิเลสของชีวิตอีกต่อไปแล้ว ไม่พึงหวังพึงพูดถึงสิ่งอื่นใดในโลกอีก

ผมพูดมาดั่งนี้ ก็เพื่อสรุปให้ทราบว่าระบบสงฆ์ใหม่ของเรามีทางเดินไปอย่างนี้ ซึ่งพวกเราจักได้รู้สึกเองว่า เราเปรียบเสมือนได้ชีวิตใหม่ บ้านใหม่

ชีวิตที่ปลอดโปร่งสบาย และระบบสงฆ์ทั้งสิ้นจะเป็นวิถีทางแห่งความสุข การงานที่ทำไปจักเป็นการงานแห่งความสุข ความพยายามที่ลงไปจักเป็นความพยายามที่เป็นสุข การแบกการขนภาระใดใด จักเป็นการแบกการขนที่เป็นสุข การอุทิศ การเสียสละใดใดจักเป็นการอุทิศการเสียสละที่เป็นสุข การงานทุกอย่างเป็นสิ่งที่มีความสุขอยู่ในตัวเองเสมอ แม้กระทั่งการต่อสู้กับศัตรูคือกิเลสไม่ว่ากิเลสภายนอกกิเลสภายในก็จักเป็นการต่อสู้ที่เป็นสุข และในที่สุดความกล้าหาญในการต่อสู้กับอธรรม และกิเลสใดใดก็จักเป็นความกล้าหาญที่เป็นสุข และแม้ความตายก็เป็นความตายที่เป็นสุข

เอาล่ะ เพื่อนสหธรรมิกทั้งหลาย ผมได้แสดงออกซึ่งความหมายของระบบใหม่โดยรวมของการคณะสงฆ์เรามาพอสมควรแก่ส่วนอุดมการณ์สูงสุดของการคณะสงฆ์ใหม่แล้ว ในทางปฏิบัติ เป้าหมายนโยบายใดที่เป็นรูปธรรมใด จะขอให้พระเดชพระคุณ สมเด็จพระพุทธปาพจน์ชินวร วรวิชชโยทยมุนีศรีสมโพธ์ รองประธานสภาสงฆ์ระดับชาติ ได้แสดงให้ฟังในลำดับต่อไป ขออาราธนานิมนต์สมเด็จรอง สมเด็จพระพุทธปาพจน์ วรวิชชครับ”

 

 

สมเด็จพระพุทธปาพจน์ชินวร วรวิชชโยทยมุนีศรีสมโพธิ์
รองประธานสภาสงฆ์ระดับชาติ :

