ในที่สุด หลังจากศาลปกครองกลางใช้เวลากว่า 12 ชั่วโมง พิจารณาคดีที่นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสาน งานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายนิติธร ล้ำเหลือ นายสุวัตร อภัยภักดิ์ พร้อมด้วยนายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา และกลุ่มนักกฎหมายจากสภาทนายความ รวม 9 คน ยื่นฟ้องนายนพดล ปัทมะ รมว.กระทรวงการต่างประเทศ และคณะรัฐมนตรี ว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ในการออกแถลงการณ์ร่วมรัฐบาลไทย-กัมพูชา เพื่อยืนยันและสนับสนุนประเทศกัมพูชา ให้ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดก โลก ปรากฏว่าศาลปกครองกลางมีข้อสรุปแล้ว
ศาล ปค.สั่งคุ้มครองชั่วคราว
โดยเมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 28 มิ.ย. ศาลปกครองกลาง โดยนายประวิตร บุญเทียม ตุลาการหัวหน้าคณะ ศาลปกครองกลางและองค์คณะ ได้มีคำสั่งคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราว ในคดีหมายเลขดำที่ 984/2551 และ มีคำสั่งห้ามมิให้นายนพดล ปัทมะ รมว.กระทรวงการต่างประเทศ และคณะรัฐมนตรี ดำเนินการใดๆที่เป็นการ อ้าง หรือให้ประโยชน์จากมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 17 มิ.ย. 2551 ที่เห็นชอบในร่างแถลงการณ์ร่วมรัฐบาลไทย-กัมพูชา เพื่อยืนยันและสนับสนุนประเทศกัมพูชาให้ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก และการดำเนินการตามมติดังกล่าว จนกว่าคดีจะถึงที่สุดหรือศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
ยกเหตุไม่ชัดเจนเรื่องเขตแดน
ทั้งนี้ ศาลปกครองกลางได้ให้เหตุผลว่า จากการได้ตรวจพิจารณาคำขอเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษา และเอกสารอื่นๆ ในสำนวนคดีแล้ว เห็นว่าคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศที่พยานของนายนพดล ปัทมะ รมว.กระทรวงการต่างประเทศ ส่งต่อศาลนั้น ไม่ได้ระบุเขตแดนระหว่างปราสาทพระวิหารกับเขตแดนไทยอย่างชัดเจน เขตแดนที่เกิดขึ้นนั้นเป็นการกำหนดบริเวณปราสาทพระวิหารโดยประเทศไทยฝ่ายเดียว ตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 10 ก.ค. พ.ศ.2505 ตามคำยืนยันของนายกฤต ไกรจิตติ อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศและนายเชิดชู รักตะบุตร อัครราชทูตไทยประจำกรุงปารีส ปฏิบัติราชการ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ได้ให้ถ้อยคำว่า การปักปัน เขตแดนระหว่างประเทศไทยและประเทศกัมพูชา ที่รวมความยาวพื้นที่ชายแดนประเทศไทยที่ติดต่อประเทศกัมพูชา 798 กิโลเมตร ซึ่งรวมทั้งเขตแดนในบริเวณปราสาทพระวิหารด้วยตามบันทึกความเข้าใจระหว่างประเทศไทยและ ประเทศกัมพูชา พ.ศ.2543 และสนธิสัญญาระหว่างประเทศไทยกับประเทศฝรั่งเศส ค.ศ.1904 โดยคณะกรรมาธิการร่วมชายแดนไทย-กัมพูชายังเจรจาปักปันเขตแดนไม่สำเร็จ จึงเชื่อว่ายังไม่มีการปักปันเขตแดนระหว่างประเทศไทยและประเทศกัมพูชาในบริเวณเขตแดนปราสาทพระวิหาร โดยคณะกรรมาธิการร่วมชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นที่ยอมรับจากทั้งประเทศเกิดขึ้น
เล็งเอาผิดคณะทำแถลงการณ์ร่วมฯ
ด้านนายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความ ซึ่งเป็นผู้ฟ้องคดีที่ 1 เปิดเผยว่า เพิ่งจะได้รับคำสั่งดังกล่าวทางแฟกซ์จากศาลปกครองกลาง เมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. ซึ่งรู้สึกดีใจ และจากนี้ตนกับผู้ฟ้องอื่นจะเดินหน้าร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไต่สวนกรณี ครม. นายนพดล ปัทมะ ในฐานะ รมว.ต่างประเทศ นายกฤต ไกรจิตติ อธิบดีสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการแถลงการณ์ร่วมฯ กระทำผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119 และมาตรา 120 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 10-20 ปีไปจนจำคุกตลอดชีวิต หรือโทษประหารชีวิต
