แปลภาษาอังกฤษในสำนวนแจ้งสิทธิให้ผู้ต้องหาทราบ
คณะอัยการเรียกประชุมพิจารณาสำนวนคดีพ่อมดการเงิน-ราเกซ สักเสนา โกงแบงก์บีบีซี สั่งตำรวจสอบเพิ่ม 2 ประเด็นแปลเอกสารภาษาอังกฤษที่ประกอบสำนวน และแจ้งสิทธิการต่อสู้คดีให้ผู้ต้องหาทราบ ราเกซไม่คุ้นข้าวแดง ต้องพึ่งอาหารจากร้านค้า อธิบดีราชทัณฑ์โต้ไม่ได้ให้อภิสิทธิ์ผู้ต้องขัง เทพเทือกไม่ยุ่ง ปล่อยตำรวจสาวหาไอ้โม่งนักการเมืองพัวพัน
ความคืบหน้าการดำเนินคดีกับนายราเกซ สักเสนา ผู้ต้องหาคนสำคัญในคดียักยอกทรัพย์ธนาคารกรุงเทพฯพาณิชย์การ จำกัด (มหาชน) หรือบีบีซี ซึ่งโยงใยกับนักการเมืองด้วยนั้น ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 4 พ.ย. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคฝ่ายค้านไปค้นคำอภิปรายของนายสุเทพ ตั้งแต่ปี 2538 ซึ่งระบุว่ามีนักการเมืองวิ่งรับเช็คจากนายราเกซ สักเสนา ผู้ต้องหาในคดียักยอกแบงก์บีบีชี เพื่อทวงถามจุดยืนในการดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องว่า ตนทำหน้าที่ในสภาฯสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว มีเอกสารหลักฐานอะไร ก็ส่งมอบให้ฝ่ายที่เขามาขอไปหมดแล้ว เมื่อถามว่าในขณะนั้น นักการเมืองที่เกี่ยวข้องมีเฉพาะคดีแพ่งหรือมีคดีอาญาที่จะสามารถสาวไปถึงตัวได้หรือไม่ นายสุเทพตอบว่า ตอนที่อภิปรายไม่ได้ไปชี้ว่าใครต้องถูกดำเนินคดีแพ่งหรือคดีอาญา เพียงแต่อภิปรายชี้ให้เห็นว่ามีการร่วมมือกันกระทำความผิด และเรียกร้องให้รัฐบาลในขณะนั้นดำเนินการ ซึ่งในที่สุดทั้ง ธปท.และกระทรวงการคลังก็ดำเนินการ
ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคฝ่ายค้านทวงถามจุดยืนในวันที่อภิปราย กับเมื่อมาเป็นรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ยังเหมือนเดิมหรือไม่กับคดีนายราเกซ นายสุเทพตอบว่า ตนเหมือนเดิม แต่ว่าฝ่ายค้านสงสัยจะไม่ค่อยเหมือนเดิม ทั้งนี้ตนมั่นใจในข้อมูลที่อภิปราย เพราะอยู่ในสภาฯมา นาน 30 ปี ไม่เคยเอาเรื่องโกหกไปพูดในสภาฯ เรื่องที่อภิปรายคดีบีบีซีในวันนั้น คนก็ตกใจกันมาก แม้กระทั่งในพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งนายชวน หลีกภัย เป็นหัวหน้าพรรคในขณะนั้น เมื่อตนแจ้งต่อที่ประชุมพรรคว่าจะอภิปรายเรื่องนี้ นายชวนต้องขอนำทีมทนายความมาตรวจสอบคำอภิปรายของตน และตรวจสอบเอกสารหลักฐานที่มีอยู่ในมือ ซึ่งตนได้แสดงให้พรรคเห็นชัดเจนแล้วว่าจำเป็นต้องพูดในเรื่องนี้ เพราะจะเป็นผลเสียหายกับระบบการเงินการธนาคารของประเทศ และจริงๆถ้ารัฐบาลในขณะนั้นรีบแก้ไขก็คงจะไม่เกิดผลรุนแรงมากขนาดนี้ แต่ว่าการแก้ไขก็ช้าไปหน่อย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเขาก็ได้ดำเนินการ แต่กระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ขั้นตอนของตำรวจ อัยการไปถึงศาล ไม่ใช่เรื่องที่เป็นภาระของตนแล้ว ภาระของตนจบลงแค่นั้น
เมื่อถามว่าเป็นเรื่องที่ทำให้ลำบากใจต่อการทำงานร่วมกันกับบิ๊กนักการเมืองที่มาเป็นพรรคร่วมรัฐบาลตอนนี้หรือไม่ นายสุเทพตอบว่า ไม่มีอะไรลำบากใจ มันต้องว่ากันเป็นตอนๆเป็นช่วงๆไป เมื่อถามว่าคดีนี้เป็นคดีประวัติศาสตร์ เป็นไปได้หรือไม่ที่จะจัดลำดับความสำคัญให้เป็นคดีพิเศษ หรือเป็นคดีที่ต้องเร่งรัดติดตามโดยเฉพาะ นายสุเทพตอบว่า ไม่จำเป็นที่ตนต้องไปทำอะไรที่มากกว่านี้ สมมติว่าวันนี้นายราเกซเกิดให้การพาดพิงไปถึงใคร ถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถรวบรวมเอกสารหลักฐานได้ เขาก็ดำเนินคดีกับคนนั้นเพิ่มเติม เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่แล้ว ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้ จะเข้าข่ายการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นคนเปิดประเด็นเรื่องนี้ ถ้าไม่ได้เป็นคนปิดคดีจะเสียราคาได้ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่มี เป็นธรรมดา ไม่มีปัญหา เมื่อถามว่ามีการวิเคราะห์ว่าการที่พรรคประชาธิปัตย์ ไม่เอา จริงเอาจังกับคดีนายราเกซ เพราะเกรงว่าจะกระทบต่อมิตรทางการเมือง นายสุเทพกล่าวว่า นี่เป็นการกล่าวหาของคนกล่าวหาที่ไม่เป็นธรรม พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ไปเย่อหย่อนอะไร เรากดดันมาตลอดเวลา และพยายามที่จะเอานายราเกซมาดำเนินคดีให้ได้ เราเคยถึงขนาดส่งนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ นายจุติ ไกรฤกษ์ และคณะเดินทางไปถึงแคนาดาด้วยซ้ำ ถ้าจะกล่าวหากันอย่างนี้ก็ต้องกล่าวหาว่าในยุคที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี พรรคฝ่ายค้านในขณะนี้ เป็นรัฐบาลอยู่ 7-8 ปีนั่นต่างหาก ที่ไม่ค่อยพยายามจะทำเรื่องนี้เท่าไหร่
เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณระบุว่าเรื่องนี้จะทำให้ พรรคประชาธิปัตย์แพ้ภัยตัวเอง เพราะประชาชนจะมองว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เอาจริงเอาจัง นายสุเทพย้อนถามทันทีว่า พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่มีอะไรแพ้ภัยตัวเอง แต่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณขณะนี้กำลังแพ้ภัยตัวเองอยู่ เมื่อถามว่า ยอมที่จะเสียพันธมิตรทางการเมืองหรือไม่ ถ้าจะทำให้คดีประวัติศาสตร์นี้ช่วยให้ไม่เกิดปัญหาทางการเงินต่อ นายสุเทพตอบว่า ปัญหาสถาบันการเงินเกิดขึ้นแล้วและจบลงไปแล้ว แต่คนที่กระทำความผิดต้องอยู่ในขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม ถ้าสาวไปถึงใคร ก็ว่าไป ส่วนคนที่ไม่ผิดก็ไม่ต้องเดือดร้อนอะไร
ส่วนที่ห้องประชุมชั้น 2 สำนักงานอัยการคดีเศรษฐกิจและทรัพยากรใต้ ถนนเจริญกรุง เวลา 10.00 น. นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร เป็นประธานประชุมคณะทำงานอัยการ ซึ่งมีรองอธิบดีอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจฯ และอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจฯ 5 คน เพื่อพิจารณาสำนวนการสอบปากคำของนายราเกซ สักเสนา อดีตที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงเทพฯพาณิชย์การ จำกัด (มหาชน) หรือบีบีซี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิด พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 โดยร่วมกับนายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ อดีต กก.ผจก.บีบีซี อนุมัติสินเชื่อปล่อยกู้ให้บริษัทซิตี้ เทรดดิ้ง จำกัด จำนวน 1,657 ล้านบาทโดยทุจริต หลังจากพนักงานสอบสวนส่งสำนวนคดีไปให้ตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย. ที่ผ่านมา
