สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันนี้ (6 พ.ค.) อ้างคำยืนยันของรัฐบาลทหารพม่า ว่ายอดผู้เสียชีวิตจากเหตุไซโคลนนาร์กีสพัดถล่มพม่า พุ่งทะลุ 15,000 คนแล้ว ส่วนผู้รอดชีวิตจากภัยธรรมชาติครั้งรุนแรงนี้ ยังมีสภาพความเป็นอยู่ที่ลำบาก ไม่มีไฟฟ้าใช้ติดต่อกันเป็นคืนที่ 3 ขณะที่ถนนหนทางก็ใช้การไม่ได้ เต็มไปด้วยกองต้นไม้หักโค่นลงมาปิดกั้นการจราจร
ด้านสำนักข่าวซินหัวของทางการจีน มีรายงานเช่นกันว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตพุ่งทะลุ 15,000 คนแล้ว โดยอ้างแหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่พม่า ทำให้ไซโคลนนาร์กีสที่พัดถล่มพม่าในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นภัยธรรมชาติครั้งเลวร้ายที่สุดที่เกิดกับพม่า
นายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ต่อความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินที่เกิดกับพม่า ทั้งยังให้คำมั่นจะจัดส่งความช่วยเหลือเท่าที่จำเป็นให้แก่พม่า
ไซโคลนนาร์กีสพัดถล่มพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของพม่าเมื่อวันศุกร์ (2 พ.ค.) ทำให้ที่ราบลุ่มแม่น้ำอิรวดีและนครย่างกุ้งเสียหายหนัก ชาวเมือง 6 ล้านคน ถูกตัดขาดเป็นวันที่ 4 แล้วในวันนี้ ไม่มีทั้งน้ำประปาและไฟฟ้าใช้ ขณะที่ซากปรักหักพังกองพะเนินอยู่สองข้างทาง สถานีวิทยุทางการพม่าขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพ ดื่มน้ำต้มสุก อย่าให้แมลงไต่ตอมอาหาร กำจัดขยะและสิ่งปฏิกูลให้ถูกสุขอนามัย ระวังยุงและงู รวมทั้งไปพบแพทย์ทันทีที่ไม่สบาย
อย่างไรก็ตาม เมื่อดูตามสภาพความเป็นจริงแล้ว ประชาชน 24 ล้านคน ในพื้นที่ประสบภัยแทบไม่สามารถทำตามคำแนะนำดังกล่าวได้เลย ภาพข่าวทางสถานีโทรทัศน์เป็นภาพที่ราบลุ่มปากแม่น้ำอิรวดีที่ยังมีน้ำท่วม ถนนหนทางถูกตัดขาด เรือพังยับเยิน ขณะที่โรงพยาบาลกลางนครย่างกุ้ง ซึ่งเป็นโรงพยาบาลสำคัญที่สุดของประเทศถูกพายุทำลายเสียหายบางส่วน หน่วยดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งและโรคหัวใจเสียหายใช้การไม่ได้ การลำเลียงอาหารและความช่วยเหลือไปให้ผู้ประสบภัยเป็นไปด้วยความยากลำบากเพราะถนนมีน้ำท่วมและต้นไม้หักโค่น กีดขวางการสัญจร ส่งผลให้ราคาอาหารในพื้นที่เหล่านั้นปรับเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่านับตั้งแต่เกิดเหตุ |