พันธมิตรฯบุกขึ้นผามออีแดง สำเร็จ อ่านแถลงการณ์ 2 ฉบับ
พันธมิตรฯบุกขึ้นผามออีแดง สำเร็จ อ่านแถลงการณ์ 2 ฉบับ เรียกร้องรัฐบาลทวงคืนพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตร.กม. จากเขมร ก่อนยอมสลายตัวกลับ แม่ทัพภาคที่ 2 มั่นใจความสัมพันธ์ไทย-เขมรยังปกติ นายกฯหวั่นปัญหาถูกยกระดับมากขึ้น มท.1 ติง พธม.เคลื่อนไหวทีไรรุนแรงทุกที ปชป.แนะให้แกนนำ พธม.คุยกับ "กษิต ภิรมย์" จะได้รู้เรื่อง เพื่อไทยจี้นายกฯ เร่งจัดการทุกคดีของ พธม. อย่าทำ 2 มาตรฐาน
ภายหลังกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) นำโดยนายวีระ สมความคิด แกนนำพันธมิตรฯ ระดมพลนับพันคนมุ่งหน้าจะขึ้นผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ อ้างว่าต้องการจะทวงคืนพื้นที่บริเวณรอบปราสาทเขาพระวิหาร 4.6 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเป็นพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทย-กัมพูชา แต่เมื่อเดินทางไปถึงหน้าหน้าโรงเรียนบ้านภูมิซรอล ถนนสายกันทรลักษ์-เขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหารตั้งด่านสกัดห้ามผ่านขึ้นไป แต่กลุ่มพันธมิตรฯไม่ฟังและพยายามจะบุกฝ่าด่านขึ้นไปให้ได้ จนเกิดการปะทะกับกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่ โดยทั้ง 2 ฝ่ายต่างระดมใช้หนังสติ๊กยิงก้อนหิน ขว้างปาระเบิดขวดและยิงปืนเข้าใส่กัน จนมีผู้บาดเจ็บกว่า 20 คนนั้น
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 10.15 น. วันที่ 20 ก.ย. พล.ต.ชวลิต ชุณประสาร ผบ.กองกำลังสุรนารี สั่งการให้นำรถบัสของทหารไปรับแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ประกอบด้วย นายวีระ สมความคิด พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ และนายแซมดิน เลิศบุศย์ พร้อมพวกรวม 33 คน และตัวแทนของสื่อมวลชนออกเดินทางจากหมู่บ้านศีรษะอโศก หมู่ 15 ต.กระแชง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ขึ้นไปยังผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร สาเหตุที่ต้องนำรถบัสทหารไปรับกลุ่มพันธมิตรฯครั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยของกลุ่มพันธมิตรฯเอง เนื่องจากเกรงว่าจะมีประชาชนบ้านภูมิซรอลที่ยังโกรธแค้นและไม่พอใจในการกระทำของกลุ่มพันธมิตรฯที่ทำร้ายชาวบ้านบาดเจ็บสาหัสเมื่อวานนี้มาดักรอทำร้าย แต่ระหว่างทางไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้น
หลังจากขึ้นไปถึงจุดชมวิวบนผามออีแดง ซึ่งสามารถมองเห็นภูมิทัศน์โดยรอบปราสาทเขาพระวิหาร นายวีระ สมความคิด ได้ชี้บริเวณพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร ที่มีชาวกัมพูชาเข้ามาสร้างที่อยู่อาศัย และวัดให้สื่อมวลชนดู พร้อมกล่าวว่า ทางทหารบอกว่าที่นี่ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน แต่ทางกระทรวงต่างประเทศบอกว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อน จากนั้นนายวีระได้อ่านแถลงการณ์ฉบับที่ 1 มีใจความ
ข้อที่ 1. ว่า กลุ่มพันธมิตรฯจะดำเนินการทุกวิถีทางตามกรอบของกฎหมาย เพื่อทวงคืนดินแดนไทยบริเวณรอบปราสาทเขาพระวิหาร ทั้งทางพฤตินัยและนิตินัย
ข้อที่ 2. ให้รัฐบาลดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือสมรู้ร่วมคิดในการกระทำให้ประเทศไทยต้องเสียดินแดน
จากนั้นนายวีระได้อ่านแถลงการณ์ฉบับที่ 2
ข้อที่ 1. มีใจความว่า พื้นที่รอบปราสาทเขาพระวิหาร ต้องเป็นไปตามสนธิสัญญาไทย-ฝรั่งเศส ปี พ.ศ.2477 โดยแบ่งบริเวณเขตแดนกันตามสันปันน้ำ
ข้อที่ 2. ให้รัฐบาลไทยประท้วงรัฐบาลกัมพูชา ที่ยินยอมให้ประชาชนและทหารกัมพูชารุกล้ำแผ่นดินไทย ปลูกสร้างบ้านเรือนรวมทั้งสิ่งก่อสร้างถาวร ให้รัฐบาล กัมพูชานำประชาชนและทหารของตนออกจากพื้นที่ทันที