กลุ่มชุนุมเฮรับคำตัดสินศาลปกครอง
ขณะเดียวกัน บนเวทีปราศรัยของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในเวลา 02.30 น. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ขึ้นเวทีประกาศผลคำสั่งศาลปกครองกลางที่ให้คุ้มครองฉุกเฉิน ซึ่งจะทำให้ เขมรไม่สามารถเอาแถลงการณ์ร่วมไปสนับสนุนในการขึ้นทะเบียนมรดกโลกได้อีกต่อไป และนับว่าเป็นชัยชนะของการชุมนุมเรียกร้องของคนไทย ที่ไม่ต้องการให้เสียดินแดนจากการไปรับรองเขมร และอยากจะรอดูว่าบรรดา ส.ส. ที่ยกมือรับรองนายนพดล ในสภาฯ จะทำอย่างไรเมื่อผลออกมาอย่างนี้ ซึ่งการออกมาชี้แจงของนายสุริยะใส ได้สร้างความดีใจกับผู้ชุมนุมเป็นอย่างมาก พากันส่งเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจดังลั่น
จี้ นพดล แสดงสปิริตลาออก
จากนั้นในช่วงเช้า บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ก็ยังคงคึกคักเมื่อมีการเปิดเวทีปราศรัยให้ ผู้สนับสนุนการชุมนุมฯ ได้ขึ้นมาปราศรัยโจมตีรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรื่องการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารให้เป็นมรดกโลกของกัมพูชา กระทั่งเวลา 10.30 น. นายพิภพ ธงไชย หนึ่งในห้าแกนนำพันธมิตรได้ให้สัมภาษณ์ ว่า การที่ศาลปกครองให้ความคุ้มครองในเรื่องเขาพระวิหารสั่งห้ามไม่ให้รัฐบาลดำเนินการใดๆ ทำให้เห็นว่างานของกลุ่มพันธมิตรมีความสำเร็จเป็นขั้นๆไป กลุ่มพันธมิตรไม่ได้ปลุกกระแสชาตินิยมอย่างไร้เหตุผล แต่ต้องมีกระแสชาตินิยมอยู่บ้างในเรื่องการรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติ และเห็นว่ารัฐบาลไทยไม่จำเป็นต้องสนับสนุนให้กัมพูชาเสนอฝ่ายเดียว ซึ่งถือว่ารัฐบาลได้ สร้างวิกฤติทางการเมืองขึ้นมาโดยมีผลประโยชน์อดีตนายกรัฐมนตรีคนก่อน หรือคนรอบข้าง ดังนั้นในความคิดของตน นายนพดลควรจะลาออก แล้วปัญหาก็จะหมดไป และจะเป็นการยกระดับการเมืองของเราทันที
ยอมลดเสียงแต่ไม่เปิดถนน
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีกลุ่มนักเรียนจากโรงเรียนราชวินิต มัธยม เข้าร้องต่อศาลเพราะได้รับความเดือดร้อนจากการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร นายพิภพกล่าวว่า ได้เห็นคำฟ้องต่อศาลแล้ว และเข้าไปเจรจากับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร และนายธรรมิตร ธรรมสโรช รองผู้อำนวยการโรงเรียนราชวินิตฯ แล้ว ทั้งสองเดือดร้อนเรื่องเสียง ทางกลุ่มก็ลดความดังของเสียงลงแล้ว คำฟ้องในเรื่องเสียงคงตกไป ส่วนปัญหาเรื่องการปิดถนนทำให้รถเมล์วิ่งอ้อมไปไกล ตนได้ปรึกษากับนายสมศักดิ์ โกศัยสุข หนึ่งในแกนนำพันธมิตรแล้วว่าให้รถเมล์มาส่งนักเรียนให้ใกล้ที่สุด แต่จะให้เข้ามาใกล้เวทีคงเป็นไปไม่ได้ เพราะถ้าเขยิบเนื้อที่เข้ามากลุ่มพวก นปก. ก็จะเข้ามาใกล้ กลุ่มพันธมิตรมากขึ้น ก็จะทำให้เกิดปัญหาขึ้นมาอีกได้ อีกเรื่องคือพ่อค้าแม่ค้าที่มาขายของตรงบริเวณหน้าโรงเรียน ราชวินิตฯ ทำให้บริเวณดังกล่าวสกปรก ตนก็จะขอให้เขยิบออกไป และหากศาลมีคำสั่งคุ้มครองเด็ก เราก็จะปฏิบัติตามนั้น ส่วนเรื่องที่ รปภ.ของพันธมิตรค้นกระเป๋านักเรียนนั้น ไม่ทราบเรื่องจริงๆ ซึ่งคงจะต้องไปกำชับไม่ให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นอีก
