6. หลักการตัดสินใจในระบอบประชาธิปไตยไทยวันนี้
จำเป็นต้องเน้นว่า การตัดสินใจ (to decide a decision) ในระบอบประชาธิปไตย เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับบุคคลในระบอบประชาธิปไตยเป็นอย่างยิ่ง ถ้าบุคคลเป็นทาส หรืออยู่ในระบอบทาสเสียแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องมีการตัดสินใจ หรือ ถึงแม้ประชาชนอยู่ในระบอบที่ดีกว่าระบอบทาสขึ้นมาอีก แต่อยู่ในระบอบที่ประชาชนทั่วไปไม่ได้เป็นเจ้าของอำนาจ คือระบอบเผด็จการ หรือระบอบที่อำนาจสูงสุดตกอยู่ในมือคน ๆ เดียว หรือคณะบุคคล ก็ไม่จำเป็นต้องมีการคิดถึงเรื่องการตัดสินใจ
1. ต้องตัดสินใจโดยมีเหตุผล เพราะบุคคลในระบอบประชาธิปไตยเป็นมนุษย์ มีความเป้นมนุษย์ คือมีความคิด มีความเป็นเวไนยสัตว์ ที่รู้ได้ สอนได้ ร่ำเรียนศึกษาได้ ฉะนั้น ต้องชั่งตรองดูเหตุผลให้ดี โดยต้องละเว้นการตัดสินใจโดยความไร้เหตุผล หรือมองยังไม่พบเหตุผลที่หนักแน่นพอต่อปัญหาที่จะตัดสินใจนั้น อนึ่ง เหตุผลใดที่เป็นโทษ หรือน่าจะเป็นโทษหรือให้ผลไม่ดีต่อระบอบประชาธิปไตยจะต้องตัดสินใจในทางที่จะไม่เลือกเหตุผลชนิดนั้นอย่างเด็ดขาด
2. ต้องไม่ตัดสินใจเอาแต่ใจตัวเอง โดยมองว่าตัวเองชอบอะไรก็ตัดสินใจไปเช่นนั้น แต่ต้องมองคนอื่น โดยยอมรับว่าคนอื่นก็มีความดีความเก่งของเขา นี่จึงจะเป็นประชาธิปไตย ถ้าเราเอาแต่ใจตัวเองไม่ฟังคนอื่น นั่นไม่ใช่ประชาธิปไตย เพราะประชาธิปไตยมีหลักการที่ความเคารพตนเอง และเคารพคนอื่นโดยเท่าเทียมกัน
3. อย่ามองคุณค่าใดใดของมนุษย์ว่าจะต้องสมบูรณ์ 100% เพราะคุณค่าที่เต็ม 100% ของมนุษย์นั้นไม่มีในโลกนี้ แต่ต้องมองตรงตามความจริง นั่นคือมนุษย์มีกิเลส เหมือน ๆ กัน มนุษย์จึงย่อมมีความบกพร่องอยู่เสมอ แต่กระนั้นมนุษย์ก็มีความปรารถนาดีเสมอ การตัดสินใจโดยไม่สอดคล้องความจริงนี้ จึงได้ทำให้ผลลัพท์ที่ต้องการผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปโดยตลอดมา
4. การตัดสินใจในระบอบประชาธิปไตยต้องคำนึงความเป็นธรรม เพราะระบอบนี้เป็นระบอบที่นับถือความเป็นมนุษย์ มนุยย์มีความเสมอภาค ที่มีสิทธิ์ในการใช้อำนาจสูงสุดได้เท่ากันคนละ 1 เสียง การตัดสินใจจึงอย่าเป็นการดูหมิ่นความเป็นมนุษย์ของคนใดคนหนึ่งในระบอบนี้ และความจริงมนุษย์ย่อมมีความคิดอ่าน ใคร่ครวญ เป็นเวไนยสัตว์ จึงรู้ดีว่าอะไรเป็นความเป็นธรรมและอธรรม หรือโดยสัญชาตญาณของความเป็นมนุษย์ มนุษย์ย่อมรู้สึกเองถึงความเป็นธรรมและอธรรม ได้อย่างชัดแจ้ง ฉะนั้น นี่จึงเป็นสิ่งละเอียดอ่อนของการตัดสินใจในระบอบประชาธิปไตย ถ้าการตัดสินใจมีความเป็นธรรม แผ่นดินมีความเป็นธรรม ประเทศก็มีความสงบ
5. ต้องคำนึงว่าบุคคลในระบอบประชาธิปไตย เมื่อเจริญสูงสุดแล้ว ย่อมเป็นสถาบัน เมื่อใดที่ท่านได้มีการตัดสินใจของท่าน โดยความบังเกิดรำลึกในจิตใจจริงแท้ว่า ข้าพเจ้าเป็นสถาบัน นั่นย่อมหมายถึงการตัดสินใจโดยชอบด้วยความเป็นประชาธิปไตยอันสมบูรณ์แล้ว และเป็นสุดยอดของภาระหน้าที่ของมนุษย์ในระบอบประชาธิปไตย ไม่ต้องพูดถึงหรอกว่าสังคมเราจะเป็นอย่างไรต่อไปภายหน้า (คิดต่อได้เองน่ะ?)
