พุทธทำนาย
สถานการณ์เดือนสี่ปีกุน
"คันแม่นกายไปหน้าศาสนาของเฮา จั่งซิฟื้น ขึ้นใหม่
ในปีกุนล่วงแล้ว ซิแววขึ้นลื่นหลัง
ครั้งนั้นแหล้วคนซิอยู่ เป็นสุข
จั่งซิ หายความทุกข์หมู่ภัยไกลเนื้อ
ใผผู้ยังเหลือค้างซิเห็นทางฟ้าล่วง
คนสิพ้นจากห่วงฝูงหมู่มารบาปฮ้ายเมื่อฟ้าอยู่กะเสิม
เริ่มแต่ค้าเดือนสี่ปีกุน
ใผมีบุญจั่งซิเห็นหน่อ พระธรรมเนอป้า
พากันถือศีลห้าภาวนาเนอแม่
หยังกะเห็นเที่ยงแท้บ่มีเว้นหว่างใด๋"
(คอลัมน์เสียงอีสาน)
กลอนลำเรื่องพุทธทำนาย
ชมรมวรรณกรรมอีสาน จัดพิมพ์
โดย ร.พ.ไพศาลศิริ ท่าพระจันทร์ กทม. 2527 หน้า 7
เรื่องพุทธทำนายนี้ มีปรากฎอยู่ในภาษาบาลีพระไตรปิฎก ฉบับสยามรัฐ เล่มที่ ๒๗ หน้า ๒๔ ขึ้นต้นว่า อุสุภา รุกฺขา คาวิโย ฯลฯ และอธิบายไว้ใน อรรถกถาเอกนิบาต ภาค ๒ และเคยแปลเป็นภาษาไทยไว้ใน ชาดกฉบับหอสมุดวชิรญาณ เล่ม ๑ อาจารย์ศิลา วีรวงศ์ ได้แต่งเป็นกลอนลำอีสาน ประมาณ พ.ศ.๒๔๙๐
มีข้อความตอนสำคัญดังนี้ :-
" ๑๑. ข้อสิบเอ็ด พระฝันเห็นท่อนไม้แก้วแก่นจันทน์แดง ของมันราคาแพงค่าสูงแสนตื้อ เขาเลยเอาไปซื้อขายกินแลกไก่ เอาจันทน์แดงใส่กระชาน้อยแขวน ห้อย เที่ยวขาย อันนี้แล้วเพิ่นว่าภายหน้าพุ้นเคิ่งศาสนาพุทธ มนุษย์มีโลภามืดมัวเมากุ้ม ชุมหมู่ถือศีลสร้างเป็นจัวเจ้าหัวบ่าว เห็นผู้สาวแล้วเอิ้นเสินเว้าดั่งสหาย นอกจาก นั้นกะซิเป็นผู้ฮ้ายขายศาสนาพุทธ เอาพระธรรมลงมุดจายขายกินจ้าง ตั้งเป็นตึก เป็นห้างขายกินปิ้นไป่ ทังพระสูตรพระวินัย เอาลงใส่กระช้าโซนผ้าเที่ยวขาย นี้จั่ง แม่นต่อนฮ้ายขายฮูปพุทธองค์ สงฆ์บ่ถือวินัยไพร่เมืองบ่อยำอย้าน แต่มีคนพาลกล้า โกธาเขี้ยวขุ่น ศาสนาเกิดวุ้นสูญเส้ามุ่นทะลาย สงฆ์ซิเป็นผู้ฮ้ายขายศาสนากู สัพพัญญูเล็งเห็นหน่ายสะอางผางฮ้าย คันแม่นกายไปหน้าศาสนาของเฮา จั่งซิฟื้น ขึ้นใหม่ ในปีกุนล่วงแล้ว ซิแววขึ้นลื่นหลัง ครั้งนั้นแหล้วคนซิอยู่ เป็นสุข จั่งซิ หายความทุกข์หมู่ภัยไกลเนื้อ ใผผู้ยังเหลือค้างซิเห็นทางฟ้าล่วง คนสิพ้นจากห่วงฝูงหมู่มารบาปฮ้ายเมื่อฟ้าอยู่กะเสิม เริ่มแต่ค้าเดือนสี่ปีกุน ใผมีบุญจั่งซิเห็นหน่อ พระธรรมเนอป้า พากันถือศีลห้าภาวนาเนอแม่ หยังกะเห็นเที่ยงแท้บ่มีเว้นหว่างใด๋"
[จาก
.กลอนลำเรื่องพุทธทำนาย ชมรมวรรณกรรมอีสาน จัดพิมพ์ โดย ร.พ.ไพศาลศิริ ท่าพระจันทร์ กทม. ๒๕๒๗ หน้า ๗ ]
หมายเหตุ บก. นับแต่ปี ๒๕๔๑ ปีขาล ถึง เดือนสี่ปีกุน (ตรงกับ พ.ศ. ๒๕๕๐) ตามพุทธทำนาย เราก็มีเวลาอยู่ ๙ ปีเศษสำหรับเตรียมการรับความรุ่งเรือง แห่งพระพุทธศาสนา แต่หากว่าผลอันประเสริฐใดพึงปรากฎขึ้น จักมิใช่ โดยโชคชะตา หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์บันดาล แต่ต้องด้วยมือเรา ชาวพุทธบริษัททั้งหลาย ที่จะบริหารไปด้วยเหตุและ ผลอันชอบธรรม ฯ