ปชป.โต้ถูก รมต.เขมรพาดพิง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวกรณีปราสาทพระวิหารแล้วนั้น ปรากฏว่าตลอดวัน บรรดานักการเมือง นักวิชาการ ได้ออกมาพูดถึงเรื่องนี้กันอย่างล้นหลาม โดย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร รองเลขาธิการพรรค และ รมว.ต่างประเทศเงา พรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังมีการประชุมแกนนำพรรคเพื่อหารือในเรื่องดังกล่าว โดยชี้แจงกรณี นายฮอ นัมฮง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ประเทศกัมพูชา กล่าวพาดพิงว่าบางพรรคพยายามใช้กรณีกัมพูชายื่นขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก เพื่อประโยชน์ ทางการเมืองของตน และเกรงว่าจะกระทบกระเทือนความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัมพูชาไทย ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่งที่มีบุคคลสำคัญของมิตรประเทศเพื่อนบ้านสำคัญ ได้แสดงทรรศนะเช่นนี้ต่อการเมืองภายในของไทย ซึ่งย่อมเป็นเรื่องของคนไทย พร้อมยืนยันว่าจุดยืนสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ คือ เล็งเห็นคุณค่าทางประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม วัฒนธรรม และศาสนาของปราสาทพระวิหาร และเห็นสมควรเป็นอย่างยิ่งที่จะขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก หากแต่จะต้องดำเนินการไปตามหลักการที่ถูกต้องและในทางที่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง ทั้งในส่วนของซากปราสาท บริเวณปราสาท (Temple area) พื้นที่ที่จะต้องเป็นพื้นที่อนุรักษ์ (Buffer Zone) และพื้นที่ที่จะต้องจัดการร่วมกัน ซึ่งหมายความว่าไทยและกัมพูชาจะต้องยื่นขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกร่วมกัน ทั้งนี้ พรรคยึดมั่นความสัมพันธ์และความร่วมมือของสองประเทศ จะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกัน ความเข้าใจที่ตรงกัน และไม่มีการเอารัดเอาเปรียบระหว่างกัน
โยนบัวแก้วแก้ปัญหาศาลปกครอง
เมื่อเวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวไม่ให้นำมติ ครม.ไปรับรองการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกของทางกัมพูชาว่า ขอให้กระทรวงการต่างประเทศไปพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เบื้องต้นทราบว่ากระทรวงการต่างประเทศจะอุทธรณ์คำสั่งของศาลปกครอง แต่ขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องทบทวนหรือแก้ไขมติ ครม.ใหม่ เมื่อถามว่า ครม.จะรับผิดชอบอย่างไรต่อมติ ครม.ที่ศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว นายชูศักดิ์ตอบว่า ขณะนี้ศาลปกครองยังไม่ได้วินิจฉัยว่า มติ ครม.ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพียงแต่ให้ความคุ้มครองชั่วคราวไว้ก่อน ซึ่งต้องพิจารณาต่อไปว่า สุดท้ายแล้วผลจะเป็นอย่างไร และขณะนี้นายกรัฐมนตรียังไม่มีการเรียกผู้เกี่ยวข้องมาหารือ แต่ ขอให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาก่อน
ยัน ครม.ไม่คิดยกดินแดนให้เขมร
เมื่อถามว่า พรรคร่วมรัฐบาลระบุว่า มติ ครม.ล่าสุด ไม่สอดคล้องกับมติ ครม.เมื่อปี 2505 และไม่มีความชัดเจนเรื่องการใช้ถ้อยคำ นายชูศักดิ์ตอบว่า มติ ครม.ปี 2505 ต่อเนื่องมาถึงมติ ครม.ล่าสุดเป็นเรื่องเกี่ยวกับกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งได้มอบให้กระทรวงการต่างประเทศและเลขาธิการ ครม.ไปพิจารณาเรื่องการเรียบเรียงถ้อยคำให้รอบคอบ ตนในฐานะผู้รับรองมติ ครม.ได้พิจารณา อย่างรอบคอบแล้วยืนยันว่า ครม.ทั้งคณะไม่มีใครคิดยกดินแดนให้กัมพูชา แต่เมื่อเป็นประเด็นการเมืองก็เลยกลายเป็นข้อขัดแย้งกัน คิดหรือว่าพวกตนไม่รักชาติบ้านเมือง อย่าไปตีความว่า มติ ครม.ไม่ดี ทำให้เสียดินแดน เพราะไม่เป็นความจริง หากจะนำเรื่องถ้อยคำในมติ ครม. มาเป็นข้อโต้แย้งถกเถียงกันก็คงเถียงกันได้ทั้งวัน
เชื่อคำสั่งศาลช่วยลดกระแสขัดแย้ง
