สรุปการประชุมปฏิบัติการ
เรื่อง
“ยุทธศาสตร์และแนวทางดำเนินโครงการศาสนทายาทอุทุมพรพิสัย”
ณ โรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษาวัดสระกำแพงใหญ่
วันอาทิตย์ที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒
การประชุมปฏิบัติการ เรื่อง “ยุทธศาสตร์และแนวทางดำเนินโครงการศาสนทายาทอุทุมพรพิสัย”จัดโดยสมาคมศิษย์หลวงปู่เครื่อง สุภัทโท เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการดำเนินงานตามโครงการศาสนทายาทอำเภออุทุมพรพิสัย เพื่อสเริมสร้างความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางดำเนินงานในการสรรหาศานทายาทเพื่อบวชเรียนและการจัดตั้งกองทุนศาสนทายาทตำบลเพื่อสนับสนุนศาสนทายาทในรูปทุนการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา
(ม.๑-ม.๖) โดยมีเป้าหมายเพื่อเสนอทางเลือกในการศึกษาสำหรับลูกหลานชาวอำเภออุทุมพรพิสัย ที่จบ ป.๖ เพิ่อบวชเรียนในโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษาวัดสระกำแพงใหญ่ ปีการศึกษา ๒๕๕๒ ในวันอาทิตย์ที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๑ ณ วัดสระกำแพงใหญ่
สมาคมศิษย์หลวงปู่เครื่อง สุภัทโท พิจารณาเห็นว่า หากได้นำสาระสำคัญที่คณะวิทยากรและผู้ร่วมประชุมได้ให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการดำเนินงานสำหรับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย เพื่อนำความรู้และประสบการณ์อันมีค่าดังกล่าวไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ก็จะเป็นมหากุศลอัยยิ่งใหญ่ และเป็นการสนองปณิธานหลวงปู่เครื่อง สุภัทโท ผู้เป็นปูชนียบุคคลและเป็นต้นแบบในการดำเนินงานส่งเสริมศาสนทายาทเพื่อการศึกษาและปฏิบัติธรรมตามที่กำหนดไว้ในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสมาคมศิษบ์หลวงปู่เครื่อง สุภัมโท ที่๑/๒๕๕๑ ลงวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ ข้อ๑(๑.๑ – ๑.๔) รายละเอียดปรากฏในเอกสารประกอบประชุมหน้า ๒๒-๒๓ แนบท้าย เนื้อหาสาระของการประชุมปฎิบัติการ พอสรุปข้อคิดและแนวทางปฏิยัติได้ดังนี้ ๑. ผู้เข้าร่วมการประชุม - ประกอบด้วย พระสังฆาธิการในอำเภออุทุมพรพิสัย ๑๘ ตำบลๆละ ๒ รูป ผู้แทนหมู่บ้านและชุมชนตำบลละ ๒ คน และผู้แทนฝ่ายโรงเรียนตำบลละ ๑ คน กรรมการสมาคมศิษย์ปู่เครื่อง สุภัทโท กรรมการและผู้ประสานกลุ่มตำบล ๕ กลุ่มในพื้นที่อำเภออุทุมพรพิสัย และแขกรับเชิญจำนวนหนึ่ง รวมประมาณ ๙๙ คน/รูป
