เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 29 ม.ค. พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.สภ.บันนังสตา จ.ยะลา นำกำลังร่วมกับทหารและ อส.เข้าปิดล้อมขนำกลางสวนทุเรียนหลังหมู่บ้านอูแบ หมู่ 1 ต.บาเจาะ หลัง สืบทราบว่านายสุไลมาน อภิบาลแบ อายุ 27 ปี แกนนำกลุ่มอาร์เคเค อยู่บ้านเลขที่ 73 ในท้องที่ดังกล่าวนำลูกสมุนย้อนกลับมากบดานเพื่อวางแผนเตรียมก่อเหตุร้าย ขณะเจ้าหน้าที่กระจายกำลังเข้าปิดล้อมกลุ่มคนร้ายได้ไหวตัวใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงใส่เจ้าหน้าที่จนเกิด ปะทะกันอย่างดุเดือดนานกว่า 20 นาทีก่อนฝ่ายคนร้ายจะล่าถอยขึ้นเขาหลบหนีไปได้ จากการเคลียร์พื้นที่พบศพ จ.ส.ต.ศรศักดิ์ รักนาย อายุ 44 ปี ผบ.หมู่ ป.สภ.บันนังสตา ถูกกระสุนของคนร้ายเสียชีวิต 1 นาย ส่วนคนร้ายถูกยิง นอนตายคาจุดปะทะ 1 ศพ ทราบชื่อนายสุไลมาน อภิบาลแบ หัวหน้ากลุ่มโจร สภาพศพมือขวากำระเบิดสังหารเอ็ม 67 หนึ่งลูก
ต่อมาเมื่อเวลา 15.30 น.ที่ศาลาบำเพ็ญกุศล วัด พุทธภูมิ อ.เมืองยะลา พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผช.ผบ.ตร.เป็นประธานในพิธีรดน้ำศพ จ.ส.ต.ศรศักดิ์ ที่ถูกคนร้ายยิงพลีชีพ มีนายธีระ มินทราศักดิ์ ผวจ.ยะลา พล.ต.ต.สายัณห์ กระแสแสน ผบก.ภ.จ.ยะลา และเพื่อนข้าราชการตำรวจร่วมพิธีจำนวนมาก บรรยากาศเป็นที่เศร้าสลด พล.ต.ท.อดุลย์กล่าวว่า จ.ส.ต.ศรศักดิ์ มีความกล้าหาญและเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ ในส่วนของผู้บังคับบัญชาจะดูแลช่วยเหลืออย่างเต็มที่โดยจะได้รับเงินสวัสดิการต่างๆจำนวน 2,100,000 บาท และจะปูนบำเหน็จอีก 9 ขั้นได้รับยศพลตำรวจโท และจะรับทายาทเข้ารับราชการตำรวจด้วย
พล.ต.ท.อดุลย์กล่าวอีกว่า สำหรับนายสุไลมาน คนร้ายที่ถูกจับตายนั้นเป็นคนร้ายคนสำคัญที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังต้องการตัว เคยร่วมกับนายมะแอ อภิบาลแบ พี่ชายซึ่งเป็นแกนนำกลุ่มโจรค่าหัว 2 ล้านบาท ลอบวางระเบิดและยิงถล่ม พ.อ.สุรศักดิ์ ประเสริฐศรี ผบ.ฉก.1 ยะลา เสียชีวิตเมื่อปี 2549 และยิงถล่มรถตู้โดยสารสายเบตง-หาดใหญ่ในท้องที่ ต.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา
รายงานแจ้งว่าเมื่อเวลา 08.30 น.คนร้ายสร้างสถานการณ์นำระเบิดปลอมไปวางสร้างความปั่นป่วน 2 จุดบริเวณสามแยกบ้านวังพญา หมู่ 2 ต.วังพญา และบริเวณเชิงสะพานบ้านกะสะแม หมู่ 1 ต.วังพญา เจ้าหน้าที่ต้องเสียเวลาไปเก็บกู้ อีกรายเมื่อคืนวันที่ 28 ม.ค.กลุ่มคนร้ายไม่ต่ำกว่า 3 คน ใช้รถปิกอัพเป็นพาหนะประกบยิงนายอับดุลรอแม สาแม อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 145 หมู่ 4 ต.ห้วยกระทิง อ.กรงปินัง จ.ยะลา เสียชีวิตขณะขี่รถ จยย.มาจอดบริเวณหน้ามัสยิดบ้านบาตูคอเพื่อจะเข้าไปละหมาด
