ดวงชะตาผู้นำชาติและดวงเมืองยุคปัจจุบัน ดี34:1 ส.ค.2548
ดวงชะตาผู้นำชาติและดวงเมืองยุคปัจจุบัน
โดย ชลัมพุช โหรชนบท
สารบาญ
1. การพิจารณาดวงชาตาประเทศไทย เนื้อหาคำพยากรณ์วันที่ 11 ก.พ. 2548
2. การประเมินผลการพยากรณ์:มีความแม่นยำของการพยากรณ์มีเพียงใด
3. การพยากรณ์เหตุการณ์ในช่วงต่อไปของประเทศไทย
4. พยากรณ์ดวงดวงชาตาตัวอย่างเสาร์เล็งลักคณ์ ว่าจะได้แต่งงานดี
5. พยากรณ์ดวงดาราภาพยนตร์และโทรทัศน์
6. พยากรณ์ดวงชาตานักปราชญ์ว่าถึงฆาต จะสิ้นชีวิต
7. พยากรณ์หญิงสาวว่าจะมีขันหมากมาหมั้นวันที่ 15 มิ.ย.2548
8. พยากรณ์นักการเมืองท้องถิ่นว่าจะได้รับชัยชนะเหนือคู่แข่ง
1. การพิจารณาดวงชาตาประเทศไทย
โปรดดูดวงชาตาประเทศไทย ต่อไปนี้
๙๓ ล.๑ ๔๖๘
0
๒ 0/10
๕๗
* ดาวอาทิตย์ (๑) เป็นตนุเศษ
ดวงกรุงเทพมหานครหรือดวงประเทศไทย
ล. 12 / 114 ร. 3385
วันอาทิตย์ ที่ 21 เม.ย. 2325 เวลา 06.54 น.
- จาก อ.ประมวลวิทย์, ดูชะตาตนเอง ดูดวงเมือง และดวงพระยาใน ๕ กรุง โอเอสพริ้นติ้งเฮาส์, กทม. หน้า 239
โดยหลักโหราศาสตร์ จะยืนยันได้เพียงใดว่าเหตุการณ์ไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้จะสงบลง?
พิจารณาจากดวงประเทศไทยนั่นเอง ซึ่งโหรพอจะเชื่อได้ว่า ดวงชะตาประเทศไทยที่รัชกาลที่ 1 ปฐมบรมวงศ์จักรีทรงประกอบพิธีฝังหลักเมือง วันที่ 21 เมษายน 2325 เวลา 06.54 น.นั้นเป็นดวงชาตาเมือง คือการกำเนิด ของกรุงเทพมหานครและหมายถึงประเทศไทยทั้งประเทศด้วย
ก่อนอื่นเราจะลองย้อนไปตรวจคำพยากรณ์ของชลัมพุช โหรชนบท ดูก่อนว่าที่พยากรณ์เหตุการณ์ดวงเมืองไว้ ในหนังสือพิมพ์ดี (อินเทอเนต) เล่มที่ 33 หน้า34 โดยพยากรณ์ไว้ล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 11ก.พ. 2548 ซึ่งพยากรณ์ช่วงเวลา 6 เดือน จากวันที่พยากรณ์เป็นต้นไป ได้พยากรณ์ไว้
อย่างไรบ้าง เราจะจัดแบ่งประเด็น วรรคตอนใหม่เพื่อให้เห็นชัดเจนขึ้น ดังนี้
การพยากรณ์วันที่ 11 ก.พ.2548
โปรดดูคำพยากรณ์ต่อไปนี้
บัดนี้เมื่อลองมองไปข้างหน้า โดยการประมาณสถานการณ์อย่างคร่าวๆพอเห็นภาพองค์รวมๆของประเทศไทยก็จะพบว่า
- ต่อจากนี้ไป นับแต่ 12 มี.ค.2548 ไปแล้ว มหาภัยใหญ่ก็จะไม่มีมาอีกตลอดระยะเวลานานหลายสิบปีทีเดียว
- นับจากเวลานี้ไป ใน 6 เดือนแรก ประเทศไทยจะมีปัญหาความยุ่งยากทางการบริหาร จัดการเศรษฐกิจหลายๆด้าน
- เริ่มจากราคาน้ำมันจะปั่นป่วนขึ้นๆลงๆไปตลอด
- โดยเฉพาะความยุ่งยาก ในการเข็นนโยบายตลาดเสรี จะมีปัญหาจากสัญญากับคู่ค้าเสรีกับประเทศต่างๆที่ได้ทำเอาไว้แล้ว สัญญาจักไม่เป็นประโยชน์โดยสะดวกดั่งใจหมาย
- ด้านการเงินและการคลังจะก่อความยุ่งยากให้ตลอดช่วงเวลาดังกล่าว โดยเกิดจากผลกระทบจากสภาวะปั่นป่วนจากต่างประเทศ
- ภาวะตลาดหุ้นหวั่นไหวไม่แน่นอน
- การก่อการร้ายจะเปลี่ยนโฉมไปเป็นการหลบอยู่ใต้ดินซ่อนตัววางแผนปฏิบัติการเป็นระยะๆฉกฉวยโอกาส แต่จะเบาบางลง จะโหมด้านการโฆษณาชวนเชื่ออยู่ทั่วไปในทางบ่อนทำลายสถาบันราชการ รัฐบาล และประเทศชาติไปเงียบๆ
- ระวังการเข้าใจผิด หรือมีเหตุการณ์ที่ทำให้เข้าใจผิดกับประเทศเพื่อนบ้านรวมทั้งองค์การลับต่างประเทศ อันเป็นเหตุให้มีการตอบโต้โฆษณาชวนเชื่อต่อกันและกันควรใช้การทูตให้เป็นประโยชน์
- และน่าระวังการโจมตีของฝ่ายก่อการร้ายต่อสถาบันการเงิน ก่อความปั่นป่วนทางการเงินขึ้น
- น่าระวังจะมีการปล้นธนาคารใหญ่ๆหรือเกิดคดีเกี่ยวกับการเงินขึ้น
- หลัง 6 เดือนไปแล้วจะดีขึ้นมาก การเศรษฐกิจเริ่มเป็นผลดีขึ้น การค้าขายจะคล่องขึ้น ขยายตัวออกไปอีก มีผลกำไร แต่ผลกำไรก็ยังไม่มากดั่งปรารถนาไว้ ยังไม่เข้าเป้าหมายเท่าที่ควร ต่อเมื่อปรับเปลี่ยนแก้ไขแล้วจะดีขึ้นตรงตามเป้าหมาย และน่าพอใจในภายหลัง
- -ในด้านภัยธรรมชาติ สิ่งที่ควรระวังก็คือ ระวังภัยจากความแห้งแล้ง ประชาชนผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมจะลำบาก เพราะจะประสบภัยดินฟ้าอากาศ ไม่อำนวยตามฤดูกาล
- อาจเกิดปัญหาทางการชลประทานระดับโครงสร้างขนาดใหญ่มีผลกระทบประชาชนจำนวนมากขึ้นได้
