วันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11493 มติชนรายวัน สั่ง22รมต.งดโหวต"งบฯ" รบ.ไม่เสี่ยง เกิน18เสียงเชื่อผ่านสภา "พท."ถล่มเงินเพิ่ม2.2หมื่นล. งุบงิบแบ่งเค้กไร้รายละเอียด "ไตรรงค์"การันตีไม่ซ่อนเร้น วิปรัฐบาลยัน 22 รมต.ห้ามโหวตร่าง พ.ร.บ.งบฯ มั่นใจยังผ่านสภา คะแนนเกินครึ่ง 18 เสียง "พท."โวยจัดเพิ่มงบฯ 2.2 หมื่นล้านไม่ระบุรายละเอียด หวั่นมีการโยกเงินในภายหลัง ยื่นศาล รธน.วินิจฉัยขัดรัฐธรรมนูญ "ไตรรงค์"ยันไม่ซ่อนเร้น ขอเอาศักดิ์ศรีเป็นประกัน เผยคมนาคมได้รับเพิ่มมากสุด 4.6 พันล้าน ฝ่ายค้านอัดโครงการลงบุรีรัมย์เพียบ @ ลงมติงบฯก่อนเที่ยงคืน28ส.ค. เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 27 สิงหาคม ที่รัฐสภา นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงการจัดสรรเวลาในการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2553 ว่า ในวันที่ 27 สิงหาคม จะให้จบหลังเวลา 24.00 น. และวันที่ 28 สิงหาคม จะให้ลงมติก่อนเวลา 24.00 น. เพราะวันที่ 29 สิงหาคม มี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และพรรคเพื่อไทย (พท.) จะเดินทางไป จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อช่วยผู้สมัครของแต่ละพรรคหาเสียง ขณะที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) จะไปร่วมงานศพของนายวีระ รักความสุข ส.ส.สัดส่วน พรรค ภท. นายชินวรณ์กล่าวว่า ส่วนการจัดสรรเวลาได้แบ่งสัดส่วนของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 รวม 5 ชั่วโมง รัฐบาลอภิปรายและตอบข้อซักถาม 10 ชั่วโมง ฝ่ายค้าน 15 ชั่งโมง ผู้อภิปรายแต่ละคนไม่เกิน 10 นาที เพราะมีการแปรญัติมากถึง 184 คน @ ห้ามรมต.โหวต-มั่นใจผ่านสภา ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐมนตรีที่เป็น ส.ส.สามารถลงมติได้หรือไม่ นายชินวรณ์กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีให้วิปรัฐบาลหารือเพราะตามมาตรา 177 ของรัฐธรรมนูญระบุชัดว่ากรณีที่รัฐมนตรีไม่สมควรลงมติได้มีดังนี้ คือ 1.กรณีการอภิปรายไมˆไว้วางใจนายกฯ 2.กรณีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ซึ่งเกี่ยวโยงถึงรัฐมนตรีคนนั้นๆ ไม่สามารถลงมติได้ 3.กรณีเสนอ พ.ร.บ.เข้ามาและมีผลประโยชน์ขัดกันโดยส่วนตัวกับรัฐมนตรีชัดเจนก็ไม่ต้องลงมติ และ 4.กรณี ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย เพราะมีหลายมาตราที่อาจจะหมิ่นเหม่หรือกระทบต่อผลประโยชน์ได้เสียของรัฐมนตรี จึงชัดเจนว่ารัฐมนตรีไม่สามารถลงมติร่าง พ.ร.บ.รายจ่ายงบประมาณประจำปี 2553 ได้ ซึ่งจะถือปฏิบัติให้เกิดบรรทัดฐานต่อไป "มั่นใจว่ารัฐบาลจะสามารถผ่านร่าง พ.ร.บ. งบประมาณ เพราะรัฐบาลมีเสียงสนับสนุน 275 เสียง รวมเสียงของรัฐมนตรีอีก 22 คน เมื่อตัดออกจะเหลือ 253 เสียง ยังมีมากพอเกินกึ่งหนึ่งของเสียง ส.ส.ในสภา 18 เสียง" นายชินวรณ์กล่าว @ เกลี่ยงบฯคมนาคมเพิ่ม4.6พันล. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการปรับเพิ่มงบประมาณเพิ่มเติมวงเงิน 22,505,238,100 ล้านบาท มีการจัดสรรไปตามหน่วยงานต่างๆ อาทิ สำนักนายกรัฐมนตรี เพิ่ม 4,500,000 บาท กระทรวงกลาโหม 68,486,000 บาท กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา 222,343,200 บาท กระทรวงการ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 727,300,000 บาท กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 460,061,000 บาท กระทรวงคมนาคมจำนวน 4,635,357,800 บาท กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 2,398,648,200 บาท กระทรวงมหาดไทย 4,113,653,400 บาท กระทรวงศึกษาธิการ 3,812,087,100 บาท หน่วยงานของรัฐสภา 289,381,000 บาท และรัฐวิสาหกิจ 5,773,420,400 บาท @ "กรณ์"รับเพิ่มให้รัฐสภา289ล้าน เมื่อเวลา 09.30 น. วันเดียวกัน ที่รัฐสภา นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 ในวาระ 2 และ 3 เป็นการพิจารณาเรียงมาตรา โดยนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2553 ชี้แจงว่า งบฯปี 2553 จำนวน 1.7 ล้านล้านบาท กมธ.ปรับลด 22,505,238,100 บาท มีเกณฑ์คือ โครงการที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน มีเป้าหมายไม่ชัดเจน การใช้จ่ายไม่ประหยัด ไม่เกิดประสิทธิภาพ นายกรณ์กล่าวว่า ส่วนรายการเพิ่มวงเงิน 22,505,238,100 บาท แบ่งเป็นเพิ่มให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจจำนวน 18,173 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการดำเนินนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล เช่น โครงสร้างพื้นฐาน ถนน แหล่งน้ำ การศึกษา และเพิ่ม 4,042 ล้านบาท เพื่ออุดหนุนท้องถิ่น เช่น เบี้ยยังชีพ รวมถึงจัดสรรเพิ่มให้รัฐสภา 289 ล้านบาท ในภารกิจการประชุมระดับนานาชาติ @ พท.โวยไร้รายละเอียดเพิ่มงบฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนเริ่มอภิปรายมีการถกเถียงเกือบ 1 ชั่วโมง หลังจาก ส.ส.พรรคเพื่อไทย (พท.) หลายคน อาทิ นายเจริญ จรรย์โกมล นพ.ประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ ส.ส.ชัยภูมิ และนาย สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทยหารือว่า เอกสารงบฯในส่วนรายการเพิ่ม 2.2 หมื่นล้านบาท ไม่ได้ให้รายละเอียดอย่างชัดเจนว่านำไปใช้ในโครงการอะไรบ้าง นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) รองประธาน กมธ.ชี้แจงว่า การปรับลดหรือเพิ่มงบฯไม่มีอะไรซ่อนเร้น ทุกอย่างมองถึงความจำเป็น แผนงาน และความต้องการของประชาชน ส่วนหน่วยงานที่กลัวว่าจะมีการโยกงบฯคือกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ไม่มีการปรับลดหรือเพิ่มอย่างที่หวาดระแวงกัน ขอเอาตำแหน่งเป็นประกันต้องช่วยกันผดุงเกียรติไว้ ถือเป็นศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย ขอให้เชื่อกันบ้าง อย่าพยายามทำให้มีปัญหาจนบ้านเมืองเดินไม่ได้ ด้านนายบัณฑูร สุภัควณิช ผอ.