ReadyPlanet.com
dot
dot dot
bulletBUDDHISM TO THE NEW WORLD ERA
bullet1 Thai-ไทย
bullet2.English-อังกฤษ
bullet3.China-จีน
bullet4.Hindi-อินเดีย
bullet5.Russia-รัสเซีย
bullet6.Arab-อาหรับ
bullet7.Indonesia-อินโดนีเซีย
bullet8.Japan-ญี่ปุ่น
bullet9.Italy-อิตาลี
bullet10.France-ฝรั่งเศส
bullet11.Germany-เยอรมัน
bullet12.Africa-อาฟริกา
bullet13.Azerbaijan-อาเซอร์ไบจัน
bullet14.Bosnian-บอสเนีย
bullet15.Cambodia-เขมร
bullet16.Finland-ฟินแลนด์
bullet17.Greek-กรีก
bullet18.Hebrew-ฮีบรู
bullet19.Hungary-ฮังการี
bullet20.Iceland-ไอซ์แลนด์
bullet21.Ireland-ไอร์แลนด์
bullet22.Java-ชวา
bullet23.Korea-เกาหลี
bullet24.Latin-ละติน
bullet25.Loa-ลาว
bullet26.Finland-ฟินแลนด์
bullet27.Malaysia-มาเลย์
bullet28.Mongolia-มองโกเลีย
bullet29.Nepal-เนปาล
bullet30.Norway-นอรเวย์
bullet31.persian-เปอร์เซีย
bullet32.โปแลนด์-Poland
bullet33.Portugal- โปตุเกตุ
bullet34.Romania-โรมาเนีย
bullet35.Serbian-เซอร์เบีย
bullet36.Spain-สเปน
bullet37.Srilanga-สิงหล,ศรีลังกา
bullet38.Sweden-สวีเดน
bullet39.Tamil-ทมิฬ
bullet40.Turkey-ตุรกี
bullet41.Ukrain-ยูเครน
bullet42.Uzbekistan-อุสเบกิสถาน
bullet43.Vietnam-เวียดนาม
bullet44.Mynma-พม่า
bullet45.Galicia กาลิเซียน
bullet46.Kazakh คาซัค
bullet47.Kurdish เคิร์ด
bullet48. Croatian โครเอเซีย
bullet49.Czech เช็ก
bullet50.Samoa ซามัว
bullet51.Nederlands ดัตช์
bullet52 Turkmen เติร์กเมน
bullet53.PunJabi ปัญจาบ
bullet54.Hmong ม้ง
bullet55.Macedonian มาซิโดเนีย
bullet56.Malagasy มาลากาซี
bullet57.Latvian ลัตเวีย
bullet58.Lithuanian ลิทัวเนีย
bullet59.Wales เวลล์
bullet60.Sloveniana สโลวัค
bullet61.Sindhi สินธี
bullet62.Estonia เอสโทเนีย
bullet63. Hawaiian ฮาวาย
bullet64.Philippines ฟิลิปปินส์
bullet65.Gongni-กงกนี
bullet66.Guarani-กวารานี
bullet67.Kanada-กันนาดา
bullet68.Gaelic Scots-เกลิกสกอต
bullet69.Crio-คริโอ
bullet70.Corsica-คอร์สิกา
bullet71.คาตาลัน
bullet72.Kinya Rwanda-คินยารวันดา
bullet73.Kirkish-คีร์กิช
bullet74.Gujarat-คุชราด
bullet75.Quesua-เคซัว
bullet76.Kurdish Kurmansi)-เคิร์ด(กุรมันซี)
bullet77.Kosa-โคซา
bullet78.Georgia-จอร์เจีย
bullet79.Chinese(Simplified)-จีน(ตัวย่อ)
bullet80.Chicheva-ชิเชวา
bullet81.Sona-โซนา
bullet82.Tsonga-ซองกา
bullet83.Cebuano-ซีบัวโน
bullet84.Shunda-ชุนดา
bullet85.Zulu-ซูลู
bullet86.Sesotho-เซโซโท
bullet87.NorthernSaizotho-ไซโซโทเหนือ
bullet88.Somali-โซมาลี
bullet89.History-ประวัติศาสตร์
bullet90.Divehi-ดิเวฮิ
bullet91.Denmark-เดนมาร์ก
bullet92.Dogry-โดกรี
bullet93.Telugu-เตลูกู
bullet94.bis-ทวิ
bullet95.Tajik-ทาจิก
bullet96.Tatar-ทาทาร์
bullet97.Tigrinya-ทีกรินยา
bullet98.Check-เชค
bullet99.Mambara-มัมบารา
bullet100.Bulgaria-บัลแกเรีย
bullet101.Basque-บาสก์
bullet102.Bengal-เบงกอล
bullet103.Belarus-เบลารุส
bullet104.Pashto-พาชตู
bullet105.Fritian-ฟริเชียน
bullet106.Bhojpuri-โภชปุรี
bullet107.Manipur(Manifuri)-มณีปุระ(มณิฟูรี)
bullet108.Maltese-มัลทีส
bullet109.Marathi-มาราฐี
bullet110.Malayalum-มาลายาลัม
bullet111.Micho-มิโช
bullet112.Maori-เมารี
bullet113.Maithili-ไมถิลี
bullet114.Yidsdish-ยิดดิช
bullet115.Euroba-ยูโรบา
bullet116.Lingala-ลิงกาลา
bullet118.Slovenia-สโลวีเนีย
bullet119.Swahili-สวาฮิลี
bullet120.Sanskrit-สันสกฤต
bullet121.history107-history107
bullet122.Amharic-อัมฮาริก
bullet123.Assam-อัสสัม
bullet124.Armenia-อาร์เมเนีย
bullet125.Igbo-อิกโบ
bullet126.History115-ประวัติ 115
bullet127.history117-ประวัติ117
bullet128.Ilogano-อีโลกาโน
bullet129.Eve-อีเว
bullet130.Uighur-อุยกูร์
bullet131.Uradu-อูรดู
bullet132.Esperanto-เอสเปอแรนโต
bullet133.Albania-แอลเบเนีย
bullet134.Odia(Oriya)-โอเดีย(โอริยา)
bullet135.Oromo-โอโรโม
bullet136.Omara-โอมารา
bullet137.Huasha-ฮัวซา
bullet138.Haitian Creole-เฮติครีโอล
bulletคำบูชาพระรัตนตรัย ทำวัตรแปล เช้า-เย็น
bulletChart Showing the Process
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี พ.ศ.2540 - 2566
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี 1
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี 2
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี บุคคลที่ 1 - 188 ปัจจุบัน
bulletหนังสือพิมพ์ดี
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 1
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 2
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 3
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 4
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 5
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 6
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 7
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 8
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 9
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 10
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 11
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 12
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 13
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 14
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 15
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 16
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 17
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 18
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 19
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 20
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 21
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 22
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 23
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 24
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 25
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 26
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 27
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 28
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 29
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 30
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 31
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 32
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 33
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 34
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 35
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 36
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 37
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 38
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 39
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 40
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 41
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 42
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 43
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 44
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 45
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 46
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 47
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 48
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 49
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 50
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 51
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 52
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 53
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 54
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 55
bulletหนังสือพิมพ์ดีเล่มที่ 56
bulletหนังสือพิมพ์ดีเล่มที 57
bulletหนังสือพิมพ์ดีเล่มที 58
bulletหนังสือพิมพ์ดีเล่มที 59
bulletTo The World
bulletENGLISH
bulletUSA
bulletChina
bulletIndia
bullet Mynmar
bullet Cambodia
bullet Loas
bulletSri Lanka
bulletMalaysia
bulletKorea
bulletA Sharp Turn of Believes : Iresearch Iwrite Iread
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 1
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 2
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 3
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 4
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 5
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 6
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 7
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 8
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 9
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 10
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 11
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 12
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 13
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 14
bulletMystery Report 15
bulletMystery Report 16
bulletMystery Report 17
bulletMystery Report 18
bulletMystery Report 19
bulletMystery Report 20
bulletMystery Report 21
bulletMystery Report 22
bulletMystery Report 23
bulletMystery Report 24
bulletMystery World Report 25
bulletศึกษาโลกลี้ลับ 26
bulletเฝ้าดูวัฒนธรรมโลกจากจอแก้ว วิเคราะห์ทุกปัญหาในโลกมนุษย์ด้วยสติปัญญาและเหตุผลวิทยาศาสตร์จากนสพ.ดี
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2536
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2537
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2538
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2539
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2540
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2541
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2542
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2543-2545
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2545-2549
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2549-2550
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2550-ส.ค.2551
bulletเฝ้าดูฯ ส.ค.-ก.ย.2551
bulletเฝ้าดูฯ ก.ย.2551- ธ.ค. 2551
bulletเฝ้าดูฯสำนวนพัชรา กอปรทศธรรม
bulletสำนวนพัชราตอนที่ 16-27
bulletสำนวนพัชราตอนที่ 29
bulletบทความใหม่ เม.ย.-พ.ค.2552
bulletพุทธธรรมเพื่อทางดับทุกข์
bulletทฤษฎีการดับทุกข์ทางจิต วิปัสสนากรรมฐานโดยการทำงาน(สำนวนปรับปรุงใหม่)
bulletประวัติพัชรา กอปรทศธรรม
bulletประวัติการต่อสู้เพื่อการดับทุกข์ ของพัชรา กอปรทศธรรม
bulletอัลบั้มรูป history
bulletนิทานธรรมะประยุกต์ มานุสสาสุระสงคราม 4 ภาค และอื่น ๆ
bulletอัลบั้มรูป ภาพในอดีตและชีวประวัติศาสตร์ที่สวยงาม
bulletจากเวบบอร์ด พูดกันไม่รู้เรื่อง ประชาธิปไตยล้าหลัง
bulletศาสนาสากล การวิเคราะห์ความหมาย
bulletปลอบใจ
dot
รวมบทวิเคราะห์กม.คณะสงฆ์ แนวปฏิรูปคณะสงฆ์อยู่ในบทวิเคราะห์นี้แล้ว
dot
bulletรวมบทวิเคราะห์กม.คณะสงฆ์
dot
สากลจักรวาล สากลศาสนา แนวคิดศาสนาสำหรับคนยุคใหม่ ผู้ก้าวผิดทางไปสู่สิ่งไร้สาระโดยไม่รู้ตัว
dot
bulletสากล...ศาสนา 1
bulletสากล...ศาสนา 2
bulletสากล...ศาสนา 3
bulletสากล...ศาสนา 4
bulletสากล...ศาสนา 5
bulletสากล...ศาสนา 6
bulletสากล...ศาสนา 7
bulletสากล...ศาสนา 9
bulletสากล...ศาสนา 8
bulletสากล...ศาสนา 10
bulletสากล...ศาสนา 11
bulletสากล...ศาสนา 12
bulletสากล...ศาสนา 13
bulletสากล...ศาสนา 14
bulletสากล...ศาสนา 16
dot
ส่วนข้อมูลสำคัญเพื่อการวิจัยการเมืองไทยยุค คมช.-รัฐบาลอภิสิทธิ์
dot
bulletข้อมูลสำคัญยุคคมช.-รัฐบาลอภิสิทธิ์
bulletรายงานสดม็อบสนธิ-จำลอง-ปชป.เป่านกหวีดวันที่1/26ส.ค.2551
bulletรายงานสดม็อบสนธิ-จำลอง-ปชป.เป่านกหวีดวันที่2/27ส.ค.2551
bulletใบปลิว อีเมล์ ในหลวงทรงร้องไห้
bulletข่าวการเมืองแฟ้ม 1
bulletในหลวงเพิ่งทราบข่าวฆ่าประชาชน10เมย.53ทรงร้องไห้
bulletบันทึกลับเสื้อแดงผู้รอดชีวิตจากทำเนียบรัฐบาล
bulletบันทึกลับเสื้อแดงผู้รอดชีวิตจากทำเนียบรัฐบาล
dot
รวมข่าวม็อบการเมืองสนธิ-จำลอง-ปชป.มิ.ย.51-เม.ย.52 นสพ.
dot
bulletข่าวการเมืองแฟ้ม 2
bulletข่าวการเมืองแฟ้ม 3
bulletรวมข่าวม็อบ30มิ.ย.51-23มี.ค.52
bulletเลือดศรีสะเกษบันทึกเรื่องราวรอบด้านเกี่ยวกับเขาพระวิหาร
bulletรายงานการโฆษณาชวนเชื่อในประเทศไทยที่ล้มล้างรัฐบาลทักษิณ
bulletหนังสือพิมพ์ดี ของฟรีให้เปล่ามา20ปีแล้วทั้งเอกสารและอินเทอเนท
bulletหนังสือพิมพ์ดี ( อินเทอเนต ) เล่ม 1 - 44 - ล่าสุด
bulletหน้าที่เก็บไว้
bulletมูลนิธิพระเทพวรมุนี(เสน ปญฺญาวชิโร)
bulletวัดมหาพุทธาราม ศรีสะเกษ บันทึกเหตุการณ์
bulletสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดศรีสะเกษแห่งที่ 1
bulletเกี่ยวกับเวบไซต์ของเรา เราทำเพื่อปัญญาชนโดยแท้
bulletรวมกระทู้เด็ดจากกระดานถามตอบ
bulletคาถาอาคมไสยศาสตร์
bulletกวีนิพนธ์ใหม่
bulletศูนย์ปฏิญญาณละเลิกอบายมุข บัญชีที่ 1- 4


