ขอให้บทความบทนี้เป็นการร่วมระลึกถึงรัฐประหารเลวทราม 19 ก.ย.2549 ร่วมกับชาวเสื้อแดงเพื่อประชาธิปไตยทั้งแผ่นดิน บก.
ประเทศไทย อะไรเป็นอะไร?
ASTV ปะทะ DStation
รัฐบาลประชาธิปัตย์กับสถาบันสูงสุดของชาติในระบอบประชาธิปไตย
ดีสเตชั่น ( D station ) โทรทัศน์ที่อ้างว่าเพื่อความจริงของประเทศไทย ถ่ายทอดผ่านดาวเทียม Thaicom2/5 (ไทยคม 2/5 ) ไปทั่วโลก แล้วเคเบิลท้องถิ่นถ่ายทอดไปสู่ประชาชนในวงกว้างขวางทั่วราชอาณาจักร ที่เพิ่งเปิดดำเนินการมาไม่ถึงเดือน นับว่าเป็นโทรทัศน์ที่กล่าวความจริงจริง น่าเป็นประโยชน์มากต่อประชาธิปไตย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น่าเป็นยุทธศาสตร์ชัยชนะของประเทศไทย ประชาชนไทย ที่ชนะด้วยความจริง ที่ตามหักล้างเหล่าพาลชนผู้ต่อสู้การเมืองด้วยการโกหกหลอกลวง ประชาชน ด้วยกลยุทธทุกรูปแบบของการโฆษณาชวนเชื่อ
วันที่ 4 มีนาคม 2552 ดีสเตชั่น ได้เชิญนักวิชาการจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2 คนคือ ผศ.ดร.จารุพรรณ กุลดิลก กับ อ.ดร.สุดา รังกุพันธุ์ ดีสเตชั่นมีความสนใจในเรื่องที่สองสาวนี้ ได้ไปปรากฏตัวร่วมในงานปิดประชุมเอเซียนซัมมิต ในวันที่ 1 มีนาคม 2552 โดยได้สวมเสื้อสีแดงซึ่งเป็นสัญลักษ์ของประชาชน นปช.ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีถ่ายรูปร่วมกับผู้นำอาเซียน และบังเอิญมีผู้หญิงสวมชุดแดงอยู่อีก1คนบนเวทีด้วยกัน คือเป็นถึงประธานาธิบดี กลอเรีย อาโรโยแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ผู้เคยบัญญัติศัพท์แนวการพัฒนาไทยยุคทักษิณว่าเป็นระดับลัทธิธรรมคือ ทักษิโณมิคส์ รวมเป็นสามสาวเสื้อแดงบนเวทีอาเซียนซัมมิตวันนั้น บ่งไปถึงศักดิ์ศรีของคนเสื้อแดงอย่างสูงสุด ท่านทั้ง 2 นี้ได้ให้สัมภาษณ์ก่อแก้ว พิกุลทองกับ สาวยอดพิธีกรดีสเตชั่นวันนั้นว่า เคยร่วมขบวนการสนธิลิ้มมาก่อน แล้วถอนตัวออกมา เพราะเหตุที่ทนฟังความหยาบคาย อหังการอย่างไร้เหตุผลของขบวนการนั้นไม่ได้ และทั้งไม่เห็นว่าเป็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยแต่อย่างไร เช่นเดียวกับคนจำนวนมากที่ถอนตัวด้วยเหตุผลทำนองเดียวกัน กล่าวคือ เพราะได้รู้ความจริง อะไรเป็นอะไรเกี่ยวกับขบวนการม็อบสนธิลิ้ม-จำลอง-ประชาธิปัตย์ นั่นเอง