ภายหลังคณะทำงานอัยการใช้เวลาประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง นายเศกสรรค์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้ถกเถียงกันถึงข้อไม่สมบูรณ์ในสำนวนการสอบปากคำนายราเกซ สักเสนา ที่พนักงานสอบสวนส่งมาให้ 2 ประเด็น คือเรื่องเกี่ยวกับการแปลเอกสารภาษาอังกฤษที่ประกอบในสำนวนคดี และการแจ้งสิทธิต่อสู้คดีให้ผู้ต้องรับหาทราบ ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134 ซึ่งเห็นว่ายังดำเนินการไม่ครบถ้วน เนื่องจากเพิ่งได้ตัวนายราเกซมา จึงยังไม่ได้แจ้งสิทธิให้ครบถ้วนตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด ดังนั้น ที่ประชุมคณะทำงานอัยการ จะประสานให้พนักงานสอบสวน ดำเนินการสอบเพิ่มเติมในเรื่องการแปลเอกสารภาษาอังกฤษที่ประกอบในสำนวน และให้ดำเนินการแจ้งสิทธิการต่อสู้คดีตาม ป.วิ. อาญา 134 ให้ครบถ้วนต่อไป โดยขั้นตอนการแปลเอกสารนั้น คาดว่าจะใช้เวลา 2-3 วัน หลังจากนั้นจะรีบพิจารณาสำนวนคดีให้เร็วที่สุด แต่ทั้งนี้จะต้องพิจารณาข้อเท็จจริงข้อกฎหมายให้ครบถ้วนสมบูรณ์ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยตนจะรายงานผลการประชุมของคณะทำงานอัยการให้นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด รับทราบต่อไป
ส่วนบรรยากาศการควบคุมตัวนายราเกซ สักเสนา ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นวันที่ 5 มีรายงานว่า อดีตที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการบีบีซี ฉายาพ่อมดการเงินชาวอินเดีย มีสุขภาพดีขึ้นเป็นลำดับ ผ่อนคลายความเครียดลงบ้างแล้ว ส่วนใหญ่ช่วงกลางวันนอนพัก อ่านหนังสือ ทำกายภาพบำบัด และพยายามหัดเดิน โดยใช้มือเกาะราวพยุงตัวเดินไปมาภายในห้องควบคุม โดยมีผู้ต้องขังร่างกายกำยำ 2 คน ช่วยกันประกบดูแลอย่างใกล้ชิด
นายชาติชาย สุทธิกลม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงการควบคุมตัวนายราเกซ สักเสนา ว่า มาตรการดูแลนายราเกซ จำเป็นต้องเน้นในเรื่องความปลอดภัยและเรื่องสุขภาพเป็นสำคัญ เนื่องจากนายราเกซมีอาการของโรคความดันโลหิตสูงและเส้นเลือดตีบ อีกทั้งนายราเกซเป็นผู้ต้องหาในคดีสำคัญ จึงไม่ต้องการให้มีเหตุร้ายเกิดขึ้น เพราะอาจกระทบกับชื่อเสียงของประเทศ ขอยืนยันว่า มาตรการความปลอดภัยที่กำหนดขึ้น และการจัดให้นายราเกซอยู่ในแดนพยาบาล รวมถึงการประสานให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ส่งเจ้าหน้าที่มาร่วมดูแลนายราเกซ ระหว่างถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ใช่การอำนวยความสะดวกให้นายราเกซมีอภิสิทธิ์ขณะอยู่ในเรือนจำ แต่เป็นการดูแลในลักษณะเดียวกับผู้ต้องขังทั่วไป ส่วนเรื่องอาหารการกิน ทางเรือนจำไม่อนุญาตให้รับอาหารหรือของเยี่ยมจากภายนอก โดยทั่วไปผู้ต้องขังสามารถรับประทานอาหารของเรือนจำ หรือซื้ออาหารจากร้านค้าสงเคราะห์ภายในเรือนจำได้
อธิบดีกรมราชทัณฑ์กล่าวอีกว่า ขณะนี้นายราเกซ ได้ซื้ออาหารจากร้านค้าสงเคราะห์ภายในเรือนจำเป็นหลัก เพราะยังไม่คุ้นเคยกับรสชาติอาหารที่เรือนจำจัดให้ นอก จากนี้นายราเกซยังบอกกับเจ้าหน้าที่ว่า ระหว่างที่พักอยู่ในประเทศแคนาดา ชอบดื่มน้ำอัดลมหรือน้ำชาเขียวมาก ส่วนเมนูอาหารโปรด เป็นอาหารฟาสต์ฟู้ด เช่น แฮมเบอร์เกอร์ ไก่ทอด และขนมปัง แต่นายราเกซไม่ได้เรียกร้องหรือขอสิ่งใดเป็นพิเศษ คงได้รับการดูแลตามปกติเหมือนผู้ต้องขังอื่นทั่วไป ส่วนการเข้าเยี่ยมจะต้องปฏิบัติตามระเบียบของเรือนจำอย่างเคร่งครัด มีการจัดเตรียมพื้นที่ไว้ให้เป็นการเฉพาะ และจะอนุญาตเฉพาะญาติสนิทกับทนายความของนายราเกซเท่านั้น โดยญาติสนิทสามารถเข้าเยี่ยมได้วันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 20 นาที