๒. กิจกรรมของการประชุม – เริ่มเวลา ๐๙.๐๐ น. กิจกรรมสำคัญประกอบด้วย พิธีเปิดการประชุม โดยพระศรีธรรมนาถมุนี รองเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานเปิดการประชุมและบรรยายพิเศษ การกล่าวรายงานต่อประธานในพิธิ โดยพระศรีธรรมมาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ การกล่าวต้อนรับพระเถรานุเถระและผู้เข้าร่วมการประชุมโดยพระมหาชัชวาลย์ โอภาโส รก.เจ้าอาวาสวัดสระกำแพง ใหญ่ และการถวายแนวคิดเรื่อง “ปณิธานหลวงปู่เครื่อง สุภัทโท กับ โครงการศาสนทายาทอำเภออุทุมพรพิสัย” โดยนายโกมินทร์ ประถมบุตรปลัดอำเภอเภออุทุมพรพิสัย ผู้แทนนายอำเภออุทุมพรพิสัย (นายมงคล คำเพราะ)
หลังพิธีเปิดเป็นการอภิปรายเรื่อง “อานิสงส์การบวชเรียนและแนวทางส่งเสริมศาสนทายาท” โดยผู้ทรงคุณวุฒิทั้งจากส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น ก่อนฉันเพลและรับประทานอาหารกลางวันเวลาระหว่าง ๑๑.๓๐ – ๑๓.๐๐น.3
หลังจากฉันเพล และรับประทานอาหารกลางวันแล้ว เวลา ๑๓.๐๐ เริ่มการประชุมกลุ่ม โดยแบ่งออกเป็น ๕ กลุ่มซึ่งประกอบด้วยกลุ่มตำบลต่างๆในสายการปกครองคณะสงฆ์ดังนี้
กลุ่มที่ ๑ ประกอบด้วย ตำบลกำแพง ตำบลหนองไฮ และตำบลหนองห้าง โดยมีอาจารย์สว่าง สุนทร เป็นผู้ประสานงานและวิทยากรประจำกลุ่ม
กลุ่มที่ ๒ ประกอบด้วย ตำบลปะอาว ตำบลแข้ และตำบลขะยูง โดยมีอาจารย์สุริยัน รัตนสีหภูมิเป็นผู้ประสานงานและวิทยากรประจำกลุ่ม
กลุ่มที่ ๓ ประกอบด้วย ตำบลทุ่งไชย ตำบลแต้ และตำบลก้านเหลือง โดยมี ผอ.เกียรจิขจร อินทรีเป็นผู้ประสานงานและวิทยากรประจำกลุ่ม
กลุ่มที่๔ ประกอบด้วย ตำบลสำโรง ตำบลตาเกษ ตำบลแขม และตำบลหัวช้าง โดยมีอาจารย์สมชาย จันทศรี เป็น ผู้ประสานงานและวิทยากรประจำกลุ่ม
กลุ่มที่ ๕ ประกอบด้วย ตำบลอีหล่ำ เขต ๑- ๒ ตำบลโคกหล่าม ตำบลรังแร้ง และตำบลโฑธิ์ชัย โดยมีอาจารย์รัตน์ พวงสวัสดิ์ เป็นผู้ประสานงานและวิทยากรผประจำกลุ่ม
ร.อ.วรพจน์ ไชยปัญญา รองประธานกรรมการประสานงานและอาจารย์สุลัคนา รัตนสีหภูมิ กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการประสานงานฯทำหน้าที่อำนวยความสะดวกทุกด้านในการประชุม
๓. สรุปสัมโมทนียกถากล่าวเปิดงานและบรรยายพิเศษของประธานในพิธี
พระศรีธรรมนาถมุนี รองเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ประธานในพิธี ได้กล่าวสัมโมทนียกถาเปิดการประชุมปฏิบัติการเรื่อง “ยุทธศาสตร์และแนวทางดำเนินโครงการศาสนทายาทอุทุมพรพิสัย” พอสรุปได้ดังนี้ (รายละเอียดดูเอกสารแนบท้าย)
(๑) ขออนุโมทนาที่คณะศิษยานุศิษย์หลวงปู่ได้ร่วมแรงร่วมใจกันเป็นเจ้าภาพจัดประชุมปฎิบัติการโครงการศาสนทายาทอำเภออุทุมพรพิสัยในวันนี้ ในฐานะที่เป็นศิษย์หลวงปู่คนหนึ่ง
