- แกนนำแดงทั้งแผ่นดิน หลังเคารพเพลงชาติ ค่ำวันที่ 13 มี.ค.2553 เวทีหลักสะพานผ่านฟ้าลีลาศ กรุงเทพมหานคร ศูนย์กลางเคลื่อนพลเสื้อแดงนับล้าน พายัพ ปั้นเกตุ บรรยายว่าแดงทั่วแผ่นดิน ภาคตะวันออก แดงใต้ แดงตะวันออกเฉียงเหนือ แดงเหนือเคลื่อนพล ไหลมาทั้งวัน แต่เช้ามาจนบัดนี้แดงยังไหลมาไม่หมดสิ้น และยังมีทัพเรือรวมกันกว่า 60 ลำ มีแม่ทัพเรือพายัพ ปั้นเกตุ บัญชาการเคลื่อนทัพออกจากกรุงเก่าอยุธยา สมทบเรือรบภาคตะวันออก แล่นมาตามลำน้ำเจ้าพระยาแดงทั้งลำน้ำ ถึงกรุงเทพมหานคร บรรจบทุกทัพเพื่อไล่อมาตย์ ก่อน 12.00 น. 14 มี.ค.2553 ฉะนี้แล้ว อภิสิทธิ์และอำมาตย์จะอยู่ได้อย่างไร?????
- 12.40 น. วันที่ 14 มี.ค. 2553 แกนนำสำคัญทุกคนขึ้นเวที และวีระ มุสิกพงษ์ ประธาน นปช.แดงทั้งแผ่นดิน อ่านคำแถลงการณ์ ขอให้รัฐบาลทราบความต้องการของประชาชน และขอเรียกร้องให้รัฐบาล คืนอำนาจให้ประชาชน โดยยุบสภา ขอให้ทางรัฐบาลให้คำตอบภายใน 24 ชั่วโมง
- 13.20 น. ชอน บุญประคอง ประกาศข่าวสั้นเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อให้โลกได้รับรู้เรื่องราวของพลเสื้อแดง ตรงไปตรงมา ชอน ทำหน้าที่สื่อเหตุการณ์เสื้อแดงไปสู่โลกด้วยภาษาสากลเป็นระยะ ๆ โดยหวังว่าโลกจะเข้าใจเหตุการณ์ที่ตรงไปตรงมา
- 21.00 น. ทักษิณ โฟนอิน เล่าเบื้องหลัง พล.อ.เปรม สั่งสังหาร
- แกนนำนัดเคลื่อนพล 09.00 น. วันที่ 15 มี.ค. 2553 ไปราบ 11 ที่ซึ่งพล.อ.เปรม อภิสิทธิ์ สุเทพ อนุพงษ์ รวมกันอยู่ เพื่อถามเรื่องยุบสภาหรือไม่?
- 15 มี.ค. 2553;
0700 น. หมอเหวงออกมารายงานว่าจำนวนเสื้อแดงที่มาชุมนุมเข้าหลักล้านอย่างแน่นอน ตั้งแต่คืนนี้แล้ว โดยคำนวณจากพื้นที่ถนนรอบด้าน เฉพาะด้านอนุสาวรีประชาธิปไตยด้านเดียวคำนวณได้ 80,000 ตร.เมตร โดยทฤษฎีฝรั่ง ใน 1 ตร.เมตรนั่งได้ 5 คนฝรั่ง, 1 ตร.เมตรไทยคนไทยนั่งได้ 7 คน ฉะนั้น 7 x 80,000 = 560,000 คน แล้วเอา 2 คูณ (คือบวกอีกด้านหนึ่ง ที่อยู่ตรงข้ามกัน) ก็เป็นคำตอบ นั่นคือ 560,000 x 2 = 1,120,000 คน เพราะฉะนั้นประชาชนที่มาชุมนุมทั้งหมดมีจำนวน 1,120,000 คน (ทาง มท.รายงานว่ามี 6.4 หมื่นคน รายงานไทยรัฐออนไลน์ 12 มี.ค.2553)
- ทางเสื้อแดงเตรียมการเคลื่อนพลเวลา 09.00 น.ไปราบ 11 เพื่อเรียกร้องให้ฝ่ายปกครองอมาตยาธิปไตยยุบสภา
แรมโบอีสานหรือ สุภรณ์ อัตถาวงศ์ สั่งการเคลื่อนขบวนแดงทั้งแผ่นดิน บุกราบ 11 เช้านี้ 15 มี.ค.2553 เวลา 09.00 น....สูศึกอย่างคึกคะนอง ...เดินทางไกล ไปด้วยกัน....
