กวีนิพนธ์
เถลิงรัฐ รัตนโกสินทร์ศก ๒๐๐ พุทธศักราช ๒๕๒๕
๒๐๐ บทกวี ๒๐๐ ปีรัตนโกสินทร์
บทกวีของอนาคาริกทั้งสาม
115. ชนใดในโลกล้วน ทาสา
เพียงโซ่ทองตรวนตรา หน่อเนื้อ
คือข้องแห่งทุกข์ทา รุณโทษ ชนเฮย
หิวหยากยากไร้เรื้อ โรคร้ายรอนรุม ฯ
116. สาวหนุ่มลิงโลดได้ เคียงขวัญ
สมสืบทายาทผัน ผ่ายหน้า
ชรามรณะพลัน จำพราก กันเล่า
ทอดร่างลงกลบหล้า เปื่อยเคล้าดินเดิม ฯ
117. เฉลิมโลกรัฐเขตล้วน สังสาร
ไหลหลั่งเพียงทางธาร เชี่ยวกว้าง
ส่ำสัตว์พลัดทะยาน ลิวโลด
ตาบอดต่างคนคว้าง ควั่งพ้นฤาเห็น ฯ
118. เคืองเข็ญทุกค่ำเช้า คุงคืน
หลับตื่นตาตนฝืน คั่งแค้น
สินทรัพย์นับสุดกลืน เหลือหลาก ล้นเฮย
ห่อนสั่งโสฬสแคว้น ฝั่งฟ้าลงชม ฯ
119. บรมขัตติเยศรได้ ไอศูรย์
เถลิงรัฐฉัตรทองพูน เดชด้าว
จอมทัพทศทิศทูน ศิโรราบ
ห่อนสั่งมัจจุราชห้าว ผ่อนไว้โทสา ฯ
120. ธรรมสามีเร่งล้าง ไตรภพ
สวรรค์ล่มนรกลบ แผ่นหล้า
โลกันต์ผ่านทัพทบ ทิวเศิก คลุ้งเฮย
ดับเดชมัจจุราชกล้า แต่ด้วยตาญาณ ฯ
121. ผลาญมารมรณ์มอดเสี้ยน สบสันต์
เล็งโลกแสนทิศพลัน แจ่มแจ้ง
แสงทองส่องชีวัน ทวยโลก
ธรรมอยู่จุนฤาแล้ง โลกไร้วีรชน ฯ
122. โขงวนลงลุ่มใต้ ลาวครวญ
กัมพุชวิปโยคหวล อกอื้น
สองฝั่งฟากลาวญวน โลมเลือด ลงฤา
โขงแม่ซับชลชื้น ชุ่มคลุ้งคาวคน ฯ
123.ทรชนสองเหล่าร้า รอนรบ
สองพิฆาตคาวกลบ หย่อมหญ้า
โขงแรงชะเลือดลบ สองแผ่น ภูเฮย
ทุกขโทษเทวษกล้า ร่ำพื้นระงมดิน ฯ
124. สิ้นชาติสิ้นช่อเชื้อ กรุงกษัตริย์
สุดเขตขัตติยรัฐ ร่วมสร้าง
สุดแดนแผ่นเดิมพลัด พรายพราก
สุดสั่งนคเรศร้าง ล่มแล้วจำลา ฯ
125. สาธารณ์ชนชั่วแท้ เถลิงถวัลย์
หยาบใหญ่ยงฤทธิ์ชัน เชิดเผ้า
ตระกรามอยากยศขัน ขายชาติ
ชักเศิกไกลบ้านเข้า ข่มแคว้นครองเมือง ฯ
126. กรุงเรืองยศล่มแล้ว อนาถา แท้เฮย
เพียบแผ่นพลโยธา หลบลี้
ฟายเนตรร่ำชลนา เหลืออก นิกรเฮย
เคืองเคียดชนชั้นชี้ เหตุพ้องภัยผลาญ ฯ
127. ซมซานหนีพี่งร้อน รอนเย็น