- บุษบา บุญเสฏฐ์
14 ธ.ค.2551
7. ถึงพลเสื้อแดง
1. น้อยคนนักที่จะมองพลเสื้อแดงว่าเป็นกลุ่มชนผู้สุจริต เราหมายถึง พลที่มาชุมนุมเปิดเผย ความจริงวันนี้ รวมไปถึง นปช. เพราะคนมักมองโดยสีที่คุ้นเคย คนคุ้นเคยการมองม็อบอันธพาลกลุ่มที่ยึดทำเนียบรัฐบาล ปิดล้อมรัฐสภา ยึดเอนบีทีวี บังอาจปิดเส้นทางพระราชดำเนิน และล่าสุดยึดสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิและดอนเมือง สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจและเกียรติภูมิของประเทศอย่างมหาศาลว่าเป็นกลุ่มหัวรุนแรง คนก็พลอยมองพลเสื้อแดงไปทำนองนั้น คนมองเลยเจตนาดี และบทบาทที่ถูกต้องชอบธรรมของพลเสื้อแดงไปเสีย คนไม่ทันยั้งสติคิดว่า ตราบการชุมนุมมาถึงปัจจุบันนี้ พลเสื้อแดงยังไม่เคยทำอะไรผิด ไม่ว่าทางกฎหมาย หรือทางประเพณ๊ของระบอบประชาธิปไตย
2. พลเสื้อแดงเป็นกลุ่มชนที่น่าสนับสนุนและเอาอย่าง ของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยทั้งประเทศ เพราะพวกเขาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยโดยสุจริต เปิดเผย ไร้ลับลมคมนัย โดยตระหนักถึงอำนาจของพวกเขา ในฐานะประชาชนในระบอบประชาธิปไตย ที่ให้คนละ 1 เสียง อันเป็นหลักการความเสมอภาคของระบอบประชาธิปไตย เมื่อระบบตัวแทน หรือ ตัวแทนมีปัญหา ไม่อาจจะเดินไปได้ พวกเขาก็มีความชอบธรรมที่จะออกมาแสดงพลังสนับสนุนนโยบายของตัวแทนได้ พวกเขามีความชอบธรรมเกินไปกว่าความชอบธรรมในเรื่องสิทธิที่กติกาของระบอบประชาธิปไตยมอบให้ แต่พวกเขามีความชอบธรรมในฐานะเจ้าของอำนาจการเมืองอันสูงสุด อันเป็นหลักการสูงสุดทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย
3. พลเสื้อแดง เป็นกลุ่มระลอกแรกของขบวนการประชาชนประชาธิปไตยทางตรง นั้นคือความตระหนักโดยไม่สงสัยว่า ในการเมืองระบอบนี้ ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจการเมืองอันสูงสุด เมื่อพวกเขาต่างออกมาประชุม นั่นเป็นความชอบธรรมอยู่แล้ว และไม่อาจจะมีผู้หนึ่งผู้ใดปิดกั้น แท้จริงพวกเขาเป็นตัวอย่าง ที่แสดงพลังที่ถูกต้องควรที่ประชาชนทั้งหลายจะเอาอย่างและตื่นตัวขึ้นมาในฐานะเจ้าของอำนาจ ผู้ที่มีหน้าที่โดยตรงในการบริหารจัดการประเทศ ไม่ใช่นอนหลับทับสิทธิ์อยู่ นี่คือวิถีทางที่ถูกต้อง
4. และการชุมนุมหรือประชุมของเจ้าของอำนาจทางตรงนี้ จักต้องเป็นไปอย่างมีระเบียบวินัย ด้วยการคำนึงความเป็นนิติรัฐ และกติกา ที่ไม่ขัดแย้งวิถีทางของประชาธิปไตย มีความคำนึงถึงความเคารพตนเองและผู้อื่น คำนึงถึงความเป็นมนุษย์ ผู้ที่ย่อมมองความเป็นมนุษย์ขงตนและคนอื่นเสมอกัน และมีการตัดสินใจบนแนวทางที่ถูกต้อง
ตามระบอบประชาธิปไตย ที่แก้ปัญหา และสร้างความเป้นธรรมขึ้นในแผ่นดินทั้งหมด
5. เรามีความเข้าใจพลเสื้อแดง และวิถีทางการต่อสู้ของพวกเขา นั่นก็ย่อมเป็นทางแห่งความชอบธรรมในฐานะเจ้าของอำนาจทางการเมืองของระบอบประชาชาธิปไตย และชอบธรรมโดยวิถีทางประชาธิปไตยทางตรง นั่นคือ ทางแก้ปัญหาของแผ่นดิน โดยสถานการณ์ปัจจุบันนี้