10.30 น. รายงานข่าวช่องแดง ว่ามีประชาชนทะยอยมาชุมนุมหน้า ราบ 11 อย่างต่อเนื่อง มีประมาณ 4 แสนเศษแล้ว
10.40 น. ทหารที่ตั้งแถวนิ่งสงบหลังรั้ว ร.11 มานาน เริ่มขยับตัว แตกแถวออกไปบ้าง เมื่อมีเสียงเรียกร้องให้ต่อสู้รัฐบาลทรราชอภิสิทธิ์ ผู้หนีทหาร และขออย่าเป็นศัตรูกับประชาชน ประชาชนมาจากทางไกลเพื่ออะไร ให้ทหารคิดดู เขามาไม่ได้เรียกร้องเงินทองเข้าของส่วนตัว แต่เขาช่วยประเทศชาติ ด้วยการขับไล่อมาตย์ รัฐบาลโจร เพื่อประชาธิปไตยของคนทั้งชาติ ...... มีเสียงมาจากภายในร.11 บัดนี้จึงแน่ใจว่าเป็นปฏิบัติการตอบโต้ของฝ่ายทหารเชิงการโฆษณา.....ทีวีแดงตัดภาพไปฟัง สป๊อต อภิสิทธิ์ พูดสมัยเป็นฝ่ายค้าน เรื่องยุบสภา แม้ประชาชนเพียง 1 คนก็ยุบได้ ......
11.00 น. เป็นการตอบโต้ทางการโฆษณาประชิดตัว ระหว่างทางค่ายทหาร ร11 กับ ทางเสื้อแดง ทางทหารพูดออกมาว่า การโฆษณาของฝ่ายเสื้อแดงดูถูกดูหมิ่นทหาร ขอให้ละลง..... ทางเสื้อแดง บัดนี้ วีระ มุสิกพงษ์ แก้ไขสถานการณ์สงครามโฆษณา โดยบอกว่าเสื้อแดงไม่เป้นศัตรูกับทหาร เพราะทหารเป็ฯพี่น้อง มีเมียทหารมาในขบวนเสื้อแดงมากมาย แต่เสื้อแดงมาเพราะรัฐบาล 30 กว่าคน หลบบมาอยู่ในค่ายทหาร เราตามคนหนีทหารมาหลบซ่อนอยู่ในค่ายทหารเพียงคนเดียว .............และเสื้อแดงไม่เกี่ยวกับกองทัพ ขอเพียงรัฐบาลสั่งยุบสภาเท่านั้น เป็นการคืนอำนาจให้ประชาชน.................. ทางค่ายทหารดูเหมือนจะเริ่มฟัง.................เงียบไป...... วีระพูดต่อว่า พรุ่งนี้จะมีขบวนการชาวนามาสมทบอีกมากมายมหาศาล ถ้ารัฐบาล-ทหารสามารถแก้ไขปัญหาพวกเขาได้ก็อยู่ต่อไป........แล้วว่าทหารใหญ่ไม่กี่คนกระทำไปโดยทหารนับแสนคนไม่รู้ เราขอให้การเมืองแก้ด้วยการเมือง .......ทหารตอบมาว่าทหารจะไม่ทำร้ายประชาชนอย่างเด็ดขาด ขอให้ทางวีระดูแลเสื้อแดง ทหารดูแลทหาร เราตกลงกันว่าจะไม่ให้เกิดความรุนแรง......... วีระรุกต่อว่า คนหนีทหารคนนั้น ทหารรู้หรือเปล่าว่าเขาทำความผิด...... ผิดก็ต้องรับผิด ติดคุก.......แล้วแสดงความเห็นเชิงกฎหมายไป.................. ทหารเสนออาหารกลางวันแด่ประชาชน....... วีระว่า ไม่กังวล .เราเป็นนักต่อสู้........ ไม่ต้องห่วงเรา ให้ทหารรับประทานกันไป เรามาปิ๊คนิกที่กรุงเทพ.....จะกินจะนอนไม่เป็ฯปัญหา ทหารจะกินก็กินไป พวกเราจะปราศรัยไป สัก 3-4 คน...... เรารู้คำตอบของรัฐบาลแล้ว เขาไม่อยู่ก็แล้วไป............เอาละพี่น้อง รัฐบาลไม่ได้อยู่ข้างใน คนหนีทหารหนีไปจากค่ายทหารไปแล้ว.........การุณ โหสกุล ประกาศข่าวว่า อภิสิทธิ์ กับ สุเทพ ขึ้นฮ.ไปที่......ฟังไม่ชัดว่าเป็น...กองทัพอากาศ........ทหารเปิดเพลงยั่วอารมณ์..........