สุดเขตไทยรัฐเห็น ฉัตรแก้ว
เพียงชีพชื่นคืนเข็ญ วิปโยค
อาบอุ่นอายดินแคล้ว ชีพได้คืนเป็น ฯ
128. ยามเข็ญไทยราษฎร์เกื้อ การุณ มิตรเฮย
ประเสริฐสุดสุดนาบุญ ผ่องล้ำ
คืนชีพท่านคืนคุณ หนุนตอบ ตนนา
คือนรชาติสกุลค้ำ ชื่อชั้นชนดี ฯ
129. เป็นศรีไกรเกศเกล้า กรุงราม
เป็นสง่างามสยาม ยศเรื้อง
เป็นแสงพุทธคุณคาม ขันฑเขต บุญเล่า
เอื้อแต่เพียงน้อยเยื้อง โอษฐ์โอ้ภิปราย ฯ
130. ภายหลังคงท่านไท้ ทดแทน คุณนา
ชนชื่นหมื่นแสนชม เมื่อนี้
เพาะคุณห่อนดูแคลน คนยาก ใดเล่า
เป็นมิ่งแห่งมิตรชี้ ชีพไข้คืนชนม์ ฯ
131. โขงวนสองแผ่นเฝ้า อาดูร
ลาวหลั่งเลือดนองปูน น่านน้ำ
สู่กัมพุชโขงพูน ทวีวิโยค
ตายดาดศพเกยค้ำ แผ่นเพี้ยงภูเขา ฯ
132. เงาภูตผายผงาดเงื้อม งำสยาม
สุดฤทธิ์เทพสงคราม ช่วยเกื้อ
สำเร็จวิชชาสาม สูงส่ง ก็ดี
ใครอาจอำนวยเอื้อ เท่าเอื้อตนเอง ฯ
133.เพลงเศิกครึนครหึ่มเร้า รานใจ
อย่าละอย่าวางภัย ติดต้อย
ข่าวความขื่นควรไข คำเล่า
ดำรัสรื่นรสถ้อย ชื่นช้อยมวลชน ฯ
134. ชมชลธีน่านกว้าง โขงธาร
ไหลเลื่อนสู่สมุทรสถาน แช่มช้า
ผ่านแดนสุดดินสาน สาคเรศ ไกลเฮย
เพียงผ่องคเชนทร์กล้า ย่างเยื้องยลไพร ฯ
135. วางใจโขงแม่ไว้ อุเบกขา
คุณโทษท่านทำมา ทดแท้
สมบุญส่งสนองผลา นิสงบ่ม ชูเฮย
สมบาปบาปตามแก้ เกี่ยงพ้นกรรมไฉน ฯ
136. ไพรเถื่อนทางเที่ยวท้อง สิงห์สาร
แสวงเหยื่อแย่งอาหาร โหดเหี้ยม
พรานไพรเชี่ยวเชิงพราน อุบายบ่วง กลแฮ
ชาญป่าปัญญาเสี้ยม สัตว์พ้องเผ่นผวา ฯ
137. โขงคลาลงลุ่มท้อง ทะเลหลวง
เพียงหน่อพุทธางค์ตวง สุขแผ้ว
สู่เขตนิพพานสรวง สวรรค์สว่าง พู้นฤา
ผืนแผ่นโสโครกแคล้ว เขตเข้าพรหมจรรย์ ฯ
138. สวรรค์วงษ์ยิ่งน้ำ นวลสาย
สายห่อนอยู่ขังภาย แผ่นพื้น
ชลธารเห็จหาย หาวภาค
แรงย่อมหลากลำฟื้น ฝั่งพู้นสมุทรไกล ฯ
139. เวไนยสัตว์สั่งรู้ เรียนธรรม
หมายมรรคคืนผลกำ เหนิดกล้า
สมบุญเนื่องหนุนนำ ชัยโชค
สำเร็จฤทธิ์ลั่นฟ้า โลกกั้นฤาไหว ฯ
140. ไข่กากกเกิดกล้า กลายหงส์
