|
มติชน "มาร์ค"บอกสื่อนอก"วิกฤตไทย" คือ"ประชาธิปไตยที่มีชีวิตชีวา"
|
วันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11520 มติชนรายวัน
"มาร์ค"บอกสื่อนอก"วิกฤตไทย" คือ"ประชาธิปไตยที่มีชีวิตชีวา"
ตอบทุกเรื่อง - นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ จากประเทศสหรัฐอเมริกา ทุกเรื่องทุกปัญหารวมทั้งสถานการณ์การเมือง ที่ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 23 กันยายน
|
"สุเทพ"โต้นั่งรองนายกฯ 9 เดือนไม่เคยหากินอย่าง"ทักษิณ"เผยอดีตนายกฯกลับบ้านได้ตลอดเวลาแต่ต้องปฎิบัติตาม กม. "อภิสิทธิ์"ชี้"แม้ว" ทำผิดต้องรับโทษอย่าเอามวลชนมาต่อรอง "อดีตบิ๊ก คมช."แจง 3 ปี รัฐประหารใครได้ประโยชน์อยู่ที่มุมมอง "เสื้อแดง"รุกเดินสายเปิด"ร.ร.นปช." 4 ภาคเพิ่มคุณภาพให้สมาชิก ปูด"ครม."โยนหมื่นล้านให้"กองทัพ"แลกไม่ปฏิวัติ
@ "สุเทพ"โต้ไม่เคยหากินเหมือน"แม้ว"
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 23 กันยายน ตอบโต้กรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โฟนอินเข้ามาในงานสัมมนา "3 ปี...หลังปฏิวัติ 19 กันยา ประชาชนได้อะไร" ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ร่วมกับมูลนิธิ 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย จัดขึ้นที่โรงแรมรามาการ์เดนส์ เมื่อวันที่ 22 กันยายน โดย พ.ต.ท.ทักษิณอ้างว่าได้รับข้อมูลจากนักธุรกิจว่ารัฐบาลหากินทุกกระเบียดนิ้วเนื่องจากประชาชนไม่เอารัฐบาลแล้วและเตรียมหาทุนไว้เลือกตั้งนั้น
ซึ่งนายสุเทพกล่าวว่า ไม่ค่อยอยากตอบโต้ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ภาพกับของจริงไม่เหมือนกัน พ.ต.ท.ทักษิณอาจจะภาพดีสร้างมา แต่เรื่องจริงที่ออกมาก็เห็นชัดเจน ตนอาจจะภาพไม่ดี แต่มาอยู่เป็นรองนายกรัฐมนตรี 9 เดือน ไม่เห็นจะกินอะไรเหมือนอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณเลย ทั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องทำความเข้าใจอะไร เอาของจริง ประชาชนก็เห็นถ้าเราไม่ได้ทำก็ไม่ต้องกลัวอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันหรือไม่ว่ารัฐบาลไม่ได้เตรียมการหาทุนไว้เลือกตั้งตามที่ พ.ต.ท. ทักษิณกล่าวหา นายสุเทพกล่าวว่า "แน่นอน ไม่เป็นอย่างที่คุณทักษิณว่าแน่นอน ผมชีวิตนี้ไม่เป็นอย่างที่คุณทักษิณว่าเด็ดขาด" เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณระบุว่าจะกลับประเทศไทย นาย สุเทพล่าวว่า "ก็กลับมาพรุ่งนี้ก็ได้ กลับมามะรืนนี้ก็ได้ ไม่มีใครว่าหรอก ผมอยากให้กลับทุกวัน ไม่เป็นปัญหา แต่กลับมาแล้วก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายแค่นั้นเอง"
@ คมช.ยัน3ปีรัฐประหารได้ประโยชน์
ด้าน พล.อ.วินัย ภัททิยกุล อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม และอดีตเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยจัดสัมมนา 3 ปีรัฐประหาร โดยเนื้อหาระบุว่าประเทศไทยไม่ได้อะไรจากรัฐประหารว่า ตนมองว่าอยู่ที่มุมมอง อยู่ที่ใครได้อะไรและไม่ได้อะไรมากกว่า ตนเห็นว่ารัฐประหารครั้งนี้มีประโยชน์เหมือนกันไม่ได้มีแต่ผลเสีย ทั้งนี้ ตนไม่อยากวิจารณ์เพราะเป็นคนนอกไม่มีตำแหน่งแล้ว และ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตผู้บัญชาการทหารบก และอดีตประธาน คมช.พูดไปแล้ว จึงไม่อยากฟื้นฝอยหาตะเข็บ อยากให้ไปถามทาง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ที่ยังมีตำแหน่งทางราชการอยู่ดีกว่า
เมื่อถามว่า มองว่า 3 ปีประเทศไทยได้ประโยชน์จากการรัฐประหารอย่างไร พล.อ.วินัยกล่าวว่า อยู่ที่คนจะคิด ไม่อยากวิจารณ์ ความคิดแต่ละคนไม่เหมือนกัน คนที่คิดต่างก็มี แต่คนที่คิดว่าเกิดประโยชน์ก็มีมากเช่นกัน เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณระบุว่ารัฐประหารได้เพียงเศรษฐีใหม่ที่มียศ พล.อ.ไม่กี่คน พล.อ.วินัยกล่าวว่า ไม่มีใครได้ประโยชน์ ต้องไปถาม พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าใครได้รับประโยชน์อะไร
