รายงานข้อมูลการศึกษา 15 หัวข้อ
เรื่องการโฆษณาชวนเชื่อในยุครัฐบาลทักษิณ
รายงานข้อมูลการศึกษาเรื่องการโฆษณาชวนเชื่อในยุครัฐบาลทักษิณ
6. เคลื่อนจากลานพระบรมรูปสู่สนามหลวง
รายงานบทที่ 6 ายงานการชุมนุม ต่อต้านรัฐบาล[6] บทวิเคราะห์พิเศษ (6)รายการชุมนุม ต่อต้านรัฐบาล 26 ก.พ. 49 ณ สนามหลวง, ASTV 1 และ 3 วันอาทิตย์ ที่ 26 ก.พ. 254 9
ประเทศไทยและประชาชนชาวไทย มีความดี ความประเสริฐเลิศล้ำหลายอย่าง เป็นที่ปรากฏไปในประชาคมโลก โดยทุก ๆ สถาบันของชาติ ได้ค่อยสร้างสมความดีให้ชื่อเสียงของประเทศไทยประชาชนไทยเผยแผ่ออกไป
ภาพในองค์รวมก็คือ ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีเสรีภาพมาก โดยเฉพาะเสรีภาพในการนับถือศาสนา จนเป็นที่ยกย่องของประเทศต่าง ๆ ในเชิงความสมบูรณ์ของการศาสนาสากล
และสถาบันกษัตริย์ ซึ่งเป็นสถาบันอันเป็นศูนย์รวมจิตใจของชนในชาติ ไม่ว่าในสมัยก่อนหรือสมัยปัจจุบันนี้ก็ตาม ได้เป็นสถาบันที่เป็นที่รักสักการบูชาและเทิดทูนอย่างสูงยิ่งของประชาชนไทย และมีบทบาทอย่างสูงยิ่งในการทำให้ชื่อเสียงของประเทศและประชาชนไทยเป็นที่ปรากฏไปทั่วโลก
แล้วนอกจากนี้ก็มีสถาบันทหารไทย ที่ทำให้วงการทหารโลกยอมรับ มาตั้งแต่โบราณ เช่นยุค โกษาปานไปฝรั่งเศส สมัยพระนารายณ์มหาราช ตราบมาถึงยุคใหม่ทหารไทยก็ปรากฎชื่อเสียงในสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ตราบเร็ว ๆ นี้ ทหารไทยก็ยังคงแสดงจิตใจของทหารนักรบให้ปรากฏมาตลอดในวงการทหารนานาชาติ เช่นได้ร่วมรักษาความสงบในติมอร์ตะวันออก และในประเทศอิรัค จนได้รับการกล่าวขวัญถึงพอ ๆ กับการปรากฏของทหารไทยในสงครามเกาหลี จนมีบทเพลงที่ระลึกของทหารไทยในวีรกรรมแห่งความประทับใจในบทเพลง อารีดัง (โฮ้อารีดังก่อนยังเคยชื่น บาน....) ที่ประทับใจซาบซึ้งมาก
สถาบันมวยไทย ได้แสดงถึงเลือดไทย แสดงความเป็นนักสู้และศิลปศาสตร์การต่อสู้อันฉกาจฉกรรจ์ยิ่งนัก และบ่งบอกว่าไทยสามารถรักษาเอกราชอธิปไตยไทยมาได้อย่างไร และปัจจุบันนี้ กำลังขยายความศรัทธาเลื่อมใสและความนิยมออกไปทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา เราจะเห็นฝรั่งตัวโตมารับการสอนเอาศิลปะมวยไทยอย่างกระตือรือร้น มีเวทีชิงแชมเปี้ยนโลกมวยไทยเกิดขึ้น
นอกจากนี้ก็มีสถาบันอื่น ๆ ที่ช่วยกันทำให้ประเทศไทยเป็นที่ปรากฏ
แม้กระทั่งสถาบันประชาธิปไตยของเยาวชนหนุ่มสาวที่ปรากฏการเคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย นับแต่ 16 ต.ค. 16 เป็นต้นมา
อะไรเป็นสาเหตุสำคัญที่ส่งผลให้เกิดความดีงามต่อประเทศไทยดั่งนี้
