วาทะเปิดประชุมสภาสงฆ์ระดับชาติ
ฉะนั้น ในวันนี้ พวกเราได้มีโอกาสวันนี้ขึ้นมา จึงนับเป็นการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงระบบชีวิตคณะสงฆ์เราใหม่ ให้ชีวิตและหมู่ของเราหวลกลับคืนสู่บ้านเกิดเมืองนอนเสียที ผมหมายถึงการกลับคืนสู่ธรรมชาติและเดินไปโดยวิถีทางแห่งธรรมชาติ อย่างที่พวกเราได้เริ่มสัมผัสในชั่วเวลาผ่านมาระยะหลังที่เราได้มี พระราชบัญญัติการพระพุทธศาสนาขึ้นมากำหนดระบบที่เป็นไปนำพวกเรากลับคืนสู่ธรรมชาตินี้
ผมเกริ่นมาเนิ่นนาน ก็เพื่อให้พวกเราได้รับทราบว่า แท้ที่จริงระบบสภาสงฆ์ โดยเฉพาะระบบระดับ ชาตินี้ ได้เปิดโอกาสให้เราได้มีอิสระมากขึ้นกว่าเดิม งานของพวกเรา ในส่วนที่ไร้สาระ จะลดน้อยลงไป หรือลดไปแทบทั้งหมด และเราจะได้รู้สึกเอา ณ บัดนี้เองว่า พวกเราได้ไปวุ่นวายอยู่กับภาระการงานอัน ไร้สาระมาเป็นเวลาเนิ่นนานเป็นศตวรรษเลยทีเดียว โดยที่เราไม่รู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ไร้สาระ และเราไม่รู้ว่าเราถูก ครอบงำเพียงดังตาข่าย จึงไม่มีอิสรภาพ เราเหมือนปลาที่อยู่ในร่างแหหรือคอกเลี้ยงของชาวประมง ทำให้ชีวิตอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ไร้กำลังวังชา ไร้สุขภาพแข็งแรง เรามุดไปมุดมาอยู่แต่ในตาข่าย ไร้ความหวังไร้พลังที่จะฝ่าจะฟัน และจำยอมเป็นทาสความอ่อนแอของเราเอง จึงไม่อาจหาญพอที่จะกล้าคิดถึงสิ่งที่ประเสริฐเช่นมรรคผลนิพพาน เลย แม้ว่าโดยแท้จริงแล้ว เรามีภาระหน้าที่ทั้งทางกายกรรมวจีกรรมและมโนกรรมที่จะคิดจะทำจะใฝ่ไปทางมรรคผลนิพพานที่ประเสริฐนั้น บัดนี้เราได้สะสางตาข่ายทั้งสิ้นแล้ว และพวกเราก็พลันได้สัมผัส ด้วยตัวเอง ณ บัดนี้ ณ ที่นี่เดี๋ยวนี้เองว่า เรามีความหวังเกิดขึ้นแล้ว คือความหวังที่เกิดขึ้นพร้อมสุขภาพกายและสุขภาพใจอันสมบูรณ์ เมื่อเราได้กลับคืนมาสู่ธรรมชาติอันเป็นบ้านเกิดบ้านใหม่ของเราอีกครั้งหนึ่งอยาก สรุปดั่งนี้ เมื่อเราพูดถึงระบบการคณะสงฆ์ใหม่ของเรา เป็นระบบที่กลับคืนสู่บ้านเกิดเมืองนอนเดิมของเรา คือระบบธรรมชาตินั่นเอง
ฉะนั้น เมื่อมาอยู่ด้วยกันที่นี่ เราเป็นไปตามธรรมชาติ เช้าก็ออกหากิน ด้วยบิณฑบาต เหมือนนก เหมือนปลา เอาพอเพียงแก่การที่จะมีกำลังแรงเดินตามรอยของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็พอแล้ว พอได้กลิ่นแห่งมรรคผลนิพพานไปตาม ๆ กันอยู่แล้ว เพราะระบบธรรมชาติที่เหมาะเจาะ ที่ได้ออกแบบไว้อย่างพร้อมสมบูรณ์ ณ ที่นี้ ได้ทำให้ได้ลิ้มกลิ่นของมรรคผลนิพพานอยู่บ้างแล้ว อาศัยความคงแก่เรียน ความ มีวิสัยปราชญ์อยู่ในหัวจิตหัวใจของทุก ๆ ท่าน อาศัยความทรหดอดทนพากเพียรอุทิศชีวิตแด่พระพุทธศาสนามาตราบชั่วชีวิต ตั้งแต่เด็ก ๆ เท้าถึงแก่ชรา เมื่อธรรมชาติเปิดออกให้แล้วเช่นนี้ ก็น่าจะได้สัมผัส ได้เห็นได้ลิ้มรสพระนิพพานที่แท้จริงได้โดยไม่ยากเย็นอะไร อุปมาเหมือนหมู่ปลาที่พ้นจากตาข่ายชาวประมงไปได้แล้ว ทะเลเบื้องหน้าอันกว้างใหญ่ไพศาลย่อมเป็นที่หวังได้ เมื่อถึงมรรคถึงผลถึงนิพพาน นั่นก็หมายถึงชีวิตได้จบลงอย่างมีคุณค่า อย่างมีความอิ่มความปราโมทย์อย่างมีความเย็นสบาย ไร้ศัตรูไร้กิเลสของชีวิตอีกต่อไปแล้ว ไม่พึงหวังพึงพูดถึงสิ่งอื่นใดในโลกอีก
ผมพูดมาดั่งนี้ ก็เพื่อสรุปให้ทราบว่าระบบสงฆ์ใหม่ของเรามีทางเดินไปอย่างนี้ ซึ่งพวกเราจักได้รู้สึก เองว่า เราเปรียบเสมือนได้ชีวิตใหม่ บ้านใหม่
ชีวิตที่ปลอดโปร่งสบาย และระบบสงฆ์ทั้งสิ้นจะเป็นวิถีทางแห่งความสุข การงานที่ทำไปจักเป็นการงานแห่งความสุข ความพยายามที่ลงไปจักเป็นความพยายามที่เป็นสุข การแบกการขนภาระใดใด จักเป็น การแบกการขนที่เป็นสุข การอุทิศ การเสียสละใดใดจักเป็นการอุทิศการเสียสละที่เป็นสุข การงานทุกอย่างเป็นสิ่งที่มีความสุขอยู่ในตัวเองเสมอ แม้กระทั่งการต่อสู้กับศัตรูคือกิเลสไม่ว่ากิเลสภายนอกกิเลสภายในก็จัก เป็นการต่อสู้ที่เป็นสุข และในที่สุดความกล้าหาญในการต่อสู้กับอธรรม และกิเลสใดใดก็จักเป็นความ กล้าหาญที่เป็นสุข และแม้ความตายก็เป็นความตายที่เป็นสุข
- สมเด็จพระพุทธปรานีอริยวงศ์ ประธานสภาสงฆ์ระดับชาติ,
ดี เล่มที่ 24 พ.ศ. 2544
สมเด็จพระพุทธปรานีอริยวงศ์ = ชื่อสมมติ ในเค้าโครงนิทานประกอบการบรรยาย
เรื่อง สภาสงฆ์แห่งชาติ