- น่าระวังใน 1 – 2 ปีข้างหน้า รัฐบาลจะมีภาระหนักเกี่ยวกับการจัดการเรื่องน้ำเพื่อการเกษตรกรรมของประชาชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั่งประเทศ การจัดการเกี่ยวกับภัยแล้งซึ่งจะมีการวางโครงสร้างระบบการชลประทานอย่างทั่วถึง
- การลงทุนและการใช้จ่ายของประเทศจะยังคงสูงมากมหาศาล
- และมีการสูญเสียโดยเปล่าจากเหตุพลิกผันบางเรื่องบางราว ยังคงต้องเฝ้าระวังโรคระบาดนก
- ทางด้านรัฐบาลโดยท่านทักษิณ ชินวัตรนายกรัฐมนตรีจะประสบปัญหาคณะทีมงาน จะมีการปรับรัฐบาลหรือเสริมเพิ่มมาตรการการบริหารหลายครั้งจนกว่าจะอยู่ตัว
- จะมีปัญหายุ่งยากในระบบรัฐสภานับแต่นี้ไปตลอด 6 เดือนข้างหน้า
- หลังเดือน พ.ย.2548 จึงจะเรียบร้อย รัฐบาลจะสามารถบริหารตามครรลองที่ถูกต้องมีประสิทธิภาพ
- หลังวันที่ 10 สิงหาคม พุทธศักราช 2550 ไปแล้วประเทศไทยจะประสบความเจริญ เฟื่องฟูในทุกๆด้าน พบความสำเร็จในทางการเศรษฐกิจ การเงินการคลังรวมทั้งการศาสนาสังคมและวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของประชาชนบริบูรณ์มีความสุข ตลอดไปเป็นเวลานาน หลายสิบปี
2. ผลของการพยากรณ์
ปรากฏว่า การพยากรณ์มีความแม่นยำมาก เมื่อเรายืนยันว่า จะไม่มีทสึนามิเกิดขึ้นอีก ต่อจากนี้ไปหลายสิบปี โดยคำพยากรณ์ว่า “นับแต่ 12 มี.ค. 2548 ไปแล้ว มหาภัยใหญ่ก็จะไม่มีมาอีกตลอดเวลายาวนานหลายสิบปีทีเดียว” แต่ก็เกิดแผ่นดินไหวขนาดแรงพอๆกับคราวก่อนขึ้นในบริเวณทะเลอันดามัน ฝั่งสุมาตราของอินโดนีเซีย ในวันที่ 28 มีนาคม 2548 เวลา 23.20 น. มีขนาด 8.2 ริกเตอร์ ที่แรงพอให้เกิดทสึนามิได้นอกจากนั้น ยังมีแผ่นดินไหวอีกหลายครั้งตามแนวเดิม แต่ก็ไม่ก่อให้เกิดภัยทสึนามิขึ้น ตามคำพยากรณ์
ส่วนประเด็นน้ำมันในขณะที่พยากรณ์นั้น ไม่มีเค้า ไม่มีข่าวแพลมออกมาเลยว่า สถานการณ์น้ำมันโลกจะเกิดขึ้นจนก่อความปั่นป่วนต่อเศรษฐกิจโลกและไทยได้ขนาดนี้ แต่เราก็พยากรณ์เตือนไว้ล่วงหน้าแล้ว
และมีเหตุการณ์เกิดขึ้นตามประเด็นที่ชี้เอาไว้ตามลำดับไปจนครบถ้วนทุกประเด็น โดยเฉพาะในประเด็นที่เจาะจงลงไประดับรายละเอียดของเหตุการณ์คือ การปล้นธนาคาร ซึ่งเราพยากรณ์ไว้ว่า “ น่าจะมีการปล้นธนาคารใหญ่ๆ หรือเกิดคดีเกี่ยวกับการเงินขึ้น ” ซึ่งปรากฏว่ามีการปล้นธนาคารทหารไทยขึ้นจริงและมีคดี ปปส.ที่ทำให้สังคมไทยตื่นตะลึง และเลยไปถึงฝ่ายค้านเปิดการซักฟอกรัฐมนตรีคมนาคมของรัฐบาลกรณีทุจริตเงินซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด ซีทีเอ็กซ์ ของสนามบินสุวรรณภูมิซึ่งเป็นที่พอใจของผู้พยากรณ์เป็นอย่างมากในแง่ที่ได้พิสูจน์หลักวิชาโหราศาสตร์ไทยไปถึงรายละเอียดและการประเมินน้ำหนักของเหตุการณ์ไว้ไม่ผิดพลาด เราว่าขนาดใหญ่ ก็เป็นขนาดใหญ่จริงๆตามแนวทางของผู้พยากรณ์
และบัดนี้เหตุการณ์ที่ยังไม่ต้องคำพยากรณ์ก็ได้มาถึง นั่นคือการปรับรัฐบาลตามที่เราไว้ว่า “ทางด้านรัฐบาลโดยท่านทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีจะประสบปัญหาคณะทีมงาน จะมีการปรับรัฐบาลหรือเสริมเพิ่มมาตรการการบริหารหลายครั้งจนกว่าจะอยู่ตัว”
ในขณะนี้ มีเรื่องราวที่พยากรณ์ไว้ แต่ยังไม่ต้องตามคำพยากรณ์คือเรื่องการก่อการร้าย ซึ่งได้พยากรณ์ไว้ว่า “ การก่อการร้ายจะเปลี่ยนโฉมเป็นการไปหลบอยู่ใต้ดิน ซ่อนตัว วางแผนปฏิบัติการเป็นระยะๆฉกฉวยโอกาส แต่จะเบาบางลงไป จะโหมด้านการโฆษณาชวนเชื่ออยู่ทั่วไปในทางบ่อนทำลายสถาบันราชการ รัฐบาล และประเทศชาติไปเงียบๆ ” เพราะขณะนี้( 19 ก.ค.2548 การก่อการร้ายยังคงหนักหน่วงอยู่) ทำให้สงสัยอยู่ว่า การณ์จักเป็นไปตามคำพยากรณ์หรือไม่ ในเมื่อเหตุการณ์ทุกอย่างที่พยากรณ์ไว้ ทยอยเกิดขึ้นตรงตามคำพยากรณ์ไปตามลำดับ ๆ ยังเหลือเหตุการณ์สุดท้ายที่ยังไม่ตรงตามคำพยากรณ์ คือ ผู้ก่อการร้ายยังคงแรงอยู่ ไม่หลบลงใต้ดิน ซ่อนตัว ตามคำพยากรณ์
และเรื่องราวดีๆที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย ภายหลังเดือน พ.ย. 2548 ตามที่พยากรณ์ไว้ว่า