ขณะที่นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงเรื่องเดียวกันนี้ว่า เมื่อศาลสั่งคุ้มครองก็เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องรับฟังและปฏิบัติตาม ถือเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายต้องกลับมาทบทวนว่ามีอะไรผิดพลาดเพราะอยู่ๆศาลจะมาสั่งคุ้มครองไม่ได้ แต่มีการไต่สวนสอบถามก่อนแล้ว ซึ่งศาลคงได้ตัดสินโดยการใช้ดุลพินิจวินิจฉัย ส่วนกรณีกลุ่มพันธมิตรฯเตรียมฟ้อง ครม.ทั้งคณะ ข้อหาออกมติ ครม.โดยมิชอบนั้น เป็นสิทธิที่ทำได้ แต่ ครม.มีเจตนาสุจริตคิดว่าคำสั่งศาลปกครองที่ออกมานั้น จะช่วยทำให้ลดกระแสได้ เพราะการชะลอการดำเนินการ อาจทำให้สถานการณ์คลี่คลายขึ้น เพียงแต่ยังมีประเด็นความรู้สึกที่มีต่อรัฐบาลเท่านั้นเอง ซึ่งการดำเนินการเป็นหน้าที่ของกระทรวงต่างประเทศที่รู้รายละเอียดดีทั้งหมด คิดว่าน่าจะใช้ช่วงนี้ทำความเข้าใจพลิกวิกฤติเป็นโอกาส ทั้งนี้พรรคชาติไทยและพรรคร่วมรัฐบาลต่างเป็นห่วงกรณีปัญหาเขาพระวิหาร และได้ให้ข้อสังเกตนายกฯไป ซึ่งนายกฯก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ถ้าตรงไหนไม่ถูกต้องก็แก้ไขได้ ทุกอย่างปรับเปลี่ยนได้เพราะไม่อยากให้ส่งผลกระทบในอนาคตถึงกรณีที่ยังพิพาทกันอยู่
ผบ.สส.แนะให้ ปชช.มีส่วนร่วม
ด้าน พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สส. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีปราสาทพระวิหารว่า ทุกฝ่ายต้องทำความเข้าใจทุกอย่างก็จะเบาลง เพราะเชื่อว่าทุกคนหวังดีต่อชาติบ้านเมือง แต่หลายเรื่องไม่ใช่เรื่องง่ายว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดและถูกต้องที่สุด เรื่องบางเรื่องมันยาก ก็ต้องมีการชี้แจงทำความเข้าใจกันอย่างจริงจัง โดยทั่วไปหากทำอะไรที่ให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วม และทำความเข้าใจกับประชาชนได้เป็นสิ่งที่ดี ประชาชนจะได้รู้สึกว่านี่คือประชาธิปไตยที่แท้จริง และเขามีส่วนร่วม ไม่ใช่ได้แต่ให้ลงคะแนนอย่างเดียว ควรให้เขามีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ผลประโยชน์แห่งชาติทั้งหลาย เมื่อเขารู้ ประชาชนหลายคนจะช่วยทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์แห่งชาติของเราด้วย และเรื่องที่ไม่ใช่หน้าที่เราทำไม่ได้ ต้องปล่อยให้ผู้ที่มีหน้าที่ทำไป คนที่ไปทำเรื่องที่ไม่ใช่หน้าที่ถือ ว่าเป็นการก้าวก่าย ส่วนทางออกของปัญหานั้นตอนนี้มีกี่ฝ่ายก็ยากที่จะพูด แต่การทำความเข้าใจกันในสังคมเป็นสิ่งที่ดี โดยเฉพาะเรื่องที่จะทำให้เกิดความไม่เข้าใจ และเป็นเรื่องที่สำคัญก็จำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจ พร้อมกันนี้ ผบ.สส.ยืนยันด้วยว่าการแถลงของกองทัพที่ผ่านมาไม่มีใบสั่งจากใคร
ปฐมพงษ์ เชื่อปิดปากทหารไม่ได้
ขณะที่ พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ประธานคณะที่ปรึกษากองบัญชาการกองทัพไทย กล่าวถึงการทำหนังสือถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ รวมถึงผู้บัญชาการเหล่าทัพ เพื่อคัดค้านการที่รัฐบาลลงนามร่วมแถลงการณ์ให้กัมพูชาเสนอปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกว่า เป็นสิทธิแต่ละคนทำได้ ตามรัฐธรรมนูญ ในความเป็นทหาร ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องเขาพระวิหารอย่างเดียว เมื่อประเทศเรามีปัญหาเขตแดนกับเพื่อนบ้านคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างก่อนที่ปัญหาจะรุนแรงกว่านี้ และจะส่งผลไปยังจุดอื่น เพราะการเสียดินแดนสามารถเกิดขึ้นได้ กรณีที่นายนพดลออกมาอ้างแผนที่ 1 ต่อ 50,000 ว่าเป็นการปักปันเขตแดน ซึ่งท้ายแผน ที่เขียนว่า เป็นเรื่องใช้ทางทหาร ตนทำงานตรงนี้รู้ดีว่ามาอ้างกันไม่ได้ อย่างไรก็ดีเชื่อว่าการที่ ผบ.เหล่าทัพยังเงียบอยู่นั้น ไม่ใช่เรื่องใครปิดปากใคร แต่ให้เกียรติพวกท่าน เพราะเป็นทหารระดับนี้ต้องมีวิจารณญาณ ต้องรอเวลา เพราะเป็นถึง ผบ.หน่วยอาจจะมีข้อมูลแตกต่างจากตน เราต้องยอมรับเรื่องเขาพระวิหารมีความเกี่ยวข้องส่วนกองทัพเรือก็มีทางทะเล กองทัพอากาศด้านทางอากาศ มีส่วนสำคัญทั้งทางบก ทางเรือ ทางอากาศ