ในวันที่ 4 มีนาคม วันเดียวกันนี้ได้พบว่า ASTV ซึ่งเป็นทีวีโฆษณาชวนเชื่อของกลุ่มสนธิลิ้ม จำลอง ประชาธิปัตย์ ที่มีบทบาทอย่างมากมายในการโฆษณาสร้างสถานการณ์หลอกลวงประชาชนว่าชาติอยู่ระหว่างอันตรายอันยิ่งใหญ่ ประชาชนไทยผู้รักชาติจะต้องลุกขึ้นรีบไปกู้ชาติ เอาประเทศไทยของเราคืนมา ในยุคทักษิณ ตลอดมาถึงยุคอหังการยึดทำเนียบรัฐบาลครอบครองไว้เป็นเวลาถึง 193 วัน ยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT ยุคยึดรัฐสภา และยึดสนามบินสุวรรณภูมิ (ไม่นับยึดสนามบินอีก 3 แห่งในภาคใต้) รวมทั้งอหังการ(อย่างไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง) ปิดเส้นทางพระราชดำเนินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการเสด็จไปประกอบพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
วันนี้ ASTV ทีวีโฆษณาชวนเชื่อแห่งนั้น ได้ถ่ายทอดสดสิ่งที่เขาเรียกว่า คอนเสิตการเมือง จากเกาะสมุย อ. เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ระหว่างเวลา ประมาณ 19.00 น. ถึงเวลา 21.30 น. มีนายสนธิ ลิ้มทองกุล, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข, นายจำลอง ศรีเมือง และนายพิภพ ธงชัย มีนายเติมศักดิ์ จารุปราณ ทำหน้าที่เหมือนผู้ดำเนินการอภิปราย ( ไม่เห็นนายสมเกียรติ์ พงษ์ไพบูลย์ สส.พรรคประชาธิปัตย์ แกนนำอีกคนหนึ่ง) รายการวันนี้ มีผลมาจากทางตำรวจได้ออกหมายเรียกคนกลุ่มนี้จำนวน 21 คน ให้ไปรายงานตัวต่อตำรวจ ข้อหาบุกยึดรัฐสภา ทำให้รัฐมนตรีและสส. สว. ออกไม่ได้ เป็นการหน่วงเหนี่ยวเสรีภาพผู้อื่น คนกลุ่มนี้จึงออกมาทวงบุญคุณจากรัฐบาลประชาธิปัตย์ ลำเลิกว่าเพราะผลงานขับไล่รัฐบาลของพวกเขาพรรคประชาธิปัตย์จึงได้เป็นรัฐบาลในวันนี้ การออกหมายเรียกแสดงถึงการทรยศ บัดนี้สงสัยว่าพรรคประชาธิปัตย์จะทรยศ ไม่ให้ความช่วยเหลือฝ่ายตนให้พ้นความผิด ระแวงว่าจะไปเข้าข้างประชาชนเสื้อแดง คือประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และก่อนหน้านี้ไม่กี่วันนายสนธิก็ได้พูดผ่านเอเอสทีวีไปอย่างเกรี้ยวกราดว่า นายสุเทพได้ขึ้นวอก็เพราะพวกเขา พันธมิตรสนธิ-จำลอง ฯ
วันนี้นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้เรียกร้องให้รัฐบาลอภิสิทธิ์-สุเทพ รีบ ๆ สร้างผลงาน เพราะโดนโจมตีและปรากฏทุจริตขึ้นมากมายในรัฐบาลนี้แม้เมื่อบริหารงานมาไม่ถึง 2 เดือน ตัวอย่างเช่น กรณีปลากระป๋องเน่า นมบูด จนเป็นเหตุให้รัฐมนตรีคนหนึ่งถึงกับต้องลาออกไป นายสนธิเกรงว่าหากรัฐบาลประชาธิปัตย์พังไปแล้วพวกเขาก็จะอยู่ลำบาก นายสนธิ์ ลิ้มทองกุล มีความระแวงสงสัยจะถูกหักหลัง ได้ตะโกนก้องออกชื่อ นายชวน หลีกภัย นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ว่าให้พูดให้ชัดเจนว่าจะเข้าข้างใด การพูดว่า “เหลืองก็ไม่เอา แดงก็ไม่เอา” นั่นใช้ไม่ได้ จะต้องเลือกเอาข้างใดข้างหนึ่งข้างเดียว “ถึงเวลาที่คุณต้องเลือกข้าง