“ขอเจริญพรคณะรัฐบาล ประชาชนพุทธบริษัททุกหมู่เหล่า ไม่ว่าในประเทศไทยเราหรือทั่วโลก ขอสวัสดีเพื่อนสหธรรมิกสมาชิกสภาสงฆ์ระดับชาติ ทุกรูป เราเห็นจะต้องมาทบทวนแผนการณ์ความเป็นมาของวันประวัติศาสตร์การพระพุทธศาสนาวันนี้กันสักหน่อย เพื่อให้ทราบเบื้องหลังที่มาที่ไปแห่งการเป็นมาของวันสำคัญวันนี้ เราต้องยอมสารภาพว่า คณะสงฆ์เราเองได้ทนทานต่อความขมขื่นผะอืดผะอมมาเป็นเวลาเนิ่นนานเลยที่เดียว เกี่ยวกับสถานการณ์ความเป็นไปของการคณะสงฆ์ ที่มีความเป็นมาอันค่อนข้างยาวนาน ผ่านยุคสมัยมาตามลำดับ ซึ่งสาเหตุก็เพราะระบบ ที่ถูกสร้างขึ้นโดยกฎหมายนั้น เรารู้ทั้งรู้ว่า มิได้สอดคล้องพระธรรมวินัย เสียเลย สิ่งที่พระธรรมวินัยห้ามว่าไม่ควร ไม่ใช่ ไม่ใช่วิถีทางคณะสงฆ์ ไม่ใช่หนทางที่ตรงตามรอยบาทสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่กฎหมายกลับสร้างกลับทำ และบังคับขืนให้สงฆ์ทั้งปวงเดินไป นั่นก็เลยเป็นที่มาแห่งความเคยชิน เมื่อกาลล่วงเลยมานานตามลำดับ ๆ ระบบสงฆ์เราจึงกลายเป็นการปกครองที่มีชนชั้น ตามฐานอำนาจจารีตประเพณีที่กฎหมายกำหนดให้ จนนานเรายิ่งเสพอำนาจก็ยิ่งมึนเมาหลงลืมตน เราก็เปรียบเสมือนทาสของอำนาจ ทาสของอำนาจตามชนชั้น ที่ไม่ยอมใฝ่หาอิสรภาพกันเลย หรือทาสที่ปล่อยไม่ไป และแล้ววันหนึ่ง วันที่เราได้รู้สึกกันขึ้นมาจริง ๆ ว่า การบรรลุเป้าหมายปลายทางของพระพุทธศาสนาที่แท้จริงดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่สุดวิสัยเสียแล้วหรือ เราแทบได้ข้อสรุปลงไปเลยว่า ศาสนาพุทธหมดลงแล้ว หมดลง ณ กาลเวลานี้แล้ว มรรคผลไม่อาจมีอีกแล้ว และเราก็ได้มองสถานการณ์ ที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ที่ว่าดี ที่ว่าแท้ ที่ว่าเป็นมรรคเป็นผลเป็นนิพพาน ถึงมรรคถึงผลถึงนิพพาน แท้จริงก็เป็นเพียงการหลงตัวเอง หรือเป็นเพียงของเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นเพียงการโอ้อวดหลอกลวงประชาชน และนับวันยิ่งมีมากขึ้นทุกวัน ๆ จนกระทั่งในวันหนึ่งเราก็มาคิดได้ว่า สัจธรรมอยู่ที่ความพยายาม ความพยายามนั้นย่อมนำไปสู่ความสำเร็จ ควรประกอบความเพียร มิใช่ได้แต่เอานิ่งเฉยอยู่ การใดใดที่ถูกที่ควรก็มีพุทธธรรมกำหนดชี้แนวทางไว้อย่างละเอียดแล้วทั้งสิ้น เราควรมาลองใฝ่พยายามกัน อย่างเป็นเฮือกสุดท้าย เพราะเรามองไม่เห็นทางที่ดียิ่งไปกว่านี้แล้ว ถ้าอยู่เฉย ๆ ก็กลับเสมือนนอนรอความตาย เราประสบปัญหาทุกด้าน ไม่เฉพาะทางการปกครอง แท้ที่จริงปัญหาเริ่มมาจากการศึกษา การศึกษาอะไรที่ล้มเหลวลงโดยสิ้นเชิง เห็นจะไม่มีเท่าการศึกษาของคณะสงฆ์ไทยยุคนี้ ผมไม่ได้กล่าวเกินความจริง แต่พวกเราไม่ลองคิดดูให้ลึกซึ้งเอง ลองคิดดู เรามักภูมิใจว่าถึงอย่างไร การศึกษาก็ได้ให้ความรู้ติดตัวไป แม้จะไม่อยู่ในวงการสงฆ์ สึกหาลาเพศไป ก็ได้ชื่อว่าปราชญ์ ชื่อว่าบัณฑิตในทางพระพุทธศาสนาอยู่ เราจึงมองปรากฎการณ์ทางการศึกษากันอย่างเฉยเมย ไร้ความรู้สึกเห็นภัยใดใด ไม่เห็นข้อที่ควรแก้ไขใดใด เพราะเราไม่เฉลียวใจว่า การที่พระเปรียญธรรมของเรา แม้จบ ป.