ย้ำคิดเองทำเองไม่เกี่ยว ป๋า
เมื่อถามว่า การออกมาแสดงจุดยืนความเห็นเช่นนี้อาจมีหลายฝ่ายมองว่า พล.อ.เปรมอยู่เบื้องหลังหรือมีเสียงกระซิบจากใคร พล.อ.ปฐมพงษ์กล่าวว่า ต้องดูประวัติการทำงานของตนว่าเป็นอย่างไร หลากหลายความคิดเกิดได้ แต่กล่าวหาใครต้องให้ความเป็นธรรม กรณีที่ออกมาแสดงจุดยืนความเห็นนี้ เกิดจาก 2 เรื่องคือหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เรื่องเขาพระวิหาร ใครที่ออกมาเคลื่อนไหวเรื่องนี้ถือว่าคิดตรงกันที่ไม่ต้องการให้เกิดความเสียหายมากกว่านี้ และยืนยันถึงจะสนิทกับพล.ร.อ.บรรณวิทย์ และมีหลายเหตุการณ์ให้เกี่ยวข้องกัน อย่าง 19 กันยา และพูดคุยมาตลอด แต่ตนไม่ได้เกี่ยวข้องรุ่น 7 ทั้งรุ่น
แนะต้องทำประชาพิจารณ์
เมื่อถามว่า อยากเสนอการดำเนินการเรื่องเขาพระวิหารต่อนายนพดลอย่างไร พล.อ.ปฐมพงษ์กล่าวว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องไปทำประชาพิจารณ์ เพราะเรื่องใหญ่ ขนาดนี้ไม่เป็นเรื่องของคนกลุ่มหนึ่ง แต่คนทั้งชาติต้องรับรู้ การที่ตนทำหนังสือถึงทุกฝ่าย ทั้งปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้สับสน ซึ่งรัฐธรรมนูญมาตรา 70 ระบุถึงความมีเสรีภาพและมาตรา 17 ให้หน้าที่ทหารอยู่ ซึ่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการเหล่าทัพต่างปฏิญาณต่อหน้าธงชัยเฉลิมพล และยังเป็นผู้กล่าวนำในรายละเอียดว่า ทหารควรทำอย่างไร ควรปล่อยให้ผู้ใต้บังคับบัญชาแสดงออกอย่างเสรี ยืนยันและแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วและได้กราบเรียน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ซึ่งตนเคยอ่านเอกสารของมูลนิธิรัฐบุรุษที่ พล.อ.เปรม แจ้งจำนง คือการตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ซึ่งมีใจความหนึ่งว่าเราเป็นทหารของชาติ ทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เท่านี้ก็แสดงให้เห็นว่ามีความเกี่ยวข้องกับตน ส่วนการทำหนังสือถึง พล.อ.เปรมนั้น พล.ร.ท.พะจุณณ์ ตามประทีป หัวหน้าสำนักงานประธานองคมนตรี ให้โน้ตมาว่า พล.อ.เปรม รับทราบแล้วและขอขอบคุณ พร้อมทั้งโน้ตมาว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณแผ่นดินอย่างหนึ่ง ตนเข้าใจแล้วว่าตนทำในสิ่งที่ถูกต้อง การที่มีการพาดพิงพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว พาดพิงดินแดน เราเป็นทหารของชาติต้องทำทันที แล้วใครก็ตามที่สั่งห้ามทำ เพราะจะผิดวินัย คนที่สั่งห้ามคือคนผิดร้ายแรงตามที่รัฐธรรมนูญระบุไว้คือผิดร้ายแรงต่อการถวายสัตย์ปฏิญาณ
นพดล เรียกกุนซือหารือด่วน
ด้านความเคลื่อนไหวของนายนพดล ปัทมะ รมว. ต่างประเทศ ภายหลังจากที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวไม่ให้บังคับใช้มติ ครม.ที่เห็นชอบในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ประกอบการขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารของกัมพูชา ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงการต่างประเทศว่า เมื่อเวลา 14.00 น. นายนพดลได้เรียกข้าราชการที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง อาทิ นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ นายกฤต ไกรจิตติ อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย นายอนุสนธ์ ชินวรรโณ อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก และนายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ มาหารือประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า โดยมีบรรดาสื่อมวลชนไปรอทำข่าว เนื่องจากได้รับแจ้งว่าจะมีการแถลงข่าวในเวลา 15.00 น. แต่เมื่อถึงเวลากลับไม่มีการแถลงข่าวใดๆ และหลังการประชุม นายวีระศักดิ์ได้เดินลงจากอาคารกระทรวงการต่างประเทศ นำพวงมาลัยมะลิไปไหว้พระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการฯ พระบิดาแห่งการทูตไทย หน้าอาคารกระทรวงการต่างประเทศ จากนั้นก็ให้สัมภาษณ์ว่า หากมีเวลาตนก็นำพวงมาลัยมาไหว้พระรูปตามปกติ
ยันสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาเหมือนเดิม
ผู้สื่อข่าวถามถึงคำสั่งศาลปกครองคุ้มครองไม่ให้ บังคับใช้แถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา นายวีระศักดิ์ตอบว่า พูดอะไรไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งหมดเพราะไม่อย่างนั้นพวกเราจะติดคุก ศาลสั่งไม่ให้มีการพูดเรื่องนี้เลย เมื่อ ถามว่ากัมพูชามองว่าประเด็นนี้ถูกแปรเป็นเรื่องการเมือง รัฐบาลไทยจะสามารถชี้แจงได้หรือไม่ นายวีระศักดิ์ตอบว่า นายฮอ นัมฮง รมว.ต่างประเทศกัมพูชา ให้สัมภาษณ์แล้วว่า ความสัมพันธ์ 2 ประเทศยังเป็นปกติ และทางกัมพูชาติดตามสถานการณ์อยู่
บัวแก้วน้อมรับทำตามคำสั่งศาล
ด้านนายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศกล่าวว่า ต่อไปนี้เราจะหยุดการให้สัมภาษณ์ในเรื่องปราสาทพระวิหาร กระทรวงการต่างประเทศจะปฏิบัติตามคำสั่งของศาลปกครองกลาง ส่วนการยื่นอุทธรณ์นั้น ผู้ถูกฟ้องเป็นรมว.ต่างประเทศ และ ครม. ดังนั้น รมว.ต่างประเทศจะไปหารือกับ ครม.ว่าจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่อย่างไร และเมื่อไหร่ คงต้องรอคำตอบจากทาง ครม.และการจะเปลี่ยนแปลงคณะที่นำโดย รมว.ต่างประเทศไปเข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมการมรดกโลกในวันที่ 2 ก.ค.ที่กรุงเบก ประเทศแคนาดาหรือไม่นั้นก็ยังไม่ทราบ
งดเผยแพร่ข้อมูลเขาพระวิหาร
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในที่ประชุมความรู้สึกและสีหน้าของ รมว.ต่างประเทศมีความวิตกกังวลหรือไม่ นายธฤต ตอบว่า ตนจับความรู้สึกของ รมว.ต่างประเทศไม่ได้ แต่ก็ ปกติ เมื่อถามว่ากระทรวงจะมีการส่งหนังสือชี้แจงไปยังยูเนสโกหรือกัมพูชาหรือไม่ นายธฤตตอบว่า ยังไม่มีการหารือ เพราะศาลปกครองมีคำสั่งว่าให้หยุดการดำเนินการใดๆ เราจะดำเนินการตามที่ศาลปกครองมีคำสั่ง กระทรวงการต่างประเทศจะยกเลิกการเผยแพร่เกี่ยวกับเรื่องปราสาทพระวิหารทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสมุดปกขาวและการสัมมนาที่จะจัดขึ้นในวันจันทร์ที่ 30 มิ.ย. ก็ต้องยกเลิก
ปชป.ยื่นศาล รธน.วินิจฉัยเขาพระวิหาร
ขณะเดียวกัน เมื่อเวลา 16.00 น. ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อม ส.ส. ของพรรค เข้ายื่นเรื่องต่อนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ประกอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 154 วรรคแรก เพื่อขอให้วินิจฉัยเอกสารแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ต่อการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกว่าจะมีลักษณะเป็นสัญญาหรือไม่ โดยนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้รับหนังสือแทน และกล่าวว่า จะตรวจสอบรายชื่อว่าครบจำนวน 1 ใน 10 ตามมาตรา 154 หรือไม่ และจะส่งให้ประธานสภาฯ ดำเนินการต่อไป โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อยากให้ประธานสภาฯ ดำเนินการอย่างเร่งด่วน ก่อนจะมีการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ในวันที่ 2 ก.ค.นี้ หากศาลมีคำวินิจฉัยสิ้นสุดก่อนวันที่ 2 ก.ค. ก็จะเป็นประโยชน์ต่อการยับยั้งไม่ให้ ประเทศเกิดความเสียหาย เพราะนายนพดล ปัทมะ รมว. ต่างประเทศ ยืนยันว่าในแถลงการณ์ดังกล่าวไม่เข้าข่ายหนังสือสัญญา ซึ่งตรงข้ามกับความเห็นของพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนี้ได้แนบแถลงการณ์ร่วม แผนที่แนบท้าย และคำสั่งของศาลปกครองที่สั่งคุ้มครองชั่วคราวประกอบการพิจารณาด้วย