อำนาจกับกองทัพ 1-2

นี่คือหนังสือพิมพ์ดี(อินเทอเนต) It's The Good Paper https://www.newworldbelieve.net For All Good For All Thought
 
 
 
 
เสื้อแดงออกเดินถวายฎีกา ภาพวันที่ 17 ส.ค.2552
ณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ รายงานว่า มีสิ่งมหัศจรรย์ ภายหลังถวายฎีกาแล้ว ฟ้าร้องครืน ๆ เลื่อนลั่น และแสงแดดสาดลงมาต้องหลังคาพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม สว่างเจิดจ้า ปรากฎแก่ตาของมหาชนทั้งปวง อธิบายว่าฟ้ารับเรื่องราวร้องทุกข์ของประชาชนแล้ว
เรื่องมหัศจรรย์นี้ ปรากฎว่าประชาชนทั่วไปต่างก็พบว่าจริง เล่ากันผ่านรายการต่าง ๆ ของพีเพิลสเตชั่น มีเนื้อความตรงกันว่า เช้า ๆ มีฝนลงนิดหน่อย แต่ไม่ถึงกับเปียกชื้น แล้วมีหมอกสลัวมัว ๆ แล้วพอถวายฎีกาแล้วฟ้าก็ร้องครืน ๆ 2 ครั้ง ดังเหมือนฟ้าผ่า ทั้ง ๆ ที่แดดเจิดจ้าอยู่เหนือพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม(วัดพระแก้ว) แล้ว ต่อมาวันที่ 19 ส.ค.2552 13.30 น.เกิดมหัสจรรย์อีกครั้งโดยฟ้าได้ผ่าลงมาสนั่นหวั่นไหวเหนือทำเนียบรัฐบาล วิพากษ์วิจารณ์กันว่าเป็นลางร้ายของรัฐบาลอภิสิทธิ์  
 
แนววิเคราะห์เรื่องนี้ มองแนวไหนก็ไม่อาจจะอธิบายในเชิงวิทยาศาสตร์ได้ เห็นจะต้องอ้างพระพุทธองค์   ทรงตรัสไว้ว่า “เจตนาหํ ภิกฺขเว...”   เจตนา เป็นตัวหลัก นะภิกษุทั้งหลาย   ทรงหมายถึงหลักพระวินัย การพิจารณาโทษตามพระวินัยนั้น ต้องมอง ที่เจตนา เป็นหลัก   ตัวอย่างเช่น ภิกษุต้องหาว่า ตติยปาราชิก เพราะ ทำให้คนตาย (ข้อที่ 3 ตามพระปาฏิโมกข์)    พระภิกษุเป็นหมอยา ให้ยาคนป่วยแล้ว คนป่วยไม่หาย ก็ให้ยาขนานใหม่ลงไป ปรากฏว่าคนป่วยแพ้ยา ถึงแก่ชีวิต เช่นนี้ ถึงผลของการกระทำเป็นเหตุให้คนตาย และเข้ากรณีตติยปาราชิกก็ตาม แต่การพิจารณาจะต้องมองที่เจตนาเสียก่อน กรณีนี้พบว่าภิกษุมิได้มีเจตนาฆ่าให้ตาย แต่มีเจตนารักษาให้หาย ภิกษุนี้จึงไม่ต้อง ตติยปาราชิก เจตนาจึงเป็นเรื่องใหญ่   และเรื่องจิต จึงเป็นเรื่องใหญ่ ตามหลักการพระพุทธศาสนา และชาวพุทธรู้ดีว่า ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว   ดังพุทธภาษิตว่า มโนปุพพํคมา ธมฺมา มโนเสฏฐา มโนมยา    ใจมีปกติถึงก่อน มีใจเป็นหัวหน้า มีใจเป็นใหญ่ สำเร็จแล้วด้วยใจ
 