“หลังเดือน พ.ย. 2548 จึงจะเรียบร้อย รัฐบาลจะสามารถบริหารตามครรลองที่ถูกต้องมีประสิทธิภาพสูง หลังวันที่ 10 สิงหาคม พุทธศักราช 2550ไปแล้ว ประเทศไทยจะประสบความเจริญ เฟื่องฟูในทุกๆด้านพบความสำเร็จ ทางการเศรษฐกิจ การเงินและการคลังรวมทั้งการศาสนาสังคมวัฒนธรรม ความเป็นอยู่ของประชาชนบริบูรณ์มีความสุข ตลอดไปเป็นเวลานาน หลายสิบปี”
ทางฝ่ายโหรผู้พยากรณ์ก็ขอบอกว่า ขณะนี้ยังไม่ครบช่วงเวลาที่พยากรณ์เอาไว้ คือ ช่วงเวลา 6 เดือนอยู่ระหว่าง มีนาคม ถึง เดือนสิงหาคม 2548 ก็จะสิ้นสุดเอาเมื่อประมาณสิ้นเดือนสิงหาคม2548 และขณะนี้ก็เหลือเวลาอยู่หลายเดือนจึง จะครบถ้วนห้วงเวลาของการพยากรณ์ และโหรย่อมมั่นใจในคำพยากรณ์เสมอ ผู้ก่อการร้ายจะต้องหลบลงใต้ดินภายในเวลาที่ระบุพยากรณ์
3. การพยากรณ์เหตุการณ์ในช่วงต่อไปของประเทศไทย
ในที่นี้เราก็จะยืนยันโดยหลักวิชาโหราศาสตร์สักหน่อยว่า เหตุการณ์จักเป็นไปอย่างไร
1.โหรติดตามดูการจรของดาวอังคาร(๓) เมื่อเลยช่วงที่เข้มแข็งของดาวไปแล้ว ดาวก็อ่อนแสงลงนั้นน่าจับตามอง ก็เป็นช่วงตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค. 2548 ที่ดาวอังคารจรสู่ราศีมีน และนั่นเป็นภพวินาสน์ของดวงเมืองก็อันตรายในเมื่อดาวเสาร์(๗) ประจร ทับจันทร์(๒) เดิมอยู่ ณ ราศีกรกฎและกระแสดาวไปถึงราหู(๘)จรที่ราศีมีน ซึ่งเป็นตำแหน่งวินาสน์ของดวงเมือง และยิ่งมีอะไรๆร้ายๆรออยู่ในภพวินาสน์ของดวงเมืองขณะนั้น มีดาวร้ายคือ ราหู(๘) ที่แผลงฤทธิ์มาตลอดในระยะที่จรเข้าสู่ราศีมีน เหตุร้ายเกิดขึ้นตามลำดับเมื่อราหู(๗)เดินเข้าหาพุธ (๔)เดิมในดวงเมืองผ่านดาวศุกร์(๖)เดิมในดวงเมือง และผ่านตัวเองคือราหู(๘)เดิมในดวงเมือง แล้ว อังคาร(๓)จรก็เดินสวนปะทะราหู(๘)จรที่ราศีมีนนี้ และในขณะเดียวกันการที่ดาวเสาร์(๗)จรกำลังเดินใกล้จันทร์(๒)เกษตรเดิมที่ราศีกรกฎไปตามลำดับ ส่งผลไปถึงการก่อการร้ายคือราหู(๘)ที่มีนผลก็คือทำให้ฝ่ายก่อการร้ายคึกคักขึ้นชั่วขณะหนึ่งแต่ก็ไม่ถึงก่ออันตรายร้ายแรงแก่ประเทศชาติ เพราะรัฐบาลจะยังคงแก้ไขได้ไปเรื่อยๆ โดยมองจากพฤหัสบดี(๕)จรเล็งคุ้มครองเรือนตนเองอยู่ (เรือนวินาสน์เป็นเรือนของพฤหัสบดี)
2. บัดนี้อังคาร(๓)ได้จรผ่านปะทะราหู(๘)และข้ามภพวินาสน์ของชะตาเมืองแล้ว โดยยกเข้าสู่ราศีเมษตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2548 และมีกำลังเป็นเกษตร เข้มแข็งมากในขณะที่ ราหู(๘)จรกำลังเดินเข้าหาพุธ(๔)และจะทับองศาสนิทในวันที่ 16 กันยายน 2548 ( ราหูได้ 20 องศา 1 ลิปดา พุธเดิมอยู่ที่ 20 องศา 01 ลิปดา ) แล้วนั่นหมายถึงลมเฮือกสุดท้ายของขบวนการโจรใต้ในไทย ก็จะต้องตามคำพยากรณ์ ที่ว่า “ การก่อการร้ายจะเปลี่ยนโฉมไปเป็นการหลบอยู่ใต้ดิน ซ่อนตัววางแผนปฏิบัติการเป็นระยะๆฉกฉวยโอกาส แต่จะเบาบางลงไป จะโหมด้านการโฆษณาชวนเชื่ออยู่ทั่วไปในทางบ่อนทำลาย สถาบันราชการ รัฐบาลและประเทศชาติไปเงียบๆ ” และหลังจากวันที่ 29 กันยายน 2549 การก่อร้ายใต้ก็จะสงบลง คนในชาติทั้งชาติจักร่วมมือกันสร้างชาติ ด้วยยุทธศาสตร์การเสริมสร้างคือสมานฉันท์ผนวกกับการตำรวจที่รักษากฎหมายสร้างความเป็นธรรมขึ้น
3. เพราะในพื้นฐานดวงชาตาประเทศไทย ท่านกำหนดให้การก่อการร้ายถูกระงับอย่างยืนยาวถาวรโดยวิธีการสมานฉันท์ ดังจะเห็นว่า ท่านกำหนดให้ดาวทั้ง 3 ดวงคือ ราหู(๘) พุธ(๔) และศุกร์(๖) ดาวที่มีแสงแรงจ้าเป็นมหาอุจในดวงชาตาเมือง สถิตรวมกันอยู่ในราศีมีน ซึ่งเป็นเรือนของผู้มีธรรมะเป็นใหญ่ คือดาวพฤหัสบดี(๕) และประกันความสำเร็จด้วยการที่เจ้าเรือนไปเป็นเกษตร ณ ภพที่ 9 คือราศีธนูย่อมร่วมธาตุกับลัคนาและ มหามิตรคือดาวอาทิตย์(๑)ที่เป็นมหาอุจอยู่ที่ราศีเมษ ฉะนั้นสถานการณ์หลังจากราหู(๘)จรเข้าราศีกุมภ์เรือนเกษตรของตนเองในวันที่ 29 กันยายน 2549เป็นต้นไปจึงเป็นวาระการสมานฉันท์แห่งชาติ ( ภายหลังมาตรการการผ่าตัดใหญ่ ซึ่งกำลังจะเริ่มขึ้น ตามวาระที่ดวงเมืองกำหนด ณ วันที่ 16 ก.