คอลัมน์นานาทัศนะ กรณีธรรมกาย 4
ถ้ายังไม่ปฏิรูปองค์กรสงฆ์ ก็อย่าหวังที่จะแก้ปัญหาได้
โดย วิบูลรัตน์ กัลยาณวัตร
ปัญหาที่เกิดขึ้น และมีผลกระทบต่อพระพุทธศาสนาและสถาบันสงฆ์ในประเทศไทยได้มีมาเป็นระยะ ๆ แต่ไม่เคยได้รับการแก้ไขให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดสักทีเลย อย่างดีก็เพียงแต่หาทางให้ปัญหานั้นมันเงียบ ๆ ไปเท่านั้นเอง
1. กรณีสำนักปู่สวรรค์หรือหุบผาสวรรค์ แม้ว่าทางราชการจะได้ตัดสินเด็ดขาดยกเลิกไปแล้วก็จริง แต่โดยพฤตินัยยังดำเนินกิจกรรมอยู่อย่างต่อเนื่อง หนังสือพิมพ์ สาส์นสวรรค์ ยังออกมาให้คนอ่านสม่ำเสมอ
2. กรณีสำนักสันติอโศก แม้ทางคณะสงฆ์จะได้ทำประกาศกรรม บังคับให้พระโพธิรักษ์เลิกนุ่งห่มผ้าเหมือนพระภิกษุทั่วไป และมีเรื่องฟ้องร้องกันอยู่ที่โรงที่ศาลก็ตาม แต่สำนักสันติอโศกและสาขาทั้งหลายยังมีความเคลื่อนไหวทำกิจกรรมได้อย่างกว้างขวาง
3. กรณีพระนิกร ธรรมวาที แม้จะถูกวินิจฉัยให้สึกแล้ว ก็ไปแต่งตัวอ้างเป็นดาบส มีสานุศิษย์ห้อมล้อมมากมายเหมือนเดิม ออกจากคุกหรือพ้นโทษแล้ว ก็คงกลับไปเป็นเจ้าสำนักดอยแม่ปั๋งอีก
4. กรณีพระยันตระหรืออมโร ภิกขุ ก็เหมือนกัน มีกรณีอื้อฉาวอยู่เป็นปี แต่ไม่เห็นจัดการอะไรได้เลย เวลานี้ยันตระไปเสวยสุขอยู่อเมริกาโน้นแล้ว มีเงินมีทองใช้จ่ายและมีคนเคารพนับถือเหมือนไม่มีเรื่องอะไร
5. กรณีภาวนา พุทโธ ถูกบังคับให้สึกเอาไปเข้าห้องขังอยู่หลายเดือน ในที่สุดให้ประกันตัวออกมา แม้จะนุ่งห่มผ้าขาวคนทั้งหลายยังศรัทธาเลื่อมใสเหมือนเดิม ยังทำกิจกรรมอยุ่อย่างเงียบ ๆ
ขณะนี้มีกรณีวัดพระธรรมกาย จังหวัดปทุมธานี คงจะยืดเยื้อต่อไปอีกนานเป็นปี แต่ในที่สุดก็จะเป็นเหมือนกรณีอื่น ๆ ที่กล่าวข้างต้น คือปล่อยให้มันค่อยเงียบหายไปเอง
ที่เหตุการณ์เป็นดังกล่าวนี้ หลายฝ่ายสรุปออกมาว่า เพราะองค์กรปกครองสงฆ์ในปัจจุบันอ่อนแอและขาดประสิทธิภาพ
องค์กรสูงสุดในการปกครองสงฆ์ปัจจุบันนี้คือมหาเถรสมาคม ซึ่งมีกรรมการอันประกอบด้วยพระเถระที่มีอายุมาก ๆ เพียงสิบกว่ารูป โดยมีกรมการศาสนาเป็นผู้รับสนองงาน
โดยโครงสร้างหรือรูปแบบการปกครองสงฆ์อยู่ในระบบรวบอำนาจ คือ ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่ที่มหาเถรสมาคมทั้งนั้น ไม่ได้แบ่งแยกอำนาจให้มีการถ่วงดุลย์กันแต่อย่างใด พระสงฆ์ผู้น้อยไม่มีโอกาสใช้สิทธิ์แสดงความคิดเห็นแต่อย่างใดเลย มีหน้าที่ทำตามคำสั่งเท่านั้น
โดยหลักวิชาการนั้น ระบบรวบอำนาจ ก็คือระบบเผด็จการ นั้นเอง ซึ่งสังคมที่เจริญแล้วทั้งหลายเขาเลิกใช้กันแล้ว
คณะสงฆ์ไทยเคยใช้การปกครองคณะสงฆ์แบบกระจายอำนาจมาแล้ว ตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2484 แต่ถูกระบบเผด็จการยกเลิกไปเสียจึงมาใช้แบบรวมอำนาจจนถึงทุกวันนี้
เมื่อมหาเถรสมาคมรวบอำนาจไว้ดังกล่าว การปกครองสงฆ์จึงขาดการคล่องตัว ไม่ทันต่อเหตุการณ์ และขาดประสิทธิภาพ
ความจริง กรณ๊เสื่อมเสียอันเป็นผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของพระพุทธศาสนาและวงการสงฆ์ต่าง ๆ ตามที่กล่าวข้างต้นนั้น มันมีมาก่อนนานหลายปีแล้ว แต่เมื่อไม่มีองค์กรสงฆ์ใดสอดส่องดูแลทักท้วง ทางฝ่ายบ้านเมืองก็โยนเรื่องว่าเป็นอำนาจหน้าที่ของฝ่ายสงฆ์ กรณีทั้งหลายจึงลุกลามขยายวงกว้างขวางขึ้นตามลำดับ จนยากแก่การแก้ไข เข้าทำนองที่ว่า กว่าถั่วจะสุกงามันก็ไหม้เสียแล้ว
เมื่อบทเรียนมันมีให้เห็นซ้ำซากอยู่อย่างนี้ ไม่คิดหาวิธีการปฏิรูปหรือปรับปรุงองค์กรปกครองคณะสงฆ์บ้างหรือ ?
วิธีการหนึ่งที่ต้องทำอย่างรีบด่วน คือ คณะสงฆ์ต้องอบรมสั่งสอนและปลูกฝังศรัทธาความเชื่อให้แก่พุทธศาสนิกชนอย่างถูกต้องและทั่วถึง ให้คนทั้งหลายมีศรัทธาประเภท ญาณสัมปยุต คือให้เชื่อถืออะไรอย่างมีปัญญากำกับ เพื่อจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของคนที่อ้างพระศาสนามาหลอกลวง ฯ