เมื่อจิตของมวลชนรวมกัน ด้วยพลังมวลชนมหาศาล พุ่งไปสู่ทิศทางเดียวกัน   เป้าหมายเดียวกัน โดยเจตนาดี บริสุทธิ์แท้ มหัศจรรย์ก็บังเกิด นี่เป็นวิทยาศาสตร์ หากชาวเสื้อแดงรวมจิตรวมใจกันเพื่อทำอะไร โดยขนาดใหญ่มหาศาลเช่นวันถวายฎีกาแล้ว สามัคคีธรรมนั่นเองเกิดขึ้นแล้ว ความสำเร็จย่อมไม่ไปไหนเสีย เพราะย่อมสำเร็จด้วยใจ แม้กระทั่งมหัศจรรย์เหนือธรรมชาติ ก็ย่อมสำเร็จได้ เฉกเช่น มหัศจรรย์วันถวายฎีกา นึ่เอง (ผู้นำหมู่กล่าวคำนัดเสียก่อน ทำจิตให้สงบนิ่งเป็นสมาธิพร้อมกันแล้วใส่เจตนาเข้าไป อย่างไร ๆ มหัศจรรย์ย่อมบังเกิด นี่เป็นวิถีพุทธ วิถีวิทยาศาสตร์ ที่มีผลจริง เกิดขึ้นได้จริงด้วยทฤษฎีจิต-เจตนามหาศาล ลองทำดู)
 
·         อรบุศป์ ละอองธรรม วิเคราะห์
          21 ส.ค.2552
 
 
 
 
 
 
 
เรียน บก.
 
      ในฐานะที่ บก.เคยเป็นนายทหารมาก่อน อยากให้ท่านช่วยวิเคราะห์เรียนถามว่า
 
1. โรงเรียนทหารเขามีหลักสูตรพระพุทธศาสนาเรียนกันหรือไม่ เพราะเท่าที่มองเห็นรู้สึกว่าเขาไม่ค่อยเข้าใจสัจธรรมของชีวิต มุ่งมั่นแต่เรื่องอำนาจนิยม อยากปกครองประเทศ อยากปกครองประชาชน แต่ไม่เข้าใจวิธีการปกครองคน ไปเอาระบบทหารมาปกครองพลเรือนเขาไม่ชินกับระบบนี้ เขารับไม่ได้
 
2. ทำอย่างไร ? นายทหารจึงจะเข้าใจประชาธิปไตยและหน้าที่ของตนเอง
 
3. จากความรู้สึกของประชาชน ทหารไม่มีวันที่จะนำพาประชาชนให้พ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจไปได้ เพราะไม่มีทั้งความรู้และประสบการณ์ การก้าวเข้ามายึดอำนาจแล้วบริหารประเทศ มีแต่จะทำให้ประชาชนต่อต้าน เพราะนำพาเขาไปสู่ความลำบาก ยากแค้น
 
 
·         Post : พลเรือน Date : 2009-08-15 21:39:35 IP : 125.26.71.168
 
 
ความคิดเห็นที่ 1 (1971782)
 
ประเด็นที่เราเห็นด้วยกับ พลเรือน ผู้ตั้งกระทู้นี้ก็คือ ข้อ 3 ตัวแปรคือยุคสมัย   ถ้าเป็นสมัยก่อนนี้ไปสักหน่อย เอาระหว่างยุคจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ก็พอจะใช้วิธีการหรือระบบทหารจัดการเศรษฐกิจไปได้ดีอยู่    แต่ยุคนี้ เริ่มตั้งแต่ยุคโทรศัพท์มือถือเป็นต้นมา เป็นปัญหาสำหรับทหารอย่างยิ่ง ที่เราคิดเลยว่าทหารไทยควรจะถอยไปเสียโดยดีจะดีกว่า แล้วไปปรับหลักสูตรทหารเสียใหม่ สำหรับทหารยุคใหม่ให้เรียบร้อยเสียก่อน   นั่นคือสถานะการบริหารประเทศเป็นสากลประเทศ ที่ไร้พรมแดน เน้น ไร้พรมแดน   สมัยนี้เราจะต้องบริหารประเทศอย่างมีมันสมองที่ทันสถานการณ์ยุคใหม่ที่ไร้พรมแดน ที่หมายถึง การเศรษฐกิจยุคใหม่ การเงินการคลังยุคใหม่ การค้าขาย การตลาดยุคใหม่ การทูตยุคใหม่(ที่จะต้องค้าขายและเปิดตลาดใหม่เป็น) เครื่องมือสือ่สารเพื่อการบริหารประเทศยุคใหม่   รวมทั้งเรื่องทั่วไปอย่างยิ่งก็คือ ภาษายุคใหม่ การพูดการจากับคนยุคใหม่ และวัฒนธรรมใหม่ รวมทั้ง แนวคิดศาสนาแนวใหม่ ในประเทศเราเองและต่างประเทศ   ทหารต้องคิดว่ายุคนี้เราไม่สามารถจะปิดประตูประเทศ อยู่อย่างโดดเดี่ยวทำการบริหารไปตามคติของเราฝ่ายเดียวได้ เหมือนกับทีพม่ากำลังพยายามทำอยู่ นั่นคือความเข้าใจเรื่องพรมแดนยุคใหม่ จะต้องให้ชัดเจนแจ่มแจ้ง อย่างที่มีท่าทีอยู่ด้านชายแดนเขาพระวิหารนั้น นั่นแหละ อย่านำความคิดเรื่องพรมแดนมาตัดสินสำหรับยุคใหม่นี้ แต่ต้องนำทฤษฎีหรือแนวคิดใหม่เรื่องไร้พรมแดนมาตัดสิน   แต่ นี่คือข้อจำกัดสำหรับทหารไทยอย่างยิ่ง   และเราหมายถึงทหารพม่าด้วย   เพราะทหารไทยมีลีลาและระบบเหมือนทหารพม่าค่อนข้างใกล้เคียงมากจนกระทั่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นแบบเดียวกัน เพียงแต่พม่าเขาเข้มจัดกว่ามาก      เราเคยมองไว้ตั้งแต่ สนธิ บัง จอมเนรคุณ (ผสมกับสนธิ เจ๊ก จอมบ่างช่างยุ) บังอาจก่อการปล้นประชาธิปไตยประชาชนไป ว่าเอาอย่างพม่าหรือเปล่า แต่ก็ดีที่ต่อมาทหารอย่างสุรยุทธ จุลานนท์ ยังมีความระวังระแวง สงสัยในระบอบทหารแบบพม่าอยู่ จึงไม่ไปไกลเกินไป   อาจจะกล่าวว่า กลับตัวทัน    แต่กระนั้น การปฏิวัติ 19 ก.ย.2549 นั้น เป็นเรื่องเลว สำหรับประชาธิปไตย และเป็นไปได้ยากที่ทหารจะพาประเทศเดินไปได้ด้วยความคิดอ่านทหาร    สติสตังที่ทหารจะต้องนำมาพิจารณาในขณะนี้ก็คือ สติในเรื่อง การใช้อำนาจโดยกระบอกปืนหรือรถถัง     ท่านจะทำให้ประเทศล่มจมลงไปกว่าพม่าขณะนี้ได้อย่างฉับพลันเลยทีเดียว     น่าจะเป็นเหตุผลที่มองได้ง่าย ถ้าเช่นนั้นจะทำอย่างไร   ทหารจะต้องมีสติว่า โดยสากลประเทศประชาธิปไตย เสียงประชาชนคือเสียงสวรรค์ เราจะต้องเข้าใจและเชื่อในทฤษฎีนี้ ลองศึกษาดูเองจะเห็นสัจธรรม เสียงประชาชนคือเสียงสวรรค์ อย่างไร    ท่านเพียงมองดูว่าขณะนี้ประชาชนโดยเฉพาะที่เห็นได้ว่าเสียงส่วนใหญ่และที่มีเหตุผลอันสอดคล้องหลักการของประชาธิปไตย เขาต้องการอะไร ก็จัดให้เขาอย่างนั้น   เท่านั้นเอง ทุกอย่างก็สงบสุข ขอย้ำประชาชนส่วนใหญ่เขาต้องการอะไรก็จัดให้เขาอย่างนั้น จบปัญหาลงทันที แต่ความยากก็คือ ยากที่จะให้ทหาเข้าใจคำว่า   เสียง ประชาชนคือเสียงสวรรค์ ไม่ใช่เพียงคำพูดที่ไพเราะห์เท่านั้น แต่เป็นสัจธรรม  ในคราวต่อไปเราจะพยายามวิเคราะห์ทหารในประเด็นอื่น ตามที่ พลเรือน ตั้งกระทู้มา 
 