ทำให้เสื้อแดงรวน..... วีระจับไมค์ เตือนให้หยุดเพลงสยบมวลชน.......... ไปเรียนจิตวิทยามาจากไหน...? หยุดเพลง.........(ทางทหารเตือนสะพานจะหัก....ระวังอย่าแอบตัดลวดหนาม.....) วีระบอกอย่าตัดลวดหนามเด็ดขาด.......และขอฝ่ายทหารอย่าเปิดเพลง .. ไม่มีผู้ขอเพลง....... เมื่อทราบว่าอภิสิทธิ สุเทพไปแล้ว เราก็จะกลับเท่านั้นเอง ........ประกาศว่าอภิสิทธิ์ สุเทพขึ้นฮ.ไปแล้ว....คนโห่........ เราไม่ได้มาเพื่อจะทะเลาะกับทหาร.....ขอเราพักพลสักหน่อยก่อนแล้วเราจะกลับไป...........ปรบมือแด่ตัวเองหน่อย เรารักษาสถิติของเราไว้ได้ คือรักษาความสงบ สันติ อหิงสาไว้ได้ นับเป็นสุดยอด ปรบมือหน่อย .......ขอให้ทั้งสองฝ่ายสงบ อย่าให้เป็ฯจิตวิทยาผิดพลาด จิตวิทยามวลชนทหารยังไม่ดีพอ...... ระวังหน่อย เราพักสัก 1-2 ชม.เผื่อฮ.มาส่งคนหนีทหารขอให้จับตัวมาให้เสื้อแดง เสื้อแดงจะเอาไปดำเนินการเอง...... ขอธิดา ถาวรเศรษฐ พูด ต่อจากเก่งการุณ......
12.20 น. ธิดา ถาวรเศรษฐ์ ขอให้ทหารทราบว่าชาติหมายถึงประชาชน ไม่ใช่แผ่นดินอย่างเดียว อย่าทำร้ายประชาชน ....... จงรักษาประชาชน เรามากันเป้ฯล้านคน แต่ขอเพียงรัฐบาล ยุบสภา เท่านั้นเอง ....... เราไม่ได้ขอมาก.......... วีระ มาให้เหตุผลซ้ำเข้าไปอีก .......ทหารลูกหลานประชาชน........... รัฐบาลบริหารประเทศชาติไม่ได้ผล ขอให้พ้นหน้าที่ไป เท่านั้น.....
12.25 น. วีระ พูดอยู่ บรรยากาศดี สงบ ไม่มีผู้ตอบโต้.........ทหารขอชี้แจง......วีระขอให้ฟัง เขาบอกระวังสะพานลอย สะพานจะหัก ขอให้ลง สะพานรับน้ำหนักนาน ๆ ไม่ได้ .......และว่า...ทหารที่เห็นไม่ได้พกอาวุธเลย.......มีแต่อาวุธประจำตน ไม่มีอาวุธประจำกาย(เขาหมายถึงเพศลัษณ์) ...... ว่าไม่มีทหารปนในประชาชน หากจับได้ให้ถาม มีคำว่าโนอย่างเดียวได้เลย เอาให้ช้ำเลย.....วีระประกาศรับพี่น้องที่ทะยอยมา ว่า อภิสิทธิ สุเทพไม่อยู่แล้ว เขาไปแล้ว ปล่อยให้ทหารมายอมรับ เราได้แต่ยื่นไมตรีจิตมิตรภาพให้.......จึงอย่าทำลายสิ่งของ........ต่างประเทศยกนิ้วให้แล้วว่า เป็นตัวอย่างของการชุมนุมอย่างสันติ อหิงสา...... ทหารตอบเห็นดีด้วย..........วีระ บอกเกินเวลาให้คำตอบแล้ว.....แม้ว่าเขาออกโทรทัศน์แล้ว ว่าไม่อาจจะให้คำตอบได้............. เราก็จะกลับไป...ปรึกษาหารือกันต่อไป.......ตามแบบประชาธิปไตย......
12.30 น. วีระ สรุปเหตุการณ์ว่าเราประสบความสำเร็จในการดำเนินคติ สงบสันติ อหิงสา และว่าทหารกับประชาชนเป็นมิตร เพราะได้ต้อนรับประชาชน ตามธรรมเนียม เป็นประเพณีไทยไท้แต่โบราณ ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ......เห็นคนกรุงเทพต้อนรับชาวเสื้อแดงต่างจังหวัด.......... จตุพรมาแล้ว....
