วันนี้ได้เห็นแล้วว่า แกนนำพันธมิตรหรือคนเสื้อเหลืองออกมาส่งเสียงข่มขู่ให้รัฐบาลและศอฉ. ออกมาสลายการชุมนุมของคนเสื้อหลายสี 

คนกลุ่มนี้มีท่าทีเหมือนโกรธเกลียดคนไทยที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองแตกต่างกัน  แกนนำเหล่านี้ไม่เคยสำนึกรู้ตัวเลยว่าตนเองเป็นผู้ก่อการร้ายยึดสนามบิน ยึดทำเนียบรัฐบาล ทำร้ายตำรวจ จะไปกล่าวหาคนอื่นว่าเป็นผู้ก่อการร้ายได้อย่างไร

ที่น่าสมเพทอย่างมากก็คือพลตรีจำลอง  ศรีเมือง ที่ประกาศตนว่าเป็นผู้ปฏิบัติธรรมแสวงหามรรคผลนิพพานมาตลอดชีวิต บำเพ็ญตนสมถะอาบน้ำเพียง 5 ขัน แต่เหตุไฉนจึงไม่สำเหนียกว่าสาวกของพระพุทธเจ้าไม่มีวันที่จะเห็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเป็นศัตรู พระพุทธองค์ทรงสอนให้ละเว้นจากบาป เป็นผู้ระงับภัยระงับเวร นอกจากพลตรีจำลอง ศรีเมืองแล้ว  ยังมีชาวสันติอโศกผู้โง่เขลา และศาสดาอลัชชีจอมลวงโลกอย่างโพธิรักษ์ จะเดินสวนทางกับมรรคผลแล้ว ยังเดินไปสู่อบายภูมิด้วยจิตอาฆาตพยาบาทประกาศกร้าวว่า  หากรัฐบาลและกองทัพไม่จัดการ คนเสื้อเหลืองจะจัดการเอง คงไม่มีทางที่นักแสวงหาทางบุญกลุ่มนี้จะออกจากความมืด  เพราะปักใจเสียแล้วว่าเส้นทางบาปเป็นทางบุญ เส้นทางบุญเป็นทางบาป แล้วเกิดอีกกี่ชาติจึงจะพบมรรคผลนิพานเล่า บัดนี้โพธิรักษ์ หรือนายรักษ์  รักษ์พงษ์ ได้เสียสมณะสารูปไปแล้วไม่อาจเรียกตนเองได้ว่า  สมณะ เพราะสมณะแปลว่าผู้สงบกาย สงบวาจา สงบใจจากบาปทั้งปวง นี่คือเหตุผลที่อธิบายได้ว่า  ทำไมมหาเถรสมาคมจึงขับไล่ศาสดาจอมลวงโลกและสาวกสำนักนี้ออกจากความเป็นสงฆ์ 

พวกจำลอง ศรีเมืองไปกล่าวหาว่าเขาคิดล้มจ้าว  แต่ไม่มีหลักฐานเลย  คนที่คิดล้มจ้าว คือพวกปิดถนนราชดำเนินกั้นเส้นทางเสด็จของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ไม่ให้เสด็จผ่าน ทางราชดำเนิน อันเป็นเส้นทางกษัตริย์อยู่ถึง 6 วัน ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงศพ พระเจ้าพี่นางฯ    จนต้องทรงเลี่ยงไปทางถนนลูกหลวงแทน  จำลองศรีเมือง นี่แหละบังอาจ พาพวกปิดทางพระราชดำเนินคราวนั้น    ก็เห็นกันจะจะอย่างนี้  มีหลักฐานชัดเจนรู้กันทั่โลกอย่างนี้    รัฐบาลอภิสิทธิ์นี่พวกเดียวกัน   ...มันจึงไม่ทำกันเองไง......

และแล้วสื่อลวงโลกก็เริ่มสำแดงพิษสง  ตั้งแต่คืนวันที่ 28 เมษายน 2553 จนถึงเช้านี้เริ่มเสนอข่าวบิดเบือนไปตามความต้องการของรัฐบาลบ้าอำนาจ ที่ผ่านมาคงเป็นแผนการฉ้อฉลที่หลอกให้คนอ่านข่าวเชื่อว่าสื่อมีคุณธรรม แต่พอถึงคราวที่ถูกบังคับข่มขู่

สื่อก็เลือกเสนอข่าวร้ายๆของประชาชนที่มาชุมนุมด้วยความสงบ เพื่อความอยู่รอดของตนเอง และพยายามปิดสื่อของคนเสื้อแดงเมื่อคืนขณะออกอากาศรายการอนุสรณ์อาสา ทางช่อง MV5  มีการสัมภาษณ์ ดร.สุนัย  จุลพงษธร สส.พรรคเพื่อไทยอยู่ๆก็โดนตัดคลื่น