หงส์เติบหว่างกลางวงษ์ โลกใต้
รำลึกถิ่นควรคง หงส์ด่วน คืนนา
สมชาติหงส์ทองไท้ ร่อนฟ้าบนงาม ฯ
141. ยลสยามยศยิ่งฟ้า ลงดิน แลฤา
เรืองรัฐราษฎร์สยามมินทร์ โด่งด้าว
ชนชาญเชี่ยวชาญศิลป สบศาสตร์ ซึ้งแฮ
หลายเล่ห์ลาญอริห้าว ห่ามแท้หาญรงค์ ฯ
142. ปลงชีพชนม์เพื่อนไว้ ธรณี แม่นา
สองบาทย่างจงธุลี แม่คุ้ม
สองหัตถ์มั่นไตรศรี รัตน์รุ่ง ฟ้าเฮย
มโนนอบหนึ่งกรองซุ้ม มิ่งไม้ถวายสวรรค์ ฯ
143. สรรพางค์กายเกิดได้ เป็นคน
ธาตุสี่ธรณีดล กล่อมเกลี้ยง
สองขาท่องเทียวหน หนาวเหนื่อย นักเฮย
ดินแม่โอบแม่เลี้ยง นิ่มเนื้อเนาสนาม ฯ
144. ยามนอนหลังทาบพื้น ภูวดิน
พฤกษชาติวังวนสินธุ์ เชี่ยวกว้าง
ส่ำสัตว์ส่ำสารอิน ทรีย์เติบ มานา
ดินแม่เสกแม่สร้าง สั่งไว้หวังใด ฯ
145. ยามตายใครเก็บเกื้อ รักษา กายนา
แม่ห่อนเดียดฉันทา ขับต้อน
คืนดินถิ่นพงศา สัตว์ชาติ ดินเฮย
ใครใหญ่ใครยิ่งย้อน ย่านกว้างเดียวดิน ฯ
146. ปิ่นมุนีตรีรัตน์เลี้ยง รังใจ
สืบสัจสั่งเวไนย สัตว์รู้
เกิดแก่เจ็บตายใต เลยหยุด ได้นา
ใครอาจใครเอกสู้ อื่นพ้นตายไฉน ฯ
147. จักตายไวพ่อไว้ ความดี เทอญรา
เป็นเกียรติตระกูลศรี ฉัตรแก้ว
เป็นยศยิ่งธรณี เมืองแม่ พ้นนา
สืบชั่วหลานเหลนแล้ว เลื่องฟุ้งกรุงสวรรค์ ฯ
148. ขันอาสาราษฎร์ป้อง ถวายชัย
สันโดษเด่นเจนใจ ใฝ่เฝ้า
เสือสิงห์ตระเวนไพร เพียงราช รัฐเฮย
ใครอาจล่วงเขตเข้า เข่นขย้ำฤาแสยง ฯ
149. สำแดงเดชเพียบป้อง ปวงชน
หลังอยู่อย่าห่วงหน ห่างเหย้า
หลังอยู่อย่าทุกข์ทน ทานเทวษ เลยแม่
มั่นจิตเถิดจอมเจ้า พี่พร้อมถวายชนม์ ฯ
150. ปลงตนวายชื่อใช้ จอมสยาม
ปลงชีพชูชาติยาม เศิกฟ้อน
ปลงจิตพระธรรมสาม แก้วก่อง กรุงเฮย
อุทิศทวยราษฎร์ร้อน รุ่มได้คืนเย็น ฯ
151. เป็นกุศลสั่งเนื้อ นาบุญ
ทานอุทิศตนจุน ศาสน์ค้า
พระคุณเนื่องพระคุณ ผายแผ่ ชนนา
จานทั่วทวยราษฎร์ซ้ำ แซ่ซ้องสดุดี ฯ
152. เป็นศรีสืบชาติเชื้อ มาตุภูมิ
เป็นยศยิ่งบัวตูม ผ่องน้ำ