12.40 น. จตุพร พรหมพันธ์ พูด .... พลเอกอนุพงษ์ ฟังผม........ณัฐวุฒิมา....ขอให้เชื่อมเสียงกับจตุพร.........ทหารพูดมา...ฟังไม่ชัดว่าพูดอะไร..แว่ว ๆ ว่าเตือนอย่าล้ำเส้น เหยียบเส้นของฝ่ายอื่น .......ณัฐวุฒิทดลองเสียงโห่ เสียงยังไม่ออก.......ออกแล้ว....... มีแรมโบอิสานยืนอยู่ข้าง ๆ ณัฐวุฒิ......มวลชนเริ่มออกกิริยาขับไล่.......อย่างเป็นอัตโนมัติ......เสียงยังไม่ออก......(หรือยังไม่ออกเสียง).......อยากมีเรื่อง เรื่องมีไหม?....... ณัฐวุฒิถือโทรศัพท์.......ทหารพูดออกมาว่ามีสิ่งยึดเหนี่ยวเสมือนกันคือ 3 สถาบัน......เสียงณัฐวุฒิ ..... ว่าราบ 11 อยากจะมีเรื่อง ............ณัฐวุฒิโห่.....ไอ้ควายช่วยปิดเสียงหน่อย กูอยากจะปราศรัยบ้าง มึงอยากปราศรัย มึงออกมาข้างนอก.... มึงไม่ต้องเทศน์ เขารู้หมดแล้ว..... ไม่หยุด.......เอาพี่น้องโห่มันหน่อย.............ไม่ต้องมาเทศน์ให้ฟัง.......ไอ้ควายเอย......คนเสื้อแดงไม่อยากฟังมึง.....เขาอยากฟังกู............พี่น้องเปิดเครื่องเสียงสู้กับมันเลย............พายัพ ปั้นเกตุ...มาแล้วเปิดเสียงดังเลยพี่น้อง..........เพลงแดง....ขึ้นสนั่น.........................ขอให้สัญญา จากวันนี้วันหน้า ไม่เปลี่ยนแปลง ...เสื้อแดง ทุกคน...... ณัฐวุฒิประกาศให้หยุดพูด ให้เวลา 5 นาที จะขับรถชนลวดหนามเข้าไป ........เท่ากับคุณเจตนาบีบบังคับให้เราเข้าไป หยุด....หยุด....... อนุศาสน์รู้อะไรองคุลีมาลย์ ..องคุลีมาลย์เป้ฯอรหันต์ องคุลีเทพ อภิสิทธิ์เป็นอะไร........... ผมมานี่มาถาม. คนมา3ล้านให้ถาม.........มันไม่ยุบ.....ภายใน 10 นาทีนี้ จะประกาศมาตรการสุดท้าย ตายเป้นตาย สุดท้ายจริง ๆ .............ทหาร ไอ้คนที่พูด....ทหารเล็งปืนมาทางผมหมายความว่าอย่างไร..........ยิงมาเลย ......ถ้าไม่ยิงเอาปืนออกไป.........หน่วยการ์ด100คนเอาไปจับไอ้ตัวนั้นเป้นใครตั้งปืนมา......เอาตัวมา.................ผมเคารพทหารกล้า แต่ไม่สนขี้ข้าอำมาตย์........
13.03 น. เสียงเงียบไป............ภาพอยู่.............มีรถพระรดน้ำมนต์เคลื่อนเข้ามา........มาแล้ว........สื่อมวลชนมาเลย ใน5นาทีผมจะแถลงมาตรการยกระดับต่อไป........รถแดงศรีสะเกษผ่านเข้ามา........ผมรู้ในราบ11มีแต่ทหารแตงโม............จตุพรพูดก่อน......
