แดงเดือด กระพือพรึบ
ปฏิบัติการของกลุ่ม นปช.ที่ระดมคนเสื้อแดงปิดล้อมทำเนียบฯขับไล่รัฐบาล ผ่านมาแล้ว 10 วัน
โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หัวหน้าม็อบตัวจริง ได้โฟนอินผ่านระบบวีดิโอลิงค์ปราศรัยกับมวลชนเสื้อแดงแบบรายวัน
โจมตีรัฐบาล แฉแหลกบุคคลที่อยู่เบื้องหลังวางแผนรัฐประหารยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549
เปิดรายชื่อตัวละครที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ ไล่ตั้งแต่ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี นายปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา นายปราโมทย์ นาครทรรพ นายจรัญ ภักดีธนากุล นายอักขราทร จุฬารัตน นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์
โพยแฉ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ คือ ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ
ปลุกม็อบต้าน โหมมวลชนเสื้อแดงทั้งประเทศ ปลุกระดม สร้างความฮึกเหิมกันเต็มที่
ล่าสุด แกนนำกลุ่ม นปช.ได้ประกาศดีเดย์ระดมพลเสื้อแดงครั้งใหญ่จากทั่วประเทศเข้า กทม.ในวันที่ 8 เมษายนนี้ ตั้งเป้าขั้นต่ำ 300,000 คน
เพื่อขยายพื้นที่การชุมนุมของม็อบเสื้อแดง จากเดิมที่ปิดล้อมทำเนียบฯ ขับไล่รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
เพิ่มดีกรีการเคลื่อนไหว วางแผนบุกบ้านสี่เสาเทเวศร์ ขับไล่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ
โค่นล้มระบอบอมาตยาธิปไตย
หลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินผ่านระบบวีดิโอลิงค์ ปลุกม็อบคนเสื้อแดง เปิดตัวละครที่เป็นศัตรูทางการเมือง ชี้เป้า พล.อ.เปรมคือผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ
ม็อบเสื้อแดงประกาศดีเดย์ขั้นแตกหัก 8 เมษายน
โค่นล้ม อมาตยาธิปไตย ขับไล่รัฐบาล อภิสิทธิ์
อย่างไรก็ตาม หากมองย้อนกลับไปที่การโฟนอินผ่านระบบวีดิโอลิงค์ของ พ.ต.ท.ทักษิณที่มีการกล่าวหาโจมตีประธานองคมนตรี และองคมนตรีว่า
เป็นศัตรูทางการเมือง เป็นผู้วางแผนอยู่เบื้องหลังการรัฐประหารยึดอำนาจ เมื่อวันที่ 19 กันยายน
จริงหรือเท็จ หรือจริงบางส่วน เท็จบางส่วน ยังไม่มีอะไรพิสูจน์ชัดเจน
เพราะบุคคลที่ถูกกล่าวหาพาดพิงก็ได้ออกมาปฏิเสธกันหมด
แต่ที่แน่ๆ ผลจากการโฟนอินเข้ามาแฉข้อมูลกับม็อบเสื้อแดงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือว่าได้ผลในเชิงของการ ปลุกม็อบ
สร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวเอง ทำลายความเชื่อถือของฝ่ายตรงข้าม
ปูพื้นฐานความคิดให้คนเสื้อแดงเห็นว่าตัวเองทำในสิ่งถูกต้อง ฝ่ายตรงข้ามทำในสิ่งที่ผิด
ที่สำคัญ ศึกครั้งนี้ยังไม่รู้ว่าจะไปจบลงตรงจุดไหน แต่จากความเคลื่อนไหวล่าสุดที่เกิดขึ้น นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา และนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ออกมาแพลมไต๋ตรงกันว่า
จะมีผู้มีบารมี เป็นคนกลางที่ทุกฝ่ายให้ความเคารพและเชื่อถือมาไกล่เกลี่ย และเชื่อว่าจะทำให้เหตุการณ์ยุติลงด้วยดี โดยการไกล่เกลี่ยจะมีขึ้นก่อนวันที่ 8 เมษายนนี้