เป็นธรรมฉ่ำชวยฟูม ใจชาติ
เป็นยอดยิ่งทานล้ำ เลิศแท้ทานใด ฯ
153. เป็นไทแก่ชีพช้อย ชูสวรรค์
เป็นประแจทวารขัน ฝั่งฟ้า
เป็นดวงประทีปธรรม ชูโชติ ชวาลเฮย
พาท่องเทียวโลกหน้า สืบสร้างกุศลกรรม ฯ
154. นำสู่น่านน้ำนิร พานผล
สุดเขตทางเทียวหน โลกไร้
สุขาวดีดล พุทธเกษตร พู้นฤา
อิ่มอาบอายดินได้ สิ่งพร้อมสินพูน ฯ
155. สูรย์ส่องทองทาบฟ้า อรุณชัย สยามเฮย
เทพเทียบสินทรัพย์ใน น่านน้ำ
เปิดดินผ่องรองอุไร เรืองลาภ ล้นเฮย
คลังส่วนบุญชาติค้ำ โชติช่วยชูสนอง ฯ
156. สมปองชมน่านเจ้า พระยายง
เสนาะสนั่นชลาลง ลุ่มใต้
ปิ่งวังฝ่าฝานพง ไพรเถื่อน มาฤา
สมทบลำน่านใกล้ คู่ไล้โลมยม ฯ
157. ชมสี่แควควั่งคว้าง ครางครืน
ธารท่วมธรณิศกลืน แผ่นใต้
อัศวินวิ่งวางฝืน ทวนโลก มาฤา
มาโปรดโปรยบุญให้ โลกร้อนคลายเย็น ฯ
158. รวมแรงเข็นล้อหลั่ง ธรรมทาน
นคเรศรุ่งเรืองฉาน สร่างเศร้า
ประชาชื่นตาปาน บัวบุษ บรรณฤา
อิ่มอาบธารธรรมเจ้า ซ่านซึ้งชมคุณ ฯ
159. สมบุญจักรพรรดิ์เผ้า เผ่าสยาม ชนนา
ผืนแผ่นพระยางาม เจิดหล้า
ยลทิวแม่รวงราม ลามทุ่ง ไกลเฮย
ระบัดใบข้าวกล้า เกลื่อนเพี้ยงสวรรค์ทองฯ
160. สองฝั่งดินลุ่มพร้อม ผลาหาร
เศกสยามยงปาน เทพแสร้ง
เจ้าพระยาอุดมทาน ทวยโลก
เป็นอู่ทองฤาแล้ง ลาภเลี้ยงนรชน ฯ
161. มณฑลพุทธเขตคล้อง โลกา
โบสถ์พิหารตระการตา แต่งแต้ม
ลุ่มอารยธรรมผา สุกโสถิ ผลเฮย
เพียงเบิกบัวหลวงแย้ม อยู่ช้อยบึงเย็น ฯ
162. เป็นแผ่นภูธเรศเรื้อง รังษี ธรรมเฮย
ทาบเทียบแสงแรงระวี ดอกด้อย
รินรสพระแสดงคี ตะนาฏ
แทงทะลุธาตุร้อย ฝั่งฟ้าถึงยม ฯ
163. สมธารทองล่องฟ้า พญาหงส์
ลงเล่นสายชลสรง สระแผ้ว
แดนกษัตริย์ประเวศคง คาเขต
ชลมาร์คไกรกิ่งแก้ว ก่องล้ำสุวรรณหงส์ ฯ
164. วรรณกรรมพงศ์เผ่าพื้น ชาละวัน
สมสู่สาวสองสวรรค์ เถื่อนถ้ำ
ไกรทองเสกเทียนขัน ตามล่า
ตีตะเข้ใต้น้ำ เสนาะคุ้งคาชล ฯ
165. วังวนเถรขวาดครั้ง ขุนแผน หนึ่งรา
พลายบุตรขลังเวทย์แสน ศักดิ์สู้