@ "พท.ซัด"เนวิน"นำแดงบุกบ้านป๋า
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส. เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย และอดีตกรรมการบริหารพรคไทยรักไทย ระบุว่าจะเดินหน้าล้มระบอบทักษิณว่า นายเนวินเคยอยู่ในระบอบทักษิณมาก่อนน่าจะรู้ดีว่าอะไรควรอะไรไม่ควร ซึ่งความแตกแยกในสังคมที่มีเสื้อแดง เสื้อเหลือง เสื้อน้ำเงิน นายเนวินต้องยอมรับความจริงว่ามีส่วนร่วมด้วย นายเนวินเคยทำสิ่งใดไว้สังคมรับทราบดีและตัดสินได้ว่าใครรู้บุญคุณคน ใครซื่อสัตย์ สังคมไม่ยอมรับคนทรยศ แม้ว่าศาลจะยกฟ้องก็ไม่ได้หมาย ความว่าจะกลายเป็นพระเอกในช่วงข้ามคืน เพราะผู้ร้ายก็คือผู้ร้าย
"เสื้อแดงคนที่ริเริ่มคือนายเนวินไม่ใช่หรือที่นำคนเสื้อแดงบุกบ้าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เหตุการณ์เหล่านั้นลืมไปแล้วหรือ ลองเอากระจกขึ้นมาส่องดูแล้วถามคนในกระจกว่าคนไหนคือต้นเหตุของความวุ่นวายที่แท้จริง" นายสุรพงษ์กล่าว
@ แดงเดินสายเปิด"ร.ร.นปช."4ภาค
วันเดียวกันที่ชั้น 6 ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว กรุงเทพฯ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)-แดงทั้งแผ่นดิน แถลงมติที่ประชุมแกนนำคนเสื้อแดงว่า ได้ ประเมินผลการดำเนินการโรงเรียนผู้ปฏิบัติงาน นปช.-แดงทั้งแผ่นดิน ที่ดำเนินการรุ่นที่ 1 อบรมแกนนำในพื้นที่กรงุเทพฯ และปริมณฑลไปแล้วนั้น ต่อไปจะประเมินผลนักเรียนแต่ละคนที่ผ่านการอบรมไป โดยจะเน้นเรื่องการเคลื่อนไหวพร้อมไปกับเดินหน้าอบรมหลักสูตรโรงเรียนผู้ปฏิบัติงาน นปช.-แดงทั้งแผ่นดิน ต่อในอีก 4 ภาคใน 4 สัปดาห์ของเดือนตุลาคม เริ่มจากวันที่ 3-4 ตุลาคม ที่ จ.ขอนแก่น สัปดาห์ถัดไปจะเป็นภาคกลาง ตะวันออก เหนือและใต้ ให้เสร็จสิ้นภายในเดือนตุลาคม เพื่อผลิตนักเรียนโรงเรียนผู้ปฏิบัติงาน นปช.-แดงทั้งแผ่นดินที่มีคุณภาพออกมาอย่างต่อเนื่อง
@ แฉเขมรทำถนนรุกพท.ทับซ้อน
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า แกนนำคนเสื้อแดงได้มีมติร่วมกันว่าจะเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พูดความจริงกับประชาชนกรณีที่ประเทศเพื่อนบ้านทำถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 สาย เข้ามาในพื้นที่ทับซ้อนบริเวณที่ตั้งประสาทพระวิหาร 4.6 ตารางกิโลเมตร แต่รัฐบาลนี้กลับนิ่งเฉยๆ แสดงเจตนาปล่อยปละละเลย
@ ขีดเส้นต.ค.ไม่เคลียร์นัดชุมนุมอีก
นายณัฐวุฒิกล่วว่า นอกจากนี้ นปช.-แดงทั้งแผ่นดินยังต้องถามไปยังนายทหารใหญ่ในกองทัพด้วยว่าปล่อยให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ได้อย่างไรหรือเป็นเพราะคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบประมาณกว่า 1 หมื่นล้านบาท ให้กองทัพซื้ออาวุธ จึงทำให้ประเด็นเขาพระวิหารนั้นน้ำหนักเบาบางลงไป นอกจากนี้กรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำมวลชนไปปะทะกับชาวบ้านภูมิซรอล อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เพราะชาวบ้านลุกขึ้นมาปกป้องท้องถิ่นของตัวเอง แต่นายสุเทพกลับบอกว่าจะจับกุมคนทั้ง 2 ฝ่าย อยากถามว่าพี่น้องศรีสะเกษผิดอะไรที่ปกป้องบ้านของตัวเอง
ด้าน นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำคนเสื้อแดง กล่าวว่า นปช.-แดงทั้งแผ่นดิน จะติดตามคำตอบจากนายอภิสิทธิ์ และผู้ที่รับผิดชอบเกี่ยวเรื่องนี้อย่างเข้มข้น ซึ่งแน่นอนว่าคนเสื้อแดงจะเคลื่อนไหวเพื่อติดตามคำตอบ หากรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ไม่มีคำตอบที่ชัดเจน โดยจะให้เวลาระยะหนึ่งให้รัฐบาล ซึ่งอาจจะถึงสิ้นเดือนตุลาคม หากไม่มีคำตอบอาจจะพิจารณาชุมนุมใหญ่เพื่อทวงถามเอาคำตอบนี้
@ ปูดโยนหมื่นล.ให้"กองทัพ"แลกไม่ปว.