ขณะเดียวกัน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ก็ออกมาแย้มว่า
พร้อมที่จะเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณทุกสถานที่ทุกเวลา เพื่อให้สถานการณ์ความขัดแย้ง วิกฤติของประเทศยุติลง
เช่นเดียวกับนายกฯอภิสิทธิ์ได้ประกาศตั้งแต่อยู่ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในระหว่างไปร่วมประชุมจี 20 ว่า
พร้อมที่จะเจรจากับทุกฝ่าย เพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ให้ประเทศเดินหน้าไปได้
เพียงแต่มีข้อแม้ว่า ต้องไม่มีการนำเรื่องคดีความมาเป็นข้อต่อรอง
แน่นอน การที่บุคคลระดับนำทางการเมืองออกมาพูดถึงการเจรจาระหว่างรัฐบาลกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง
แสดงว่ามีความพยายามที่จะเปิดโต๊ะเจรจาต่อรองกันจริง
แต่ก็ยังไม่มีใครชี้ชัดได้ว่า การเจรจาจะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ และผลสรุปจะเป็นอย่างไร
หรือเป็นแค่เกมซื้อเวลาออกไป
เพราะปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เรื่องที่เจรจากันแล้วทุกอย่างจะจบลงได้ง่ายๆ
โดยเฉพาะเมื่อโฟกัสจากความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณที่ระดมพลคนเสื้อแดงมาต่อสู้ขับไล่รัฐบาล ประกาศชัดเจนว่า ประชาชนคนเสื้อแดงเท่านั้นที่จะนำเขากลับประเทศได้
เน้นใช้มวลชนและความเป็นความตายของประเทศ มาเพิ่มอำนาจในการต่อรอง
ที่สำคัญ การเจรจาระหว่างรัฐบาลกับ พ.ต.ท.ทักษิณเพื่อยุติปัญหาความขัดแย้ง โดยจะให้ผู้มีบารมีมาเป็นคนกลางไกล่เกลี่ย
ก็ใช่ว่าผลการเจรจาที่ลงตัวและเป็นที่พอใจของทั้ง 2 ฝ่าย จะออกมาง่ายๆ
เพราะต้องไม่ลืมว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีคดีความต่างๆหลายคดี บางคดีศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดไปแล้ว บางคดีอยู่ในขั้นตอนพิจารณาของศาล อยู่ในกระบวนการยุติธรรม
มีพยานหลักฐาน ทั้งพยานเอกสาร พยานบุคคล มากมาย ก่ายกอง จู่ๆจะเป่าให้หายไปเฉยๆ เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นเลย คงทำไม่ได้ง่ายๆ
ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐ ได้ติดตามสถานการณ์ม็อบเสื้อแดงปิดล้อมทำเนียบฯขับไล่รัฐบาลอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด เราขอชี้ว่า เหมือนเป็นกงเกวียนกำเกวียน ย้อนกลับมาที่เก่า
รัฐบาลนายกฯอภิสิทธิ์บริหารประเทศมาแค่ 3 เดือน ก็ต้องเจอเหตุการณ์แบบเดียวกับรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช และรัฐบาลของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
โดนม็อบปิดล้อม ขับไล่ เข้าทำเนียบฯไม่ได้ ไม่มีที่ทำงาน
อย่างไรก็ตาม ด้วยความเป็นนักประชาธิปไตยของนายกฯอภิสิทธิ์ ประกอบกับการที่เขาเคยแสดงความเห็นเอาไว้ในห้วงที่ม็อบเสื้อเหลืองยึดทำเนียบฯในยุครัฐบาลของนายสมัครและนายสมชาย
ทำให้เราเชื่อว่า ถ้าสถานการณ์ม็อบเสื้อแดงลุกลามถึงขั้นวิกฤติ จนรัฐบาลไม่สามารถบริหารบ้านเมืองได้
นายกฯอภิสิทธิ์จะใช้ช่องทางตามกติการัฐธรรมนูญแก้ปัญหา
ด้วยการประกาศยุบสภา
แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ เพียงแต่เป็นแนวโน้ม