ที่ จ.ปัตตานี เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ห้องประชุมบก.ภ.จ.ปัตตานี นายวินัย ครุวรรณพัฒน์ รอง ผวจ.ปัตตานี พร้อม พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว ผบก.ภ.จ.ปัตตานี นายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานกรรมการอิสลาม จ.ปัตตานี นำผู้ต้องหาตามหมายจับคดีความมั่นคง 4 คน คือ 1. นางรอเมาะ สุหลง อายุ 38 ปี 2. น.ส.นาปีซะ การี อายุ 28 ปี 3. น.ส.ยามีล๊ะ สุหลง อายุ 37 ปี และ 4. นายบารอรี สุหลง อายุ 23 ปี ที่เข้ามอบตัวสู้คดีมาแถลงข่าว โดยผู้ต้องหาทั้ง 4 ทางชุดสืบสวนสอบสวนระบุว่าเป็นกลุ่มแนวร่วมเคลื่อนไหวในพื้นที่บ้านป่าทุ่ง หมู่ 4 ต.บางเก่า อ.สายบุรี โดยแนวร่วมที่เป็นหญิงทั้ง 3 คน ทำหน้าที่ปลุกระดมชาวบ้านและเยาวชนให้ออกมาชุมนุมประท้วงเจ้าหน้าที่รัฐและจัดเก็บเงินสนับสนุนให้กับกลุ่มก่อความไม่สงบ ส่วนนายบารอรีเป็นกลุ่มก่อเหตุในพื้นที่ อ.สายบุรี
ด้าน จ.นราธิวาส เมื่อเวลา 11.30 น. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พร้อม พล.อ.วีรวิทย์ คูสำราญ รองผบ.ทบ. พล.อ.ธีระวัฒน์ บุญยประดับ พล.อ.จิรเดช คชรัตน์ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. พล.อ.มนตรี ชมภูจันทร์ เสธ.ทบ. พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 พล.ท.สุจิตร สิทธิประภา แม่ทัพภาคที่ 2 พล.ท.สำเริง ศิวาดำรงค์ แม่ทัพภาคที่ 3 เดินทางไปยัง บก.ฉก.นราธิวาส อ.เมืองนราธิวาส มี พล.ท. วิโรจน์ บัวจรูญ แม่ทัพภาคที่ 4 พล.ต.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ฉก.นราธิวาส ให้การต้อนรับ จากนั้น พล.อ.อนุพงษ์ และคณะเข้าร่วมประชุม โดย พล.ต.ธีรชัยได้รายงานสรุปสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่า จุดมุ่งหมายของกลุ่มก่อความไม่สงบไม่เกี่ยวกับการแบ่งแยกดินแดนหรืออุดมการณ์ แต่มาจากปัจจัยหลัก 4 ประการ คือ 1. ผลประโยชน์ในท้องถิ่น 2. ยาเสพติด 3. ต้องการการแสดงออกเพื่อเป็นที่ยอมรับในกลุ่มที่เข้าทำการสาบานตน หรือซูเปาะ และ 4. เป็นเรื่องของมุสลิมชนชั้นที่ต้องการมีอำนาจเหนือผู้ที่ด้อยกว่าตน
ผบ.ฉก.นราธิวาสกล่าวอีกว่า ในส่วนของความไม่สงบ ที่เกิดขึ้นดูเหมือนจะรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากกลุ่มผู้ก่อเหตุพยายามที่จะแสดงศักยภาพเหนือเจ้าหน้าที่ เพื่อดึงกลุ่มผู้ที่หลงผิดให้ฮึกเหิมและเชื่อมั่นในอุดมการณ์ของกลุ่มว่าสามารถที่จะต่อกรกับเจ้าหน้าที่ได้ ล่าสุดภาพรวมผู้ก่อความไม่สงบเริ่มระส่ำระสาย เนื่องจากประชาชนหันมาให้ความร่วมมือในการแจ้งเบาะแสกับทางการ ส่งผลให้ กลุ่มก่อความไม่สงบถูกจับกุมเป็นจำนวนมากและไม่สามารถที่จะรวมเป็นกลุ่มก้อนเพื่อเคลื่อนไหวก่อเหตุร้ายได้