13.09 น. จตุพร พูด.......ว่าทหารที่ฆ่าประชาชน 13 เม.ย.52 อยู่ที่นี่ ..........อนุพงษ์ เผ่าจินดา คนมาล้านคนคุณมุดหัวอยู่ที่ไหนไอ้หัวเถิก..........มึงบอกว่าถ้าแพ้ติดคุก ผมบอกว่าถ้าแพ้มึงตายแน่ ประยุทธ......สุเทพ มึงทำอะไรอยู่.......ถ้าพร้อมจะยิงคนไทยก็ยิงมาเลย..........จตุพรพูด ณัฐวุฒิคลี่ผ้าเย็นล้างหน้าตา.....(เหมือนศึกวอเตอร์ลูเลย.....แพ้ชนะอยู่ที่ 5 นาที วาทะนะโปเลียน...... และผู้ชนะคือผู้ที่เตรียมตัวแพ้...) จตุพร พวกผมหูดับ พวกท่านก็ตับไหม้...... ท่านเอาประชาชนไม่อยู่หรอก.....เราไม่ใช้ความรุนแรง ไม่หมายความว่ากลัว.....เราต้องการโค่นอำมาตย์.....ไม่ทราบว่าทหารอย่างท่านเลือกที่เดียวกับเราหรือไม่.............. อมาตย์เอาสถาบันกษัตริย์มารับใช้ตนเอง.............เรารู้...คนที่ไปก่อนคือเปรม....อภินพ เครือสุข พล.ทหาร แห่งราบที่1 ถูกตีด้วยท้ายปืนตาย เพราะไปรู้ความลับ หนีการเกณฑ์ทหารให้กับอภิสิทธิ์ .......วิญญาณเขาจึงอยู่ที่นั่น ยอมทุบบ้านทิ้งหนีไป......ทำไมอภินพต้องตาย.....เพราะเป็นลูกคนจนใช่ไหม? ...พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ได้เหรียญรามา........ขอพบอภิสิทธิ์ นายอภิสิทธิ์ ไม่ยอมให้เข้าพบ......เขาแถลงข่าวด้วยน้ำตานองหน้า ...... ไม่ให้ย้าย อย่ที่เดิม...............อภิสิทธิ์ ไม่มีหัวใจให้ลูกน้อง....
13.32. พายัพ ปั้นเกต พูดอยู่ ......... รัฐบาลอภิสิทธิ์ ไม่มีความชอบธรรม จะสนับสนุนไปทำไม จัดการให้มันออกไปได้แล้ว ทหารทั้งหลายมาอยู่เคียงข้างประชาชนคนเสื้อแดงดีกว่า.......(ณัฐวุฒิ มากระซิบกับจตุพร ๆ มองไปทางค่ายทหารเบื้องสูง คล้ายระแวง.....) แล้วหมอเหวงมา.....ว่าผมเตือนเปรม....อภิสิทธิ์.....ผมยืนยันสันติวิธีไง... ถ้า.......มีเสียงทหารพูดออกมาจากค่าย หมอเหวงตะโกน หยุดก่อน ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ เกิดอะไรผมจัดการให้ ณํฐวุฒิ ขอให้ฟังการยกระดับการต่อสู้.....13.40 น. ไม่ปรากฎว่านายอภิสิทธิ์จะเปลี่ยนการตัดสินใจ.........เพราะฉะนั้น.....เราจะประกาศยกระดับ........ตายเป้นตาย เลือดเนื้อก็สละได้.....จะรวบรวมเลือด1ล้านซีซีจากพี่น้อง 5แสนคน จะเอาไปเทรอบทำเนียบรัฐบาล......พรุ่งนี้ 8.00น.เจาะเลือด 1 ล้านซีซี. ถ้ายังไม่ยุบ จะเจาะอีก1ล้านเทพรรคประชาธิปัตย์ ถ้ายังไม่ยอมจะเจาะ1ล้านที่ 3 รอบบ้านนายอภิสิทธิ์...เลือดทาแผ่นดินสังเวยประชาธิปไตย.........แน่นอน....นี่คือคำประกาศอย่างเป็นทางการ....