· นสพ.ดี(อินเทอเนท)
16 ธ.ค.2551
8. อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 27
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ชนะการลงคะแนนเสียงในสภาผู้แทนราษฎรเมื่อ 15 ธ.ค.2551 ด้วยคะแนนเสียง 235 ต่อ 198 มีผู้งดออกเสียง 3 คน พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก พรรคเพื่อไทยแม้จะแพ้ในการลงคะแนนเสียงครั้งนี้ แต่ก็สมควรแก่เหตุผล และที่สำคัญก็คือ การได้ตำแหน่งครั้งนี้ เราถือว่าเป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตย แม้ว่าจะขาดความสง่างามทางฝ่ายชนะ ที่ใช้วิธีการต่อสู้ที่ไม่ชอบธรรมมาตั้งแต่เข้าดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์มาก่อนประสบความสำเร็จ และด้วยเหตุที่มีความไม่สง่างามนักนี้ น่าเป็นวิบากกรรมของรัฐบาลอภิสิทธิ์ที่จะต้องชดใช้และฝ่าฟันต่อไปในหนทางฝ่ายบริหารอย่างยากลำบาก
ปัญหาที่คนในแผ่นดินต่างมีความคลางแคลงเป็นวิจิกิจฉาไม่รู้จบ และยังมองหาทางออกไม่ได้โดยง่ายก็คือปัญหาความเป็นธรรมในแผ่นดิน ซึ่งรัฐบาลอภิสิทธิ์น่าจะรู้ตัวดีว่ามีคนหลายกลุ่มหลายฝ่าย ยังคงจับตามองดูอยู่ต่อไปว่า โดยนโยบายอย่างไรของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่จะให้เกิดความเป็นธรรมในแผ่นดินขึ้นมา
จริงอยู่ ในการแถลงของนายกรัฐมนตรีคนใหม่เองภายหลังพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ที่ว่า จะเริ่มปัญหาเร่งด่วนคือ จะยุติการเมืองที่ล้มเหลว แน่นอน การเมืองไทยล้มเหลวมาและเป็นปัญหาใหญ่สมควรที่จะยุติให้ได้ แต่อยู่ที่ว่าจะทำอย่างไร
นี่คือประเด็นนโยบายที่คนทั้งแผ่นดินอยากทราบว่าท่านจะทำอย่างไร ปัญหาเศรษฐกิจ เราก็อยากทราบว่า แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ครอบคลุมทุกปัญหานั้น เป็นอย่างไรบ้าง
วาทะที่คมคายที่ว่า อภิสิทธิ เวชชาชีวะ พร้อมที่จะรับฟังและร่วมมือกับทุก ๆ คนทุก ๆ ฝ่าย ท่านจะเป็นใครก็ตามหากไม่คิดร้ายต่อบ้านเมือง ท่านพร้อมจะรับฟังและร่วมมือ
ก็เป็นเพียงคำพูดที่เลื่อนลอย ยังไม่เห็นรูปธรรมป็นการกระทำอย่างไร อนึ่ง วาทะว่า ในเรื่องการยึดปิดสนามบิน will never happen again ทำไม? เพราะเป็นความผิด ทางกฎหมาย จริยธรรมของระบอบประชาธิปไตย และอื่น ๆ และคนจำนวนมากมายมหาศาลก็อยากทราบว่าจะดำเนินการอย่างไรกับหมู่คนอันธพาลที่ปิดสนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมืองคราวนั้น เรามีความคิดเห็นโดยสุจริตว่า ในยุคสมัยนี้ ประชาชนอยากเห็นคนเก่ง และต้องการคนเก่ง จึงขอสนับสนุนว่า โปรดอย่าลังเลใจ ให้เร่งรีบดำเนินการให้เป็นรูปธรรมออกมาโดยเร็ว ถ้าเก่งจริง ประชาชนก็ยอมรับเอง และเราหวังว่าสำหรับ ท่านอภิสิทธิ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 27 จะเป็นเช่นนั้น
- พูเยีย บัวระบัด
18 ธ.ค.2551