 
·         Post : บก.นสพ.ดี(อินเทอเนต) (newworld_believe@hotmail.com) Date : 2009-08-16 19:15:44 IP : 125.24.145.141
 
 
 
จากกระดานถาม-ตอบ
อำนาจกับกองทัพ 2
 
ในข้อที่ 1 กระทู้ว่า  โรงเรียนทหารเขามีหลักสูตรพระพุทธศาสนาเรียนกันหรือไม่  เพราะเท่าที่มองเห็นรู้สึกว่าเขาไม่ค่อยเข้าใจสัจธรรมของชีวิต  มุ่งมั่นแต่เรื่องอำนาจนิยม  อยากปกครองประเทศ  อยากปกครองประชาชน  แต่ไม่เข้าใจวิธีการปกครองคน  ไปเอาระบบทหารมาปกครองพลเรือนเขาไม่ชินกับระบบนี้  เขารับไม่ได้
 
ตรงประเด็นนี้แหละ ที่จะต้องมองอย่างกว้างไกล ใช้วิสัยทัศน์รอบด้านและ เป็นธรรม เราคิดว่า ปัญหาอยู่ที่พลเรือน เมื่อมองในองค์รวม พลเรือนค่อนข้างไร้ระเบียบวินัย ค่อนข้างไร้ระบบและสับสนในเป้าหมายของพลเรือน  วิถีพลเรือนไทย ไม่ได้เน้นความสำคัญของวินัยเลย ทั้ง ๆ ที่เป็นสิ่งที่จำเป็น โดยเฉพาะในระบอบประชาธิปไตย วินัยย่อมหมายถึงความเป็นความตายของประชาธิปไตยเลยทีเดียว และพลเรือนก็ได้มืดมัวเขลามาตลอดกาลนานในเรื่องวินัยนี้   นับตั้งแต่พลเรือนได้มามักคุ้นไปจนถึงเห่อกับคำว่า เสรีภาพ อย่างผิด ๆ โดยเป็นการคุ้นแบบไม่เข้าใจความหมาย กล่าวคือ รู้แบบจดจำตำรามาจากตะวันตก อเมริกาที่ไปเล่าเรียนท่องจำมา เวลาคิดแก้ปัญหาก็เปิดตำราออกมาโดยไม่มีความเข้าใจ ไม่มีการแยกแยะวิเคราะห์ให้ชัดเจนว่าอะไรเป็นอะไร หลักการ ทฤษฎี ภาคปฏิบัติ สูตร  และวิธีทำที่เป็นวิทยาศาสตร์  ไม่เข้าใจ และพลอยไปดูแคลนทหารที่มีวินัยว่า โง่เง่าเต่าตุ่น (อย่างนางอัญชลี ไพรีรัก ศิษย์เอกสนธิ ลิ้มทองกุล ด่าทหารใหญ่อย่าง อนุพงษ์ เผ่าจินดา ในเอเอสทีวี ช่วงม็อบสนธิ-จำลอง-ประชาธิปัตย์ยึดทำเนียบไปจนถึง บุก NBT บุกสนามบินสุวรรณภูมิ) พลเรือนไม่เข้าใจว่าวินัยเป็นสิ่งจำเป็นและมีค่าสูงยิ่งของระบอบประชาธิปไตย
 
ในทัศนะของเราเห็นว่า เมื่อมองจากความหมายในองค์รวม เอาความเข้าใจเป็นหลัก วินัย นั้น ไม่จำเป็นต้องดูที่คำว่า วินัย คำเดียว ได้พบว่ามีความหมายสอดคล้องกับคำว่า Discipline ของฝรั่งเขาที่ค่อนข้างให้ความหมายที่สมบูรณ์ และเมื่อเอาคำว่า Discipline เป็นเกณฑ์วัดแล้วพบว่าพลเรือนไทยค่อนข้างได้ละเลยในวินัยหรือสิ่งที่ฝรั่งเรียกว่า Discipline นี้ไปแทบโดยสิ้นเชิง   ทั้ง ๆ ที่สิ่งนี้จะต้องมาก่อน และเป็นสิ่งที่เป็นเครื่องมือกลาง สำหรับทุก ๆ ระบอบการปกครอง    ในระบอบประชาธิปไตย   ถ้ามองแบบพลเรือน จะต้องมองว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นควบคู่ไปกับ เสรีภาพ และต้องหมายถึงความจำเป็นของมวลมหาประชาชน ที่จะต้องยึดมั่นในสิ่งที่เรียกว่า Discipline นี้ด้วยโดยถ้วนทุกตัวตนคนผู้ปรารถนาได้มาซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
 
หลักการนี้เมื่อมองเปรียบเทียบ เพื่อหาเหตุผล หาหลักการและทฤษฎี อันร่วมกัน จากฝ่ายพระพุทธศาสนาแล้วก็จะเห็นง่ายขึ้น นั่นคือพระพุทธศาสนาพยายามเน้นวินัยปวงชนในนามของ ศีล สมาธิ และ ปัญญา ลงไปสู่สังคมมาตลอด   โดยพระสงฆ์ทั่วราชอาณาจักรไทยและฝ่ายหินยานทั่วโลก พร่ำสอนลงไปสู่ประชาชนชาวพุทธทั่วโลก โดยขาดไม่ได้ในทุกพิธีกรรมและศาสนพิธีพุทธ เป็นเหตุให้มวลชนชาวพุทธไทย คุ้นกับวินัยทางธรรมะ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ซึ่งเป็น Discipline พื้นฐานที่หนักแน่นชนิดที่สะท้อนไปถึงคุณธรรมคือ เมตตา กรุณา เอื้ออาทร ร่วมทุกข์และสุข กันอย่างพี่น้อง มีภราดรภาพ สูงส่ง  จึงทำให้ประเทศไทยผ่าน วิกฤติการจะเกิดเรื่องรุนแรงเสียเลือดเนื้อร้ายแรงหลายครั้งไปได้ แต่วินัยหมวดนี้ กลับจางไปในหมู่พลเรือนชั้นสูง โดยเฉพาะหมู่นักวิชาการ รวมถึงคณะบดีทั้ง 26 สถาบัน และนักการเมือง พรรคการเมืองนั้นด้วย เพราะเหตุที่เหินห่างจากศาสนธรรมดังกล่าว แต่กระนั้นพลเรือนชั้นนักวิชาการและนักปกครอง กลับไม่เข้าใจเรื่อง Discipline ที่ตนได้เล่าเรียนมาจากประเทศที่เจริญตะวันตก อเมริกา   กลายเป็นว่าในเรื่องวินัย หรือ Discipline นักวิชาการไทยด้อยต้อยต่ำกว่าเขาในยุโรปอเมริกา และยังด้อยวินัยไปกว่าคนในระดับพื้นฐานรากหญ้าไทยไปเสียอีก
 