นายจตุพรกล่าวถึง ครม. อนุมัติงบฯให้กองทัพจัดซื้ออาวุธ และอนุมัติให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดซื้ออุปกรณ์สลายการชุมนุม รวมทั้งสิ้นเป็นเงินงบประมาณกว่า 1 หมื่นล้านบาท ว่า ชัดเจนว่าเป็นการจ่ายค่าคุ้มครอง เพื่อแลกกับการไม่ปฏิวัติ โดยใช้งบประมาณจากภาษีประชาชน ไปแลกเปลี่ยนกับการรักษาอำนาจของรัฐบาลและนายอภิสิทธิ์ และที่ ครม.อนุมัติอย่างเร่งรีบในช่วงที่นายอภิสิทธิ์เดินทางไปประชุมสหประชาชาติ นั้นเพราะว่าถ้าไม่อนุมัติในวันที่ 22 กันยายน นายอภิสิทธิ์จะไม่ได้กลับประเทศไทยใช่หรือไม่
ด้านนายชินวัฒน์ หาบุญพาด แกนนำ นปช. กล่าวว่า วันที่ 24 กันยายน เวลา 10.00 น. จะมีคนเสื้อแดงบางส่วนเดินทางไปยัง สหประชาชาติ ถนนราชดำเนินนอก เพื่อยื่นหนังสือให้เห็นว่าเราไม่ยอมรับนายอภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะกระบวนที่ได้มาไม่เป็นไปตามประชาธิปไตย
@ "อภิสิทธิ์"สัมภาษณ์สดข้ามทวีป
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน ซึ่งตรงกับเวลา 23.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ที่ตึกนารีสโมสร นายอภิสิทธิ์อยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเดินทางเยือนสหรัฐ อเมริกา ในการร่วมประชุมสมัชชาสหประชา ชาติ ให้สัมภาษณ์ผ่านระบบเว็บคอนเฟอเรนซ์ จากนครนิวยอร์ก ซึ่งการสัมภาษณ์ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนที่มารอสัมภาษณ์จำนวนมาก เนื่องจากเป็นการให้สัมภาษณ์สดข้ามโลกเป็นครั้งแรกของผู้นำประเทศ โดยนายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ดำเนินรายการฝั่งประเทศไทย ขณะที่ นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ฝั่งนครนิวยอร์ก
@ คุยเป็น"ปชต."มีชีวิตชีวา
โดยนายอภิสิทธิ์ได้กล่าวทักทายสื่อมวลชนทำเนียบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสพร้อมสอบถามว่าสบายดีหรือไม่ ซึ่งนายอภิสิทธิ์บอกว่าตัวเองสบายดีและกล่าวว่า ให้สัมภาษณ์รายการของสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์ ซึ่งได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของการมาเยือน และตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องการเมืองไทย
"ผมตอบไปว่านี่คือระบอบประชาธิปไตยที่มีชีวิตชีวา และยืนยันว่าจะควบคุมดูแลให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย คิดว่าประเทศที่เป็นประชาธิปไตยอย่างสหรัฐอเมริกา จะเข้าใจดีว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ที่จะมีการชุมนุมเรียกร้อง เคลื่อนไหวหรือคนที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกัน เราอาจถกเถียงกันอย่างรุนแรงได้แต่ทุกอย่างถ้าเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบของรัฐธรรมนูญและกรอบของกฎหมายถือเป็นส่วนหนึ่งของสังคมประชาธิปไตย" นายอภิสิทธิ์กล่าว
@ ไม่ติดใจปราศรัยกับชาติด้อยพัฒนา