จึงมีความยินดีที่จะให้ความร่วมมือในการดำเนินงานโครงการเพื่อสนองปณิธานหลวงปู่ต่อไป
(๒) สังคมไทยและสังคมโลกทุกวันนี้มีความวุ่ยวายเนื่องจากเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจและผลกระทบจากเทคโนโลยีสมัยใหม่ โครงการศาสนทายาทอาจเป็นทางเลือกในการจัดการศึกษาตามแนววิถีพุทธอีกทางที่มุ่งให้ผู้เรียนเป็นทั้งคนเก่ง คนดี และอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุขตามหลักไตรสิกขาเมื่อผู้เรียนจบการศึกษาและออกมาเป็นผู้นำชุมชน ก็จะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมตามแนวเศรฐกิจพอเพียงต่อไป
(๓) สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือคุณภาพการศึกษา เพราะเยาวชนที่จบ ป.๖ อ่านหนังสือไม่ออก เขียนหนังสือไมได้มีประมาณ ๒๐-๓๐ % โครงการศาสนทายาทมีเกณฑ์ในคัดเลือกและสรรหาเยาวชนที่จบ ป.๖ อย่างไรเพราะเป้าหมายในการคัดเลือก หนึ่งตำบลหนึ่งศาสนทายาท ขึงขอฝากไว้ให้คณะกรรมการสรรหาได้ช่วยกันคิดหาทางที่เหมาะสมและสนองปณิธานหลวงปู่ในเรื่องนี้ด้วย
(๔) เมื่อโครงการศาสนทายาทสามารถพัฒนาการศึกษาตามหลักสูตรพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษาคือการบูรณาการให้ผู้เรียนเป็นทั้งคนเก่ง คนดี และมีสุข จนเป็นที่ยอมรับของสังคมและผู้ปกครอง แล้ว ผู้ปกครองก็จะส่งบุตรหลานมาเรียนเอง คนก็จะเข้าวัดมากขึ้น วัดก็จะกลายเป็นศูนย์การเรียนรู้อย่างที่เคยเป็นมาแล้ว จึงมึความจำเป็นที่จะต้องช่วยกันฟื้นฟูประเพณีบวชเรียนตามปณิธานหลวงปู่ให้กลับมาอีกครั้งหนึ่งโดยเริ่มที่ วัดสระกำแพงใหญ่เป็นแห่งแรก
(๕) ข้อแตกต่างระหว่าง “ศาสนทายาท” และ “ศาสนบุคคล”เป็นเรื่องที่คณะผู้บริหารโครงการควรจะได้รับทราบอย่างถูกต้อง กล่าวคือ “ศาสนทายาท”หมายถึงผู้บวชเรียนอันได้แก่พระภิกษุสามเณร ผู้ทำหน้าที่ศึกษาพระธรรมวินัยและสืบทอดพระพุทธศาสนาโดยตรง ตามพระพุทธดำรัสที่ว่า “เมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว พระธรรมวินัยจะเป็นครูแทนพระองค์” ส่วนอุบาสกและอุบาสิกาถือว่าเป็น”ศาสนบุคคล”ตามความหมายและขอบข่ายของพุทธบริษัท ๔ ซึ่งมีหน้าที่จรรโลงพระพุทธศาสนาเช่นเดียวกัน
(๖) ผลกระทบจากเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น คอมพิวเตอร์ อินเตอร์เนต ฯลฯ ซึ่งถือว่าเป็นกระแสแห่งมรณะ ยังคงมีอยู่และนับวันจะมากขึ้น โดยเฉพาะผลกระทบต่อเด็กและเยาวชนรวมทั้งพระภิกษุ-สามเณรที่กำลังศึกษาเล่าเรียนอยู่ คณะสงฆ์และผู้บริหารการศึกษาของคณะสงฆ์จึงจำเป็นต้องช่วยกันหาทางแก้ไข เรื่องนี้อย่างจรังจัง จึงจะเกิดผลดีต่อการจัดการศึกษาโดยรวม แนวคิดเรื่อง พุทโธโลยี และเทคโนโลยี ของหลวงปู่ น่าจะนำมาขยายผลให้เป็นรูปธรรมยิ่งขื้น