 
สิ่งที่แสดงความหมายว่าพลเรือนย่อหย่อน ไม่รู้หน้าที่ และไร้วินัย   ไร้ Discipline เห็นได้จากการออกมาต่อต้าน ฎีกาของคนเสื้อแดง ในขณะนี้นี่เอง ซึ่งยังสะท้อนไปถึงความอ่อนด้อยของมันสมองฝ่ายการเมืองไทย สถาบันการเมืองไทยด้วยว่าเป็นอย่างไร   ด้วย เมื่อเปรียบเทียบกับทหารแล้ว อย่างไรก็ไม่เห็นว่าพลเรือนจะมาสู่ฐานะของ Leadership ได้อย่างไร ก็ทำให้ทางทหาร ซึ่งมีระเบียบวินัยดีกว่า ได้บุคลิกภาพผู้นำสูงกว่าพลเรือน  จำเป็นต้องรับภาระ Leadership มาทุกยุคทุกสมัยไทยประชาธิปไตยที่รวนเรนี้  ด้วยเหตุนี้ ผลเสียหายจึงไม่ได้มาจากทหารโดยตรง แต่อยู่ที่พลเรือน    ที่ไม่สามารถจะปกครองได้ เนื่องเพราะ ไร้วินัย ไร้ความคุ้นเคยในวินัยของบุคคล องค์กร และสถาบันพลเรือนเองโดยแท้จริง  อีกประการหนึ่งก็เป็นเหตุให้ขาดความมั่นใจตนเอง ที่จะขึ้นไปยืนในตำแหน่งผู้นำด้วยตนเอง ได้แต่เลียบๆเคียง ๆ ประจบประแจง อาสาช่วยงาน เขียนหนังสือบ้าง ร่างกฎหมายบ้าง ตามที่เป็นมาตลอดในประเทศไทยเรา  จนถึงทุกวันนี้ ก็ยังเห็นชัดเจนอยู่   เช่น เห็นนาย สุรพล นิติไกรพจน์ ซึ่งมีสถานะเป็นครูบาอาจารย์ผู้สอนประชาธิปไตยมีศิษย์มากมาย  ไปนั่งข้าง ๆ พล.อ. อนุพงศ์ เผ่าจินดา   ผบ.ทบ.ตอนเสนอให้นายกสมัคร สุนทรเวช ลาออกจากตำแหน่ง นรม.แทนการประกาศพรก.สถานการณ์ฉุกเฉิน,  เห็นพวกนักวิชาการ แล่นไปซบ สนธิ ลิ้มทองกุล กันเป็นแถว ตอนที่เขาหลอกว่า จะใช้อัตราส่วน 70:30 จัดการประเทศไทย (ซึ่งขนาดเป็นนักวิชาการผู้สอนวิชาประชาธิปไตยยังไม่เข้าใจประชาธิปไตย ให้เขาหลอกต้มได้ว่า การเมืองประชาธิปไตยใหม่แบบ 70:30 เป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร?)   เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีตัวอย่างพลเรือนที่มีโลภะ พอเข้ามาสู่วงการเมืองก็หวังเป็นใหญ่เป็นนายกรัฐมนตรีทันที อย่างนายอเนก เหล่าธรรมทัศน์ อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ มธ.  เป็นต้น แล้วพอแพ้ก็ถอยหนี ละความพยายามไปอย่างง่าย ๆ   ซึ่งแสดงถึงการขาดความอดทน ไร้อุดมการณ์ประชาธิปไตยโดยสิ้นเชิง 

มีตัวอย่างพลเรือนนักวิชาการในด้านความไม่สมประกอบในสติปัญญา เช่นในเร็ว ๆ นี้ มีนักวิชาการทำรายการ รู้ทันประเทศไทย หรือ แสดงออกว่าตนรู้ทันนั่นรู้ทันนี่ทุกอย่าง อยู่เอเอสทีวี ซึ่งเป็นทีวีโฆษณาชวนเชื่อคนหนึ่ง จนปัญญาไม่รู้จะตั้งหัวข้ออะไรก็ตั้งขึ้นว่า อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร เป็นคนบ้าหรือเปล่า กระนั้นจักไม่เป็นอันตรายอย่างยิ่งใหญ่ต่อประเทศไทย และต่อสถาบันหรือ?(อ้างว่าตนมีความรักบูชาสถาบันยิ่งกว่าใคร ๆ ในแผ่นดิน  เกรงคนบ้าอย่างดร.ทักษิณ จะเป็นอันตรายต่อสถาบัน) ซึ่งนักวิชาการนายนี้ก็คือ นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง(มีดีกรีเป็น ดร. เคยสอนในมหาวิทยาลัยมีชื่อ) กับ ประสงค์ สุ่นสิริ(น.ต.) ร่วมกันกล่าวหาอดีตนายกรัฐมนตรีไทย ทักษิณ ชินวัตร  โดยไม่คำนึงความจริงว่าคนอย่าง ดร.ทักษิณ ชินวัตรเป็นถึงมหาเศรษฐีระดับโลก มีประชาชนให้ความเชื่อถือขนาด 13-19 ล้านคนให้มาปกครองประเทศ และคนแดงทั้งแผ่นดินสนับสนุนเขาอยู่ขณะนี้ จะบ้าอย่างไร คนบ้าต่างหากที่มองประเด็นนี้ไม่ออกไม่เข้าใจ แล้วคนดีอย่างนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง เป็น ดร.เหมือนกันทำไมไร้ปัญญาทำมาหากิน ต้องมากินน้ำใต้ศอกนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อการร้ายสนามบินสุวรรณภูมิ อยู่ในขณะนี้ นี่คือตัวอย่างความไม่สมประกอบทางสติปัญญาของนักวิชาการไทย ผู้มีบทบาทอยู่ในระดับสังคมผู้นำขณะนี้
 
ซึ่งมันเป็นภาพของพลเรือน นักวิชาการที่น่าทุเรศน่าสงสารมาก ๆ ตลอดเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงจากระบอบกษัตริย์มาสู่ประชาธิปไตยจนถึงบัดนี้ ฉะนั้น เมื่อเปรียบเทียบแล้ว เราไม่คิดว่าจะกล่าวโทษทหารได้เต็มที่   นอกจากสาเหตุมาจากพลเรือนที่อ่อนแอ ไร้ระเบียบวินัยอย่างยิ่ง แล้ว พลเรือนยังไร้มันสมองคิดสติปัญญาทางเหตุผล และไร้การคิดแก้ไขปรับปรุงตนเอง ให้ก้าวหน้าไปตามสายงานของตน คือ ความเป็นนักวิชาการ และสถาบันนักวิชาการ   จนดูประหนึ่งว่าพลเรือนไร้สถาบัน   ไม่มีความสำนึกเชิงสถาบันอยู่ในหัวอกหัวใจ   ไม่เคยอ่านความหมายจากหนังคาวบอยอเมริกัน   เรื่องนายอำเภอผู้รักษากฎหมาย กับมือปืนระดับ The Professional ว่านั่นคือความหมายของประชาธิปไตยและวิถีทางสร้างสรรค์อเมริกันไปสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อย่างไร   จึงไม่ได้เห็นพลเรือนมีความภูมิใจในสถาบันวิชาการของตน คอยแต่จะหาโอกาสไปประจบประแจงฝ่ายการเมืองเขาผู้มีอำนาจเพื่อตนได้เข้าไปสู่วิถีทางการเมืองบ้าง(ปัจจุบันก็มีตัวอย่างเล็ก ๆ อยู่ตัวอย่างหนึ่งคือนักวิชาการนายหนึ่งในมหาวิทยาลัยมีชื่อคนหนึ่ง(ดร.ปณิธาน วัฒนายายน อาจารย์สอนวิชาการเมือง ในคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) ไปอาสาเป็นโฆษกรัฐบาลอภิสิทธิ เวชชาชีวะ ทำหน้าที่ร่วมกับโฆษกอีกคนหนึ่งคือนายเทพไท เสนพงษ์ ด้วย   แล้วไม่เห็นบทบาทที่สร้างสรรค์อะไร แม้หน้าที่โฆษกก็ทำเงอะ ๆ งะ ๆ เลียนแบบอเมริกาเขาโดยคอยไปยืนเป็นเพียงฉากหลังให้เท่านั้นเอง ไม่โดดเด่นอะไรสมกับความเป็นนักวิชาการ มีแต่ทำความเสื่อมแด่สถาบันนักวิชาการตนเองลงไป ๆ )
 