ต่อเมื่อวิเคราะห์ในองค์รวมแล้วจึงได้พบว่า เป็นเรื่องของคุณธรรม หรือความมีธรรมะของชนชาวไทย นั่นเอง โดยได้พบว่า มีคุณธรรมที่สถาบันต่าง ๆ ของชาติ ร่วมกันปฏิบัติอยู่จนเป็นสำนึกแห่งศีลธรรมวัฒนธรรมและจารีตประเพณีอันมั่นคงของชาติ มาเนิ่นนาน
โดยที่ประเทศไทยได้รับอิทธิพลคำสอนของพระพุทธศาสนาอยู่เป็นอย่างมาก และเนิ่นนานมานับพัน ๆ ปี พร้อม ๆ กับการเกิดขึ้นของประเทศและประชาชนชาวไทย จึงเป็นพื้นฐานสามัญสำนึกอันลึกซึ้ง ที่มีอนุสสติถึงธรรมอยู่อย่างเป็นธรรมชาติ
อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ขณะนี้ ขณะที่ทุก ๆ ฝ่ายต่างเรียกร้อง สามัคคีธรรม เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยขึ้นบนแผ่นดินโดยเร็ว
ทุก ๆ คนจึงควรหันมาคำนึงถึงชื่อเสียงเกียรติคุณของชาติไทย ที่สร้างมาแต่บรรพบุรุษ ให้มีชื่อเสียงอันดี และร่วมกันแก้ปัญหาด้วยหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยการมองนามธรรมให้เป็นรูปธรรมกันจริง ๆ หรือ มองธรรมะในวิถีทางวิทยาศาสตร์
นั่นคือ ความหมายของ สามัคคีธรรม เป็นรูปธรรม เป็นวิทยาศาสตร์ ดังต่อไปนี้
ประการที่ 1 สามัคคีเกิดขึ้นด้วยการลดความโลภ ความโกรธ ความหลง เมื่อทุกฝ่ายต้องการความสามัคคีของชนในชาติ ในทางปฏิบัติก็คือตรวจสอบตนเอง ฝ่ายของตนเองว่า มีความโลภ เห็นแก่ตัวเกินไปจนไม่ยอมให้ประโยชน์แด่คนอื่นบ้างหรือไม่ หากเราเอาแต่ผลประโยชน์ส่วนตนอยู่ฝ่ายเดียวแล้ว สามัคคีจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ฉะนั้น จะต้องเจือจานผลประโยชน์ และระวังความยุติธรรมว่า ไม่ใช่เฉพาะบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่ได้ประโยชน์ แต่ทุก ๆ สถาบันของชาติ ทุกคนทุกอาชีพของชาติต่างได้ประโยชน์ไปด้วยกัน ตามสัดส่วนของการลงทุนแห่งตน ๆ
สามัคคีเกิดขึ้นเพราะการระวังควบคุมความโกรธ โดยเฉพาะในสถานการณ์การเมืองที่สับสน จะเป็นสถานะที่เสี่ยงต่อการเข้าใจผิดอย่างร้ายแรง เพราะการโฆษณาชวนเชื่อ และข่าวลือประการต่าง ๆ และทุจริตทางวาจา มีวจีทุจริต 4 ประการคือ มุสาวาท การพูดเท็จ หลอกลวง การโฆษณาชวนเชื่อ การปล่อยข่าวลือ ,ปิสุณาวาท วาจาส่อเสียด ที่เทียวยุยงให้คนหรือสถาบันของชาติแตกกันเป็นฝักเป็นฝ่าย โดยประสงค์ร้ายต่อประเทศชาติและประชาชนทั้งปวง, ผรุสวาท วาจาหยาบคาย การก่นด่าอย่างคั่งแค้นไร้สมบัติผู้ดี ต่ำ ทราม ส่ำสกุล ส่ำสถุล และ สัมผลัปปลาปาวาท การพูดเพ้อเจ้อ คือพูดในเรื่องเพ้อฝัน เรื่องที่ไม่อาจจะเป็นจริงได้เลย พล่ามหลงตนเอง (เช่นพูดว่า แล้วผมจะปกป้องแผ่นดินไทยให้พี่น้องเอง) ซึ่งเกินความจริงและไร้เหตุผลที่จะเป็นไปได้ แต่พูดเพื่อการโฆษณาชวนเชื่อ และโดยหลงลืมตน
เมื่อมีทุจริตทางวาจาเช่นนี้แล้ว มีมโนทุจริตอีกด้วย ก็ปราศจากความเมตตา อภัย และความหวังดีต่อกันและกัน