หลังการประชุม พล.อ.อนุพงษ์ได้มอบนโยบายเชิงรุกให้แก่กองกำลังทั้ง 13 อำเภอใน จ.นราธิวาส นำไปปรับใช้ให้ทันกับยุทธวิธีการก่อเหตุร้ายของฝ่ายตรงข้าม โดยยึดหลักการปรับเปลี่ยนความคิดความเชื่อของประชาชนด้วยการพูดคุยทำความเข้าใจและให้แนวทางที่ถูกต้อง เพื่อนำไปสู่การถอนซูเปาะหรือถอนคำสาบาน รวมทั้งการดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่กระทำผิดอย่างเป็นธรรมที่สุด การปฏิบัติการทางทหารอย่างเด็ดขาดเพื่อให้ผู้ที่หลงผิดมีโอกาสกลับตัวกลับใจ และขั้นสุดท้ายคือการออกหมายจับผู้ก่อความไม่สงบ
ต่อมา เวลา 17.30 น. พ.ต.ต.ธวัช สุนทรพจน์ สารวัตรเวร สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ไปสอบสวนเหตุยิงกันหน้าโรงเรียนบ้านตันหยง หมู่ 7 ต.โคกสะตอ พบศพนาย ฮาเซ็ง อูแซดอเลาะ อายุ 47 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 7 ต.โคกสะตอ อยู่บ้านเลขที่ 123 ถูกยิงด้วยกระสุนปืนพก 11 มม. และขนาด .357 เข้าศีรษะ 4 นัด สอบพบผู้ตายถูกคนร้าย 4 คน ขี่รถ จยย. 2 คัน ไล่ยิงขณะขี่รถกลับจาก ธุระเสียชีวิตคาที่แล้วชิงรถหลบหนีไป
ด้าน จ.สระแก้ว เมื่อเวลา 10.00 น. ขณะ ร.อ.สมปอง บุญชัย ผบ.ร้อย ทพ.ที่ 1207 ฉก.กรม.ทพ.ที่ 12 กกล.บูรพา กับพวกลาดตระเวนถึงบริเวณริมคลองพรมโหด พบชายฉกรรจ์ 7 คน เดินลัดเลาะในป่าละเมาะริมตะเข็บแนวชายแดน จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้น แต่กลุ่มชายดังกล่าว ได้วิ่งหลบหนีเข้าไปในเขตกัมพูชาสามารถจับกุมไว้ได้เพียง 1 คน พบบัตรประชาชนระบุชื่อนายอุสมี อูเซ็ง อายุ 18 ปี บ้านเลขที่ 62 ถนนทรายทอง 4 ต.สุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือของมาเลเซีย 1 อัน บัตรเอทีเอ็ม 5 ใบ บัตรเครดิตธนาคารอิสลาม 1 ใบ ตั๋วรถทัวร์นราธิวาส-กรุงเทพฯ 7 ใบ คัมภีร์ กุรอาน หมวกมุสลิม และสมุดจดบันทึกการโอนเงินเป็นภาษาเขมรหลายรายการ สอบสวนนายอุสมีให้การวกวนและยอมรับว่าเป็นชาวเขมรมุสลิมชื่อนายซึม ซารี อายุ 28 ปี บ้านอยู่ จ.กัมปงจาม มีเพื่อนชาวเขมรมุสลิมมาชักชวนไปอยู่ที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส มา 2-3 ปี ได้ฝึกพูดภาษาไทยและไปทำบัตรประชาชนกับพาสปอร์ตใช้ชื่อนายอุสมี อูเซ็ง และส่งไปเรียนที่โรงเรียนปอเนาะในมาเลเซีย เดินทางเข้าออกทางชายแดน อ.สุไหงโก-ลก เป็นประจำ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สงสัยอาจเกี่ยวข้องกับกลุ่มแนวร่วมได้คุมตัวไว้สอบขยายผล
|