ธ.9 ปีหนึ่ง ๆ ก็มากมาย แต่ก็ไม่เคยอยู่กับเราเลย 99.99 % สึกหาลาเพศไปหมดนั้น ว่าหมายถึงอะไร เราไม่เคยคิดตีความหมายไปถึงความบกพร่องอันยิ่งใหญ่ทางการศึกษาของเรา แม้เพียงเฉลียวใจคิดว่า การศึกษาเช่นนี้ ให้ประโยชน์อะไรแก่เรา ? ช่วยให้เรารอดพ้นหรือไม่ ? ก็จะประจักษ์ความจริง นั่นคือ ความจริงที่ว่า การศึกษานั้น มิได้ช่วยเราแต่อย่างไรเลย ไม่ช่วยเราให้รอดพ้นจากบ่วงโลกีย์แต่อย่างใดเลย ศึกษาได้ความรู้เป็นกระบุง ๆ แต่ช่วยตัวเองให้รอดพ้นจากบ่วงแห่งกิเลส แห่งโลกไม่ได้ นี้ก็เลยตรงกับคติที่ว่า ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด นั่นเอง มาคำนึงสัจธรรมนี้แล้ว น่าละอายอดสูใจยิ่งนัก และย่อมเห็นชัดเจนว่า วิถีทางการศึกษาของสงฆ์เราน่าจะผิดพลาดเสียแล้ว อย่าพูดถึงการศึกษาทางโลกเลย เอาเฉพาะบาลี-นักธรรมของเรานี้มาพิจารณาดูก็เห็นว่าไปไม่รอด เราจึงต้องมาลองปฏิรูป หรือบางท่านว่า ปฏิวัติ แก้ไขกันใหม่ดูทุกระบบ ดีกว่านอนรอความตาย ลองออกแรงพยายามไปตามลายแทงขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ากันดู ใหม่อีกสักครั้ง ก็คงจะดีกว่าปล่อยให้ตัวตายลงไปตามลำดับ ๆ โดยไม่ยอมทำอะไรเสียเลย นี่แหละคือที่มาแห่งการตัดสินใจในองค์กรสงฆ์ระดับชาติ มาพร้อมใจกันหยุดทางเดินเดิม แล้วหันกลับมาสู่วิถีทางแห่งธรรมชาติ ไม่ว่าระบบการปกครองหรือการศึกษาของหมู่สงฆ์เรา ถือว่าพระปริยัติธรรมชี้ไว้ละเอียดดีแล้ว เราต่างหากไม่ยอมทำตาม ไม่ยอมเดินตาม เดินไปในทางตรงกันข้ามเสีย ทำไมเราไม่ลองพยายามกันใหม่ พยายามไปตามทางที่พระปริยัติธรรมชี้ไว้ พระธรรมวินัยวางเอาไว้อย่างไร ไปตามให้ได้ทุกอย่าง เท่านี้ก็น่าจะเป็นประกันได้ว่าเราจักประสบความสำเร็จในการนำพระพุทธศาสนา ประเทศชาติ และสถาบันที่รักเคารพและบูชาสูงสุดของชนชาวไทยไปสู่ความประเสริฐความสงบสุขได้อย่างแน่นอน มรรคผลย่อมเป็นที่หมายได้อย่างแน่นอน และเมื่อนั้นเราก็หมายถึงสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง คือคนเก่ง คนดี คนมีปัญญา คนที่ปราศจากกิเลส จักบังเกิดมาสู่สังคมเรามากขึ้น ๆ และเมื่อนั้นการพระพุทธศาสนาย่อมสามารถแผ่ผายออกไปสู่ยุคสมัยใหม่ได้ทั่วโลก และเราจักได้เห็นการฟื้นคืนสู่ความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาที่มีแก่นพุทธธรรมอันแท้จริงอีกหนหนึ่งอย่างแน่นอน