คุณอย่าพูดว่าไม่มีเหลืองไม่มีแดง เหลืองก็ไม่เอา แดงก็ไม่เอา แล้วมึงจะเอาอะไร?” ถ้านายสุเทพไม่จัดการภัทรวาท วงศ์สุวรรณ อำนวย นิ่มมโน แสดงว่า นายสุเทพไม่จริงใจต่อพันธมิตร์ม็อบสนธิ เมื่อนั้นแหละพรรคของพันธมิตรจะเกิดขึ้นทันที (เขาหมายถึงการตั้งพรรคการเมืองของพวกเขา) แล้วก็เปิดเผยแผนการลับ “กี่สิบปีแล้วที่ชาวใต้เราได้เลือกพรรคประชาธิปัตย์ แล้วพรรคประชาธิปัตย์สร้างผลงานอะไรบ้าง ขอโอกาสเราสักครั้ง ถ้ากำจัดทักษิณไม่ได้ก็ไม่ต้องเอาเรา พี่ชวนช่วยบอกคุณสุเทพทำงานหน่อย” ( ป่านนี้นายสนธิ ลิ้มทองกุล ยังคงเคียดแค้นพยาบาทต่ออดีตนายก ทักษิณ ชินวัตร อยู่ ทั้ง ๆ ที่ท่านอดีตนายก ไม่ได้คิดรังเกียจนายสนธินี้เลย บางทีคำว่า กุ๊ยข้างถนน จะเป็นคำพูดที่แสลงหูของเขาก็เป็นได้ จึงแค้นมีอุปมาเหมือนงูที่ถูกตีจนหลังหักตามโคลงโลกนิตินั่นเทียว )
ทางดีสเตชั่นวันนี้ ดูเหมือนจะเรียนรู้ ตามทันทุกเล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิงของ สนธิ ลิ้มทองกุล และขบวนการม็อบพันธมิตรสนธิ-จำลอง-ประชาธิปัตย์แล้ว และกำลังย่ำตามรอยไปอย่างมิให้คลาดคลา เพื่อหวังดับเพลิงปลิดชีพเสีย ด้วยความจริง จึงได้เปิดเผยความจริงของคนเหล่านี้ออกไปเรื่อย ๆ และประชาชนก็เรียนรู้ได้เร็ว แท้จริงประชาชนทั่วประเทศก็ได้เห็นและรายงานทางสื่อที่ยืนยันว่า ม็อบพันธมิตรสนธิ-จำลอง-ประชาธิปัตย์ที่ทำความผิดต่อแผ่นดิน อย่างไร ไม่มีใครที่จะไม่รู้ว่าม็อบสนธิ-จำลอง-ประชาธิปัตย์ทำผิดอย่างไร อย่างน้อยในระยะหลัง ๆที่สุดนับแต่รัฐบาลท่านสมัคร สุนทรเวชมา ก็ 6 รายการใหญ่ ๆ คือ
1. พาพวกปิดกั้นถนนหนทาง แม้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จไปประกอบพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพ ก็ต้องเสด็จเลี่ยงไปทั้ง 6 วันแห่งพระราชพิธีสำคัญนั้น
2. ยกพวกเข้ายึดทำเนียบรัฐบาล ไล่คณะรัฐมนตรีออกไปจากทำเนียบและยึดทำเนียบไว้เป็นเวลา 193 วัน
3. ยกพวกไปปิดล้อมรัฐสภา 2 ครั้ง ครั้งสุดท้ายทำให้คณะรัฐมนตรี และสมาชิกรัฐสภาออกไม่ได้ ต้องปีนบันไดฉุกเฉินออกทางหลังรัฐสภา
4. ยกพวกปิดล้อมและยึดสถานีโทรทัศน์ NBT ไล่เจ้าหน้าที่ออกไปเพื่อทำการใช้งานเอง
5. ยกพวกเข้ายึดสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง อันเป็นสนามบินนานาชาติ อันเป็นเหตุให้คนต่างชาติหลายหมื่นคนเดือดร้อน และประเทศไทยเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล
6. กล่าวหาคนอื่น ด้วยวาจาหยาบคาย ใช้แต่คำดุด่า บริภาษคนทั้งหลายอย่างเต็มที่