ค. 2548 เป็นต้นไป ) ซึ่งจะเป็นสถานการณ์ที่คล้ายกันมากกับเหตุการณ์ของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ที่จบลงเมื่อราหู(๘)จรเข้าเรือนเกษตรของตน แล้วเป็น 11 แก่ดวงเมืองขณะนั้นเหมือนกัน ฉะนั้นงานสมานฉันท์แห่งชาติ เป็นวิถีทางที่ จำเป็นและตายตัวตามที่ท่านวางดวงเมืองเอาไว้แต่ต้องระวังเหมือนกันว่าอย่ามองด้านเดียว เพราะท่านยังวางดาวอังคาร(๓)ให้เป็นโยกหน้าแก่ดาวทั้ง 3 ในภพวินาสน์นี้ด้วย และโดยการวางนั้น ก็ได้ความสัมพันธ์กับมหามิตร์คือดาวศุกร์(๖)ที่เป็นมหาอุจแรงกล้าในภพวินาสน์ด้วย โดยอังคาร(๓)นั่งเรือนศุกร์(๖)ที่เป็นมหาอุจคู่มิตรนั้น นั่นหมายความว่ามาตรการปราบปราม ก็ต้องนำมาใช้อย่างถูกจังหวะเวลาด้วยจึงจะสำเร็จ นอกจากนี้ยังต้องดูดดาวจันทร์(๒)เกษตรเดิมที่ราศีกรกฎซึ่งเป็นจุดพลังเข็มแข็งที่ตรึงสถานการณ์การก่อการร้ายไว้อย่างยืดหยุ่นโดยจันทร์(๒)เกษตร ส่งกระแสไปประสานกับดวงดาวทั้ง3 ดวงในภพวินาสน์ได้อย่างกลมกลืนในเชิงคู่มิตร คู่สมพล และคู่ศุภเคราะห์(จันทร์เกษตรร่วมศุกร์มหาอุจเป็นพลังสร้างสรรค์ที่รุ่งโรจน์) และจันทร์(๒)ที่บริสุทธิ์เรี่ยวแรงนี้คือประชาชนไทยทั้งชาติในองค์รวมและหมายถึงพระราชินีในระบบกษัตริย์ ในดวงสัมพันธ์หมายถึงสามัคคีธรรมของประชาชนไทยทั้งชาติค่อนข้างเหนียวแน่นโดยการนำของสถาบันกษัตริย์เราหวังว่าแนวคิดนี้กำลังเริ่มมีผลสำเร็จขึ้นแล้วคือการผ่าตัดแล้วสมานแผล ให้หายสนิท
4. ภายหลังวันที่ 23 กันยายน 2548 ที่ดาวพฤหัสบดี(๕)จรออกจากราศีกันย์ ยกเข้าสู่ราศีตุลย์ย่อมหมายถึงสถานการณ์เศรษฐกิจ การเงิน ของประเทศนั้นกระเตื้องแต่ในด้านการก่อการร้ายพอเห็นเค้าของการเปลี่ยนแปลงยุทธวิธีของฝ่ายนั้น ว่า ยังมุ่งหมายลอบทำร้ายบุคคลสำคัญชั้นสูง มีหัวหน้ารัฐบาลเป็นต้น ซึ่งทางโหรย่อมมองประเด็นนี้อย่างสนใจยิ่ง แต่จะเห็นว่าทางฝ่ายรัฐบาล ก็สามารถป้องกันแก้ไขได้โดยตลอดมา ด้วยมาตรการ รปภ.ทั้งระบบและหน่วยประจำตัวคนสำคัญนั้น ที่คงเส้นคงวา คือมีระเบียบปฏิบัติที่รัดกุมเสมอไม่หย่อนยานเป็นอันขาด ซึ่งตามวิถีของดาวจร หัวหน้ารัฐบาล อาจเผชิญเหตุการณ์ที่น่าตกใจตื่นเต้นโดยไม่คาดหมายมาก่อนได้ในราวปลายเดือนสิงหาคม 2548 (30 – 31 ส.ค. 2548) และอาจป่วยไข้หรือมีปัญหาสุขภาพ เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร ระบบความคิด ประสาท สักหน่อยราวๆต้นเดือน พ.ย.2548 ถึงปลายเดือน ธ.ค.2548 ปัญหาสุขภาพเช่นนี้จักมีขึ้นอีกในช่วงต้นปี พ.ศ.2549 ระหว่างวันที่ 8 – 26 เม.ย. 2549 หลังจากนี้ไปจึงจะเรียบร้อย
4. การพิจารณาดวงชาตาบุคคล
พยากรณ์ดวงดวงชาตาตัวอย่างเสาร์เล็งลักคณ์ ว่าจะได้แต่งงานดี
ต่อไปนี้เราจักได้นำดวงชาตาบุคคลมาพิจารณาบ้าง เพื่อให้ครบถ้วนกระบวนโหราศาสตร์ทั้งภาคมาโครโหราศาสตร์ และ ไมโครโหราศาสตร์ (ศัพท์นี้เลียนมาจาก ภาษาเศรษฐศาสตร์)
กรณีเสาร์(๗)เล็งลัคนา และกรณีที่หลักการโหรเดิมท่านว่าร้ายนักหนา เข้าลักษณะดวงแตก เมื่อโหรพบ ลักษณะร้ายนี้ก็มักจะพยากรณ์ร้ายไปทันที จึงทำให้ขาดความเป็นธรรมแก่เจ้าชาตา เราจะยกมาบางตัวอย่างของดวงที่มองกันว่าร้าย แต่ที่จริงกลับดี หมายความว่า มีการใช้หลักโหราศาสตร์อย่างลึกซึ้งและรอบคอบรอบด้าน เพื่อให้ความเป็นธรรมแด่ประชาชน ให้เขาได้รับการทำนายเชิงการปรึกษาปัญหาชีวิตและแนวการชี้นำอย่างแม่นยำ สู่อนาคตของเขา ( ไม่ใช่ไปย้ำปมด้อยของเขาให้ลึกลงไปกว่าเดิมเสียอีกโดยมั่นใจในหลักเดิม )
ดวงชาตาที่นำมาเป็นตัวอย่างต่อไปนี้ ของบางคนเราขอปิดนามไว้ มีบางคนที่เราขอลงนามจริง เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาวิชาโหราศาสตร์
โปรดดูดวงชาตาที่ 1
จะเห็นว่า ในเรื่องปัตนิ ที่โหรมักจะไม่สบายใจในการพยากรณ์ ก็คือ การปรากฏของดาวเสาร์ (๗)อยู่ที่ภพปัตนิ เช่นดวงชาตานี้ ซึ่งนอกจากดาวเสาร์แล้ว ยังมีดาวเกต (๙)กุมอยู่อีกดวงหนึ่ง เจ้าชะตาได้มาพบครั้งแรกในเดือน ก.ค.2544 ภายหลังตรวจแล้วได้ออกคำพยากรณ์ว่า เจ้าชะตามีความเหนื่อยหน่ายเกียจคร้านในการใช้ชีวิตคู่ ไม่อยากมีคู่ มีอารมณ์เฉื่อยชาทางเพศ และมีแนวโน้มไปในทางที่จะไม่มีคู่แต่ถึงอย่างไรชะตานี้จะต้องมีการแต่งงาน มีคู่ เพียงแต่จะเนิ่นช้าหน่อยและจะพบปัญหาอกหักผิดหวังหลายครั้ง แต่เหตุมาจากเจ้าชะตาเองที่ระแวงหึงหวงและเก็บตัวเกินไป
ดวงที่ 1 (ขออภัยย้งไม่มีข้อมูล)
ดวงชะตา สมจริง (นามสมมุติ) ล3 / 284 ร.1191
ชาย, เกิดวันอาทิตย์, ที่ 17 ก.ค. 2509, เวลา 11.30 น.