ท่านสมาชิกสภาสงฆ์ระดับชาติทั้งหลาย มาถึงวันนี้ เราได้สถาบันใหม่ ระบบใหม่ เราเริ่มแล้ววันนี้ ที่นี่คือบ้านใหม่ของเรา จะเป็นบ้านที่สะบาย เราเปิดบ้านต้อนรับทุกท่านวันนี้ เป็นการแนะนำบ้านใหม่เท่านั้นเอง บ้านที่เราใช้ชีวิตอย่างการกลับคืนไปสู่ธรรมชาติ สำหรับการประชุมหนแรกนี้ เราจะพูดถึงเรื่องอะไรเป็นอะไร เพื่อให้เกิดความเข้าใจกันจริง ๆ เสียก่อน แล้วพูดถึงเรื่องนโยบายทั่ว ๆ ไป ซึ่งก็จักเป็นไปตามธรรมตามวินัยนั่นแหละ ส่วนดังกล่าว ควรจะเป็นหน้าที่ของ ท่านรองประธานสภาสงฆ์รูปที่ 2 สมเด็จพระเวทิศธีรางกูร ครับ สำหรับผมขอเพียงเท่านี้ก่อน”

 

 

สมเด็จพระพุทธปรานี อริยวงศ์ สมเด็จพระสังฆราช,ประธานสภาสงฆ์ระดับชาติ :

“ครับ ต่อไปขออาราธนานิมนต์ สมเด็จเวทิศ รองประธานสภาสงฆ์ระดับชาติรูปที่ 2 ท่านจะพูดถึงโครงสร้างสำคัญ ๆ ของระบบใหม่ เพื่อให้ทราบกันชัด ๆ ว่า เมื่อเราปรับระบบใหม่มาเป็นระบบสภาสงฆ์อย่างนี้ เราจะทำอะไรกันบ้าง และ จะทำกันอย่างไร ขออาราธนาสมเด็จพระชินวงศาจารย์ เวทิศ ครับ”

 

 

สมเด็จพระชินวงศาจารย์ เวทิศธีรธรรมธีรางกูร รองประธานสภาสงฆ์ระดับชาติ รูปที่ 2:

“ท่านสมาชิกสภาสงฆ์ระดับชาติ ทุก ๆ รูปทุก ๆ ท่านครับ การปรุะชุมสภาสงฆ์ระดับชาติปักษ์นี้ วันนี้ เราจะพยายามมาทำความเข้าใจกันให้แจ่มแจ้งก่อนว่า ระบบใหม่ที่เราวางไว้แล้วนั้น จะทำงานอย่างไร มีความดีอย่างไร โดยรูปรวม ภาพกว้าง ๆ ระบบใหม่ของเรา จะประกอบด้วย ส่วนมันสมองที่โตใหญ่ และส่วนที่เป็นร่างกายผู้รับปฏิบัติที่มีโครงสร้างแข็งแรง สมบูรณ์ ทั้งกายและใจ ที่มีอิสระ และความคล่องตัวอย่างสูง นั่นก็คือ ภาพของสภาสงฆ์ระดับชาตินั้น จะเป็นส่วนของมันสมองที่โตใหญ่ เป็นส่วนของสติปัญญาล้วน ๆ และมีหน้าที่ผลิตสร้างสติปัญญาล้วน ๆ นั่นก็คือ นโยบาย และ การควบคุมนโยบาย ให้เดินไปสู่ทิศทางที่ถูกต้อง คือมรรคผล นิพพาน ส่วนภาคโครงสร้างฝ่ายผู้รับการปฏิบัติตามมติ คำสั่งหรือ นโยบายของสภาสงฆ์ระดับชาติ ก็คือหน่วยงานกลาง ที่เรียกว่า สำนักงานเลขาธิการสภาสงฆ์ระดับชาติ นั่นเอง โปรดศึกษาจากเอกสารให้ดี เดิมเรามีหน่วยงานกลางระดับสูงสุด คือมหาเถรสมาคม ทำหน้าที่เสมือนรัฐบาลสงฆ์ แต่ก็ได้พบแล้วว่า เป็นระบบที่ปฏิบัติงานไปไม่ได้ เพราะไม่มีการจัดวางระเบียบงานระหว่างความคิดมันสมองและสติปัญญา กับการปฏิบัติ ออกมาเด่นชัด ทำให้เป็นระบบที่ตาย ไม่สามารถพัฒนาให้เติบโตได้ จึงเป็นระบบที่นิ่งอยู่กับที่มาโดยตลอด และได้ปล่อยให้โอกาสของงานการพระพุทธศาสนาล่วงเลยไปตามลำดับ ๆ อย่างน่าเสียดายมาจนกระทั่งบัดนี้ ต่อเมื่อเรามาแบ่งหน้าที่กันใหม่ ให้พระผู้ใหญ่ ผู้อาวุโส ทำงานด้านมันสมอง สติปัญญาอย่างเดียว ที่มีหน้าที่บัญชาการลงไปยังหน่วยปฏิบัติ โดยกำหนดเป็นนโยบาย คำสั่งหรือ มติ อย่างใดใด ซึ่งจะเป็นหน้าที่ของฝ่ายร่างกายที่มีโครงสร้างอันแข็งแรง สมบูรณ์ พร้อมทั้งกายและจิตใจ มีหน้าที่ดูแล บริหารงานทุกอย่างให้เป็นไปตามคำสั่ง นโยบาย หรือมติของสภาสงฆ์ และโดยการตรวจสอบดูแลของสภาสงฆ์ระดับชาติ แล้ว งานการพระพุทธศาสนาในส่วนรวมทั้งสิ้นก็จะเดินไปได้ อย่างสวยสง่างาม ตรงสู่เป้าหมาย คือนำพวกเราทั้งหมดเดินไปในวิถีมรรคผลนิพพานได้ เมื่อเรามีการแบ่งส่วนงานเพื่อรับผิดชอบออกเป็นสองส่วนดังนี้แล้ว ก็จะเห็นได้ว่า สงฆ์เราแต่ละรูป จะมีเวลามากพอที่จะเอาใจใส่กับตัวเอง นั่นคือ ทำตัวเองให้ก้าวหน้าไปในวิถีทางมรรคผลนิพพานได้ สำหรับการประชุมสภาสงฆ์แห่งชาติในปักษ์นี้ เราจักหารือกันในเรื่อง กระบวนการจัดหาตัวบุคคล ที่จักเข้าดำรงตำแหน่งสำคัญ คือ เลขาธิการ สำนักงานเลขาธิการสภาสงฆ์ระดับชาติ และคณะบริหารงานในสำนักงานเลขาธิการสภาสงฆ์ระดับชาตินี้ นอกจากนั้นเราจักหารือกันในการวางกรอบการศึกษาของคณะสงฆ์ออกมา ให้อยู่ภายในวัตถุประสงค์และวิธีการแห่งพระพุทธศาสนา เราจะเปิดให้มีการอภิปรายอย่างกว้างขวางในประเด็นต่าง ๆ เหล่านี้ แล้วในรายละเอียด เราจักมอบหมายให้ สำนักงานเลขาธิการสภาสงฆ์ระดับชาติ นำไปดำเนินการต่อไป”


