ReadyPlanet.com
dot


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน


ในหลวง-ราชินีพระราชทานพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานแจกชาวใต้
11 มิย. 2552 15:47 น.

นายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เป็นประธานเปิดประชุมสัมมนาเชิงนโยบาย วธ. ที่โรงแรมรอยัล ซิตี้ กรุงเทพฯ ซึ่งมีผู้แทนสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดทั่วประเทศเข้าร่วม และรับมอบ พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน และความหมายภาษาไทย ฉบับพระราชทานจำนวน 5,000 ชุด ประมาณ 30,000 เล่ม จาก ศ.ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน อดีตประธานรัฐสภา และอดีตประธานคณะกรรมการอิสระเพื่ออำนวยความยุติธรรมและส่งเสริมสิทธิเสรีภาพในสามจังหวัดชายแดนใต้ (กอยส.)
ศ.ดร.อุกฤษ กล่าวว่า หนังสือชุดดังกล่าวจะขอให้ทาง วธ. ร่วมกับสำนักจุฬาราชมนตรี แจกจ่ายไปยังคณะกรรมการจุฬาราชมนตรี สำนักจุฬาราชมนตรี คณะกรรมการกลางอิสลาม 36 จังหวัดทั่วประเทศ มัสยิดกว่า 1,000 แห่ง รวมทั้งสถานทูตในต่างประเทศ และองค์การระหว่างประเทศทางด้านอิสลาม เพื่อเผยแพร่พระกรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถให้แพร่หลาย โดยเฉพาะหน้าปกพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ได้ขอพระราชทานพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร. คู่กับพระนามาภิไธย ส.ก. เป็นครั้งแรก ไม่มีที่ใหนได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณอย่างนี้มาก่อน
“ข้างในของพระมหาคัมภีร์อัลกรุอาน เป็นคำแปลภาษาไทย ข้างๆเป็นภาษาอาหรับ แม้ปัจจุบันมีคนนำมาแปลกันเป็นจำนวนมาก แต่ก็ไม่ได้รับการยอมรับ ดังนั้น การจัดพิมพ์พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ฉบับนี้ถือเป็นที่ยอมรับ และเป็นฉบับพระราชทาน ที่สำคัญคณะผู้จัดทำคัมภีร์ชุดดังกล่าวไม่มีประโยชน์อะไร ทั้งชื่อเสียง เงินตรา แต่ต้องการเห็นบ้านเมืองสงบ เพราะที่ผ่านมาการแก้ปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนใต้ยังไม่สำเร็จ เนื่องจากไม่ได้ยึดหลักการทำงานที่ไม่เป็นเอกภาพ ขาดความจริงใจ และมีประโยชน์ซ่อนเร้น สำหรับการแก้ปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ของรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ชายแดนใต้ รวมทั้งรัฐบาลที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าทุกครั้งที่เกิดความรุนแรง รัฐบาลมุ่งแต่เพิ่มกำลังทหาร งบประมาณ แต่ละเลยจะเข้าไปศึกษาปัญหาที่แท้จริงคนใต้ต้องการอะไร ซึ่งจากการลงพื้นที่ชาวจังหวัดชายแดนใต้ต้องการคืออาหาร อาชีพ การศึกษา และสุขอนามัยมากที่สุด”ศ.ดร.อุกฤษ กล่าว
ท่านผู้หญิงสมร ภูมิณรงค์ ประธานมูลนิธิต่วน สุวรรณศาสน์ จุฬาราชมนตรี กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระอยู่หัวมีพระราชดำริ ที่จะให้คนไทยได้มีพระมหาคัมภีรย์อัลกุรอาน ฉบับที่เป็นภาษาของประเทศของตนเอง และต้องการให้ชาวไทยมุสลิม และผู้ที่สนใจ ได้นำข้อความที่เป็นบทสอนนั้น นำไปปฏิบัติอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ เมื่อครั้งสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เสด็จฯยังจังหวัดชายแดนภาคใต้ พระองค์ทรงเห็นความไม่เข้าใจในหลักคำสอนทางศาสนาของประชาชน จึงมีพระราชดำริให้จัดพิมพ์ พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน เพื่อพระราชทานให้แก่ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้เกิดความเข้าใจในหลักศาสนา รวมทั้งให้เกิดความสงบสันติขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย


ผู้ตั้งกระทู้ นิรนาม :: วันที่ลงประกาศ 2009-06-11 16:46:20


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1447841)