แต่ถึงอย่างไรก็จะพบคนที่ถูกใจ จะพบคู่เมื่ออายุมากแล้ว เกณฑ์ที่จะพบเนื้อคู่อยู่ระหว่าง ต้นเดือน กรกฎาคม 2545 เนื้อคู่จะเป็นคนอายุมาก (ขณะนั้นเจ้าชาตาอายุ 37 ปีย่าง ) มีฐานะการงานอาชีพมั่นคงดี มีการศึกษาดี แต่อาจจะมีอุปสรรคมากสักหน่อย คงยังไม่ทันได้แต่งงาน (เพราะเห็นในดวงจร ดาว ๗๘ทับดาว๖เดิมอยู่ที่พฤษภ และ ดาว๖จรเป็นกาลกิณี ) เกรงว่าจะไม่ถูกใจว่าถึงอย่างไรก็ยังมีอีกเป็นระยะที่ 2 ซึ่งจะเริ่มก่อสัมพันธ์รักขึ้นมาในปลายเดือนสิงหาคม 2547 เป็นต้นไป เป็นเวลา 1 ปีเต็มๆคือช่วงปี 2547 – 2548 และจะไม่มีอุปสรรค จะได้แต่งงานมีชีวิตครอบครัว และต่อไปจะมีบุตรผู้เชื่อฟังอยู่ในโอวาทพ่อแม่
ปรากฏว่า ในปี 2545 นั้นเจ้าชะตาคบผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง ได้พบในงานจัดเลี้ยงแห่งหนึ่งได้ทักทายเขาแนะนำผู้หญิงให้รู้จัก แต่ปรากฏว่าราวปลายๆปี เขามาพบอีกครั้งและปรารภเรื่องดวงชะตาของเขาบอกว่าเขาสนใจโหราศาสตร์อยู่แล้วแต่ยังไม่เข้าใจเขาถามว่าตามหลักการโหรดวงของเขาเป็นดวงแตกเพราะเสาร์ (๗)เล็งลัคน์ และทั้งยังมีบาปเคราะห์อีกดวงคือเกต(๙)ร่วมเล็งลัคน์อีกดวงหนึ่งด้วย คงไม่มีหวังว่าจะมีการแต่งงาน และผู้หญิงที่คบกันตามที่เห็นวันนั้นก็หนีไปแล้ว เพราะไม่ถูกนิสัยกันเขามั่นใจว่าดวงของเขาไม่มีเนื้อคู่ หรือเมื่อมีคู่แล้วอาจจะหย่าร้างกันในภายหลัง
ได้ยืนยันว่า ไม่เป็นไรเพียงแต่ต้องช้าหน่อยต้องมีเนื้อคู่อย่างแน่นอน เธอจะต้องมาในช่วงหลังเดือนสิงหาคม 2547 อย่างแน่นอนตามที่ได้พยากรณ์ไว้แล้ว เขาถามเหตุผลทางโหราศาสตร์ ตอบว่าดาวเสาร์(๗)เล็งลัคนาก็จริง แต่ดาวดวงนี้เป็นอุดมเกณฑ์ให้แก่ลัคน์ในราศีกันย์ และมาจากภพที่5 เป็นเจ้าเรือนภพที่5และแม้ดาวพระศุกร์(๖) จะเป็นกาลกิณีตามทักษา แต่เป็นเกษตรและอยู่ภพที่9 มีกระแสร่วมธาตุกับลัคนา อนึ่งปัตนิตนุลัคน์ ก็เป็นดาวดวงเดียวกับปัตนิลัคน์ ฉะนั้นเมื่อดาวปัตนิจรมาทับลักคณาในเดือนสิงหาคม 2547ก็จะได้พบเนื้อคู่คนดังกล่าวอย่างแน่นอน (คืออายุมากสักหน่อย มีความรู้ มีการงานดี เก็บตัว ขี้ขาย ฯลฯ ) ถ้าไม่เป็นอย่างนั้นก็ย่อมขัดหลักวิชาโหราศาสตร์
ปรากฏว่า เขาได้มาพบอีกสองครั้งเมื่อต้นปี 2548 ครั้งแรกได้เอาดวงชะตาหญิงคนหนึ่งมาให้ดูพร้อมตั้งคำถามว่าใช่เนื้อคู่หรือไม่
โปรดดูดวงชาตาที่ 2
ดวงที่ 2 (ขออภัยย้งไม่มีข้อมูล)
ดวงชะตา สมสมร (นามสมมุติ) ล.3/284 ร.1191/2
หญิง, เกิดวันจันทร์, ที่ 15 ส.ค. 2509, เวลา 21 – 22 น.
ได้คำนวณและวางระบบดาวลงในดวงชะตาแล้ว พยากรณ์ว่า นี่เเหละเนื้อคู่ ใช่เลย (โปรดดูดวงที่ 2 จะเห็นลัคนาดวงหญิงอยู่ราศีมีน เป็นปัตนิแก่ชาย และลัคนาชายก็เป็นปัตนิแก่หญิง ปัตนิก็เป็นปัตนิซึ่งกันและกัน และดาวปัตนิชายทับดาวปัตนิหญิง ณ ราศีมิถุน เห็นได้ว่า ได้กับคนที่ถูกใจจริงๆแม้ว่าดาวเสาร์เล็งลัคนาซึ่งโหรทั่วไปมองว่าเป็นดวงแตก เอาดีทางคู่ครองได้ยากก็ตาม) และเมื่อสำรวจดาวจรในดวงชะตาหญิงก็ปรากฏว่าเป็นช่วงที่กำลังพบเนื้อคู่เช่นเดียวกัน การมีจังหวะชีวิตตรงกันเป็นเรื่องสำคัญของความเป็นคู่ครองที่แท้ เพราะอาจร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันได้ (มีทุกข์ก็ทุกข์ด้วยกัน มีสุขก็สุขด้วยกัน )
ได้เตือนว่า ทั้งดวงชายและดวงหญิง บอกถึงการมีบุตรยาก ควรตรวจสอบสุขภาพก่อนการแต่งงาน และฝ่ายหญิงจะคลอดยาก จะมีการผ่าตัดเพื่อคลอดบุตร แต่ไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด
ในเดือนพฤษภาคม 2548 เขาได้พาหญิงสาวผู้หนึ่งมาพบบอกว่าเป็นคนที่ต้องคำพยากรณ์ของพระอาจารย์โหร เป็นเจ้าของดวงชะตาที่ให้พยากรณ์คราวที่แล้ว และขอให้กำหนดฤกษ์ยามวันแต่งงานให้
ได้กำหนดวันให้เป็น วันจันทร์ 19 กันยายน2548 เป็นวันมหาสิทธิโชค และฤกษ์สวมแหวนเป็นเวลา 16.09 น.ได้ภูมิปาโลฤกษ์ ดาวพุธ(๔)กุมดาวศุกร์(๖) คู่ธาตุน้ำ ในนวางค์และตรียางค์ฤกษ์ทั้งคู่มีอายุเท่ากัน คือ 39 ปีเต็ม
5. พยากรณ์ดวงดาราภาพยนต์และโทรทัศน์
โปรดดูดวงชะตาที่ 3 – 4
ดวงชะตา 2 ดวงต่อไปนี้ ได้มาจากรายการโทรทัศน์ช่อง 5 เมื่อ17ก.ค.2548 โดยคุณนีโน กับคุณพรหมพร ยูวเวช พิธีกร เจ้าของรายการได้เชิญแขกสำคัญ 2 คนมาร่วมรายการในวันนั้น คนหนึ่งเป็น คุณลักษณ์ เลขะนิเทศ ที่วงการรู้จักดีในสมญาว่า โหรฟันธง อีกคนหนึ่งเป็นสตรีสาววัยงาม ชื่อคุณนุ้ย เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นแฟนสาวของดาราดัง ศรราม เทพพิทักษ์ เราเห็นว่า เจ้าชะตายินยอมให้พยากรณ์ต่อสาธารณชนได้ จึงขออนุญาตเอามาเป็นดวงตัวอย่าง โปรดดู ดวงชะตาที่3 และ 4 ต่อไปนี้