13.50 น. เคลื่อนกลับ
อุทาหรณ์นี้มีมาแต่อดีตกาลนานมา 2010 ปีมาแล้ว ได้ปรากฎความไม่เป็นธรรมอันยิ่งใหญ่มาก ไม่เคยมีมาก่อน นั่นคือ จักรวรรดิ์โรมันและผู้ปกครองกรุงเยรูซาเล็ม ตัดสินพิพากษาองค์พระเยซูคริสต์ ไปตามข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นธรรม ของศัตรูของพระองค์ โดยกล่าวหาว่าพระองค์ทรยศต่อพระเจ้าอับบราฮามของเยรูซาเล็มขณะนั้น เจ้าเมืองคือปิลาต(Pilate)ฟังเสียงข้างโจทก์คือเหล่านักบวชขุนนางดั้งเดิมผู้ใส่ร้ายฝ่ายเดียวแล้วได้ตัดสินให้ตรึงพระองค์ด้วยไม้กางเขน ก่อนตรึงกางเขนให้ลงโทษโบยอย่างหนัก แล้วแบกกางเขนไปสู่ที่ประหาร บนเขาตำบลหัวกะโหลก ตามที่เห็นในภาพยนต์เรื่อง Jesus Christ นั่นแหละ แต่องค์พระเยซูคริสต์ทรงให้อภัยพวกเขา และยังทรงเตือนสาวกของพระองค์ให้ให้อภัยพวกเขาเช่นเดียวกับพระองค์ ก่อนจะสิ้นพระชนม์ พระองค์ถูกทหารอมาตย์แทงที่สีข้างจนเลือดกระฉุดสิ้นพระชนม์ พระองค์ตรัสด้วยเสียงอันดังว่า ขอพระบิดาทรงอภัยให้พวกเขาด้วยเถิด เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขาทำอะไรลงไป
น่าเป็นข้อคิดแด่สังคมไทยในขณะนี้ ว่าทุกฝ่ายควรละเว้นความรุนแรง และฝ่ายที่ให้อภัยได้ ย่อมเป็นผู้ชนะในที่สุด เหมือนดั่งความอยุติธรรมครั้งนั้น ภายหลังได้สร้างศาสนาคริสต์ขึ้นมา และเป็น 1 ในศาสนาใหญ่ ๆ 3 ศาสนาของโลกปัจจุบันนี้ คนเสื้อแดงได้ประกาศเป้าหมายการต่อสู้เพื่อประชาชนและประชาธิปไตย โดยยืนยันหลักการต่อสู้ด้วยสันติธรรมและอหิงสา อย่าลืมว่าหลักการนี้จักบรรลุไม่ได้ หากขาดความทรหดอดทนอย่างถึงที่สุด ความเสียสละต้องมากแม้ด้วยชีวิต และด้วยเหตุนี้จึงต้องสร้างจิตใจที่ให้ความอภัยได้ แม้แด่ศัตรู เฉกเช่นเดียวกับองค์พระเยซูคริสต์ หากขาดความอภัยเสียแล้ว อุดมการณ์หาอาจบรรลุได้ไม่ ในขณะเดียวกันหากพวกรัฐบาลและอมาตย์คิดว่าประชาชนเป็นศัตรูของตน ไม่เข้าใจประชาชน ไม่เข้าใจประชาธิปไตย แล้วก็ย่อมก่อเกิดปัญหาใหญ่ในประเทศ โดยที่พวกรัฐบาลและอมาตย์เองเป็นต้นเหตุที่สร้างปัญหาเสียเอง
ฉะนั้น ถ้าฉลาดคิดแล้ว ก็จงคิดแบบครรลองประชาธิปไตย อันเป็นระบอบการปกครองยุคใหม่ทันสมัย ที่เป็นธรรม เพราะโดยระบอบนี้ คนทุกคนย่อมมีเสรีภาพแล้ว ความเป็นทาสไม่อาจจะมีอยู่อีกต่อไป เท่ากันหมด มีความเสมอภาค ด้วยอำนาจการปกครองเท่ากันคนละ 1 เสียง และทุกคนมีภราดรภาพ ความเป็นไทย เลือดเนื้อเชื้อไทยเท่าเทียมกันหมด โดยเพียงการฟังเสียงประชาชน ประชาชนคือเสียงสวรรค์ เท่านั้นเอง ทุกสิ่งทุกอย่างจะจบลงภายในวินาทีที่ตัดสินใจ .
· อรบุศป์ ละอองธรรม
10 มี.ค. 2553/09.20 น.