มีตัวอย่างที่นักวิชาการระดับมันสมองของนักวิชาการไทยทั้งปวง ทำพลาดอย่างไม่น่าอภัยในยุคทักษิณ นรม.ทักษิณ ให้เชิญคณบดีทุกมหาวิทยาลัย(รวมทั้ง 26 คณบดีที่ต่อต้านการถวายฎีกาของคนเสื้อแดงวันนี้) และนักวิชาการในสถาบันการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ มาประชุมระดมมันสมองคิด ศึกษา วิจัย   เรื่องทำอย่างไรการเมืองไทยจึงจะเจริญก้าวหน้า   ในทำเนียบรัฐบาล มีการถ่ายทอดสดทางทีวี   มี ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดี ธรรมศาสตร์เข้าร่วมประชุมด้วยด้วยท่าทีเป็น Leadership ของหมู่เสียด้วย แต่ภาพที่ถ่ายทอดออกมาเป็นภาพของการประชุมที่เบื้อใบ้ ไร้แววความหมายของความเป็นนักวิชาการโดยสิ้นเชิง เพราะ ปรากฏว่าคณบดีเหล่านี้ไม่กล้าพูดอะไร พากันอมยิ้มไปหมด ไม่ว่าจะตั้งประเด็นอะไรขึ้นมาก็เอาแต่อมยิ้ม (กลัวคมปัญญาทักษิณ ชินวัตร จนพูดไม่ออก)  จนนรม.ต้องขอร้องเป็นรายคนให้แสดงความเห็น จึงค่อย ๆ แย้มเหนียมอายออกมาบ้าง (เวลาเขาให้พูดกลับไม่ยอมพูด เวลาเขาไม่อยากให้พูดกลับพูดมาก นี่คือคนไม่รู้กาลเทศะ คนเช่นนี้เป็นใหญ่ยาก)  แล้ว สุรพล นิติไกรพจน์ นี่เอง ที่เบี้ยว ไม่ยอมส่งรายงานการประชุมกลุ่ม มีข้ออ้าง ข้อตำหนิมากมายภายหลัง โดยไปพูดนอกที่ประชุมลับหลัง ไม่กล้าพูดในขณะมีการประชุม ที่สำคัญ โอกาสการประชุมคณะบดีครั้งนั้น มีความหมายสำคัญกว่านั้นหลายเท่า ซึ่งวงการนี้น่าจะฉวยเอาโอกาสการประชุมครั้งนั้นรวมหัวกันสร้างสรรค์ทางวิชาการการเมืองการปกครองประชาธิปไตย หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งเป็นโอกาสที่จะมีการสร้างสรรค์เชิงวิชาการและสถาบันวิชาการครั้งใหญ่ มีความหมายถึงการเริ่มกันเสียที ซึ่งหน้าที่ของนักวิชาการที่แท้จริง แต่นักวิชาการก็ไม่เข้าใจที่จะฉกฉวยประโยชน์เข้าสถาบันตนเอง กลับไปทำสิ่งที่เหลวไหลด้วยทิฏฐิ   จึงทำให้นักวิชาการและสถาบันวิชาการ ยังไม่ออกเดิน ยังคงอยู่กับที่และยังคงไม่รู้หน้าที่ของตนและสถาบันของตนอยู่ต่อไป ทั้ง ๆ ที่ประเทศชาติและประชาชนกำลังต้องการความรู้ความสามารถและงานของนักวิชาการเพื่อแก้ไขความบกพร่องของระบบประชาธิปไตยไทยทุกระดับอยู่
 
แม้ทุกวันนี้ พลเรือนอย่างนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นอย่างไร มีการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและสถาบันนักวิชาการพลเรือนของตนเอง อย่างไร บอกถึงศักดิ์ศรีของพลเรือน หรือสถาบันใด ที่ตนสังกัด อย่างไร  นอกจากความบอดมืดหลงทางมาตั้งแต่เริ่มต้นโดยความโลภและใช้วิธีการสกปรกไม่สง่างามในการแย่งชิงตำแหน่งผู้นำในรัฐบาลมาจนถึงทุกวันนี้ ที่ว่าทหาร “มุ่งมั่นแต่เรื่องอำนาจนิยม  อยากปกครองประเทศ  อยากปกครองประชาชน  แต่ไม่เข้าใจวิธีการปกครองคน  ไปเอาระบบทหารมาปกครองพลเรือนเขาไม่ชินกับระบบนี้  เขารับไม่ได้” นั้น ในทัศนะของเรา ยังไม่อาจจะลงโทษทหารได้   ตามเหตุผลเบื้องต้นมานี้ แต่จะยังมีเหตุผลอื่นที่จะขอกล่าวต่อไปคราวหน้า ซึ่งจะเป็นเรื่องของความเหลวไหลของทหารเองโดยเฉพาะ  และที่ทหารจะต้องมาเข้าใจหน้าที่ของทหารตามระบอบประชาธิปไตยอย่างไร
 
  • ธรรมาชีพ ธรรมาชน ป.ธ.ร.
    24 ส.ค.2552
 
 
 
 

บันทึกเทศกาลเข้าพรรษา พุทธศํกราช 2552 ปีฉลู
วันจันทร์ ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 8 ปีฉลู วันที่ 6 กรกฎาคม พุทธศักราช 2552 วันโกน
วันอังคาร ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ปีฉลู วันที่ 7 กรกฎาคม พุทธศักราช 2552 วันพระ วันอาสาฬหบูชา
วันพุธ แรม 1 ค่ำ เดือน 8 ปีฉลู วันที่ 8 กรกฎาคม พุทธศักราช 2552 วันเข้าพรรษา (ปุริมพรรษา)
วันอาทิตย์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ปีฉลู วันที่ 4 ตุลาคม 2552 วันมหาปวารณา
วันจันทร์ แรม 1 ค่ำ เดือน 11 ปีฉลู วันที่ 5 ตุลาคม 2552 วันออกพรรษา
วันศุกร แรม 1 ค่ำ เดือน 9 ปีฉลู วันที่ 7 สิงหาคม พุทธศักราช 2552 วันเข้าพรรษาหลัง (ปัจฉิมพรรษา)
วันอังคาร แรม 1 ค่ำ เดือน 12 ปีฉลู วันที่ 3 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2552 วันออกพรรษาหลัง (ปัจฉิมพรรษา)
 
 

บทความ,บทวิเคราะห์ หรือข่าวที่มีความเห็นประกอบข่าวที่ได้นำลงในหน้า แรกของเวบไซต์นี้ทุกเรื่อง ครั้นเวลาพอสมควรแล้ว เราจะย้ายไปไว้ในคอลัมน์ ฝ้าดูวัฒนธรรมโลกจากจอแก้ว ทุกเรื่องไป เราได้บันทึกมุมมองของเราต่อเหตุการณ์ทุกด้าน ทุกศาสตร์ ทุกวิชาการ ทุกความหมายสำคัญที่เกิดขึ้นในสังคมไทย-สากลโลก-สากลศาสนามาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 ถึงปัจจุบันนี้แล้ว รวมไว้ในคลังความคิดของเราคือ  เฝ้าดูวัฒนธรรมโลกจากจอแก้ว  โปรดติดตาม 

 
 
 
 
 
 
 

เฝ้าดูฯมิ.ย.-ก.ค.2552-ปัจจุบัน
 

 
 
เกิดเรื่องแล้วซีครับ นายอะไรที่อยู่กระทรวงยุติธรรม นามสกุลยาว ๆ นาย.............. สาลีรัฐวิภาษณ์ คนนั้นน่ะ ประชาธิปัตย์ ว่า ฎีกาแดง 3.5 ล้านคน จะต้องผ่านกระทรวงยุติธรรมก่อน   กระทรวงจะต้องตรวจสอบก่อนว่าควรยื่นหรือไม่ยื่น ดูเหมือนคนในรัฐบาลระดับรัฐมนตรีหลายคน รวมทั้งหัวหน้ารัฐบาลเด็ก ก็ออกมารับรองด้วย
 
ก็เกิดเรื่องซีครับ ย้อนรอยเดิมของกระบวนการยุติธรรม 2 มาตรฐานอีกแล้ว ซี !!!!
 
ก็เขาไม่เห็นด้วยกับเรา เป็นศัตรูเราอยู่แล้ว ส่งเรื่องไปให้เขาตัดสิน แล้วผลจะออกมาอย่างไร?  
 
ก็จะเหมือน ไอ้แป๊ะลิ้มมันกับพวกพันธมิตร์    พวกก่อการร้ายแท้ ๆ   กลายเป็น พวกก่อการดีได้อย่างไร ?    
 
ถ้าคิดว่าตลก    ก็ตลกไม่ออก  
 
ช่วยคิดหน่อย        เรื่องนี้ทางแม่ทัพใหญ่ วีระ มุสิกพงศ์ จตุพร    ณัฐวุฒิ   จะต้องอธิบายนะครับ และแดงทั้งแผ่นดิน จะยอมไม่ได้ เป็นไรก็เป็นกัน  
 
 อธิบายด่วน   !!!!!    ใครก็ได้อธิบายด่วน    ท่านนายสถานีแดง อดิศร เพียงเกษ หรือท่านใด ๆ ก็ได้   อธิบายด่วน !!!!
 