ดวงที่ 3(ขออภัยย้งไม่มีข้อมูล)
ดวงชะตา นีโน นักจัดรายการโทรทัศน์ ล12/113 ร.3384
ชาย, เกิดวันอาทิตย์, ที่ 17 ก.ค. 2509 ว่า ๒ เล็งลัคนา
ดวงชาตานี้ คุณลักษณ์ เลขะนิเทศ ได้ให้ข้อมูลและเป็นผู้คำนวณวางลัคนาลงไว้ ผ่านรายการโทรทัศน์โดยเปิดเผย จึงถือว่าเจ้าชาตา อนุญาตแล้ว จะขอนำมาพิจารณาเฉพาะประเด็นที่มีปัญหา ในกรณีนี้คือ ปัญหา ศุกร์เจ็ดอาจารย์เจ้าว่าร้อนนิรันดร์ เราเห็นว่า คุณลักษณ์พยากรณ์ค่อนข้างแรงไปหน่อย คือโผงออกไปว่า นีโนจะไม่มีคู่ จะไม่มีการแต่งงานอย่างแน่นอน อันเป็นลักษณะตัดเยื่อใยเกินไป แต่เราเห็นว่าแม้จะอายุย่างเข้า 49 ปีแล้ว แต่ยังมีโอกาสแต่งงาน เริ่มจากวันที่ 16 ก.ค.2548 นี้เขาก็จะได้พบหญิงที่ถูกใจ มีความสุข การคบหาจะเป็นสิ่งที่พอใจหวานลึกซึ้งไปตั้งแต่นี้ เมื่อถึง 9 กันยายน 2548ก็จะทวีแนบแน่นหวานลึกลงไปอีก และมีเกณฑ์การแต่งงานกันอย่างเงียบๆ ในเดือนพฤศจิกายน 2549 ชาตานี้ไม่คิดอ่านที่จะมีครอบครัวมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ใช้ชีวิตให้สูญเปล่าไปกับเพื่อนฝูง เที่ยวเตร่ และหาความสุข ผู้หญิงที่เป็นเนื้อคู่จะมีฐานะดีและมีความสวยงาม เจ้าเสน่ห์ทีเดียว แต่จะต้องเป็นคนที่ยอมรับให้เขาเป็นใหญ่ เขาจะไม่ชอบผู้หญิงที่คิดจะเป็นใหญ่กว่าเขา เขาชอบผู้หญิงที่อยู่ในโอวาทสถานเดียว และเขาจะได้คนเช่นนั้น ตามเวลาดังกล่าว มีข้อสังเกตว่าการแต่งงานอาจจะมีบุตรยาก เจ้าชาตานี้อาจจะเป็นหมันก็ได้ ควรไปตรวจสุขภาพไว้สักหน่อย เมื่อพ้นเกณฑ์คือเลยปี พ.ศ.2550 ไปแล้วอาจจะต้องอยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิต
โปรดดูดวงชะตาดวงที่ 4
ดวงชาตานี้ พิธีกรได้ท้าวความมาว่าในปี พ.ศ.2545 อ.ลักษณ์ เลขะนิเทศ ได้พยากรณ์ว่า คุณนุ้ย ดวงแตก จะมีการแตกร้าวกับแฟนหนุ่มถึงต้องเลิกกัน และแล้วปรากฏว่าตลอดทั้งปี 2545 ไม่ปรากฏว่ามีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้นต่อเจ้าชาตา ไม่มีการแตกร้าวกับแฟนหนุ่มแต่อย่างใดเลย เป็นเหตุให้นุ้ยไม่พอใจมากได้ตอบโต้ผ่านสื่อมวลชนไปว่าไม่มีความน่าเชื่อถือในคำพยากรณ์ของ อ.ลักษณ์ เลขะนิเทศ ทางรายการมีความประสงค์จักให้ทั้ง 2 ฝ่ายนี้มาพบกันต่อหน้าสาธารณชนผ่านรายการโทรทัศน์ และอยากให้ทั้งสองฝ่ายทำความเข้าใจกันและกันใหม่ โดยทาง อ.ลักษณ์ได้ออกตัวว่าการพยากรณ์เป็นไปตามหลักการโหราศาสตร์ มิได้มีอคติเลยแม้แต่น้อย อ.ลักษณ์ให้ข้อมูลไว้ว่า เจ้าชาตาเกิดวันที่ 8 เมษายน 2525 ว่าลัคนาอยู่ราศีมีน มีดาวถึง 3ดวงเล็งลักคณ์ ดาวจันทร์(๒) อยู่ปัตนิ ไม่บอกเวลาเกิด และไม่บอกว่าเกิดวันอะไร แต่เจ้าชาตาบอกว่าตนเองเกิดวันพฤหัสบดี
ดวงที่ 4(ขออภัยย้งไม่มีข้อมูล)
ดาวพฤหัสบดี (๕) เป็นตนุเศษ
ดวงชะตา นุ้ย แฟนศรราม ล. 12 / 114 ร.3385
หญิง, เกิดวันพฤหัสบดี, ที่ 8 เมษายน 2525
ว่า ลัคนา อยู่ราศีมีน มี ๒ เล็ง ดาว 3 ดวงอยู่ปัตนิ
ข้อมูลจากคุณลักษณ์ เลขะนิเทศ เช่นเดียวกัน
ซึ่งการมาอนุญาตให้โหรพยากรณ์ผ่านรายการโทรทัศน์เช่นนี้ เราเห็นว่าเจ้าชาตามีความเต็มใจอนุญาตให้สังคมโดยเฉพาะวงการโหราศาสตร์วิพากษ์วิจารณ์โดยหลักวิชาฝ่ายโหรได้โดยเปิดเผย
จากการพิจารณาดวงชะตาซึ่ง อ.ลักษณ์ เลขะนิเทศ บอกไว้ว่า ลัคนาเจ้าชาตาอยู่ที่ราศีมีน และยืนยันราศีมีน ( แต่ไม่ยอมบอกเวลาเกิดของเจ้าชาตาออกมา ) โดยย้ำว่า มีดาวจันทร์(๒) เล็งลักคณาพร้อมให้การพยากรณ์ว่าชายจะประสบความสำเร็จ ในการแต่งงานกับเจ้าชาตานี้ต้องสื่อผ่านคุณแม่ของเจ้าชาตาจึงเอื้อให้ได้รับความสำเร็จดี ( ซึ่งเป็นการทำนายที่มีเหตุผลเมื่อลัคนาอยู่ราศีมีน )
ฉะนั้น เมื่อลัคนาอยู่ราศีมีน ดวงชาตานี้มีจุดที่น่าสนใจยิ่งที่ภพปัตนิ ราศีกันย์ที่มีดาวจันทร์(๒) ดาวอังคาร(๓)และดาวเสาร์(๗)กุมกันอยู่ ที่ล้วนแต่บ่งไปถึงชีวิตการแต่งงานที่เลวร้ายทั้งสิ้นเพราะโหรทั่วไปมักจะยึดทฤษฎีดาวคู่ที่เป็นทฤษฎีแห่งความเลวร้าย นั่นคือ ดาวจันทร์(๒)กุมดาวเสาร์(๗) บ่งถึงความพลัดพรากจากกัน ไปอย่างขมขื่นของคู่สามีภรรยา ดาวอังคาร(๓)กุมดาวเสาร์(๗)บ่งถึงการปะทะขัดแย้งกันอย่างรุนแรงของคู่สามีภรรยาจนอาจจะจบลงด้วยเหตุร้ายแรงบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้ และเมื่อสำรวจดวงดาวในชาตาต่อไปอีก ก็พบดาวอาทิตย์(๑)อริ กุมลัคนาที่ราศีมีน ส่วนตนุลัคณ์คือดาวพฤหัสบดี(๕)ไปสถิตในภพที่8 ซึ่งเป็นภพที่ท่านตั้งชื่อให้ว่าภพมรณะ(เหมือนดวงที่ 5 โปรดดูดวงที่ 5 ตนุลักคณ์ตกภพมรณะเช่นเดียวกัน ) แล้วพฤหัสบดี(๕)ตนุลักคณ์นี้ยังถูกกุมด้วยดาวเกต (๙)นั่งเรือนมรณะ และร่วมธาตุจากดาวมรณะเองคือดาวศุกร์(๖)ที่ราศีกุมภ์ และอีกมุมหนึ่งจากดาวราหู(๘)ที่ราศีมิถุน แล้วยังถูกขนาบหน้าด้วยดาวมฤตยู(๐)ถูกขนาบหลังด้วยดาวอังคาร(๓)และดาวเสาร์(๗) ซึ่งเมื่อมองจากหลักเดิมแล้ว ก็จะไปเพิ่มเหตุผลแห่งความร้ายของเจ้าชาตานี้ไปอีก
