รายงานของสถาบันการศึกษาระหว่างประเทศราชารัตนัมของสิงคโปร์ร่วมกับสถาบันยุทธศาสตร์ด้านนโยบายของออสเตรเลีย ออกมาระบุวันนี้ (19 เม.ย.) โดยเตือนภัยร้ายจากกองกำลังหัวรุนแรงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หันมาใช้สื่ออินเทอร์เน็ตเผยแพร่ลัทธิความเชื่อผิดๆถูกๆ รวมถึงการแสวงหาสมาชิกแนวร่วมใหม่ๆหรือแม้กระทั่งสอนฝึกอบรมเหล่าสมาชิกผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมากขึ้น ถือเป็นภัยคุกคามความมั่นคงในภูมิภาค ซึ่งรัฐบาลแต่ละประเทศควรเร่งดำเนินการแก้ไขป้องกัน
เนื้อหารายงานฉบับดังกล่าวเตือนว่า กลุ่มหัวรุนแรงใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตสอนสมาชิกดูดเจาะข้อมูล สอนผลิตระเบิดหรือแม้กระทั่งพัฒนาหน่วยสื่อออนไลน์ของตัวเอง เพื่อใช้เผยแพร่อุดมการณ์ลัทธิความเชื่อให้มีความน่าเชื่อถือใกล้เคียงกับสำนักข่าวต่างๆ พยายามใช้ข้อมูลความน่าเชื่อถือล้างสมองครอบงำความคิดเยาวชนรุ่นใหม่ และที่สำคัญเป้าหมายของกลุ่มหัวรุนแรงเหล่านั้นไม่เฉพาะจ้องโจมตีกลุ่มชาติตะวันตกเท่านั้น หากยังปลุกปั่นยุยงสมาชิกให้ต่อต้านรัฐบาลของแต่ละประเทศในภูมิภาคด้วย
ข้อมูลเว็บไซต์รุนแรงประเภทนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากเมื่อปี 2550 มีอยู่ราว15 เว็บไซต์ แต่เมื่อปีที่แล้วตรวจพบเพิ่มมากกว่า117 เว็บไซต์ ส่วนใหญ่เป็นภาษาบาฮาซาของอินโดนีเซียและภาษามาเลย์ เว็บไซต์ลักษณะนี้ตรวจพบครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อช่วงต้นปี 2543 เนื้อหาเบื้องต้นอ้างอิงข้อมูลและรายละเอียดจากภูมิภาคตะวันออกกลาง แต่ภายหลังมีการปรับประยุกต์บิดเบือนข้อมูลเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น
ทั้งนี้ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นแหล่งซ่องสุมของกลุ่มหัวรุนแรงหลายกลุ่ม ตั้งแต่เจมาห์ อิสลามิยาห์ ผู้ถูกระบุอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดถล่มเกาะบาหลีในอินโดนีเซียเมื่อปี 2545 หรือกลุ่มอาบู ไซยาฟ ทางภาคใต้ของฟิลิปปินส์ ซึ่งนิยมการลักพาตัวชาวต่างชาติ โดยขณะนี้ยังจับเจ้าหน้าที่กาชาดสากลเอาไว้ 1 คน
รายงานระบุรัฐบาลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้ความสำคัญแก้ปัญหาปราบปรามเว็บไซต์เหล่านี้น้อยมากเมื่อเทียบกับกลุ่มชาติยุโรป ตะวันออกกลางหรือแถบอเมริกาเหนือ ขณะที่กลุ่มหัวรุนแรงเหล่านั้นพยายามพัฒนาศักยภาพการออนไลน์อุดมการณ์ของตนให้น่าเชื่อถือมากขึ้นด้วยการพัฒนาหน่วยงานอัพเดตข้อมูลใหม่ๆ อยู่เสมอ เพื่อดึงคนรุ่นใหม่เข้าร่วมอุดมการณ์มากขึ้น. |