·         ผู้แสดงความคิดเห็น แดง ดำรงธรรม วันที่ตอบ 2009-08-19 09:27:02
 

เฝ้าดูฯม.ค.-มิ.ย.2552
 

 
 
 
 

เฝ้าดูฯธ.ค.2551
 

  

 
 
 
 
ชินวัตร หาบุญพาด นายกสมาคมแท๊กซี่แห่งประเทศไทย  พูดเรื่องเหตุการณ์ที่พัทยาของคนเสื้อแดงผู้สุจริตที่รักในประชาธิปไตย โดนคนเสื้อสีน้ำเงิน บัญชาการโดยเนวิน ชิดชอบ ลอบทำร้าย ได้อย่างชัดเจนมาก น่าเชื่อถือ  บทบาทของเขา ทำให้ระลึกถึง คาราวานคนจน ที่ยกขบวนรถอีแต๋นมาจากอีสาน มาช่วย พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขณะที่โดนยำใหญ่จากขบวนการโฆษณาชวนเชื่อ นำโดยจอมบ่างช่างยุ สนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อการร้ายสนามบินนานาชาติ จนงุนงงไปหมด ตอนต้นปีสมัยรัฐบาลทักษิณ ปี 2549 นั้น โดยได้มายึดสวนจตุจักรอยู่แรมเดือน   พวกเขาได้ยกขบวนคนจนชนบทบ้านนอกบุกไปถึง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และประณามคณบดีคณะรัฐศาสตร์ ขณะนั้น ที่นินทาลับหลังว่าขบวนคาราวานคนจนรับสินบนเป็นเงินค่าจ้างมาเดินขบวน ทำการสั่งสอนวิชาประชาธิปไตยให้ศาสตราจารย์นางนั้น ที่เป็นถึงคณะบดีคณะรัฐศาสตร์ คาราวานคนจนไปเสียทีพวกม็อบชาวกรุงที่มันใช้ชั้นเชิงเล่ห์กะเท่ห์เสี้ยมเขาได้แหลมคมกว่า ในการโจมตีที่โรงแรมสยามพารากอน  ขณะที่ชินวัตร หาบุญพาด มีขบวนรถแท็กซี่ ที่พร้อมทำงานเพื่อนำทักษิณ  ชินวัตร กลับคืนมาสู่ประเทศไทย ด้วยรักซาบซึ้งในนโยบายของทักษิณ เช่นเดียวกัน  ชินวัตร หาบุญพาด คงจะได้เรียนรู้จากคาราวานคนจนหนนั้นมามากแล้ว   แน่นอนบทบาทใหม่ของชมรมแท็กซี่ ของชินวัตร หาบุญพาดกับพวก   นี่จักอาจเป็นการแก้แค้นแทนคาราวานคนจน หากเป็นไปได้ 
 
แต่นี่เราจะตัดเอาข้อความเกี่ยวกับคาราวานคนจนมาเป้นที่ระลึกบางตอน จาก การศึกษาเรื่องการโฆษณาชวนเชื่อยุคทักษิณ   ดังต่อไปนี้
 
ข้อสังเกตที่ 2   โปรดมองบทบาทของคนกลุ่มอื่นบ้าง โดยเฉพาะคนที่เลือกตั้ง อนุมัติให้ทักษิณเข้ามาบริหารประเทศซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่   และขณะนี้ลองมองไปที่บทบาทของม็อบอีกกลุ่มหนึ่ง ที่มาชุมนุมสนับสนุนรัฐบาลทักษิณ ที่สวนจตุจักร อย่างไร
 
เราเห็นว่านักวิชาการคงจะมองระบอบประชาธิปไตยไม่ถูกต้องจากการมองกลุ่มคาราวานคนจนไม่ถูกต้องนี่เอง 
 
และจากกรณีที่มีคณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ได้วิพากษ์กลุ่มคาราวานคนจนอย่างลับหลังและเป็นข่าวออกมาว่า เป็นกลุ่มคนจนที่ไม่มีความรู้ในทางการเมืองอะไร ที่ออกมาชุมนุมเพราะมีการรับอามิสสินจ้างจากผู้ว่าจ้าง ทำให้กลุ่มรักทักษิณ และคาราวานคนจนไม่พอใจ ยกกองคาราวานไปยื่นหนังสือประท้วงที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งนั้น
 
ซึ่งการมองด้วยสายตาเช่นนี้ ไม่น่าจะมีขึ้นในหมู่ชนปัญญาชนในมหาวิทยาลัย เพราะโดยหลักรัฐศาสตร์พวกเขาเป็นกลุ่มผลประโยชน์(interest group)กลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งที่แสดงบทบาทโดยชอบธรรมอย่างถูกต้องตามธรรมชาติและวัฒนธรรมการเมืองในระบยอบประชาธิปไตยโดยแท้จริง   จากเหตุผลหลายประการ ดังนี้ 
 
 
ประการที่ 1   คาราวานคนจน อ้างความชอบธรรมในการชุมนุมว่ามาต่อสู้เพื่อนโยบาย ของรัฐบาลทักษิณที่ให้คุณกระทบโดยตรงแก่พวกเขา ได้แก่ นโยบาย 30 บาททุกโรค,   หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์, ทุนการศึกษาคนจน- ผู้อยากเรียนได้เรียน, เรียนก่อนจ่ายทีหลัง, ทุนแพทย์ 1 อำเภอ, นโยบายบ้านเอื้ออาทร, นโยบายเศรษฐกิจพอเพียง, สหกรณ์การเกษตร, ระดับราคาที่มีเสถียรภาพ, ราคาข้าว การประกันราคาข้าว เสถียรภาพของราคาข้าว, ราคายางและพืชผลทางเกษตรกรรมที่มีเสถียรภาพ, การไฟฟ้าสาธารณูปโภค, การคมนาคมของท้องถิ่น, ระบบน้ำดื่มน้ำใช้, ระบบน้ำเพื่อการเกษตรกรรม, ขจัดความยากจนทั่วประเทศ, เมกกะโปรเจกต์เพื่อการมีงานทำ, กองทุนหมุนเวียน, แปลงสินทรัพย์เป็นทุน, เบี้ยเลี้ยงชีพสำหรับคนชราภาพ และคนว่างงาน,   SML,   ฯลฯ
 
ซึ่งจะเห็นโดยปราศจากข้อสงสัยว่า ในยุคทักษิโนมิกส์ รัฐบาลทักษิณได้คิดนโยบายการบริหารขึ้นมาอย่างมากมายเป็นประวัติการณ์ ที่ไม่เคยมีมาก่อน (ในขณะที่ฝ่ายค้านยุคนี้ไม่เคยเสนอนโยบายอะไรเลยแม้แต่ข้อเดียว) ซึ่งนโยบายเหล่านี้ ได้กระทบให้คุณประโยชน์ต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชนบทอย่างแรงจนรู้สึกเองเป็นธรรมชาติ เมื่อพวกเขาเห็นว่า มีคนที่ไม่เข้าใจคนจน ไม่เข้าใจในเรื่องนโยบาย จะไล่รัฐบาลหรือคนทำนโยบายเหล่านี้ไปเสีย ซึ่งจะเป็นผลให้พวกเขาเดือดร้อน เพราะไม่มีพรรคการเมืองใดเสนอนโยบายเช่นนี้อีก   พวกเขาจึงออกมาให้กำลังใจแก่รัฐบาล และทั้งแสดงพลังมวลชนกลุ่มผลประโยชน์เพื่อต่อต้านผู้จะทำลายนโยบายเหล่านี้    เพื่อให้คงนโยบายเหล่านี้ไว้ต่อไป
 
ซึ่งสำหรับผู้ใดก็ตามที่รักประชาธิปไตยแล้ว น่าจะพิจารณากันว่า นี่เป็นการต่อสู้โดยความชอบธรรมอย่างสมบูรณ์ตามกฎกติกาของระบอบประชาธิปไตยสากล
 
ประการที่ 2    การเรียนรู้ระบอบประชาธิปไตย หมายถึงการเรียนรู้หลักการของความเป็นมนุษย์ เราจึงให้สิทธิในการออกเสียงเท่ากัน คงไม่มีนักวิชาการคนใดเรียกร้องว่าตนจะต้องมีเสียงมากกว่าคนอื่น เพราะเหตุที่ตนเป็นนักวิชาการมีความรู้มากกว่า ฉะนั้นจึงไม่น่าจะมองว่า ต้องเรียนรู้จากมหาวิทยาลัยมีปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยมาอ้างเท่านั้น และไม่เพียงการเรียนรู้จากทฤษฎีของตะวันตกอย่างเดียว แต่ควรเรียนจากหลักการพระพุทธศาสนาด้วย เพื่อที่จะได้เข้าใจความเป็นมนุษย์      หรือหลักปรัชญาว่าด้วย เสรีภาพ ภราดรภาพ และ เสมอภาค อย่างลึกซึ้ง
 
การขัดแย้งของคนสองกลุ่ม ด้วยเหตุผลทั้งสองฝ่ายต่างยกมาอ้าง บัดนี้จึงน่าที่ทุกฝ่ายจะได้หวลไปพิจารณาอย่างจริงจังอีกทีหนึ่งว่า มีเหตุผลตามที่ตนนึกคิด และหวาดระแวงอยู่หรือไม่ มีอะไรเป็นข้อพิศูจน์ โดยเราจะต้องหาวิธีการพิศูจน์ที่สมกับความเป็นมนุษย์ และหากเป็นฝ่ายวิชาการก็ควรจะตระหนักอย่างยิ่งว่า ต้องทำตนเป็นตัวอย่าง ทำการต่อสู้อย่างถูกต้อง ให้สมกับความเป็นนักวิชาการ 
 
ขณะนี้เราได้พิศูจน์แล้วหรือยังว่า ข้อกล่าวหาของเราเรื่องทักษิโนมิกส์ มีความเลวทรามต่ำช้าเช่นนั้นจริง ๆ โดยทดสอบว่า เราได้เคยเข้าใจคนจน หรือประชาชนระดับรากหญ้าที่แท้จริง ว่าพวกเขาได้ประโยชน์จากนโยบายทักษิโนมิกส์ ต่อสู้เพื่อนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อพวกเขา และจรรโลงระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงอย่างไร?   หรือไม่?
 