สำนักงบประมาณ ชี้แจงว่า หากรายการครุภัณฑ์ เกิน 1 ล้านบาท ค่าก่อสร้างเกิน 10 ล้านบาท ถึงจะมีรายละเอียด ไม่เช่นนั้นเอกสารจะหนามาก พิจารณาลำบาก อย่างไรก็ดี นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส. นครพนม พรรค พท. กล่าวว่า ขอให้สำนักงบฯนำรายละเอียดมาให้ก่อนตะวันตกดิน เพราะโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์แหล่งท่องเที่ยวใน จ.น่าน 7 แสนบาท ยังลงรายละเอียดได้ จึงไม่ใช่ตามที่สำนักงบฯชี้แจง @ จวกรัฐบาลส่งสัญญาณผิด จากนั้นเวลา 11.05 น. จึงเข้าสู่การพิจารณารายมาตรา โดยชื่อร่าง คำปรารภ มาตรา 1 และ 2 ไม่มีการแก้ไข ส่วนมาตรา 3 ยอดรวมงบฯ 1.7 ล้านล้านบาท มี กมธ.สงวนความเห็นและ ส.ส.สงวนคำแปรญัตติถึง 111 คน ซึ่งประธานให้เวลาอภิปรายคนละ 10 นาที แต่หากสมาชิกอภิปรายทุกคนจะใช้เวลา 18 ชั่วโมงครึ่ง สำหรับผู้อภิปราย มีที่น่าสนใจ อาทิ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.สัดส่วน พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา กมธ. สงวนความเห็น โดยตั้งข้อสังเกตถึงงบฯของกรมส่งเสริมปกครองส่วนท้องถิ่น ปีงบฯ 2552 มีข้อสงสัยเรื่องการโยกโอนงบฯและการกระจุกเฉพาะภูมิลำเนาของรัฐมนตรีที่ดูแล ด้านนายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.อยุธยา พรรคเพื่อไทย กมธ. สงวนความเห็น อภิปรายว่า รัฐบาลประมาณการรายรับ 1.5 ล้านล้านบาท สงสัยว่าจะเก็บได้ตามเป้าหรือไม่ รวมถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลนำลงไป ก็ไม่ได้ผลเต็มเม็ดเต็มหน่วย นางฐิติมา ฉายแสง ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคเพื่อไทย กมธ.สงวนความเห็น อภิปรายว่า งบฯปีนี้ยอดรวมลดลงกว่าปีที่ผ่านมาถึงร้อยละ 12.9 สะท้อนภาวะลงทุนของประเทศ และส่งสัญญาณที่ผิดไปให้นักลงทุนต่างชาติว่าเศรษฐกิจของประเทศไม่ดี เพราะรัฐบาลไม่สนใจใส่เม็ดเงินลงไปกระตุ้นเศรษฐกิจ @ โวยโครงการลงบุรีรัมย์เพียบ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการอภิปรายมาตรา 3 ช่วงบ่ายถึงเย็นยังมีที่น่าสนใจ อาทิ นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ สงวนคำแปรญัตติ กล่าวว่า งบฯปีนี้ทำด้วยสมมติฐาน จีดีพี ติดลบ 2 ไม่ใช่ติดลบ 3 อย่างที่ประมาณการไว้ เพราะต้องลบด้วยอัตราเงินเฟ้อที่รายงานประมาณการไว้ว่าจะติดลบ 1 ซึ่งรัฐบาลนี้เข้ามา ต้นปี 2552 เท่ากับไตรมาสสองของปีงบฯ 2552 ซึ่งพบว่าจีดีพี ลบ 7.1 ส่วนไตรมาสสามของปีงบฯ 2552 ลบ 4.9 เท่ากับตอนนี้ถัวเฉลี่ยลบเกิน 5 ฉะนั้น นักธุรกิจเชื่อประมาณการตามรายงานงบฯฉบับนี้ไม่ได้เลย ดังนั้น สำนักงบฯอย่าประมาณการรายได้เกินจริง ด้าน นพ.ประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย สงวนคำแปรญัตติ กล่าวว่า การจัดงบประมาณลงในบางพื้นที่ที่ดูไม่เหมาะสม โดยเฉพาะที่ จ.บุรีรัมย์ มีโครงการไปลงถึง 113 โครงการ ขณะที่ จ.นครราชสีมามีเพียง 62 โครงการ และพังงามีเพียง 4 โครงการ การจัดงบฯแบบนี้แล้วจะให้พวกตนไว้วางใจ กมธ.งบได้อย่างไร เอากันมากเกินไปจนน่ารังเกียจ @ เพิ่ม2.2หมื่นล.