คอลัมน์นานาทัศนะ กรณีธรรมกาย 2
และแล้วในที่สุด กรณีวัดพระธรรมกายก็ตามคาดหวัง
โดยวิบูลรัตน์ กัลป์ยาณวัตร
กรณีอื้อฉาววัดพระธรรมกายจังหวัดปทุมธานี ซึ่งยืดเยื้อมานานหลายเดือนนั้น ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปออกมาอย่างง่าย ๆ คือ เจ้าคณะผู้ปกครองเสนอวิธีการให้มหาเถรสมาคมตัดสินในลักษณะเพื่อลดกระแสของสังคมเท่านั้น
มีการมองกันว่า ที่มหาเถรสมาคมตัดสินออกมานั้นเป็น คำแนะนำ มากกว่า จึงไม่อาจจะหวังผลอะไรได้มากนัก
ที่มีนักวิชาการพูดไว้แต่ต้นว่ามวยล้ม จึงเป็นการวิเคราะห์เหตุการณ์ที่น่าเชื่อถือ
ผลการตัดสินของมหาเถรสมาคมจึงเป็นไปตามที่คาดหวัง แต่พุทธศาสนิกชนทั่วไปผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อพุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่ผิดหวัง กระแสแห่งการวิพากษ์วิจารณ์ก็จะต้องมีต่อไป และอาจจะมีการต่อต้านแนวใหม่รุนแรงมากขึ้น น่าเป็นห่วงเอามาก ๆ
การจัดการเกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากลของวัดพระธรรมกายนั้น หลายฝ่ายรวมทั้งมหาเถรสมาคมด้วย มักจะอ้างว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะเกี่ยวกับสถาบันพระพุทธศาสนาและสถาบันสงฆ์ จึงต้องระมัดระวังรอบคอบ จนมองไปว่าไม่สามารถจัดการอะไรได้แต่ความจริงนั้นเห็นได้ชัดว่า มหาเถรสมาคมต่างหากมีความอ่อนแอ ดังที่เห็นได้ในหลาย ๆ เรื่อง
กรณีสำนักปู่สวรรค์ก็ดี สำนักสันติอโศกก็ดี หรือกรณีพระยันตระก็ดี ไม่เห็นมีอะไรกระจ่างชัดเลย เพียงทำอะไรบางอย่างเพื่อลดกระแสสังคมเท่านั้น
กรณีวัดพระธรรมกายก็ทำนองเดียวกัน และดูเหมือนว่าจะมีอะไรลึก ๆ อยู่ ที่มหาเถรสมาคมไม่ยอมพูดถึง จึงมีคนเขาพูดว่า วัดพระธรรมกายเป็นแหล่งผลประโยชน์ของพระเถระบางรูป เป็นเรื่องที่น่าคิดเหมือนกัน
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหลายสิบปี วัดพระธรรมกายได้นิมนต์(ดึง)เอาพระผู้ใหญ่หลายรูปเข้าไปร่วมและสนับสนุนกิจกรรมต่อเนื่อง จนมองไปว่าท่านเห็นดีเห็นงามด้วยมาแต่ต้น
ผู้หลักผู้ใหญ่ระดับผู้นำหรือผู้บริหารประเทศชาติ ก็เข้าไปสนับสนุนร่วมกิจกรรมเสมอ ๆ ทอดกฐินทอดผ้าป่าแต่ละครั้งได้เงินเป็นสิบ ๆ ล้าน
เจ้าอาวาสและรองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายก็ได้รับการสนับสนุนทางสมณศักดิ์อย่างรวดเร็ว ทั้ง ๆ ที่ไม่มีตำแหน่งทางการปกครองคณะสงฆ์และรับผิดชอบชั้นสูงอะไร ก็เหมือนกับหลวงตาจันทร์ คเวสโก แห่งวัดป่าชัยรังสี นั้นแหละ ที่ได้รับการเลื่อนสมณศักดิ์อย่างพรวดพราด ใคร ๆ ก็วิพากษ์วิจารณ์ว่าเพราะผลประโยชน์มหาศาล เป็นเรื่องน่าเศร้าใจมาก