( จากบันทึกของหนังสือพิมพ์ดีอินเทอเนท https://www.newworldbelieve.net โปรดคลิกเพื่อติดตามไปดู )
ยังมีความผิดของ ASTV และม็อบสนธิ-จำลอง-ประชาธิปัตย์ ที่ร้ายแรงในฐานะตัวการหลอกลวงประชาชนก็คือ ในระยะก่อนสนธิ บุณยรัตกลิน ทำการปฏิรูปการเมือง 19 ก.ย.2549 ASTV ได้ทำการโฆษณาปลุกเร้าเพื่อระดมมวลชนอยู่อย่างเต็มที่ด้วยกลยุทธการโฆษณาชวนเชื่อทุกรูปแบบ ( คือเอาเรื่องไม่จริงมาพูดขึ้นเพื่อเร้าอารมณ์ให้คนทั้งหลายเกลียดชังคนอื่นที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับตน เป้าหมายคือรัฐบาลทักษิณ รวมทั้งตัวทักษิณเอง รัฐบาลสมัคร รัฐบาลสมชาย และตัวบุคคลต่อ ๆ มา จนกระทั่งนายสนธิโดนฟ้องร้องไปกว่า 60 คดีในระยะนั้น ซึ่งหมายความว่านายสนธิ ลิ้มทองกุลคงตายในคุกอย่างแน่นอน การต่อสู้โฆษณาของเขาจึงรุนแรง เป็นแบบตายเป็นตายเจ๊งเป็นเจ๊ง ซึ่งเป็นการต่อสู้แบบหมาจนตรอกมาจนถึงบัดนี้ ) ที่เห็นชัดเจนว่าเป็นความผิดในการหลอกลวงประชาชนไทยทั้งชาติก็คือ ปลุกระดมมวลชนว่า ประเทศไทยตกอยู่ระหว่างอันตรายอย่างยิ่งใหญ่ ประชาชนทั้งชาติต้องออกมาช่วยกันกู้ชาติ เอาประเทศไทยของเราคืนมา เอาแผ่นดินของเราคืนมา เอาเขาพระวิหารคืนมา ซึ่งอิงอยู่กับการให้ร้ายอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่าเป็นผู้สร้างระบอบที่จะสร้างความล่มจมให้แด่ประเทศชาติ ถ้าไม่กู้ชาติจากทักษิณแล้ว ชาติจะต้องวอดวายบรรลัยลงไปอย่างแน่นอน แล้วจึงร่วมมือกับทหารทำรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 และสร้างรัฐธรรมนูญ 2550 ขึ้นมาปกป้องหมู่กลุ่มของตน แต่พรรคประชาธิปัตย์กลับแพ้เลือกตั้งเมื่อ 26 ธันวาคม 2550 ก็เลยเดินเรื่องกู้ชาติ เอาประเทศไทยของเราคืนมาต่อไป จนท้ายที่สุด หลังทำลายรัฐบาลสมัคร และรัฐบาลสมชาย จนในที่สุด ได้ครองอำนาจสมใจ โดยพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นแนวร่วมกู้ชาติ เอาประเทศไทยกลับคืนมาสู่อำนาจตนได้อย่างสมบูรณ์ โดยได้เป็นรัฐบาล
และครั้นเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้เป็นนายกรัฐมนตรี คนทั้งหลายก็สิ้นสงสัยว่าพรรคประชาธิปัตย์มีส่วนร่วมอย่างลึกซึ้งขนาดใดกับม็อบพันธมิตรจำลอง-สนธิ-ประชาธิปัตย์ และทหาร นั่นหมายถึงมีส่วนในการกระทำความผิดต่อแผ่นดิน 6 รายการใหญ่ ๆ ข้างต้น และแล้วภายในเวลาไม่ถึงสามเดือนเท่านั้นเอง รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ และแนวร่วมกู้ชาติสนธิ-จำลองคราวนั้น ก็กำลังบริหารอำนาจในมืออย่างโง่เขลา เพราะกำลังจะทำให้ประเทศไทยล่มจมลงไป ดิ่งลงสู่ความหายนะไปตามลำดับ ๆ นี่หรือคือการกู้ชาติของพวกท่าน?