(โปรดติดตามฉบับหน้า)

 




หนังสือพิมพ์ดีเล่มที่ 16

หนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 16
บทกวี
กาพอีสาน ปฏิวัติสงฆ์เสียที
บทบก 1 ปรารภปีที่ 2 ของหนังสือพิมพ์ดี, ความเป็นมาของหนังสือพิมพ์ดี
บทบก 2 เลขานุการเจ้าคณะจังหวัด เป็นใคร ?
บทบก 3 ขณะนี้ใครทำอะไร ที่ไหน อย่างไร บ้าง ?
บทบก 4 ต้อนรับ ฯพณฯพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ผู้นำพัฒนาการอีสานเขียว
บทบก 5 บก.นสพ.ดีร่วมประชุมนักปราชญ์มหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาแห่งโลก
บทบก 6 การประชุมสภาสงฆ์ระดับชาติ
บทบก 7 แผนงานการปฏิรูปการคณะสงฆ์ของหนังสือพิมพ์ดี
คอลัมน์นานาทัศนะ กรณีธรรมกาย 1
คอลัมน์นานาทัศนะ กรณีธรรมกาย 2
คอลัมน์นานาทัศนะ กรณีธรรมกาย 3
คอลัมน์นานาทัศนะ กรณีธรรมกาย 4
จะปฏิรูปการปกครองสงฆ์ไปทำไม ? (ต่อ)