(๗) หลวงปู่เคยหารือและฝากให้ตน(เจ้าคุณศรี)ดูแลวัดสระกำแพงใหญ่ว่า “ต่อไป วัดสระกำแพงใหญ่จะเป็นองค์กรหลักในพระพุทธศาสนา เมื่อหลวงปู่ละสังขารไปแล้ว ก็อดเป็นห่วงพระ-เณร ผู้สืบพระศาสนาไม่ได้ จึงขอฝากเจ้าคุณ (เจ้าคุณศรี)ให้ช่วยดูแลเรื่องการศึกษาและบำรุงวัดด้วย เมื่อวัดมั่นคงแล้วจึงต้องเดินทางเข้าหาชุมชนต่อไป” จากปณิธานดังกล่าว จึงทำให้ตน(เจ้าคุณศรี)ต้องเกี่ยวข้องกับการศึกษาของวัดสระกำแพงใหญ่ โดยเฉพาะการดูแลห้องเรียน มจร.วัดสระกำแพงใหญ่มาอย่างต่อเนื่องจนปัจจุบัน แม้ว่าค่าใช้จ่ายในการบริหารงานไม่พอ ก็ต้องควักสตางค์ของตน (เจ้าคุณศรี)ไม่น้อยกว่าเดีอนละ ๒ แสนบาทเข้าเสริมงบประมาณทางราชการ จึงจะทำให้งานของ มจร.เดินต่อไปได้
(๘) หลวงปู่ได้หารือกับพระเทพวรมุนี (วิบูลย์ กัลยาโณ)ไม่นานก่อนละสังขารเกี่ยวกับการขยายเครือข่ายห้องเรียน มจร.วัดสระกำแพงใหญ่ไปยังชายแดนไทย-กัมพูชา เขตอำเภอกันทราลักษณ์ ภูสิงห์ หรือ ขุขันธ์ว่า หากสามารถจัดกิจกรรมความร่วมมือทางด้านการศึกษาระหว่างคณะสงฆ์ไทยและคณะสงฆ์กัมพูชา ในบริเวณชายแดนดังกล่าวในนามห้องเรียน มจร.วัดสระกำแพงใหญ่ได้ ก็จะเกิดประโยชน์แก่ประเทศทั้ง ๒ โดยรวม โดเฉพาะด้านการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม รวมทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมืองด้วย เพราะประเทศทั้ง ๒ ต่างนับถือพระพุทธศาสนเป็นศาสนาประจำชาติ และส่งพระ-เณร มาศึกษาณ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทลัยาลัยอยู่แล้ว หากคณะสงฆ์ศรีสะเกษสามารถขยายเครือข่ายห้องเรียน มจร.ไปยังชายแดนประเทศทั้ง ๒ ได้ก็จะเกิดผลดีแก่ฝ่ายศานาจักรและราชอาณาจักรอย่างแน่นอน
(๙) การบริหารคณะสงฆ์ในปัจจุบันเริ่มตั้งแต่เจ้าอาวาสขึ้นมา ได้ยึดพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติม ๒๕๓๕ และการบริหารห้องเรียน มจร.วัดสระกำแพงใหญ่ ได้ยืดพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราวิทยาลัย พ.ศ. ๒๕๔๐ เป็นสำคัญ หากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ศึกษาและทำความเข้าใจพระราชบัญญัติทั้ง ๒ ฉบับดังกล่าว ก็จะไม่เกิดข้อขัดแย้งในหมู่พุทธบริษัทแต่ประการใด เพราะภารกิจที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติทั้ง ๒ ฉบับ ล้วนเป็นภารกิจของสงฆ์ทั้งสิ้น