บทบก. พ.ร.บ.ส่งเสริมประสานงานและการจัดกิจการพระพุทธศาสนา พ.ศ.....
ส่งท้ายปี พ.ศ.2541 นี้ ยังมีข่าวสำคัญอีกชิ้นหนึ่งที่เพื่อนสหพรหมจารีทั้งสิ้นทั้งปวงพึงเอาใจใส่สนใจ นั่นก็คือ วงการสงฆ์เรากำลังจะมีกฎหมายใหม่ออกมาใช้บังคับอีกหนึ่งฉบับ คือ พ.ร.บ.ส่งเสริมประสานงานและการจัดกิจการพระพุทธศาสนา พ.ศ
ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีชวน หลีกภัย ได้ริเริ่มขึ้นตั้งแต่กลางปี พ.ศ. 2541 โดยปรารภความห่วงใยในพระพุทธศาสนาและได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการยกร่างขึ้น โดยเจตนารมณ์ก็เพื่อบำราบปราบปรามความประพฤติที่ไม่บังควรของพระสงฆ์ หากพระสงฆ์ประพฤติผิดพระธรรมวินัยร้ายแรงก็ให้สามารถเอาผิดทางกฎหมายได้ด้วย ขณะนี้ พ.ร.บ.นี้ได้ผ่านการยกร่าง และคณะกรรมการตรวจสอบแก้ไขดำเนินการแก้ไขมาตราต่าง ๆ เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว มีการกำหนดให้จัดตั้งองค์กรสำคัญขึ้นมา 2 ระดับ ตามมาตรา 6 ให้ตั้ง สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริม ประสานงานและการจัดกิจการพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี ใช้ชื่อย่อว่า กสป.พช. ให้นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน คณะกรรมการประกอบด้วยปลัดกระทรวงต่าง ๆ สภาความมั่นคง มีอำนาจหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่คณะรัฐมนตรีในการกำหนดนโยบายแนวทางพัฒนาและคุ้มครองพุทธศาสนา ป้องกันและขจัดผู้เป็นอลัชชี ผู้ไม่ปฏิบัติกิจพระภิกษุสามเณร และไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคณะสงฆ์ รวมไปถึงการออกข้อบังคับการเรี่ยไรทรัพย์สินในพุทธศาสนา และ มาตรา 18 ให้มีการตั้งคณะกรรมการย่อยลงในแต่ละจังหวัด เพื่อกระจายอำนาจ เรียกว่า คณะกรรมการส่งเสริมประสานงานและการจัดกิจการพระพุทธศาสนาส่วนจังหวัด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน
ยังมีบทที่เอื้อแด่การบริหารงานขององค์กรสงฆ์ระดับสูงสุด โดยมาตรา 74 ระบุว่า กรณีใดที่จะทำให้พระพุทธศาสนาเสียหาย ถ้ามหาเถรสมาคมหรือผู้บริหารคณะสงฆ์ ไม่สามารถดำเนินการได้ ให้ กสป.พช.มีอำนาจวินิจฉัยสั่งระงับเหตุนั้นได้ และในหมวด 8 มีการกำหนดเพิ่มบทลงโทษผู้ที่กระทำความผิด ทำให้พระพุทธศาสนาเกิดความเสียหาย ให้มีความรุนแรงและเฉียบขาดมากยิ่งขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน(โปรดดู 1ปีบนเก้าอี้กระทรวงศึกษาฯ
,ข่าวสด : วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ.2541 หน้า 28.)
สิ่งที่น่าสังเกตก็คือเป็นการร่างของฝ่ายฆราวาส มีเจตนาดี แต่น่าระวังว่าฆราวาสจะเอาธรรมะที่เรียกว่า นิวรณธรรม (ธรรมแห่งความกังวล) หรือธรรมแห่งความยึดมั่นถือมั่น ที่ผูกพันแน่นแฟ้นจนเกินสลัดให้ว่างได้ แม้ครั้ง ๆ คราว ๆ มาใส่สรวมให้พระสงฆ์องค์เจ้าหรือไม่ เพราะนี่คือประเด็นของมรรคผลนิพพานที่ต้องระมัดระวัง อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายขั้นตอน ก่อนที่กฎหมายจะออกใช้บังคับได้ โดยยังจะต้องผ่านมหาเถรสมาคม แล้วจึงผ่านสภาผู้แทนราษฎร กระนั้นเพื่อนสหธรรมิกเราก็ควรจะได้สนใจศึกษาดูตั้งแต่บัดนี้ เพื่อช่วยกันวิเคราะห์ในด้านธรรมวินัยและเสนอเพื่อแก้ไขให้ดีที่สุดต่อไป
ขอสวัสดีปีเก่า และหวังว่าจะได้พบอะไรดี ๆ กว่าเก่าในปีใหม่ ตามที่หลวงพ่อพุทธทาส ให้พรไว้แล้วหน้าต้น ๆ นั่นแหละครับ
พบกันปีใหม่ 2542 ครับ.