ฉะนั้นดูเหมือนว่าเป็นดวงชะตาที่สร้างความประหวั่นใจให้แก่บรรดาโหราจารย์ทั้งหลายเป็นอย่างยิ่งโดยถือว่าเป็นดวงชาตาที่อ่านยากมากๆ และทั้งยากแก่การพยากรณ์ออกมาตรงตามเหตุผลแห่งดาวร้ายในดวงชาตา กระนั้นก็มีโหรกล้าออกมาฟันธงลงไป เมื่อให้การพยากรณ์ไปว่า เหตุร้ายจะเกิดแก่เจ้าชาตาในปี 2545 โดยชีวิตรักจะหักสะบั้นลงอย่างสิ้นเชิง และปรากฏว่าไม่เป็นความจริง โหรพลาดไปทั้งหมด
เราเห็นว่าดวงชาตานี้ มีความน่าสนใจเชิงการศึกษาวิชาโหราศาสตร์ ในระดับที่สลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนที่ยากแก่การอ่านอย่างยิ่ง และเมื่อเป็นเช่นนี้ จึงมีหลายสำนักโหราศาสตร์ให้การพยากรณ์ออกมาแตกต่างกัน ถึงขนาดตรงข้ามกันไปเลยก็ได้ จึงควรเปิดโอกาสให้นักโหราศาสตร์ได้แสดงทัศนะ เพื่อเห็นทัศนะและหลักวิชาที่แตกต่างออกไป เป็นการเพิ่มพูนภูมิความรู้วิชาการทางโหราศาสตร์ให้ก้าวไปอีกการหยิบยกขึ้นมาของเราก็โดยหวังว่าจักเอื้อประโยชน์แก่เจ้าชาตา ให้ความเป็นธรรมในการพยากรณ์โดยทัศนะการมองที่แตกต่างไปจากหลักเดิมๆที่มีอยู่
และต่อไปนี้ จะเป็นทัศนะของเรา
โปรดดูดวงชาตาที่ 4
ประการแรก เรามั่นใจว่า ดาวพุธ(๔)ควรจะอยู่ที่ราศีมีน กุมลักคณ์ เพราะโดยข้อเท็จจริง ดาวพุธ(๔)จะยกจากราศีมีนเข้าสู่ราศีเมษ เมื่อเวลา 06.36 น.ของวันเกิดนั้น เมื่อยืนยันว่าลักคณาอยู่ราศีมีนดาวพุธ(๔) ก็จะอยู่ในราศีมีนด้วย
ประการที่ 2 วันเกิดของเจ้าชาตาควรจะได้รับการทดสอบ เรามีเหตุผลว่า ควรเป็นวันพฤหัสบดีมากกว่าจะเป็นวันราหูหรือวันพุธกลางคืน
กระนั้นก็ควรทดสอบต่อไปอีกว่า เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ในวัยทารกแรกเกิดจะเลี้ยงยากสักหน่อย จะป่วยออดแอด แม่จะคอยประคบประหงมมาเป็นอย่างดี กระนั้นเมื่อโตขึ้นมาก็ยังคงมีปัญหาสุขภาพ จะมีโรคประจำตัวบ่อยๆ คือ ทางเดินอาหาร กระเพาะอาหาร ริดสีดวง และโรคไต มีเรื่องจิตประสาทอยู่บ้าง แต่โรคเหล่านี้ก็ไม่กำเริบถึงระดับอันตรายอย่างไร เป็นเพื่อนอยู่ด้วยกันไปเท่านั้น
เจ้าชาตาควรจะมีรูปร่างสวยงาม เมื่อเติบโตขึ้นมา ถึงระดับที่เป็นดาราภาพยนตร์ได้ทีเดียวนอกจากความสวยงามแล้วยังต้องฉลาด มีวาจาครบทั้งความสุภาพ ความนุ่มนวล และความคม การศึกษาจะต้องสูง และน่าจะไปได้เกินระดับปริญญาโท
และเมื่อเห็นเจ้าชาตานี้จากจอโทรทัศน์ก็ปรากฏว่าตรงหลักที่พยากรณ์ ในเรื่องรูปร่างของเจ้าชาตาและมีจุดสังเกตว่า เจ้าชาตาจะต้องมีดวงตาและประกายตา ที่บ่งบอกอารมณ์ได้ครบทุกอย่างนั่นคือสายตาคมเฉียบ(เมื่อโกรธ) สายตาหวานซึ้งจัด(เมื่อรัก)และสายตาสุดเศร้า(เมื่อผิดหวัง)จะปรากฏจากบุคลิกภาพของเจ้าชาตา ตามที่ดวงดาวกำหนด
วิถีทางชีวิตอนาคต จะเป็นผู้ที่ฝักใฝ่ในการทำบุญทำกุศลเป็นอันมาก จะเอาใจใส่เด็กกำพร้า ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยทั่วไป พาเพื่อนฝูงมิตรสนิทไปร่วมสร้างสรรค์งานการกุศลนี้มากมายไปตลอดชีวิต มีจิตเมตตามาก มีความเห็นอกเห็นใจคิดช่วยเหลือโดยไม่เห็นแก่ความยากลำบากของตนเอง ดวงดาวชี้บอกถึงจินตนาการที่บรรเจิดจ้า น่าจะได้ผลสำเร็จเป็นอย่างมากจากงานด้านการประพันธ์ เรื่องราวลึกลับ ซับซ้อน ฆาตกรซ่อนเงื่อน นักสืบ หรือเรื่องราวเกี่ยวกับการศาสนา พิธีกรรมของลัทธิต่างๆ
วิถีทางความรัก มีความสุขสมหวัง เพราะเหตุ 2 ประการ 1.ตนเองมีความสวยงาม ฉลาด จิตใจดี เข้าใจคนอื่น และมั่นคงในอารมณ์รัก 2. ผู้ชายที่เป็นเนื้อคู่เป็นคนดี มีเกียรติ มีหลักฐาน คือสินทรัพย์ที่มั่นคง ทั่งอารมณ์รักมั่นคง ชีวิตมีความดีมั่นคงปลอดภัย โยคเกณฑ์ร้ายๆ จากหลักการเดิม ถูกลบล้างจากวงจรมหาเกษตรของดาว 4 ดวงในชะตาคือ พุธ(๔) พฤหัสบดี(๕) ศุกร์(๖) และราหู(๘)ไปส่วนหนึ่ง ชีวิตภายหลังการแต่งงานจะห่างเหินกันไกลกันบ่อยๆ จนเป็นเรื่องธรรมดาเพราะเหตุผลทางการงานอาชีพ และสังคมมีสิ่งที่ต้องระวังก็คือ เพื่อนๆและวงสังคมอย่างหนึ่ง กับชาวต่างประเทศหรือการเดินทางไปต่างประเทศการคบกับคนแปลกหน้า คนต่างถิ่นไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดของชีวิตคู่เสมอ มีบางช่วงเวลาอาจขัดใจกันจนเป็นเหตุให้ความรักเสื่อมถอยลงไปที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะตนเองโดยปกติก็ชอบคบหาสมาคม ชอบมีเพื่อนมากๆ ไม่จำกัดอาชีพหรือผิวพรรณ เชื้อชาติ เพราะงานเกี่ยวกับสังคมที่ไม่เคยขาดนั่นเอง แต่กระนั้นเมื่อมีบุตรแล้ว บุตรก็จะกลายเป็นโซ่ทองที่เหนียวแน่นของพ่อแม่ทีเดียว ดูจากดาวจันทร์(๒) และดาวพุธ(๔)