ไร้ข้อมูลยื่นศาลรธน. นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย สงวนคำแปรญัตติ อภิปรายว่า การจัดทำเอกสารไม่มีรายละเอียดรายการปรับเพิ่มงบฯจำนวน 2.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 167 ประธานสภาผู้แทนราษฎร กำลังทำผิดรัฐธรรมนูญ พรรคฝ่ายค้านจะยื่นเรื่องนี้ต่อศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 28 สิงหาคม ไม่มั่นใจการจัดสรรงบฯ เพราะไม่มีรายละเอียด ก่อให้เกิดความไม่โปร่งใส กลัวซ้ำรอยงบฯปี 2552 ที่มีการโยกงบฯของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น งบฯชลประทาน งบฯ กรมทางหลวงชนบท เอามารวมกันเป็นก้อนใหญ่ให้บริษัทใหญ่ได้ประมูลไป แล้วให้บริษัทเล็กๆ ในท้องถิ่นประมูลกัน นายสุรพงษ์กล่าวว่า นอกจากนี้ยังใช้การจัดงบฯนอกวิธีการงบประมาณปกติ โดยใช้การกู้ 8 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นงบฯลงทุน 6 แสนล้านบาท ที่ไม่มีรายละเอียดให้พิจารณา จนมีข่าวว่าเรียกชักส่วนร้อยละ 15 ต่อโครงการ บางโครงการเรียกกันร้อยละ 30-40 ตอนนี้มีปัญหาเช่นโครงการชุมชนพอเพียง และไม่เชื่อว่ามีแค่โครงการนี้ นอกจากนี้รัฐบาลนี้ยังใช้งบฯสำหรับประชาสัมพันธ์ทุกหน่วยงานถึง 7.4 พันล้านบาท ซึ่งสูงมาก ก่อนหน้านั้นนายสุรพงษ์กล่าวว่า ต้นสัปดาห์ยังมีข่าวการโยกงบฯทั้งที่ กมธ.พิจารณางบฯไปเสร็จสิ้นแล้ว มีการเก็บเอกสารงบประมาณฉบับเก่าออกหมดเพื่อนำไปแก้ไข แต่ตนได้มาและนำข้อมูลของงบประมาณฉบับใหม่มาเปรียบเทียบกับฉบับเก่าที่มี พบว่ามีการโยกงบฯ ทำให้เอกสารใหม่กับเอกสารเก่าไม่ตรงกัน @ "กรณ์"คาดตั้งงบฯสมดุลปี"58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ประชุมอภิปรายมาตรา 3 นานกว่า 7 ชั่วโมง เวลา 18.15 น. นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธาน กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ชี้แจงว่า การตั้งงบฯปี 2553 ที่ 1.7 ล้านล้านบาท ถือว่าสอดคล้องกับวินัยการเงินการคลัง และเหมาะสมสภาพเศรษฐกิจ ยืนยันว่าและประมาณการว่าจะตั้งงบสมดุลได้ปี 2558 นายกรณ์กล่าวว่า ที่สมาชิกกังวลเรื่องการจัดเก็บรายได้ เดิมประมาณการที่ 1.5 ล้านล้านบาท ต่อมาประมาณการที่ 1.35 ล้านบาท แม้จะเห็นทิศทางการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ก็ยึดรักษาวินัยทางการเงินการคลัง ไม่อยากเห็นเหมือนรัฐบาลที่แล้ว ที่ประมาณการรายได้ไว้เกินจริง สุดท้ายมีปัญหา ทำให้รัฐบาลชุดปัจจุบันต้องแก้ปัญหาโดยออก พ.ร.ก.และ พ.ร.บ.ต่างๆ มั่นใจว่าจะเก็บภาษีได้ตรงเป้า เพราะการใช้งบฯกลางปี สามารถกระตุ้นกำลังซื้อให้ประชาชนได้ จากนั้นเวลา 18.45 น. มีการตรวจสอบองค์ประชุมก่อนลงมติ ปรากฏว่ามีสมาชิกแสดงตน 259 คน ถือว่าครบองค์ประชุมที่ 237 คน จาก 473 คน จากนั้นจึงลงมติ ปรากฏว่าที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้เป็นไปตามร่างของ กมธ.คือ 1.7 ล้านล้านบาท ด้วยคะแนน 243 ต่อ 92 งด 5 ไม่ลงคะแนน 15 เสียง