เช่นนี้แล้วสามัคคีธรรมจะเกิดขึ้นได้อย่างไร
สามัคคีเกิดขึ้นเพราะความไม่หลงงมงาย ได้แก่หลงในอัตตา และ ทิฏฐิมานะ เมื่อต่างฝ่ายต่างคิดว่าตนใหญ่ ตนแน่นอน ตนล้ำเลิศ กล่าวคือ ความคิดแบ่งชนชั้น แบ่งระดับแห่งโลกียะ ว่าตน ดี ดีกว่า ดีที่สุด เลิศประเสริฐแต่เพียงผู้เดียว เช่นนี้แล้ว ย่อมนำมาซึ่งการยกตน ดูหมิ่นและดูแคลนบุคคลอื่นว่า ด้อย ด้อยกว่า ด้อยที่สุด อันเป็นภาคมโนกรรมภายในที่ทุจริต
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว สามัคคีธรรมจะเกิดขึ้นได้อย่างไร
ประการที่ 2 สามัคคีเกิดขึ้นเพราะคนอยู่ในศีลและธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้แก่ศีล 5 เป็นเบื้องต้น นั่นคือ การที่ไม่เบียดเบียนชีวิตผู้อื่น, ไม่เบียดเบียนทรัพย์ผู้อื่น, ไม่เบียดเบียนของที่เขาหวงแหน, ไม่เบียดเบียนผู้อื่นด้วยวาจา และ ไม่เบียดเบียนผู้อื่นด้วยความเมาไร้สติและหลงผิด หากไม่รำลึกถึงศีล 5 และความเป็นชาวพุทธของเราแล้ว สามัคคีธรรมจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ซ้ำร้าย
ก็จะเกิดจลาจล อลเวง ขึ้นภายในบ้านเมืองของเรา อย่างกรณีพฤษภาทมิฬ 2535 เป็นต้น
ประการที่ 3 สามัคคีเกิดขึ้นเพราะทุกคนเห็นประโยชน์ส่วนรวมของชาติ ของศาสนา และของ พระมหากษัตริย์
เมื่อประกาศตัวว่าเรารักประเทศชาติจริงแล้ว เหตุใดไม่เคารพในกติกาของชาติ เคารพในกติกาของรัฐธรรมนูญ ที่ถึงแม้ว่าจะมีข้อบกพร่องแต่เมื่อประชาชนยอมรับเป็นกติกา จนได้ชื่อว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน พ.ศ. 2540 แล้ว ก็ต้องยอมรับ และดำรงความเป็นบัณฑิต อย่าดูแคลนรัฐธรรมนูญของประชาชนโดยการเคารพกติกา และมีสติระลึกความสำคัญว่า สังคมจำเป็นต้องมีกติกา หรือมองเหตุผลทางรัฐศาสตร์ก็คือ บ้านเมืองจำเป็นต้องมีขื่อมีแป หากไม่มีขื่อ ไม่มีแป และดำรงขื่อแปเอาไว้แล้ว บ้านเมืองจะอยู่ได้หรือ และเมื่อบ้านพังครืนลงมา จะไปอยู่ไหน และแม้จะโทษตนเองภายหลังก็ยังจะน้อยไป เพราะกลายเป็นว่าทำลายประเทศชาติ บ้านเมืองตนเองเพราะความเขลา ไร้สติ มองสาระว่าไม่เป็นสาระ มองอสาระว่าเป็นสาระ
ประการที่ 4 สามัคคีธรรมเกิดขึ้นเพราะทุกฝ่ายทุกคนรู้หน้าที่ของตนและทำหน้าที่อย่างดีที่สุด นั่นคือ หน้าที่ที่บรรจบกันที่ความสงบเรียบร้อย ความมั่นคง ความเจริญรุ่งเรืองของชาติในที่สุดอันเป็นเป้าหมายร่วมกันนั่นเอง
และหากเราไม่รำลึกถึงหน้าที่อันสูงสุดนี้และร่วมมือกันปฏิบัติหน้าที่อย่างดีที่สุด เช่นนี้แล้ว
สามัคคีธรรมจะเกิดขึ้นได้อย่างไร?
หากเรารักชาติของเรา แล้วต่างพากันลืมหน้าที่ที่พึงทำไปตาม ๆ กันเสียแล้ว
สามัคคีธรรมเพื่อชาติ จักเกิดขึ้นได้อย่างไร?