กุมภีร์ล่องหลามแดน เหนือหลาก ลงนา
ลาญชีพหมอมากผู้ เข็ดคร้ามขยาดหาญฯ
166. ฤดูธารฝั่งฟื้น คะนองสินธุ์
เสนาะสนั่นนิชาวดิน สนุกน้ำ
เรือเพลงแว่วเพียงพิณ ทิพย์เทพ รินฤา
เรือแข่งเพียงพกขว้ำ เร่งไม้หมายชัย ฯ
167. คราแขไขสุกคว้าง คืนเพ็ญ
ไสวสว่างทางธารเห็น เด่นด้าว
ใจสยามชื่นชลเย็น ผุดผ่อง พ้นเฮย
บูชิตพุทโธท้าว เทิดล้ำพระคำสอน ฯ
168. นครรัตน์รุ่งล้ำ ชลไกร ฤกษ์นา
ลอยบาปชำระไฟ กิเลศกลั้ว
ทิวกระทงท่องธารใส ระยิบยิ่ง ดาวนา
เทียนธูปหอมสุดขั้ว เขตคุ้งชลสถาน ฯ
169. นงคราญนพมาศตั้ง แต่งการ พิธีนา
สืบสุโขทัยนาน ก่อนกี้
ราษฎร์รัฐกษัตริย์สาน สบศาสน์ เล่าเฮย
เป็นหนึ่งมฤดกชี้ ชาติเรี้องไทยเรือง ฯ
170. ไป่เปลืองใจราษฎร์ล้วน สรวลศานติ์
เย็นลุ่มพระยาบาน เบิกหล้า
ไป่เปลืองเลื่องคำขาน คนเล่า
สืบสยามยศระย้า เยี้ยมพื้นภูมินทร์ ฯ
171. ชมธารสินธุ์เสร็จซร้อง มวลซน สยามเฮย
สิบสี่ตุลภุวดล ผกขว้ำ
ธาราเลื่อนลงหน ทะเลลุ่ม แลฤา
ฝนมืดมัวฟ้าคล้ำ ครอบคุ้งกรุงศรี ฯ
172. หนึ่งหกปีประวัติก้อง เกริกไกร ยศเฮย
ชาติประชาธิปไตย เบิกฟ้า
มวลชนเทิดธงไท ทวงทาษ ไทยเฮย
เข่นเผด็จการกล้า เกียรติ์ก้องเกรียงนามฯ
173. สยามยงยศแท้ ยอวา ทีเฮย
ยุวนิสิตนิสิตา กาจแกล้ว
คือร่องรัฐนาวา โฉมเคลื่อน คลาเฮย
ชูประชาชาติแผ้ว ผ่องด้าวแดนธรรม ฯ
174. นานฉนำยังพร่ำพร้อง เพรงกรรม ก่อนา
วีรยศวีรชนจำ เนื่องน้อม
สองร้อยล่วงปีนำ ชัยโชค
สืบศักดิ์สืบศรีพร้อม หมู่สร้างสังคม ฯ
175. ควรชมควรชื่นช้อย อาราม เล่านา
เรืองเรื่อหลังคางาม ไล่แล้ง
แดนทองผ่องพุทธคาม ขันฑเขต บุญเล่า
ประเทศธรรมธารแห้ง เหือดน้ำฤาเห็น ฯ
176. เย็นสวนโมกข์มิ่งใต้ ไชยา ยศเฮย
สว่างจิตจงปริศนา ท่านแจ้ง
พุทธธรรมทาษพูนบา บุญยิ่ง พูนเฮย
ชูชีพพระศาสน์แล้ง ฉ่ำเลี้ยงรังใจ ฯ
177. ชมไกลยอยอดเยื้อง นภาหน
พระธาตุพนมชน นอบไหว้
บุญญเขตครอบมณฑล สองฝั่ง โขงเฮย
ร่วมศาสน์เรียงญาติได้ ก่อเกื้อรักษา ฯ
178. ยังมหาธาตุก่องล้ำ ลำพูน