กลุ่มธรรมยาตรายกบ้านชิดปราสาท
ส่วนความเคลื่อนไหวของคณะธรรมยาตราที่ปักหลักประท้วงอยู่ที่บริเวณผามออีแดง เชิงปราสาทพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ มาตั้งแต่วันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น ต่อมาในเวลา 10.30 น. วันที่ 28 มิ.ย. ได้มีกลุ่มประชาชนกลุ่มต่างๆ ได้แก่ กลุ่มสมัชชาเกษตรกรรายย่อยจังหวัดศรีสะเกษ กลุ่มศิลปินชายขอบกลุ่มรักบ้านเกิด พันธมิตรอุบลราชธานี เขตอีสานใต้ กลุ่มทหารกองหนุน อ.ขุนหาญ และเครือข่ายสตรีภาคอีสาน รวมประมาณ 200 คน เดินทางมาประชุมใหญ่การจัดตั้งสหธรรมิกประชาธิปไตย และออกแถลงการณ์ร่วมกันว่าจะเรียกร้องต่อต้านการขึ้นทะเบียนมรดกโลกปราสาทพระวิหารของกัมพูชา จากนั้นตัวแทนแต่ละกลุ่มผลัดกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นบนเวที ซึ่งต่างพูดตรงกันที่ต้องการให้รัฐบาลผลักดันชาวกัมพูชาที่รุกล้ำเข้ามาอยู่อาศัยในเขตแดนไทยออกไปโดยเร็ว และหลังจากการจัดกิจกรรมภาคเวทีสิ้นสุดลง นายสมาน ศรีงาม ได้นำผู้ร่วมประชุมหามบ้านทรงไทย เพื่อที่จะนำไปตั้งในเขตพื้นที่ของแผ่นดินไทยที่หน้าประตูปราสาทพระวิหารเป็นที่ตั้งในการตั้งหลักประท้วง แต่ได้รับการสกัดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารไม่อนุญาตให้เข้าไป เพราะเกรงจะเกิดการปะทะกัน หรือเกิดอันตรายแก่ผู้ร่วมประท้วง คณะจึงได้นำศาลาทรงไทยตั้งไว้ในที่เดินไปถึง แล้วนั่งลงร่วมกันสวดมนต์และประกาศว่าจะรุกคืบไปเรื่อยจนกว่าจะได้แผ่นดินคืนในที่สุด ท่ามกลางสายตาการเฝ้ามองของชาวกัมพูชาที่อยู่บนปราสาทพระวิหาร
พธม.โคราชทวงสัญญา มทภ.2
ขณะที่อีกทางหนึ่ง เมื่อเวลา 15.30 น. ทันตแพทย์ ศุภผล เอี่ยมเมธาวี ผู้ประสานงานกลุ่มภาคีมวลชนคนโคราชรักษ์ประชาธิปไตย พร้อมด้วยกลุ่มผู้ชุมนุมกว่า 50 คน เดินเท้าจากบริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีไปยังประตูค่ายสุรนารี หน้ากองรักษาการณ์กองทัพภาคที่ 2 เพื่อทวงถามสัญญาจากพลโทสุจิตร สิทธิประภา แม่ทัพภาคที่ 2 ให้ชี้แจงและตอบข้อเท็จจริงกรณีการลงนามรับรองแผนที่ลงนามรับรองแผนที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ของนายนพดล ปัทมะ รมว.การต่างประเทศ หลังจากที่กลุ่มผู้ชุมนุมยื่นหนังสือ ต่อแม่ทัพภาคที่ 2 ไปตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา แต่ครบสัปดาห์ แล้วแม่ทัพภาคที่ 2 ยังไม่ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง และให้ คำตอบที่ชัดเจนแก่ประชาชน รวมทั้งกลุ่มผู้ชุมนุมแต่ อย่างใด และหากแม่ทัพภาคที่ 2 ยังไม่สามารถให้คำตอบกับกลุ่มผู้ชุมนุมได้ กลุ่มผู้ชุมนุมก็จะยื่นข้อเสนอผ่านทางกองทัพภาคที่ 2 ไปถึงรัฐบาล 3 ข้อ คือ 1. ให้รัฐบาลระงับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกเขาพระวิหารไว้ก่อน หรือ 2. ให้รัฐบาลชะลอการจดทะเบียน และ 3. รัฐบาลห้ามมีวาระซ้อนเร้นในการเจรจากับทางประเทศกัมพูชา พร้อมกันนี้ ทางกลุ่มผู้ชุมนุมยังได้มอบธงชาติไทยและดาบย่าโมออกศึกให้กับแม่ทัพภาคที่ 2 ผ่านพันเอกชินกาจรัตนจิตติ ผอ.กองกิจการพลเรือนกองทัพภาคที่ 2 ผู้แทนเพื่อนำไปใช้ต่อสู้ในการรักษาดินแดนต่อไป
คนรักทักษิณล้อมบ้าน พธม.อุดร