ข้อที่ 3. กลุ่มพันธมิตรฯไม่ยอมรับแถลงการณ์ไทย-กัมพูชา ที่ยินยอมให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารให้เป็นมรดกโลก โดยไม่ผ่านความเห็นชอบของประชาชน และ
ข้อที่ 4. จะไม่ยอมรับมติของคณะกรรมการมรดกโลก ที่ให้รัฐบาลกัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกเพียงฝ่ายเดียว หลังเสร็จการอ่านแถลงการณ์ กลุ่มพันธมิตรฯ รีบลงจากผามออีแดง เดินทางกลับไปยังหมู่บ้านศีรษะอโศก
ต่อมาเวลา 12.00 น. กลุ่มพันธมิตรฯได้พากันเคลื่อนขบวนรถยนต์นานาชนิด นำผู้บาดเจ็บจากการปะทะกับกลุ่มชาวบ้านภูมิซรอล 4 คน รวมทั้งรถยนต์ที่ได้รับความเสียหายออกจากหมู่บ้านศีรษะอโศก ไปแจ้งความดำเนินคดีกับชาวบ้านที่ทำร้ายร่างกายกลุ่มพันธมิตรฯ และทำให้ทรัพย์สินเสียหาย โดยมี พ.ต.ต.ไพบูลย์ วรรณงาม สารวัตรเวร สภ.บึงมะลู เป็นเจ้าของคดี และมี พ.ต.อ. วัฒนา เงินหมื่น รอง ผบก.ภ.จ.ศรีสะเกษ เดินทางมาคอยอำนวยความสะดวกให้อย่างใกล้ชิด ซึ่งในการแจ้งความครั้งนี้ กลุ่มพันธมิตรฯนำหลักฐานม้วนเทปวีดิโอที่บันทึกภาพขณะเกิดเหตุมามอบให้ตำรวจเป็นหลักฐานในการติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีด้วย
ด้าน พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงผลกระทบระหว่างไทยและกัมพูชา จากการกระทำของกลุ่มพันธมิตรฯ ครั้งนี้ว่า ผลกระทบอาจมีบ้าง แต่คงไม่ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศสั่นคลอน เพราะเป็นเรื่องที่เกิดในประเทศไทย ไม่กระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของทหารของทั้ง 2 ฝ่าย ในเรื่องของพื้นที่ทับซ้อน คงต้องให้เวลารัฐบาลดำเนินการ ส่วนการประกาศกฎ อัยการศึกในพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นั้น ได้ประกาศ มา 2 ปีแล้ว ส่วนการกำหนดพื้นที่เขตบังคับใช้ก็แล้วแต่ เหตุการณ์ เมื่อวานนี้ก็ได้ประกาศพื้นที่เขตบังคับใช้ ตั้งแต่ทางขึ้นผามออีแดงขึ้นไปเท่านั้น
ที่ รพ.กันทรลักษ์ พล.ต.ชวลิต ชุณประสาร ผบ.กองกำลังสุรนารี เป็นตัวแทน ผบ.ทบ. นำกระเช้าผลไม้ไปเยี่ยมนายประเสริฐ ผิวขาว อายุ 21 ปี ชาวบ้านบ้านตาแท่น ต.บึงมะลู อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ที่ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกับกลุ่มพันธมิตรฯจนกรามซ้ายหัก และแพทย์ได้ผ่าตัด อาการปลอดภัยแล้วนั้น โดยนายประเสริฐกล่าวว่าขณะที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ข้างกำแพงวัดภูมิซรอล เข้าใจว่าเป็นลูกปืนมากระทบ ถือว่าเป็นลูกหลง เป็นคราวเคราะห์ ไม่โกรธ คนทำแต่อย่างใด
นายวีระยุทธ ดวงแก้ว กำนันตำบลเสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ แกนนำชาวบ้านจาก ต.เสาธงชัย ที่มาต่อต้านไม่ให้ กลุ่มพันธมิตรฯบุกขึ้นไปบนผามออีแดง กล่าวว่า หลังกลุ่มพันธมิตรฯเดินทางกลับไปแล้ว ชาวบ้านยังหวั่นเกรงกันว่าจะเกิดประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย เพราะถ้ามีการยั่วยุ ให้กำลังทหารไทยกับกัมพูชาสู้รบกัน ชาวบ้านที่อยู่ตาม แนวชายแดนเช่นพวกตนต้องเกิดอันตรายจากการสู้รบ เช่น มีลูกปืนใหญ่ตกลงในหมู่บ้าน ถ้าไม่เกิดขึ้นก็ดีไป ขณะที่กลุ่มพันธมิตรฯมาแล้วก็ไปไม่ต้องรับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น
วันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์" ถึงกรณีข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา หลังกลุ่มพันธมิตรฯ บุกทวงคืนพื้นที่บริเวณเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ ว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ยืนยันว่าไทยจะไม่เสียดินแดนอย่างแน่นอน แต่หากมีการปะทะกันขึ้น เรื่องก็อาจถูกยกระดับขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อย่างไร ก็ตาม ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมและชาวบ้านวานนี้ ซึ่งในที่สุดก็ต้องมีการเจรจากัน โดยได้ตกลงกันให้ผู้ชุมนุมเดินทางขึ้นไปอ่านแถลงการณ์ บนผามออีแดงได้ตามเงื่อนไขของเจ้าหน้าที่เท่านั้น และเมื่ออ่านแถลงการณ์เสร็จขอให้ยุติ และขอร้องคนไทยด้วยกันอย่าทำร้ายกันเอง และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่
ขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีกลุ่มพันธมิตรฯ ปะทะกับกลุ่มชาวบ้านภูมิซรอล จ.ศรีสะเกษ ระหว่างเดินทางไปทวงคืนพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตร.กม.บริเวณชายแดนปราสาทเขาพระวิหาร จนมีผู้ ได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 ฝ่ายว่า เรื่องที่เกิดขึ้นต้องดำเนินการตามกฎหมาย ขณะนี้สถานการณ์ได้คลี่คลายลงแล้ว เจ้าหน้าที่ พยายามดูแลให้เกิดความเรียบร้อย ตนไม่วิจารณ์การเคลื่อน ไหวของพันธมิตรฯ ที่มักมีความรุนแรงเกิดขึ้นเสมอ เกรงว่าจะทำให้เป็นความขัดแย้งเกิดขึ้นอีก
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสาธิต ปิตุเตชะ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเหตุปะทะกันของกลุ่มพันธมิตรฯกับชาวบ้านว่า สถานการณ์นี้จะเป็นบทเรียน และต่อไปขอให้แต่ละฝ่ายตระหนักว่า การแสดงอะไรต้องคิดให้รอบคอบ อย่าให้เป็นเงื่อนไขที่จะก่อความรุนแรง เมื่อถามว่านายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ซึ่งมีความใกล้ชิดกลุ่มพันธมิตรฯควรแสดงบทบาทในการแก้ปัญหาอย่างไร นายสาธิตกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวนายวีระ สมความคิด แกนนำพันธมิตรฯสามารถพูดคุยกับนายกษิตได้ ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคเพื่อไทยตั้งข้อสังเกตว่า การเคลื่อนไหว ของกลุ่มพันธมิตรฯเชื่อมโยงกับพรรคประชาธิปัตย์ นายสาธิตกล่าวว่า นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานพันธมิตรฯ พูดชัดเจนว่าการเคลื่อนไหวของนายวีระไม่เกี่ยวกับ 5 แกนนำ
ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รู้สึกสะเทือนใจที่กลุ่มพันธมิตรฯ ทำร้ายชาวบ้านบาดเจ็บ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดกลุ่มพันธมิตรฯต้องมาสร้างเหตุการณ์ในวันที่ 19 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยไม่ ทำก่อนหน้านี้ หรือหลังจากนี้ เชื่อว่าเป็นการสร้างเหตุการณ์หนึ่ง เพื่อกลบอีกเหตุการณ์หนึ่ง ไม่รู้ว่ามีนักการเมืองฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายความมั่นคงอยู่เบื้องหลังหรือไม่ จึงขอให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เร่งดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรฯ กรณีการทำร้ายชาวบ้านที่ปราสาทเขาพระวิหาร รวมถึงเร่งดำเนินคดีการยึดสนามบิน และสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีด้วย เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ไม่ใช่ทำงานสองมาตรฐาน และไม่ให้ใครบางคนคิดว่า ตัวเองมีเส้นจะทำอะไรก็ได้ หากนายอภิสิทธิ์ไม่กล้าดำเนินการ ก็ขอให้ลาออกไป จุดยืนของพรรคเพื่อไทยในเรื่อง การแก้ปัญหาปราสาทเขาพระวิหารคือ ควรใช้การเจรจา
นายกุเทพ ใสกระจ่าง อดีต ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ยืนยันนักการเมืองของพรรคเพื่อไทยไม่ได้เข้าไปอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ปลุกระดมให้ชาวบ้านภูมิซรอล จ.ศรีสะเกษ ออกมาต่อต้านกลุ่มพันธมิตรฯ ในการทวงคืนพื้นที่ปราสาทเขาพระวิหาร เพราะ ไม่มีประโยชน์ การที่ชาวบ้านประท้วงนั้น เพราะได้รับความเดือดร้อนรำคาญ และเห็นว่าการกระทำของกลุ่มพันธมิตรฯ ทำเหมือนไปทิ้งขยะไว้หน้าบ้านเขา เหมือนไปอึไว้ให้เขาเก็บกวาด ชาวบ้านจึงต้องออกมาต่อต้าน