อเนกเมืองเหนือปูน เทพสร้าง
ดอยสุเทพเทพทูน สรวงสู่ ดินฤา
งามเพ่งงามพิศสล้าง เลื่อนฟ้าโลมดิน ฯ
179. จอมบดินทร์รังสฤษดิ์สร้าง จอมเวียง แลฤา
อภิเษกจอมกลางเคียง คู่ด้าว
งามลุ่มแม่เมยเมียง เมืองม่าน เล่านา
สาละวินเวียงท้าว พะม่าเมื้อมาชุม ฯ
180. ลงลุ่มกรุงเก่าอ้าง อโยธยา
สรรเพชรพระศรีรา หมื่นไหม้
เจดีย์พิหารศา ลาเปล่า เปลือยเฮย
ยลเยี่ยงกรุงเก่าไว้ สืบซึ้งอนิจจธรรม ฯ
181.เขียวขำยอยอดล้ำ เรืองแดน ใต้นา
มัสยิดเยี่ยมเพียงแมน เทพสร้าง
โกรอานอ่านเสียงแสน เสนาะโสต
เยิรเกียรติ์พระเจ้ากว้าง แกว่นหล้าหลากสวรรค์ ฯ
182. รำพันพิลาสสร้อย โกสินทร์
พิรามรสแรมถวิล เสน่ห์น้าว
สองศตวสากิน ชีพเมื่อ นี้เฮย
ยังพระชนนีท้าว ท่านแท้ควรจาร ฯ
183. หกบทปานเปรียบด้วย ดวงตา
แปดสิบสองพระพรรษา สบซร้อง
หกบทนอบบุญญา พระมิ่ง เมืองเฮย
สืบพระยงยศก้อง เกริกด้าวดินไหว ฯ
184.ศรีใดดิลกรัฐเรื้อง เรืองประชา ราษฏร์เฮย
ศรีนครินทราตรา แผ่นใต้
ศรีใดเพียบพสุธา เสนาะสนั่น พระยศเฮย
ศรีนครินทราไท้ ท่านเลี้ยงโลมสยาม ฯ
185. พระนามหน่อกษัตริย์แก้ว สองกอ
เพียงร่มโพธิธรรมทอ ลูบหล้า
ส่ำสัตว์พลัดคาหอ เทียวท่อง ทางเฮย
ลำบากยากทั่วหน้า สู่ซ้องอาศัย ฯ
186. ศรีใดพระเสด็จด้าว ภูวดล ทั่วเฮย
ศรีนครินทราชน แห่ห้อม
โปรยทานดั่งธารฝน ห่อนเหือด พระเฮย
เพียงบ่อมฤคล้อม ดูดลิ้มชลสนาน ฯ
187. พสกบานเบิกช้อย ชมบุญ ท่านนา
ชื่นพระกรุณาธิคุณ แผ่ผ้าย
ยามยากยากใครจุน โปรยโปรด พระเฮย
สูงสุดสรวงเสด็จคล้าย โทษคล้อยคลายเข็ญ ฯ
188. ทรงเป็นร่มโลกคุ้ม ครองขวัญ ราษฎร์นา
สมเด็จย่าเยือนพลัน สร่างเศร้า
พระห่างห่วงพระวัน คืนครอบ กรุงเฮย
คอยข่าวสมเด็จเจ้า สู่ฟ้าฟูสยาม ฯ
189. ประณามไตรรัตน์เลี้ยง โลกา
แผ่พระธรรมรักษา พระแผ้ว
พูนสวัสดิ์ขัตติยา ยศยิ่ง พระชนม์เฮย
สมเด็จมิ่งเมืองแก้ว สืบหล้าเลือนสวรรค์ ฯ
190. รำพันพิลาสเล้า โลมศรี กรุงเฮย
สู่สุดเสียงเสาวนีย์ เจริดแจ้ว