ว่าจะเป็นช่องทางแรกของทางออก ถ้าถึงเวลาที่จำเป็นจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของม็อบเสื้อแดงในวันนี้ ได้ยกระดับความเข้มข้นถึงขีดสุด
ไม่ใช่แค่ขับไล่รัฐบาล เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลของนายสมัคร หรือรัฐบาลของนายสมชาย
ไม่ใช่แค่ขับไล่รัฐบาลของนายกฯอภิสิทธิ์ออกไป
แต่ก้าวผ่านไปถึงขั้น ประกาศโค่นล้มระบอบอมาตยาธิปไตย
ประกาศชัดต้องการขับไล่ พล.อ.เปรมที่ดำรงตำแหน่งประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ออกจากตำแหน่ง
โจมตีกล่าวหา พล.อ.เปรม เป็นหัวหน้าใหญ่ของระบอบอมาตยาธิปไตย
พ่วงด้วยการเตรียมขับไล่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ 2 องคมนตรี ออกจากตำแหน่ง
กล่าวหาว่า อยู่เบื้องหลังการวางแผนรัฐประหารยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549
เท็จจริงแค่ไหนไม่รู้
เพราะยังไม่มีอะไรพิสูจน์
แต่ พล.อ.เปรมก็ได้ออกมาชี้แจง ปฏิเสธทุกอย่าง พร้อมทั้งเน้นย้ำ ไม่ได้เป็นฝ่ายตรงข้าม ไม่ได้เป็นศัตรูของ ทักษิณ
ทั้งนี้ ทีมของเราขอบอกว่า คำว่า ระบอบอมาตยาธิปไตย ตามรัฐธรรมนูญไม่มีคำนี้ บัญญัติไว้ มีแต่คำว่า ระบอบ ประชาธิปไตย
ส่วนคำว่า อมาตย์ ตามพจนานุกรม หมายถึง ข้าราชการ ข้าเฝ้า ที่ปรึกษา
สำหรับระบบอมาตย์เป็นเรื่องของจารีตประเพณีที่ยาวนานควบคู่กับประเทศไทย
ในขณะที่องคมนตรี ตามพจนานุกรม หมายถึง ผู้มีตำแหน่งที่ปรึกษาในพระองค์พระมหากษัตริย์
ที่สำคัญ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 หมวด 2 พระมหากษัตริย์ มาตรา 12 บัญญัติไว้ว่า
พระมหากษัตริย์ทรงเลือกและทรงแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นประธานองคมนตรีคนหนึ่ง และองคมนตรีอื่นอีกไม่เกินสิบแปดคน ประกอบเป็นคณะองคมนตรี
คณะองคมนตรีมีหน้าที่ถวายความเห็นต่อพระมหากษัตริย์ในพระราชกรณียกิจทั้งปวงที่พระมหากษัตริย์ทรงปรึกษา และมีหน้าที่อื่นตามที่บัญญัติในรัฐธรรมนูญนี้
ขณะเดียวกัน มาตรา 13 บัญญัติไว้อย่างชัดเจนว่า
การเลือกและแต่งตั้งองคมนตรี หรือการให้องคมนตรีพ้นจากตำแหน่ง ให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย
ให้ประธานรัฐสภาเป็นผู้ลงนามสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งประธานองคมนตรี หรือให้ประธานองคมนตรีพ้นจากตำแหน่ง
ให้ประธานองคมนตรีเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรม ราชโองการแต่งตั้งองคมนตรีอื่น หรือให้องคมนตรีอื่นพ้นจากตำแหน่ง
ในขณะที่ มาตรา 16 บัญญัติไว้ว่า
องคมนตรีพ้นจากตำแหน่งเมื่อตาย ลาออก หรือมีพระบรมราชโองการให้พ้นจากตำแหน่ง
บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญกำหนดชัดเจน การเลือกและการแต่งตั้งองคมนตรี หรือการให้องคมนตรีพ้นจากตำแหน่ง ให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย
เหนืออื่นใด รัฐธรรมนูญทุกฉบับที่ผ่านมา ก็เขียนไว้ เหมือนกันหมด
การเคลื่อนไหวม็อบเสื้อแดงที่ยกระดับการต่อสู้ ประกาศดีเดย์ขั้นแตกหักในวันที่ 8 เมษายน
พุ่งเป้าโค่นล้มระบอบอมาตยาธิปไตย ขับไล่ประธานองคมนตรี
ล่อแหลมละเมิด เขย่าสถาบันหรือไม่ คนไทยต้องคิดเอง.
ทีมการเมือง |