สัญญาณเอาดื้อๆ และนักข่าวช่อง เอเอสทีวียังขู่ตะคอกรัฐบาลให้จัดการกับทีวีที่รายงานข่าวของคนเสื้อแดงและ พตท.ดร.ทักษิณ ตามที่เป็นจริงอ้างว่าเป็นทีวีเถื่อน ขณะนี้ก็เริ่มฟาดงวงฟาดงาไปยังมูลนิธิไทยคมและบริษัทเทมาเส็กแล้ว อีกไม่นานรัฐบาลก็คงออกมารับลูก บรรยากาศเช่นนี้เหมือนสมัย 6 ตุลาคม 2519  ไม่มีผิด แต่คราวนี้คนไทยไม่โง่ โลก,yoไร้พรมแดน สำนักข่าวต่างประเทศเขาก็รายงานไปตามที่เห็นว่าทหารยิงกันเอง มีประชาชนบาดเจ็บถึง 18 ราย สาหัส 3 ราย และประชาชนที่ยืนดูสถานการณ์ทหารรังแกประชาชนมือเปล่าอย่างกับเป็นหมูเป็นหมาเมื่อวานนี้ที่บริเวณอนุสรณ์สถาน  เขาก้เห็นกันทั้งนั้น ใครจะไปล้างสมองเขาให้คิดเป็นอย่างอื่น

เวรกรรม ของคนไทยแท้ ๆ ที่ได้นายกชื่อ อภิสิทธิ์  จะซวยซ้ำซวยซ้อนไปถึงไหน เวรกรรมจริงๆ

ศอฉ.มีอำนาจอะไรเรียกเขาไป  ถามหน่อย  และมีอำนาจอะไรปิดปากสื่อสารมวลชน 

วันนี้ปิดเวบไซต์ไปแล้ว  420 เวบฯ  อ้างว่าส่วนใหญ่เป็นเวบที่ถ่ายทอดสดชุมนุมแดง     ฮ่วย!!!!!!

จับตาดูผู้ประกาศข่าวช่องเนชั่นก็ได้ นำเสนอข่าวมั่วซั่ว ชอบนำนักวิชาการอำมาตย์มาออกรายการ  สัมภาษณ์แต่โฆษกของรัฐบาลพูดโจมตีแต่พตท.ทักษิณ  ชิณวัตรและคนเสื้อแดงว่าจะล้มเจ้า  เป็นผู้ก่อการร้าย พอเรตติ้งตกฮวบก็รีบแก้ตัวแบบเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น  เช้าวันที่ 3 พ.ค. 53 ผู้ประกาศชาย-หญิง จำชื่อไม่ได้หรอก มีหน้ามานำเสนอว่าการรายงานข่าวของสื่อไม่ควรทำให้ประชาชนเครียด คุณรู้ไหมคนทำข่าวช่องนี้แหละที่ทำลายบรรยากาศดีๆของสื่อฟรีทีวีมากกว่าช่องอื่น 

เมื่อหลายวันก่อนผู้ประกาศข่าวตอนเช้ายังไม่เว้นแม้กระทั่งการกล่าวตู่ว่ามีพระสงฆ์ร่วมกับคนเสื้อแดงไปทำร้ายของคนอื่นที่ไม่เห็นด้วยกับคนเสื้อแดง พระสงฆ์ท่านจะละเมิดพระวินัยร้ายแรงเช่นนั้นได้อย่างไร ถึงขั้นปาราชิกเชียวนะ คุณเข้าใจไหมว่าสถาบันสงฆ์เป็นตัวแทนของความดีงามเป็นผู้ระงับภัยระงับเวร จะพูดอะไรควรคิดให้รอบคอบ สื่อมีปากและปากกาเป็นอาวุธ หากใช้ไปในทางพูดเท็จ ยุยงส่อเสียด คำพูดนั้นแหละจะทำลายความสงบสุขของคนในสังคม และในที่สุดเมื่อคนดูเขาตาสว่างบาปนั้นจะกลับมาสนอง ช่อง 3 ของนายสรยุทธ สุทัศนจินดา นายภาษิต  ก็พลอยเป็นไปกับเขาด้วยชอบพูดเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ น่าจะนำคนพวกนี้ไปทำข่าวภาคสนามนะ เพราะคุณพูด พูด พูด เหมือนนั่งเทียนคิดว่าต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้  อีกไม่นานคุณจะรู้ว่าอาชีพนี้เขาต้องการคนมีจรรยาบรรณ  รู้จริงพูดจริง รับผิดชอบคำพูดของตนเองยิ่งชีวิต สิ่งเหล่านี้ต่างหากคือมาตรฐานของสื่อมืออาชีพ 

เห็นด้วย นายสรยุทธ สุทัศนจินดานี่แหละ เข้าตำราใครชนะอยู่ด้วย ใครพ่ายแพ้นายนี่คอยซ้ำเติม มิฉะนั้นคนเสื้อแดงคงไม่บุกไปถามถึงบ้าน ไม่เชื่อคอยดูก็ได้หากบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย นายคนนี้แหละจะเปลี่ยนจากสมุนอำมาตย์ มาเป็นพี่น้องกับประชาชน เชื่อสิดูคนมาเยอะแล้วไม่พลาดหรอก คอยดูพี่แกจะเปลี่ยนไป ว่าแต่ว่าเมื่อถึงวันนั้นประชาชนจะเชื่อถือให้แก่เป็นสื่อสารมวลชนอีกหรือเปล่าเท่านั้น

 ตอนนี้เอาอีกแล้ว ศอฉ ห้ามสื่อเสนอข่าวคนมีสีไล่ล่าเสื้อแดง มันจะปิดหูปิดตาสื่อและคนทั่วไปทุกคนเพื่อไม่ให้พวกมันเองเป็๋นฝ่ายผิด