นี่ดีนะ
ที่หลวงตาจันทร์ เดือดเนื้อร้อนใจสึกออกไปเอง ถ้ายังไม่สึก ไม่แน่ดอกนาย ..ป่านนี้อาจจะได้เลื่อนเป็นชั้นธรรมแล้วก็ได้
ถามว่า พระภิกษุอื้อฉาวเหล่านี้ ใครสนับสนุนส่งเสริม มหาเถรสมาคมคงปฏิเสธไม่ได้แน่นอน เพราะต้องผ่านมหาเถรสมาคมอยู่แล้ว และอาจจะมีอิทธิพลอะไรอยู่เบื้องหลังอีกก็ได้
จากการให้สัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรี และของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาก็ดี ดูเหมือนว่ามหาเถรสมาคม ยอมรับว่าขาดบุคคลากรและขาดเครื่องไม้เครื่องมือในการสืบสวนสอบสวนแสวงหาข้อมูล และหลักฐานต่าง ๆ จึงต้องขอพึ่งทางรัฐบาล
ถ้าจะพูดกันตรง ๆ ก็คือ มหาเถรสมาคมไม่มีเจ้าหน้าที่และเครื่องมือทำงานในด้านต่าง ๆ ที่มีความฉับไวและมีประสิทธิภาพ
แต่น่าแปลกประหลาดอยู่มาก ท่านไม่เคยคิดที่จะแก้ไขหรือปรับปรุงองค์กรมหาเถรสมาคมนี้เลยทั้ง ๆ ที่เป็นอยู่อย่างนี้มานานแล้ว ไม่ยอมเปลี่ยนโครงสร้างมหาเถรสมาคมสักที
ใคร ๆ ก็พูดกันว่า การจัดระเบียบการบริหารหรือการปกครองสงฆ์ปัจจุบันนี้เป็น ระบบรวมอำนาจ ถ้าพูดแบบทางโลกก็คือ เผด็จการ นั้นเอง ซึ่งประเทศทั่วโลกเขาเลิกใช้กันมานานแล้ว
เมื่อไม่มีการกระจายอำนาจ คนอื่นก็ไม่มีสิทธิ์แสดงความคิดเห็น ไม่อยากเสนอแนะ เพราะแสดงความคิดเห็นหรือเสนอแนะอะไรไปก็ไม่ยอมรับฟัง เหตุว่าระบบปิดประตูเอาไว้ จึงอยู่เฉย ๆ ดีกว่า
กรณีวัดพระธรรมกายนี้ ถ้าสื่อมวลชนไม่เจาะลึกนำมาประโคมข่าว รับรองว่ามหาเถรสมาคมไม่ตื่นตัวและรับรู้อย่างแน่นอน
ตั้งแต่เกิดเรื่องอื้อฉาววัดพระธรรมกายเห็นได้ชัดว่า เจ้าคณะผู้ปกกครองสงฆ์ระดับล่าง คือ เจ้าคณะตำบล อำเภอ และ จังหวัด เกือบจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลย ทั้ง ๆ ที่อยู่ใกล้ชิด ย่อมรู้อะไรดีมาแต่ต้น ดังคำให้สัมภาษณ์ของผู้รักษาการณ์แทนเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี
มหาเถรสมาคมทราบหรือไม่ว่า มีวัดหรือพระสงฆ์สักกี่วัดที่ศรัทธาต่อวัดพระธรรมกาย ส่วนมากเอือมระอากันทั้งนั้นเพราะขาดข้อมูลข่าวสารหรือข้อเท็จจริง จึงมีพระผู้ใหญ่หลายรูปตกเข้าไปเป็นแนวร่วมวัดพระธรรมกายชนิดถอนตัวยาก ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม ดังที่เห็นกันอยู่แล้ว
ที่มหาเถรสมาคมตัดสิน(ความจริงแนะนำหรือตักเตือนมากกว่า)ให้วัดพระธรรมกายเปลี่ยนหลักการสอน เช่น นิพพานเป็นอนัตตา เอาวิชาอภิธรรมมาสอนแทนวิชาธรรมกาย ไม่ให้อวดอ้างอิทธิปาฏิหาริย์และอะไรอีก 3-4 อย่างนั้น เชื่อได้มากน้อยแค่ไหนว่าจะประสบความสำเร็จ ไม่มีทางดอก