ถ้ารัฐบาลไทยรักไทยนี้ออกไป รัฐบาลอื่นโดยพรรคการเมืองอื่นเข้ามา รัฐบาลนั้นโดยพรรคการเมืองนั้น จักมีนโยบายใดที่ชดเชย ที่ให้ประโยชน์แด่คนระดับรากหญ้าเหล่านี้?
 
จะสามารถสร้างนโยบายให้หลายหลากอย่างยุคทักษิโนมิกส์ได้หรือไม่?
 
 
 
บานไม่รู้โรย                                                        
www.newworldbelieve.com
3 เม.ย. 2549”

รำลึกโดย บานไม่รู้โรย
www.newworldbelieve.net
9 ส.ค.2552
 
 
 
 
 




หน้าที่เก็บไว้

.com 28 เม.ย. 2559
.net 28 เม.ย.2559
ยุบสภา อภิสิทธิให้เลือกตั้ง 14 พ.ย.2553
ต่อเนื่อง 22 เม.ย. 53
22 เม.ย. 2553 ระเบิดเสื้อหลากสีตาย 3 เจ็บ 75
20 เม.ย. 2553 พยากรณ์ประเทศไทย
นายสุเทพประกาศโจรยึดประเทศไทย เมื่อ 13เม.ย.2553
หน้านที่ 10-12 เม.ย.2553
วันทีวีแดงจอดำ 8 เม.ย.2553
แดงบุกทวงกกต.ยุบปชป.20เม.ย.2553
การเจรจาอภิสิทธิ์ - แกนนำเสื้อแดง 28 มี.ค. 2553
20 มี.ค. 2553 A Noble March ทั่วกรุงเทพ 100 กม.
15 มี.ค. 2553 ฟังคำตอบยุบสภาหรือไม่ ราบ 11 รอ.
ดี 10 มี.ค.2553 ก่อนแดงบุกกทม.
25 ก.พ.2553 ก่อนตัดสินยึด 76,000 ล้านบาทของทักษิณ
แดงขอนแก่น 2.5 แสนคน ถึง บุกกลาโหม
5 ธันวามหาราช 2552
เขมรบุกเขาพระวิหารสร้างถนน2เส้น
เสื้อแดงถวายฎีกา 17 ส.ค.2552
หน้าเกิดสุริยคราส-วันเกิดทักษิณ
บีบีซีนิวส์ ลงข่าวทักษิณ ชินวัตร
11. เสื้อแดงชุมนุมวันเลือกตั้งซ่อมศรีสะเกษเขต 1
10. เพื่อไทยชนะขาดภูมิใจไทย ที่สกลนคร เมื่อ 21 มิ.ย.2552
9. พระราชทานพระมหาคัมภีรอัลกุรอาน
8. ประชุมพระสังฆาธิการ 2552
7. การเมือง เลือกตั้งซ่อมศรีสะเกษ 28 มิ.ย.52
6. การปฏิบัติธรรมในวันธรรมสวนะ วัดมหาพุทธาราม
5 การปฏิบัติธรรมในวันธรรมสวนะ
4 เจ้าคณะจังหวัดรูปใหม่ และผู้ว่าราชการจังหวัดคนใหม่ ศรีสะเกษ พบในงานศพ
3 วันวิสาขโลก ถึง วันอัฏฐมีบูชา 8 - 16 พ.ค.2552
2 ทำบุญตักบาตรเช้าวันวิสาขโลก ณ วัดมหาพุทธาราม
1 ข่าวสำคัญวันวิสาขโลก ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๒



Copyright © 2010 All Rights Reserved.
----- ***** ----- โปรดใช้บริการการแปลของ Google Translate นี่คือเวบไซต์คู่ www.newworldbelieve.com กับ www.newworldbelieve.net เราให้เป็นเวบไซต์ที่เสนอธรรมะหรือ ความจริง หรือ ความคิดเห็นในเรื่องราวของชีวิต ตั้งใจให้ธัมมะเป็นทาน ให้สิ่งที่เป็นประโยชน์แด่คนทั้งหลาย ทั้งโลก ให้ได้รู้ความจริงของศาสนาต่าง ๆในโลกวันนี้ และได้รู้ศาสนาที่ประเสริฐเพียงศาสนาเดียวสำหรับโลกยุคใหม่ จักรวาลใหม่ เรามีผู้รู้ ผู้ตรัสรู้ ผู้วินิจฉัยสรรพธรรมสรรพวิชชา สรรพศาสน์ และสรรพศาสตร์ พอชี้ทางสู่โลกใหม่ ให้ความสุข ความสบายใจความมีชีวิตที่หลุดพ้นไปสู่โลกใหม่ เราได้อุทิศเนื้อที่ทั้งหมดเป็นเนื้อที่สำหรับธรรมะทั้งหมด ไม่มีการโฆษณาสินค้า มาแต่ต้น นับถึงวันนี้ร่วม 14 ปีแล้ว มาวันนี้ เราได้สร้างได้ทำเวบไซต์คู่นี้จนได้กลายเป็นแดนโลกแห่งความสว่างไสว เบิกบานใจ ไร้พิษภัย เป็นแดนประตูวิเศษ เปิดเข้าไปแล้ว เจริญดวงตาปัญญาละเอียดอ่อน เห็นแต่สิ่งที่น่าสบายใจ ที่ผสานความคิดจิตใจคนทั้งหลายด้วยไมตรีจิตมิตรภาพล้วน ๆ ไปสู่ความเป็นมิตรกันและกันล้วน ๆ วันนี้เวบไซต์นี้ ได้กลายเป็นโลกท่องเที่ยวอีกโลกหนึ่ง ที่กว้างใหญ่ไพศาล เข้าไปแล้วได้พบแต่สิ่งที่สบายใจมีความสุข ให้ความคิดสติปัญญา และได้พบเรื่องราวหลายหลากมากมาย ที่อาจจะท่องเที่ยวไปได้ตลอดชีวิต หรือท่านอาจจะอยากอยู่ณโลกนี้ไปชั่วนิรันดร ไม่กลับออกไปอีกก็ได้ เพียงแต่ท่านเข้าใจว่านี่เป็นแดนต้นเรื่องเป็นด่านข้ามจากแดนโลกเข้าไปสู่อีกโลกหนึ่ง และซึ่งเป็นโลกหรือบ้านของท่านทั้งหลายได้เลยทีเดียว ซึ่งสำหรับคนต่างชาติ ต่างภาษาต่างศาสนา ได้โปรดใช้การแปลของ กูเกิล หรือ Google Translate แปลเป็นภาษาของท่านก่อน ที่เขาเพิ่งประสบความสำเร็จการแปลให้ได้แทบทุกภาษาในโลกมนุษย์นี้แล้ว ตั้งแต่ต้นปีนี้เอง นั้นแหละเท่ากับท่านจะเป็นที่ไหนของโลกก็ตาม ทั้งหมดโลกประมาณ 7.6 พันล้านคนวันนี้ สามารถเข้ามาท่องเที่ยวในโลกของเราได้เลย เราไม่ได้นำท่านไปเที่ยวแบบธรรมดาๆ แต่การนำไปสู่ความจริง ความรู้เรื่องชีวิตใหม่ การอุบัติใหม่สู่ภาวะอริยบุคคล ไปสู่การเปลี่ยนแปลงไปพ้นจากทุกข์ ทั้งหลายไปสู่โลกแห่งความสุขแท้นิรันดร คือโลกนิพพานขององค์บรมศาสดาพุทธศาสนา พระบรมครูพุทธะ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพียงแต่ท่านโปรดใช้บริการการแปลของ Google Translate ท่านก็จะเข้าสู่โลกนี้ได้ทันทีพร้อมกับคน7.6พันล้านคนทั้งโลกนี้. ----- ***** ----- • หมายเหตุ เอาขึ้นเวบไซต์ แทนของเดิม ทั้ง 2 เวบ .net .com วันที่ 21 เม.ย. 2565 เวลา 07.00 น. -----*****-----