 เราเห็นว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญมากทีเดียว  น่าขอบคุณ นิรนาม ที่ได้นำเรื่อง ที่น่าเป็นประวัติศาสตร์ต่อไปนี้มาเสนอ  เรื่องนี้เป็นเรื่องของพระมหาคัมภีร์ ประจำศาสนาของศาสนาอิสลาม     ตามที่เก็บไว้ในหอสมุดแห่งชาติ  เราจะเห็นว่ามีหลายสำนวน    แต่สำนวนที่น่าเชื่อถือที่สุด  น่าจะเป็น    " พระมหาคัมภีร์อัล-กุรอาน ฉบับ แปลความหมาย และ ขยายความ โดย นายต่วน สุวรรณศาสน์ (ฮัจยีอิสมาแอล บินฮัจยียะห์ยา)  อดีตจุฬาราชมนตรี  " เพราะเป็นสำนวนที่ดำเนินการโดย  อดีตจุฬาราชมนตรี อันเป็นสถาบันของศาสนาอิสลามไทยโดยตรง     ส่วนพระพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน และความหมายภาษาไทย ฉบับพระราชทาน นี้ข้างในของพระมหาคัมภีร์อัลกรุอาน เป็นคำแปลภาษาไทย ข้างๆเป็นภาษาอาหรับ  นี้ก็เคยมีมาก่อน   แต่นายอุกฤษ มงคลนาวิน อดีตประธานรัฐสภากล่าวว่า  ไม่ได้รับการยอมรับ    

ถ้าเราเชื่อนายอุกฤษ  เราก็จะเชื่อตามว่า   พระมหาคัมภีร์ฉบับพระราชทานนี้  เป็นที่ยอมรับ

 

และน่าจะมีส่วนส่งเสริมความเข้าใจอันดีของประชาชนไทยมุสลิมในสามจังหวัดภาคใต้ให้มีความสามัคคีกันดีขึ้น

 

แต่อย่างไรก็ตาม  เรื่องศาสนาสากล นั้น   เราจะมาสรุปเอาง่าย ๆ แค่นี้เห็ฯจะไม่ได้หรอก   เหมือนกับชาวพุทธไทยทั่วไป  หากยังไม่เคยอ่าน ศึกษาระไตรปิฎก หรือแม้จะศึกษามา  ก็ใช่ว่าจะรู้เรื่องราวในพระคัมภีร์ได้ทะลุปรุโปร่งจนจะสามารถสรุปลงได้สั้น ๆ ง่าย ๆ อย่างนั้น

 

ประเด็นในที่นี้  น่าจะมีความหมายสำคัญเชิงว่า  มีความพยายามกันหลายฝ่ายเหลือเกิน  ในการจัดการดินแดนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้    ซึ่งในการนี้  ได้สิ้นเปลืองเงินทองของประเทศในองค์รวมของประเทศไปมากมาย  เพื่อเอาอกเอาใจคนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้    จนทำให้ดูประหนึ่งว่า  ชาวไทยใต้นั้นจักเขินกันไปตาม ๆ กัน  ในประเด็นน่าคิดว่า  เลี้ยงกันไม่รู้จักโตเสียที  เหมือนเด็กปัญญาอ่อน(เด็กเอ๋อน่ะ)

 

เราหมายความว่า   ยังมีพลเมืองไทยที่ลำบากยากจนอยู่ในประเทศไทยนี้มากมายมหาศาล   เช่นประชาชนอีสาน  และชายแดนกัมพูชา   เขาก็ยากจน  ไม่น้อยไปกว่าชาวใต้   แต่งบประมาณของประเทศปีหนึ่ง ๆ ไปไหน  จึงไม่เข้ามาสู่พวกเขาบ้าง

 

ซึ่งชาวไทยทั้งสิ้นน่าจะได้คำนึงในประเด็นนี้  และสำนึกร่วมกันในการบริหารจัดการปัญหาในองค์รวมของประชาชาติทั้งมวล  ไม่ไปเจาะจง หรือกระจุกลงไปที่ใดที่หนึ่ง    เพราะเมื่อองค์รวมดีขึ้น  ส่วนย่อย ๆ ก็ย่อมดีตามไปเอง  

นี่เป็นประเด็นที่น่าพิจารณากันให้ลึกซึ้ง   เป็นประเด็นทางศาสนธรรม ในแง่ที่ว่า  ประชาชนย่อมเป็นญาติ   และย่อมมองในความเห็ฯอกเห็นใจซึ่งกันและกัน    เห็นความทุกข์ซึ่งกันและกัน แบ่งกันกินกันใช้ให้ทั่วถึงบ้าง

 

นี่จะเป็นประเด็นศาสนธรรมที่ตรงปัญหา

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อรบุศป์ ละอองธรรม (newworld_believe-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2009-06-18 11:04:17


ความคิดเห็นที่ 2 (1448432)

นับเป็นโอกาสอันดีที่คนไทยทั่วๆไปจะได้มีโอกาสศึกษาคำสอนของศาสนาอิสลาม  เพราะคนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีโอกาสได้อ่าน  เนื่องจากไม่มีวางแพร่หลายเหมือนคัมภร์อื่นๆ  เป็นการส่งเสริมการศึกษาวิจัยศาสนาสากลให้แพร่หลาย   เพราะอิสลามเป็นศาสนาของโลกที่ควรได้รับความสศึกษาอย่างจริงจังอีกศาสนาหนึ่ง

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น นิรนาม วันที่ตอบ 2009-06-21 01:20:49



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.