หลังมีชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายท้าทายความตายชนิด เส้นยาแดงผ่าแปด มาหลายครั้งหลายหน ในที่สุด นางเบนาซีร์ ภุตโต แกนนำฝ่ายค้านของปากีสถาน ที่ต้องลี้ภัยการเมืองระเห็จไปอยู่ต่างประเทศนานถึง 8 ปี ก็หนีไม่พ้นมฤตยูที่ตามไล่ล่าเอาชีวิตมาตลอด ถูกคนร้ายใช้ระเบิดพลีชีพสังหารดับดิ้น หลังเสร็จสิ้นการปราศรัยเพียงไม่กี่นาที
คดีการเมืองนองเลือดสะท้านโลกครั้งนี้ เปิดเผยโดยสำนักข่าวต่างประเทศ รายงานเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ว่า เกิดเหตุระเบิดพลีชีพในเมืองราวัลพินดี ประเทศปากีสถาน ขณะนางเบนาซีร์ ภุตโต ผู้นำฝ่ายค้านเพิ่งเสร็จสิ้นการชุมนุม ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า เห็นมือระเบิดพลีชีพ ยิงกระสุนปืนเข้าใส่นางภุตโต ขณะกำลังออกมาจากการชุมนุมที่สวนสาธารณะของเมืองดังกล่าว จากนั้นคนร้ายได้กดระเบิดพลีชีพตนเอง เบื้องต้นยังไม่มีรายละเอียดแน่ชัด เกี่ยวกับรายงานข่าว ซึ่งระบุเพียงว่า มีผู้เสียชีวิตจากระเบิดพลีชีพ 20 ศพ จากนั้นไม่นานจึงค่อยมีข่าวทยอยออกมา ว่า นางภุตโตเสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้แล้ว เมื่อเวลา 18.16 น. ตามเวลาท้องถิ่น หลังถูกนำส่งโรงพยาบาล โดยสถานีโทรทัศน์อารี-วัน รายงานว่า เธอถูกยิงเข้าที่ศีรษะอย่างน้อย 1 นัด และต่อมาได้รับการยืนยันจากกระทรวงมหาดไทยของปากีสถานถึงการเสียชีวิตของนางภุตโต
ขณะที่บรรยากาศที่โรงพยาบาลที่นางภุตโตถูกส่งตัวไปก่อนถูกประกาศว่าเสียชีวิต ประชาชนจำนวนมากพากันกอดกันร่ำไห้ เมื่อทราบข่าวนางภุตโตถึงแก่ชีวิต และยังเกิดเหตุชุลมุนวุ่นวายที่โรงพยาบาล เมื่อบรรดาผู้สนับสนุนนางภุตโตพากันส่งเสียงตะโกนด่าทอประธานาธิบดี เปอร์เวซ มูชาราฟ ด้วยถ้วยคำหยาบคาย ก่อนจะทุบกระจกประตูทางเข้าห้องฉุกเฉิน หลายคนระเบิดน้ำตาอย่างบ้าคลั่ง บ้างนำธงประจำพรรคนางภุตโตมาผูกมัดรอบศีรษะพร้อมตีอกชกตัวแสดงความเสียใจ ที่ต้องสูญเสียนางภุตโตไปอย่างไม่มีวันกลับ
เหตุลอบสังหารนางภุตโตมีขึ้นขณะนางภุตโตเดิน สายหาเสียง สำหรับเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 8 ม.ค. ปีหน้า นายบาบาร์ อาวัน ทนายความนางภุตโต กล่าวว่า นางภุตโตเสียชีวิตเพื่ออุดมการณ์ ส่วนนายโมฮัมหมัด ชาฮิด เจ้าหน้าที่ตำรวจปากีสถาน เปิดเผยโดยอ้างคำบอกเล่าของพยานที่เห็นเหตุการณ์ว่า เห็นคนร้ายเป็นชาย สาดกระสุนเข้าใส่รถยนต์ของนางภุตโต ซึ่งนางภุตโตได้ก้มหน้ามุดลงหลบกระสุน และแล้วไม่มีใครทันคาดคิด คนร้ายได้ กดระเบิดพลีชีพเข้าใส่รถของนางภุตโตด้วย ส่งผลให้นางภุตโตพบจุดจบอย่างน่าอนาถ ปิดฉากความใฝ่ฝันที่จะเข้ามาปฏิรูปการปกครองในปากีสถาน หลังลี้ภัยในต่างชาตินาน 8 ปี
ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่พรรคฝ่ายค้านของนางภุตโต เปิดเผยว่า นางภุตโตปลอดภัยจากเหตุระเบิดพลีชีพล่าสุด โดยพยานในเหตุการณ์ผู้หนึ่งเผยว่า เห็นศพผู้เสียชีวิตกระจัดกระจายบนท้องถนน ศีรษะมนุษย์ แขนขา ฉีกกระจายเกลื่อน เลือดนองเต็มพื้นมองไม่เป็นชิ้นดี ซึ่งเหตุร้ายครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากเมื่อ 18 ต.ค. ได้เกิดระเบิดพลีชีพพุ่งเป้าโจมตีนางภุตโต ในเมืองการาจี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 150 ศพ
เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสของพรรคของภุตโตกล่าวว่า การลอบโจมตีนางภุตโตครั้งนี้มีเป้าหมายทำให้ปากีสถานแตกเป็นเสี่ยงๆ เพราะเธอเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นเอกภาพของประเทศปากีสถาน การสังหารนางภุตโตครั้งนี้ ผู้อยู่เบื้องหลังสามารถกำจัดตระกูลภุตโตได้ กลุ่มคนร้ายเป็นศัตรูของประเทศปากีสถาน
ด้านนานาชาติรวมทั้งสหรัฐฯต่างรุมประณามเหตุ ลอบสังหารนางภุตโต ขณะที่นักการทูตระดับสูงของรัสเซีย ออกมาให้ความเห็นว่า การจากไปของนางภุตโตอาจจุดชนวนให้เกิดคลื่นการก่อการร้ายในประเทศปากีสถาน โดยนายอเล็กซานเดอร์ โลซูคอฟ รมช.ต่างประเทศรัสเซียชี้ว่า ปฏิบัติการของกลุ่มก่อการร้ายเป็นสัญญาณเลวร้าย เราขอแสดงความเสียใจ สิ่งนี้จะก่อให้เกิดคลื่นการโจมตีของกลุ่มก่อการร้ายอย่างแน่นอน พร้อมเรียกร้องให้ทางการปากีสถานสร้างความมั่นคงขึ้นในชาติ
ประวัติของนางเบนาซีร์ ภุตโต เป็นบุตรสาวของนายซุลฟิการ์ อาลี ภุตโต อดีตนายกรัฐมนตรีผู้มีชื่อ เสียงของปากีสถาน เกิดเมื่อปี 2496 ที่จังหวัดซินห์ในปากีสถาน ปัจจุบันอายุ 54 ปี สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ดและออกซฟอร์ด ช่วงแรกนางภุตโตมีความลังเลใจที่จะก้าวเข้าสู่การเมือง แต่ในที่สุดก็ชนะเลือกตั้งได้เป็นนายกรัฐมนตรี นับเป็นผู้นำหญิงที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่งของโลก
นางภุตโตได้รับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี 2 สมัย (ระหว่าง 2 ธ.ค. 2531-6 ส.ค. 2533 และ 19 ต.ค. 2536-ธ.ค.2539) ก่อนจะถูกปลดจากตำแหน่ง ด้วยข้อกล่าวหาคอรัปชันทั้ง 2 ครั้ง ต้องเนรเทศตัวเองไปลี้ภัยที่ดูไบนานถึง 8 ปี แต่ในที่สุด นางภุตโตก็บรรลุข้อตกลงกับรัฐบาลทหารของประธานาธิบดีเปอร์เวซ มูชาราฟ จนสามารถเดินทางกลับประเทศได้ แต่ในวันเดินทางกลับเมื่อ 18 ธ.