ส่วนที่ จ.อุดรธานี ในช่วงเย็น นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดรหรือคนรักทักษิณ และที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นำสมาชิกกว่า 300 คน มารวมตัวริมถนนอุดรดุษฎี ตรงข้ามร้านทองศรีอุดร ตลาดบ้านห้วย เทศบาลนครอุดรธานี ซึ่งเป็นร้านของนายเจริญ หมู่ขจรพันธ์ แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ จ.อุดรธานี พร้อมใช้เครื่องเสียงจากรถปิกอัพขับไล่นายเจริญให้ออกจากจังหวัด ด้วยภาษาและถ้อยคำหยาบคาย และแกนนำชมรมคนรักอุดรยังผลัดเปลี่ยนใช้เครื่องขยายเสียงกล่าวโจมตีขับไล่นายเจริญ ท่ามกลางเสียงเชียร์ของสมาชิก ขณะที่สมาชิกกลุ่มพันธมิตรฯที่ทราบข่าวก็ได้ทยอยเดินทางมาให้กำลังใจนายเจริญ จนจำนวนของทั้งสองฝ่ายใกล้เคียงกัน กระทั่งเวลา 19.00 น. พ.ต.อ.ภัทราวุธ เอื้อมศศิธร รอง ผบก.ภ.จ.อุดรธานี สั่งให้นำแผ่นกันจราจรมาไว้กลางถนน หลังจากชมรมคนรักอุดรนำเต็นท์ผ้าใบ 3 หลังมาตั้งเอาไว้ในฝั่งของตัวเอง เพื่อให้สมาชิกได้มาปักหลักร่วมกัน ท่ามกลางฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ขณะที่ทางกลุ่มพันธมิตรอุดรฯ เองก็ยังคงมีคนเดินทางมาสมทบไม่ขาดสาย
เรียกร้อง ขรก.ตปท.กลับใจ
สำหรับบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ในช่วงค่ำนายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความ พร้อมด้วยนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตรฯ และนายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ได้ร่วมแถลงข่าวกรณีที่ศาลปกครองมีคำสั่งระงับมติ ครม.ในแถลงการณ์ร่วมรัฐบาลไทย-กัมพูชา ว่า ทางกลุ่มพันธมิตรฯจะรอให้ กระทรวงการต่างประเทศร้องต่อศาลปกครองสูงสุด หากศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืน ทางกลุ่มพันธมิตรฯ จะดำเนินการตามกฎหมายอาญาต่อกับนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ และ ครม.รวมถึงเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศอีก 2 คน ที่ดำเนินการในเรื่องนี้ ตามมาตรา 120 ที่ระบุว่า ผู้ใดที่ทำให้ประเทศหรือรัฐเสียอาณาเขต หรืออธิปไตยจะต้องได้รับโทษประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต ขณะที่นายคำนูณก็กล่าวว่า ทางกลุ่ม ส.ว.จะมีการเดินหน้าต่อ ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่าการดำเนินการของ ครม.มีการกระทำขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 หรือไม่ ในวันที่ 30 มิ.ย. และในท้ายคำร้องจะมีการร้องขอให้ศาลพิจารณาเรื่องดังกล่าวอย่างรวดเร็ว เพราะสถานการณ์ขณะนี้จนถึงวันที่ 2 ก.ค.มีความสำคัญยิ่ง พร้อมกับขอเรียกร้องให้ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศให้กลับตัวกลับใจ แสดงความกล้าหาญที่จะไม่รับใช้ฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ที่แสดงตัวโอบอุ้ม รมว.ต่างประเทศอย่างชัดเจน ขอให้รีบกลับตัวกลับใจ
แฉนักการเมืองหนุนครู นร.ฟ้อง พธม.
ด้านนายสุริยะใสกล่าวถึงกรณีที่ผู้อำนวยการโรงเรียน ครู สมาคมผู้ปกครอง และนักเรียนบางส่วน ได้ยื่นฟ้องกลุ่มพันธมิตรฯต่อศาลแพ่ง กรณีได้รับความเดือดร้อนจากกลุ่มพันธมิตรฯว่า ได้รับการแจ้งมาจากเจ้าหน้าที่โรงเรียนราชวินิตว่ามีผู้ใกล้ชิด รมว.คมนาคมเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการดำเนินการ ส่วน รมว.จะมีส่วนรู้เห็นหรือไม่ ตนไม่ทราบ อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่าการดำเนินการครั้งนี้ เหมือนมีการวางแผนไว้เรียบร้อยแล้ว ทั้งที่ในการเจรจาก่อนหน้านี้ได้มีการพูดคุยตกลงเป็นที่เข้าใจทั้งสองฝ่ายแล้ว แต่อยู่ๆทางโรงเรียนก็ไปยื่นเรื่องร้องต่อศาล และยังทราบมาว่าในวันที่กลุ่มนี้เดินทางไปร้องต่อศาลแพ่ง มีคนเห็นเลขานุการ รมว.คมนาคม นั่งรถเบนซ์ไปให้กำลังใจครูและนักเรียนถึงศาล ซึ่งท่านจะรู้เห็นหรือไม่ตนไม่ทราบ
|