ปัญหาที่แท้จริงนั้นมันอยู่ที่ตัวเจ้าอาวาสและรองเจ้าอาวาสต่างหาก เมื่อตัวเจ้าสำนักยังเป็นคนเดิม ๆ การอบรมสั่งสอนมันก็ต้องเหมือนเดิม เพราะคนเรานี้ เมื่อมีความเชื่อถือจมดิ่งลงในสิ่งใดแล้ว มันยากที่จะถอนตัวออกได้
ใครละ
ที่จะขยันไปนั่งเฝ้าคอยตรวจสอบว่าเขาสอนกันอย่างไร หนังสือหนังหาเขาพิมพ์เผยแผ่กันมากมาย และสานุศิษย์ของเขาเชื่อถือกันมาอย่างนั้น ใครจะไปบังคับเขาได้
ขอชี้ชัดลงไปได้เลยว่า วัดพระธรรมกายจะมีการอบรมสั่งสอนและจัดกิจกรรมเหมือนเดิม เพียงแต่มาตรการที่มหาเถรสมาคมออกมานั้นจะลดกระแสสังคมได้บ้างเท่านั้น
มีสิทธิ์ทำนายล่วงหน้าได้ไหมว่า เมื่อเรื่องมันค่อย ๆ เงียบหายไปแล้ว พระผู้บริหารวัดพระธรรมกาย อาจจะได้เลื่อนสมณศักดิ์อย่างพรวดพราดก็ได้ ดูเหมือนเคยมีตัวอย่างมาแล้วหลายราย
ข้อที่ว่าวัดพระธรรมกายสอนผิดเพี้ยนไปจากหลักคำสอนของพระพุทธศาสนานั้น มหาเถรสมาคมเพิ่งรู้ดอกหรือ ?
วัดพระธรรมกายสอนเรื่องดวงแก้วดวงธรรมมานานหลายสิบปี เน้นวิชาธรรมกายอย่างเปิดเผย พิมพ์หนังสือเผยแผ่เป็นเล่มเกวียน เขาไม่ได้ปกปิดอะไรเลย
มหาเถรสมาคมซึ่งเป็นองค์กรที่รับผิดชอบต่อพระพุทธศาสนา ปล่อยให้มีการสอนผิดเพี้ยนไปจากหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาได้อย่างไร ไม่มีวิธีการควบคุมการเรียนการสอนหรือการเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้ถูกต้องบ้างหรือ ทำให้การเรียนการสอนและการเผยแผ่เป็นไปอย่างเดียวกันไม่ได้หรือ
มหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้งสองแห่งก็ตั้งกันมานานแล้ว เห็นอวดกันนักว่าศึกษาวิชาพระพุทธศาสนาชั้นสูง เปิดสอนถึงปริญญาโท ปริญญาเอก แล้วปล่อยให้มีการสอนผิดเพี้ยนอยู่ได้อย่างไร
ได้ข่าวที่เป็นที่เชื่อถือได้ว่า อีกไม่นานก็จะมีมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาแห่งโลกเปิดขึ้น และตั้งอยู่ที่ประเทศไทยนี้เอง มีความหวังได้มากน้อยเพียงใดว่า จะทำให้คนไทยเข้าใจหลักคำสอนในพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง
ถ้าประเทศไทยหรือคนไทยยังมีการเรียนและการสอนผิดเพี้ยนอยู่อย่างนี้ ก็ไม่ทราบว่าจะตั้งมหาวิทยาลัยเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาขึ้นมาทำไม
มหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้งสองแห่งที่มีอยู่แล้วก็ควรจะได้ทบทวนบทบาทของตนเองเสียด้วย หรือจะเรียนกันเพื่อได้รับปริญญาบัตรเท่านั้นก็ตามใจ .ฯ