ค. ก็ตกเป็นเป้าโจมตีด้วยระเบิดพลีชีพ ขณะนำขบวนแห่เดินทางกลับบ้านที่เมืองการาจี ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 126 ศพ บาดเจ็บอีกกว่า 100 คน ซึ่งกลุ่มที่จ้องโจมตีเธอมีอย่างน้อย 4 กลุ่ม คือกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงที่สนับสนุนนายโอซามา บิน ลาดิน หัวหน้าเครือข่ายผู้ก่อการร้ายอัล เคดา จำนวน 3 กลุ่ม และกลุ่มตาลีบัน อดีตรัฐบาลเคร่งศาสนาของอัฟกานิสถาน ซึ่งถูกพันธมิตรนำโดยสหรัฐฯ บุกโค่นล้ม โดยกลุ่มตาลีบันเคยประกาศว่าถ้านางภุตโตกลับประเทศ พวกตนรอสังหารอยู่ ด้วยเหตุผลว่าภุตโตฝักใฝ่สหรัฐอเมริกามากเกินไปและทำตัวเป็นข้ารับใช้ของสหรัฐฯ
ตระกูลภุตโตของปากีสถาน ก็เช่นเดียวกับตระกูลเนห์รูและคานธีของอินเดีย บิดาของภุตโตคืออดีตนายกฯ ซุลฟิการ์ อาลี ภุตโต ถูกนายพลเซีย อุล ฮัก ปฏิวัติยึดอำนาจ และถูกส่งเข้าคุกด้วยข้อหาฆาตกรรมเมื่อปี 2520 และถูกตัดสินประหารชีวิต หลังจากนั้น 2 ปี ตัวนางภุตโตก็ถูกจับขังคุกและถูกขังเดี่ยวนานถึง 5 ปี ซึ่งภุตโตกล่าวว่าเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิต ในช่วงที่ได้ออกไปรักษาตัว นางภุตโตก็สามารถตั้งพรรคการเมือง ชื่อพรรคประชาชนปากีสถาน (พีพีพี) ขึ้นมาได้ มีสำนักงานอยู่ในกรุงลอนดอน อังกฤษ ทำงานรณรงค์ต่อต้านระบอบเซีย อุล ฮัก นางภุตโตได้กลับปากีสถานอีกครั้งในปี 2529 และมีแนวร่วมทางการเมืองจำนวนมาก ต่อมานายพลเซีย อุล ฮัก เสียชีวิตในอุบัติเหตุเครื่องบินระเบิดกลางอากาศ และผลการเลือกตั้งในปี 2530 ทำให้เธอได้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของโลกอิสลาม ที่มาจากการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตย แต่นายอาซิฟ ซาร์ดารี สามี กลับถูกกล่าวหาว่าเป็นบุคคลที่ชั่วร้าย ใช้อำนาจหน้าที่ของภรรยาแสวงหาผลประโยชน์ในทางมิชอบ ถูกคณะรัฐมนตรีกล่าวหาว่ายักยอกเงินของรัฐหลายล้านดอลลาร์
ข่าวแจ้งว่า การที่นางภุตโตเดินทางกลับประเทศครั้งล่าสุดได้ เพราะสามารถตกลงเรื่องการแบ่งปันอำนาจ กับประธานาธิบดีมูชาร์ราฟได้ โดยเขายอมแก้กฎหมายเพื่อนิรโทษกรรมให้ เพื่อเปิดทางให้นางภุตโตมีสิทธิ์นำพรรคลงสมัครรับเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งมีกำหนดในวันที่ 8 ม.ค.ปีหน้า และคาดหวังว่าการจับมือกับเธอ จะสามารถโดดเดี่ยวพวกหัวรุนแรง แต่ประชาชนบางส่วน โดยเฉพาะกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงเห็นว่า การร่วมมือระหว่างเธอกับรัฐบาลทหารของมูชาร์ราฟเป็นการทรยศต่อประชาธิปไตย และช่วยค้ำจุนอำนาจของเขาให้แข็งแกร่งขึ้น ดังนั้น การลอบสังหารเธอจึงอาจมีมูลเหตุมาจากเรื่องดังกล่าว
ในเวลาต่อมา ประธานาธิบดีมูชาร์ราฟจัดประชุมฉุกเฉินร่วมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ทำเนียบประธานาธิบดี พร้อมกับเรียกร้องให้ประชาชนอยู่ในความสงบ รักษาสันติภาพภายในประเทศไว้