ชมธารแม่นัทที สมุทรเขต ทั่วเฮย
สวนสยามยิ่งแผ้ว ผ่องพื้นดินราม ฯ
191. ชมสยามงามเงื่อนฟ้า คืนเพ็ญ จันทร์นา
โฉมผ่องล่องบนเห็น เด่นด้าว
ครามคราบนภาเย็น แลลิ่ว ลึกเฮย
รองลุ่มจันทราจ้าว หว่างเวิ้งเวหน ฯ
192. นรชนกำเนิดด้าว แดนสยาม
คือทิฆัมพรคราม โอบอ้อม
ครอบเดือนดุจดาวราม พรายเพริศ ฟ้าเฮย
รายรัศมีทิพย์ล้อม โลกห้าวหฤหรรษ์ ฯ
193. เป็นขวัญตาแต่ผู้ ยลเยือน
ชมชื่นเพียงชมเดือน เยี่ยมหน้า
อาลัยดุจดาวเลือน ลับรุ่ง อรุณเฮย
อยู่ใคร่หยุดชีพช้า เผื่อไว้วันชม ฯ
194. สมดาวพราวเพริศห้อง เวหน
คือเสน่ห์สยามยล ยั่วแย้ม
ปีกทิพย์เทพกวักกล ขานเพรียก มาฤา
คือเสน่ห์สยามแต้ม อกไห้โหยหา ฯ
195. รุ่งคราขันไก่ก้อง หมู่กา เพรียกเฮย
อาทิตย์เทพสุริยา ค่อยคล้อย
คือสยามรุ่งรัตนา ไตรภาค พ้นเฮย
กลก่องแสงเก้าช้อย ช่อเรื้องรังษี ฯ
196. สุรีย์ลีลาศเบื้อง บนบูรณ์
เดชดับดาวเดือนสูญ สร่างฟ้า
ไตรรัตน์จรัสจรูญ เรืองยิ่ง สุรีย์นา
แผ่สุดสากลหล้า รุ่งล้ำพิศวง ฯ
197. พุทธองค์ปลงโลกไว้ หัตถา
วัฏฏจักรกงกรรมคลา หว่างเงื้อม
ญาณทิพย์ทิพย์อาภา พระแผ่ ผายเฮย
ข่ายครอบพระธรรมเอื้อม โอบไล้โลมแสง ฯ
198. ศัพท์แสดงสิสดับด้วย คมปราชญ์ เทอญรา
ญาณหยั่งธรรมพระโลกนารถ ตรัสแจ้ง
สงฆ์วิสุทธิ์สุดองอาจ โปรยโปรด โลกเฮย
ศีลสงัดฤาแล้ง โลกไร้อรหันต์ ฯ
199. เป็นขวัญเมืองมิ่งไว้ กวีวรรณ
เป็นลุ่มธารมโนสวรรค์ สว่างสร้อย
เพชรรัตน์ประภัสร์พรร โณภาส
เชิดมกุฎกษัตริย์ช้อย ฉ่ำเรื้องมกุฎธรรม ฯ
200. เสด็จคำอ๋องอ่องอ้าง อวยอร สยามเฮย
ไกลกิเลสบรรจงถอน ส่ำเสี้ยน
สรรแต่พระคำพร โปรยราษฎร์ เย็นนา
คำหนึ่งฤาได้เพี้ยน ท่านท้าวสั่งความ ฯ
จบเสร็จเถลิงรัฐแก้ว โกสินทร์
ควรมรดกกวีริน โอดชอ้อย
อิทธิเทพยอยิน เย็นราษฎร์ เทอญพ่อ
เสนาะนุ่มคำร้อย ชื่นช้อยความเรียง ฯ
- วันพุธขึ้น 2 ค่ำ เดือน 1 ปีจอ
17 พฤศจิกายน 2525
เม.ย. - พ.ย. 25
- บ้านสบาย
ดุสิต กรุงเทพมหานคร