หากเรารักศาสนาของเรา เราต้องแสดงออกซึ่งการเชื่อฟังคำสอนของศาสนา ในที่นี้ พุทธองค์ตรัสว่า การบูชาพระองค์นั้น บูชาด้วยการประพฤติธรรมของพระองค์(ปฏิบัติบูชา) จักเป็นการบูชาอันสูงสุดที่จะยังประโยชน์ตนประโยชน์ท่านให้เกิดขึ้นจริง
และวาระนี้ เราจึงต้องปฏิบัติธรรม คือสามัคคีธรรมให้บรรลุผลจริง จึงจักแสดงถึงการบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ประเสริฐพระองค์บรมครูของเราทั้งหลายพระองค์นั้น
และหากเรารักพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราจริง ก็ไม่ควรประพฤติสิ่งที่ก่อให้ขัดเคือง ให้ทรงวิตกหรือหมางใต้เบื้องยุคลบาท และระมัดระวังการประพฤติอย่างไม่เหมาะไม่ควรทางไตรทวาร และในเดือนมิถุนายน 2549 นี้ก็จะเป็นวาระของชาติและประชาชนที่ยิ่งใหญ่ มโหฬาร เปี่ยมด้วยความหมายอันบรมสุขของประชาชนทั้งแผ่นดิน ที่รัฐบาลได้วางโครงงานฉลองมหามงคลกาลทรงครองราชย์มาครบ 60 พระพรรษา เป็นกรณีพิเศษสุดยิ่งใหญ่ที่กระเดื่องดังไปทั่วโลก
ฉะนั้นจึงควรที่จะทบทวนเรื่องสามัคคีธรรมที่พระองค์ทรงดำรัสเตือนสติพวกเราทั้งหลายไว้ว่า รู้รักสามัคคี เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา และร่วมกันถวายสามัคคีธรรมนี้ เป็นการแสดงความกตัญญูของชนทุกหมู่เหล่าทุกสถาบัน ทุกเชื้อชาติและทุกศาสนาของชนชาวไทย เป็นการสักการะบูชาแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา
สังคมก็จักสงบสุข และคนมีความสุขสบายอารมณ์ยิ่งนัก
แล้วค่อยแก้ไขปัญหาไปบนพื้นฐานของความเป็นอยู่ที่ทุกฝ่ายทุกคน มีความสุข จะไม่ดีกว่าการดำเนินการไปอย่างมีความทุกข์เช่นขณะนี้หรือ?
และบัดนี้ หากเราทั้งหลายบกพร่องหรือลืมสติไปเสีย
ไม่ทบทวนสามัคคีธรรมอย่างเป็นรูปธรรม อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ นั่นคือ ทบทวนในเรื่องความโลภ, ความโกรธ และ ความหลง ที่ชาวพุทธต้องระวังการเห็นแก่ตัว การเห็นแก่ญาติ สกุลตนเอง ฉวยโอกาส เห็นแก่พวกแก่พ้อง, ระวังความโกรธ อดทนต่อวาจาสามานย์สามหาวของคนพาล และการกล่าวหาอันเป็นเท็จที่ไม่ชอบธรรม, ระวังความหลง, ระวังอัตตา, ระวังมานะทิฏฐิว่าตนเลิศประเสริฐแต่เพียงผู้เดียว คนอื่น ๆ ต่ำทรามไปหมด
ไม่ทบทวนศีล5 ไม่ระวังสังวรในศีลคือการที่ต้องไม่เบียดเบียนผู้อื่น และธรรมมีเมตตาจิตอันบริสุทธิ์, ปล่อยให้เกิดความเติบโต ให้จิตใจพอกพูนสิ่งที่อันตรายคืออัตตา ทิฏฐิมานะ ความเห็นแก่ตัว ไปเรื่อยโดยไร้เดียงสาต่ออันตรายของมัน ไม่มองผลประโยชน์ส่วนรวมของชาติ
และไม่ระลึกถึงหน้าที่ที่ร่วมกันอยู่ของความเป็นประชาชนไทย ผู้มีหน้าที่ที่ต้องทำอย่างมีความรับผิดชอบ เพื่อ หน้าที่ที่บรรจบกันที่ความสงบเรียบร้อย ความมั่นคง ความเจริญรุ่งเรืองของชาติในที่สุดอันเป็นเป้าหมายร่วมกัน ดังกล่าวมาแล้ว ความสงบจากความวุ่นวาย ความสุข ความเจริญรุ่งเรืองของชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จะเกิดขึ้นมาได้อย่างไร?
และหากไม่ปฏิบัติธรรมเครื่องบูชาแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่นี่และเดี๋ยวนี้แล้ว
ความสงบสุขจะเกิดขึ้นได้อย่างไร?
ธรรมาชีพ ธรรมาชน, ป.ธ.ร.
http://www.newworldbelieve.com/
26 ก.พ. 2549