ขณะที่นายนาวาซ ชาริฟ อดีตนายกฯปากีสถานอีกคน ที่เพิ่งเดินทางกลับประเทศเมื่อไม่นานมานี้ เพื่อสู้ศึกเลือกตั้งเช่นกัน กล่าวต่อฝูงชนถึงความรู้สึกต้องสูญเสียนางภุตโตว่า หัวใจของตนต้องหลั่งเลือดออกมาและก็โศกเศร้าไม่แพ้ชาวปากีสถานทุกคน
มีรายงานด้วยว่า ตำรวจปากีสถานใช้แก๊สน้ำตาและไม้กระบองสลายการชุมนุมของกลุ่มผู้ประท้วงในเมืองเปชวาร์ ซึ่งมีบรรดาผู้สนับสนุนนางภุตโตกว่า 100 คน ออกมาแสดงความโกรธแค้นกับข่าวการลอบสังหารนางภุตโต โดยมีการเผาแผ่นป้ายโฆษณา แผ่นโปสเตอร์ ระบายความแค้น
สำหรับผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยว่ามีจำนวน 56 คน หลายคนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลหลายแห่ง
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า หลังเกิดเหตุลอบสังหารนางภุตโต รัฐบาลสหรัฐฯตกอยู่ในสภาพสับสนและพยายามหาทางรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นเป็นลูกโซ่ เพราะสหรัฐฯทุ่มเททั้งทรัพยากรทางการทูตและงบประมาณมหาศาล เพื่อให้รัฐบาลประธานาธิบดีมูชาร์ราฟช่วยกวาดล้างผู้ก่อการร้าย ทั้งกลุ่มอัล เคดา และกลุ่มตาลีบัน รวมทั้งพยายามช่วยให้ฝ่ายค้านภายใต้การนำของนางภุตโตและรัฐบาลมูชาร์ราฟปรองดองกัน เพื่อเสถียรภาพของปากีสถาน ซึ่งมีอาวุธนิวเคลียร์อยู่ในครอบครอง
ด้านทำเนียบขาวแถลงประณามการสังหารนางภุตโต ระบุเป็นการกระทำที่เต็มไปด้วยความรุนแรงและว่าประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช มีแผนจะแถลงเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย ขณะที่นายเดวิด มิลิแบนด์ รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ กล่าวว่า รู้สึกตกใจอย่างยิ่งต่อข่าวการลอบสังหารนางภุตโต พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายรวมกันเป็นหนึ่งเดียว นายกฯโรมาโน โปรดิ นายกฯอิตาลีประณามการสังหารอดีตนายกฯปากีสถานว่า เป็นการกระทำที่บ้าคลั่ง เรียกร้องให้ชาวปากีสถานมุ่งสู่กระบวนการสันติภาพต่อไป เช่นเดียวกับสำนักวาติกันที่ออกแถลงประณามผู้ก่อเหตุร้ายครั้งนี้ด้วย ส่วนกระทรวงต่างประเทศอินเดีย ระบุการลอบสังหารนางภุตโต เป็นการกระทำที่เลวร้ายอย่างมาก
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีเปอร์เวซ มูชาร์ราฟ แห่งปากีฯ แถลงเรียกร้องให้คนในชาติอยู่อย่างสงบ ขณะผู้นำปากีฯกำลังจัดประชุมฉุกเฉินกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนเกี่ยวเนื่องเหตุร้ายดังกล่าว ทั้งนี้ ยังไม่มีกลุ่มบุคคลใดออกมาแถลงรับผิดชอบต่อเหตุลอบยิงสังหารและระเบิดพลีชีพโจมตีนางภุตโต
|