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 27 ของประเทศไทย ภาพล่าสุด หลังเสื้อแดงล้านนัดหมายชุมนุมขับไล่ ภาพนี้ถ่ายจากจอโทรทัศน์ขณะเขาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน วันที่ 12 มี.ค.2553 จะเห็นใบหน้ายาว แก้มตอบลึก คางแหลม และตาเข ปากจู๋ ซึ่งเป็นโหงเฮ้งที่เสียหายอย่างที่สุดของเขา
เวลา 20.20 น. 14 มี.ค.2553 นายจตุพร พรมพันธ์ ได้นำคลิปเสียงสั่งฆ่าประชาชนและสั่งปิดดีสเตชั่น กรณี 13 เม.ย.2552 อีกครั้งหนึ่ง แสดงถึงความอำมะหิตของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพื่อระวังการชุมนุมครั้งนี้ อาจจะพบแผนการปราบปรามอย่างรุนแรงเฉกเช่นนั้น และเตือนระลึกว่า ประชาชนต้องเอาฆาตกรอำมะหิตคนนี้มาลงโทษให้จงได้
ความยุติธรรมไม่มี สามัคคีไม่เกิด
เรื่องความยุติธรรมยังสอนเราต่อมา และยังคงอยู่ที่วงการศาสนาคริสต์อยู่ แต่คราวนี้เป็นเพราะคณะบาดหลวงคาทอลิก ซึ่งสถาปนาตนเองขึ้นเป็นผู้ปกครองแผ่นดิน ในฐานะตัวแทนของพระเยซูคริสต์ และโดยฐานะตัวแทนของเทพเจ้าคณะบาดหลวง มีโป๊ปเป็นหัวหน้า ได้สร้างระบบการปกครองที่กดขี่ข่มเหงและไม่เป็นธรรมแก่มนุษย์ขึ้นด้วยการกำหนดให้มนุษย์ทั้งหลายเป็นคนบาป มีฐานะเพียงดังทาสของผู้ปกครอง ไม่มีสิทธิ์โต้แย้งหรือคัดค้านคำสั่งใดใดของคณะบาดหลวง โดยอ้างพระคัมภีร์คริสต์ศาสนาว่า เพราะมนุษย์คู่แรกที่เป็นต้นตระกูลมนุษย์ คืออาดัมกับอีวา ได้ประกอบกรรมบาปขึ้นในสวนเอเดน และจึงสืบทอดทายาทต่อมาด้วยเลือดคนบาป มนุษย์ทั้งโลกจึงเป็นคนบาป และคนบาปเหล่านี้ทั้งหลายจะต้องระงับพระพิโรธของพระเจ้า ด้วยการประกอบพิธีชำระบาป (ล้างบาป) ซึ่งมนุษย์จะถูกกำหนดให้กระทำเป็นประจำ เป็นปี เป็นเดือน และเป็นวัน โดยบาดหลวงเป็นผู้กำหนดไว้อย่างละเอียดว่ามนุษย์ผู้ใดจะต้องเสียค่าพิธีกรรมล้างบาปเท่าไร ซึ่งในการกำนดนี้ได้เกิดความไม่เป็นธรรมเพราะบาดหลวงกระทำไปตามอำนาจความโลภของตนเอง อย่างไม่สามารถอธิบายให้ประชาชนเข้าใจได้ ไร้กฎเกณฑ์ที่เป็นธรรม เช่นเห็นกษัตริย์ที่ร่ำรวย บาดหลวงก็จะเรียกเงินพิธีกรรมค่าล้างบาปเอาอย่างมากมายมหาศาล คนมั่งมีก็เสียมาก คนยากคนจนก็ต้องเสีย มากน้อยตามแต่บาดหลวงจะสั่งการออกมา โดยมนุษย์ไม่อยู่ในฐานะที่จะโต้แย้งได้ จนกระทั่งคณะบาดหลวงยิ่งรีดไถประชาชนมากขึ้นจนร่ำรวยไปตาม ๆ กัน จนกระทั่งครั้งที่กษัตริย์ พระเจ้าเฮ็นรีที่ 1 เป็นกบฏต่อบาดหลวง ได้ปล้นสำนักบาดหลวง ได้เงินทองทรัพย์สินไปจนสร้างประเทศปรัสเซียขึ้นได้ทั้งประเทศก็มี (คือราชวงศ์โฮเฮนโซลเลินแห่งประเทศปรัสเซีย)
ผลของความอยุติธรรมครั้งนี้ ได้ทำให้กษัตริย์และประชาชนผู้ถูกกดขี่ทุกชั้นสุดจะทนทานได้ จึงได้ทะยอยลุกขึ้นต่อต้านระบบการปกครองคณะตัวแทนเทพเจ้าบนสวรรค์ ประกอบกับมีแนวคิดทางศาสนาพุทธแพร่หลายเข้าไปในยุโรป อเมริกา ทำให้แนวคิดเรื่อง ความเป็นมนุษย์ การปกครองตนเองของมนุษย์ โดยมนุษย์ และเพื่อมนุษย์แพร่หลายออกไป จึงมีการปฏิวัติทางความคิดเกิดขึ้นครั้งใหญ่ในยุโรปและอเมริกา มีการปฏิวัติระบอบการปกครองระบบทาส จากการเป็นทาสของพระเจ้า