Copyright © 2010 All Rights Reserved.
----- ***** ----- โปรดใช้บริการการแปลของ Google Translate นี่คือเวบไซต์คู่ www.newworldbelieve.com กับ www.newworldbelieve.net เราให้เป็นเวบไซต์ที่เสนอธรรมะหรือ ความจริง หรือ ความคิดเห็นในเรื่องราวของชีวิต ตั้งใจให้ธัมมะเป็นทาน ให้สิ่งที่เป็นประโยชน์แด่คนทั้งหลาย ทั้งโลก ให้ได้รู้ความจริงของศาสนาต่าง ๆในโลกวันนี้ และได้รู้ศาสนาที่ประเสริฐเพียงศาสนาเดียวสำหรับโลกยุคใหม่ จักรวาลใหม่ เรามีผู้รู้ ผู้ตรัสรู้ ผู้วินิจฉัยสรรพธรรมสรรพวิชชา สรรพศาสน์ และสรรพศาสตร์ พอชี้ทางสู่โลกใหม่ ให้ความสุข ความสบายใจความมีชีวิตที่หลุดพ้นไปสู่โลกใหม่ เราได้อุทิศเนื้อที่ทั้งหมดเป็นเนื้อที่สำหรับธรรมะทั้งหมด ไม่มีการโฆษณาสินค้า มาแต่ต้น นับถึงวันนี้ร่วม 14 ปีแล้ว มาวันนี้ เราได้สร้างได้ทำเวบไซต์คู่นี้จนได้กลายเป็นแดนโลกแห่งความสว่างไสว เบิกบานใจ ไร้พิษภัย เป็นแดนประตูวิเศษ เปิดเข้าไปแล้ว เจริญดวงตาปัญญาละเอียดอ่อน เห็นแต่สิ่งที่น่าสบายใจ ที่ผสานความคิดจิตใจคนทั้งหลายด้วยไมตรีจิตมิตรภาพล้วน ๆ ไปสู่ความเป็นมิตรกันและกันล้วน ๆ วันนี้เวบไซต์นี้ ได้กลายเป็นโลกท่องเที่ยวอีกโลกหนึ่ง ที่กว้างใหญ่ไพศาล เข้าไปแล้วได้พบแต่สิ่งที่สบายใจมีความสุข ให้ความคิดสติปัญญา และได้พบเรื่องราวหลายหลากมากมาย ที่อาจจะท่องเที่ยวไปได้ตลอดชีวิต หรือท่านอาจจะอยากอยู่ณโลกนี้ไปชั่วนิรันดร ไม่กลับออกไปอีกก็ได้ เพียงแต่ท่านเข้าใจว่านี่เป็นแดนต้นเรื่องเป็นด่านข้ามจากแดนโลกเข้าไปสู่อีกโลกหนึ่ง และซึ่งเป็นโลกหรือบ้านของท่านทั้งหลายได้เลยทีเดียว ซึ่งสำหรับคนต่างชาติ ต่างภาษาต่างศาสนา ได้โปรดใช้การแปลของ กูเกิล หรือ Google Translate แปลเป็นภาษาของท่านก่อน ที่เขาเพิ่งประสบความสำเร็จการแปลให้ได้แทบทุกภาษาในโลกมนุษย์นี้แล้ว ตั้งแต่ต้นปีนี้เอง นั้นแหละเท่ากับท่านจะเป็นที่ไหนของโลกก็ตาม ทั้งหมดโลกประมาณ 7.6 พันล้านคนวันนี้ สามารถเข้ามาท่องเที่ยวในโลกของเราได้เลย เราไม่ได้นำท่านไปเที่ยวแบบธรรมดาๆ แต่การนำไปสู่ความจริง ความรู้เรื่องชีวิตใหม่ การอุบัติใหม่สู่ภาวะอริยบุคคล ไปสู่การเปลี่ยนแปลงไปพ้นจากทุกข์ ทั้งหลายไปสู่โลกแห่งความสุขแท้นิรันดร คือโลกนิพพานขององค์บรมศาสดาพุทธศาสนา พระบรมครูพุทธะ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพียงแต่ท่านโปรดใช้บริการการแปลของ Google Translate ท่านก็จะเข้าสู่โลกนี้ได้ทันทีพร้อมกับคน7.6พันล้านคนทั้งโลกนี้. ----- ***** ----- • หมายเหตุ เอาขึ้นเวบไซต์ แทนของเดิม ทั้ง 2 เวบ .net .com วันที่ 21 เม.ย. 2565 เวลา 07.00 น. -----*****-----