วันนี้จึงได้พิศูจน์อย่างชัดเจนว่าระบอบที่ทำลายชาติให้ล่มจม ควรที่ประชาชนทั่วประเทศ ผู้เป็นเจ้าของประเทศตามหลักการของประชาธิปไตย อำนาจเป็นของประชาชน ที่จะต้องร่วมมือกันกู้ชาตินั้นแท้จริงคือระบอบประชาธิปัตย์นี่เอง ในขณะเดียวกัน อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรมิได้ทำลายชาติ แต่สร้างชาติ เพราะมีสิ่งพิศูจน์แก่ตามหาประชาชน อย่างชัดเจนว่า ม็อบทำลายชาติ หลอกลวงประชาชนให้มาร่วมกันกู้ชาติ เอาประเทศไทยของเราคืนมา นี่คือม็อบพันธมิตร สนธิ-จำลอง-ประชาธิปัตย์ ทิ่กำลังทำประเทศไทยล่มจมอยู่ในขณะนี้นั่นเอง
ยังมีประเด็นที่สำคัญไปอีกนั่นคือ วันนี้ เมื่อพรรคประชาธิปัตย์โดยการนำของนายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ โดยเป็นนายกรัฐมนตรี ย่อมต้องทำหน้าที่ผู้รักษาความเป็นธรรมในแผ่นดิน และในฐานะรัฐบาลผู้ต้องมีหน้าที่รักษาความยุติธรรมตามกฎหมาย นั่นคือการพิทักษ์ความเป็นนิติรัฐ พิทักษ์นิติธรรม และพิทักษ์หลักนิติศาสตร์
และนอกจากนี้แล้วรัฐบาลอภิสิทธิ์ยังต้องมองสูงไปอีกคือมองที่สถาบัน ท่านต้องมองว่ารัฐบาลเป็นสถาบัน และเป็นสถาบันสูงสุดในระบอบประชาธิปไตย จึงต้องระวัง อย่าทำลายสถาบันรัฐบาล เพราะรัฐบาลคือสถาบัน ท่านเข้าใจหรือไม่? (อย่าทำให้เสียชื่อรัฐบาลไทยในรูปรวม จะทำให้ต่างชาติดูถูกดูหมิ่นรัฐบาลไทย) ท่านทำลายตัวเองได้ แต่สถาบันต้องตั้งอยู่และให้มีความมั่นคง ทรงธรรมต่อไป เพื่อประชาธิปไตย มิฉะนั้น เท่ากับทำลายประชาธิปไตย นั่นเป็นความผิดอันยิ่งใหญ่ เพราะเจ้าของประเทศคือประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจการปกครองแผ่นดินที่แท้จริง พวกเขาจะไม่ยอมแก่โจรร้ายผู้ทำลายประชาธิปไตย
· หนังสือพิมพ์ดี ( อินเทอเนท )
5 มี.ค. 2552