มาเป็นประชาธิปไตย มีการศ฿กษาค้นคว้าทฤษฎีการปกครองหลายหลากทฤษฎีเกิดขึ้น ที่สำคัญคือการปกครองของมนุษย์ผู้มีเสรีภาพ เสมอภาค และมีภราดรภาพ อันเป็นหลักการปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน คือประชาธิปไตย ที่ปลดแอกตนเองออกมาจากการกดขี่ที่ยอมเป็นคนบาปโดยไร้เหตุผล มาเป็นมนุษย์เสรีภาพที่ปกครองตนเอง มาจนเป็นประชาชนยุคใหม่มาตราบเท่าทุกวันนี้ อันเป็นการปกครองตนเองของมนุษย์ที่ปลดแอกตนเองจากอำนาจที่กดขี่ของพระเจ้า มาเป้นเสรีชน
เมื่อมีการปลดแอกตนเองจากการครอบงำของพระเจ้า ประชาธิปไตยและวิชาวิทยาศาสตร์ในโลกมนุษย์จึงค่อยเจริญขึ้นมาตราบปัจจุบันนี้ และผลของการกดขี่ไม่เป็นธรรมของศาสนจักรครั้งนั้น ได้ก่อเกิดการแตกแยกในลัทธิคาทอลิก เป็นลัทธินิกายทางศาสนาคริสต์ขึ้นอีกมากมายหลายนิกาย ที่สำคัญคือได้เกิดลัทธิที่คัดค้านเป็นศัตรูกับคาทอลิกเดิม คือนิกายโปรเตสแตนท์ ขึ้นมา และเกิดความขัดแย้งอย่างแรงจนกลายเป็นสงครามศาสนา ระหว่างนิกายคาทอลิกกับโปรเตสแตนท์อย่างยาวนานต่อมาตราบปัจจุบันนี้ก็ยังไม่เสร็จจบลง ดังปรากฎในไอร์แลนด์เหนือ และสก๊อตแลนด์ เป็นต้น
จึงน่าคิดเป็นอุทาหรณ์อย่างยิ่งสำหรับประเทศไทยที่เป็นอยู่ในขณะนี้ การดำเนินคดีใดที่ไม่ยุติธรรม ไม่เป็นธรรมแด่ประชาชน โดยใช้การตัดสินความยุติธรรมที่เป็นสองมาตรฐาน มีความลำเอียงเพราะฉันทาคติ โทสาคติ ภยาคติ และโมหาคติ ตามการโน้มนำสั่งการของอมาตยาธิปไตย เป็นเหตุของความแตกสามัคคีครั้งยิ่งใหญ่ของคนในชาติ ที่เสี่ยงต่อการแตกออกเป็นก๊กเป็นเหล่าที่ขัดแย้งกันอย่างรุนแรงจนเสี่ยงต่อการกลายเป็นสงครามภายในประเทศ เฉกเช่นเดียวกับสงครามศาสนาเช่นศาสนาคริสต์ที่แตกเป็นคาทอลิก และโปรเตสแตนท์ เป็นต้น ดังปรากฎล่าสุดคือการตัดสินคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท ของอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อย่างไม่ยุติธรรม และไม่เป็นธรรมอย่างยิ่งจนกระทบความรู้สึกของประชาชนผู้รักความเป็นธรรมทั่วประเทศ จนเกิดการรวมตัวของประชาชนขึ้นต่อต้านรัฐบาลที่ดำเนินการปกครองอย่างไม่เป็นธรรมครั้งยิ่งใหญ่ขณะนี้ เพราะประชาชนเรือนล้านคนออกมาชุมนุมพร้อมกันเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมจากรัฐบาลทหารและอมาตยาธิปไตยเปรม ตินสูลานนท์
ฉะนั้น รัฐบาลและอมาตยาธิปไตย จะต้องกลับคืนมาสู่สติสัมปชัญญะอันดี และรีบแก้ไขปัญหาโดยด่วน โดยต้องคำนึงความยุติธรรม และความเป็นธรรม เป็นหลักการแก้ปัญหาอย่างเคร่งครัด และในวันนี้ สิ่งที่รัฐบาลจะต้องคิด ก็คือสัจธรรมที่ว่า ความยุติธรรมไม่มี สามัคคีไม่เกิด (ความเป็นธรรมไม่มี ความสามัคคีไม่เกิด)
และความยุติธรรม-ความเป็นธรรมประเด็นสำคัญก็คือ เมื่อรัฐบาลไร้ความสามารถในการบริหารประเทศ ปรากฎชัดเจนเช่นนี้แล้ว ในระบอบประชาธิปไตย รัฐบาลควรจะยอมรับและควรละอายใจตนเอง และหลีกทางให้บุคคลอื่นเข้ามาทำหน้าที่แทนเสีย นี่เป็นความเป็นธรรมตามระบอบประชาธิปไตย ที่ฝ่ายรัฐบาลจะเมินมองเสียไม่ได้
- อรบุศป์ ละอองธรรม
12 มี.ค.2553/23.55 น.