จากนั้นเปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวตั้งคำถามถึงเนื้อหาการปราศรัยในเวทีสมัชชาสหประชาชาติและถูกตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดจึงจัดกลุ่มให้นายกรัฐมนตรีอยู่กลุ่มปราศรัยเดียวกับประเทศด้อยพัฒนา นายอภิสิทธิ์หัวเราะก่อนกล่าวว่า คงต้องให้ทูตตอบ แต่เป็นเรื่องของการจัดเวลา ซึ่งบังเอิญในช่วงวัน ที่ 24-25 กันยายน ตนต้องประชุม จี 20 เป็นจุดที่ต้องปรับเปลี่ยนเวลาที่จะปราศรัย ซึ่งหลักเรียงลำดับการปราศรัย จะเรียงตามผู้นำประเทศ คือ ประมุขของรัฐก่อน ตามด้วยผู้นำรัฐบาล พอเรียงตามนี้ เนื่องจากตนไม่อยู่ในช่วงวันที่ 24-25 กันยายน กำหนดการของตนจึงมาอยู่ในวันที่ 26 กันยายน ซึ่งมีผู้นำรัฐบาลประเทศกลุ่มอาเซียนปราศรัยเช่นเดียวกัน ไม่ได้มีอะไรแปลก
@ รับนักลงทุนห่วงการเมืองภายใน
เมื่อถามว่า นักลงทุนต่างชาติสอบถามและห่วงใยสถานการณ์ในประเทศไทยมากน้อยเพียงใด นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า จริงๆ ความห่วงใยเป็นเรื่องปกติ ต้องคำนึงว่าภาพข่าวที่เห็นที่เกี่ยวข้องกับสภาพการเมืองไทยช่วงที่ผ่านมานั้นคือ เมื่อมีเหตุการณ์ไม่ปกติต่างชาติจะเห็น แต่เวลาสงบก็ไม่เห็น เพราะเวลาเหตุการสงบไม่รู้จะเสนอข่าวอะไร ดังนั้น ตนคิดว่าชี้แจงไปยกเว้นในช่วงสั้นๆ ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งไทยได้แก้ปัญหาอย่างทันสถานการณ์แล้ว ต้องถือว่าขณะนี้สภาพการเมืองไทยมีความสงบเรียบร้อยมากขึ้น
"เราพูดความจริงกับเขา ไม่มาหลอกเขาว่า ความขัดแย้งในสังคมและปัญหาต่างๆ มันหมดไปแล้ว แต่ชี้ให้เห็นว่าการบริหารความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคมไทยเรามีแนวทางอย่างไร ผมคิดว่าเป็นแนวทางที่เขาเข้าใจและสอดคล้องกับการเป็นสังคมประชาธิปไตย" นายกรัฐมนตรีกล่าว
@ ไม่หนักใจอดีตนายกฯโจมตี
เมื่อถามว่า ถือเป็นครั้งแรกที่ผู้นำใช้เทคโนโลยีในการสื่อสารข้ามโลกมายังคนไทย แต่ขณะเดียวกันอดีตผู้นำก็ใช้เทคโนโลยีข้ามโลกวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลตลอดเวลา รู้สึกหนักใจหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า "ไม่หนักใจครับ" เมื่อถามว่า ห่วงว่าประชาชนจะมีความสับสนหรือไม่ ผู้ที่เกี่ยวข้องควรดำเนินการอย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ประชาชนได้ข่าวสารข้อมูลหลายๆ ทางก็มีวิจารณญาณที่จะตัดสิน ตนไม่หนักใจ
@ ซัด"ทักษิณ"ไม่เคารพกฎหมาย
สำนักข่าวไทย รายงานว่า ระหว่างที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พบผู้แทนชุมชนไทยในนครนิวยอร์ก ที่โรงแรม Helmsley Parklane ได้กล่าวตอนหนึ่งถึงปัญหาการเมือง ยอมรับว่า ยังคงมีความขัดแย้งสูง และก่อนที่จะเดินทางมาสหรัฐก็มีการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่กรุงเทพฯ และการชุมนุมของพันธมิตรที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบ
นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า รัฐบาลไม่มีปัญหากับ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนไทยก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย เมื่อทำผิดก็ต้องรับโทษ สังคมไทยเป็นสังคมให้อภัย แต่คงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เคารพหรืออยู่เหนือกฎหมาย
"ทำผิดแล้วเอามวลชนมาต่อรอง หากเป็นเช่นนี้ จะเกิดการไม่เคารพกฎหมาย ไม่อยากให้สิ่งนี้เกิดขึ้น เพราะคนที่เป็นนักการเมืองก็มีมวลชนของตัวเองกันทั้งนั้น" นายกรัฐมนตรี กล่าว
หน้า 1
|
|
|
|
|
ข่าวการเมืองแฟ้ม 2
|