ระยะ 23 ส.ค.2547 เป็นต้นมา บ่งถึงความสุข + ความรัก ที่มีความเข้าอกเข้าใจกันดี ที่เป็นความรักแท้ทั้งสองฝ่าย เป็นการพบเนื้อคู่ที่แท้จริง เป็นระยะที่น่าทำสัญญาใจกันหรือมีการหมั้นไว้แล้วเป็นเกณฑ์ที่อาจจัดพิธีวิวาห์ได้ด้วย แต่ดูจะยังไม่พร้อมนัก เมื่อเลยเดือนกันยายน 2548 ไปก็ยังจะไม่มีโอกาสดีอีก จะต้องรอไปอีกประมาณ 1 ปีเต็มๆ จนถึงเดือนตุลาคม 2549 เป็นต้นไป ปีนั้นอายุย่าง 25 ปีก็เป็นระยะที่พร้อมสมบูรณ์สำหรับชีวิตครองเรือน ของเจ้าชาตานี้
การวิเคราะห์ในรายละเอียด พอจะยืนยันได้ว่า ในปีนั้นการแต่งงานจะเป็นไปอย่างมีเกียรติยศสูงส่ง โด่งดัง ผาดโผน และระยะที่พร้อมที่สุดจะเป็นเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน 2549 นั่นเอง ระวังว่าหากเลยช่วงนี้ไปแล้วอาจจะเป็นต้นปี 2550 ยังมีโอกาสอยู่ แต่เมื่อเลยปี2550ไปแล้วจะต้องรอนานถึงปี พ.ศ. 2557 ขณะอายุย่าง 33ปี (ซึ่งตามดวงชาตานี้ ก็มีสิทธิ์ที่จะเป็นไปได้)
6. พยากรณ์ดวงชาตานักปราชญ์ว่าถึงฆาต จะสิ้นชีวิต
โปรดดูดวงชะตาดวงที่ 5
(ขออภัยย้งไม่มีข้อมูล)
*ดาวตนุลักคณ์สถิตภพมรณะ
ดวงที่ 5
ดวงชะตา ชื่อผดุงพงษ์ ทำนุคุรุการ ล. 6/141 ร.2141
ชาย, เกิดวันพุธ, ที่ 4 สิงหาคม 2486 เวลา 18.30 น.
ลัคนา อยู่ราศีธนู นวางค์ 7/๖ ตรียางค์ 3/๑
20 วาษาฒ มหัทธโน มนุษย์
เมื่อมาพบโหราจารย์ในราวปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2546 พยากรณ์ให้ว่า เป็นคนมีสติปัญญา เฉลียวฉลาด มีความคิดสติปัญญาสูงส่ง ประกอบการงานเด่นดังมีชื่อเสียง ชอบศึกษาวิชาเร้นลับ มีความฝักใฝ่สนใจในลัทธิพิธีกรรมเร้นลึกแปลกๆในศาสนา มีความรู้เชี่ยวชาญในกิจการงานเฉพาะอย่างอย่างลึกซึ้ง รวมถึงการทำพิธีกรรมต่างๆทางไสยศาสตร์ เป็นนักพูด นักแสดงธรรม นักโฆษณา และมีอาชีพในการสอน มีความเชี่ยวชาญงาน ปฏิบัติงานโดดเด่นมีชื่อเสียงเลื่องลือมาก
ปรากฏว่าถูกต้อง เขายอมรับว่าถูกทั้งหมด อาชีพเป็นครู แต่สร้างผลงานมีชื่อเสียงในด้านการอบรมธรรมะ จัดการอบรมธรรมะแด่นักเรียนในกรุงเทพฯ แล้วกลายเป็นนักอบรม เป็นวิทยากร ทำหน้าที่อบรมนักเรียนเอง มีชื่อเสียง แล้วทำการอบรมประชาชน จัดการปฏิบัติธรรมที่กรุงเทพและต่างจังหวัดจนเป็นที่ยอมรับของวงการศึกษา ต่อมาสนใจในการปฏิบัติธรรม เที่ยวไปศึกษาจากสำนักต่างๆและเที่ยวไปสนทนากับพระอาจารย์ชื่อดังทั่วประเทศ ได้ข่าวมีพระอาจารย์ชื่อดังอยู่ที่ไหนต้องไปสัมผัสให้ได้ สัมผัสมาหมด และเล่าเรื่องพระผู้ใหญ่ๆกระทำผิด พระธรรมวินัยให้ฟัง ว่าทุกวันนี้ควรปฏิบัติการศาสนาเสียทีในตอนหลังสุดได้มีโอกาสใกล้ชิดพระราชสำนักและได้รับสกุลพระราชทาน ว่า ทำนุคุรุการ หมายถึงทำนุบำรุงอุปถัมภ์กิจการของครูอาจารย์
ภายหลังสนทนาธรรมะเสวนาการทางศาสนาไป 2 – 3 วันแล้ว เขาได้มอบบัตรที่เขียนข้อความไว้ว่า “ สำหรับผู้มีบารมีสูง คิดว่าคงได้พบอีก ” ต่อมาเขามาพบอีก คราวนี้เปลี่ยนมาเป็นเรื่องโหราศาสตร์ ถามว่าการพยากรณ์โดยโหราศาสตร์ว่ามีความแม่นยำเพียงใด ขอให้พยากรณ์ว่าต่อไปข้างหน้าเขาจะเป็นอย่างไร
ตอบว่า อาทิตย์หน้า ( ปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2546 ) จะป่วยไข้ แต่เป็นการป่วยไข้เล็กน้อย รุมอยู่นานไม่หาย บอกว่าชาตาชอบการเสี่ยงภัยอันตราย ชอบศึกษาวิชาลึกลับ แม้วิชาโหราศาสตร์และไสยศาสตร์ก็ชอบ ชีวิตที่ผ่านมาต้องฝ่าฟันดิ้นรนลำบากอย่างหนัก มีอันตรายและการเสี่ยงอยู่ตลอดเวลาแต่เจ้าชาตามีความมุ่งมั่นในการสร้างฐานะให้ก้าวหน้ารุ่งเรือง มีกำลังใจสูง ไม่ยอมแพ้ต่อศัตรูหมู่อมิตรที่อยู่รอบตัว เขาถามว่าเพราะเหตุใดจึงจะป่วย บอกเขาว่าเพราะดาวเสาร์(๗)ยกเข้าสู่ภพที่7 ราศีมิถุน ในวันที่ 23 พ.ศ.2546 ขณะนั้นพฤหัสบดี(๕)จรอยู่ในภพมรณะเป็นมหาอุจ เขาจะป่วยเรื่องมันสมองพิการสักหน่อย เขาเป็นโรคทำนองนี้มานานแล้ว และจะหนักขึ้นไปอีก
เขากลับมาอีกครั้งหนึ่ง เมื่อ 14 มิถุนายน 2546 บอกว่าป่วยจริงๆขณะนั้นป่วยอยู่และไอบ่อยๆเขาบอกว่าทฤษฎีโหราศาสตร์น่าเชื่อถือกว่าพวกทรงเจ้า เขาเล่าเรื่องการทรงเจ้าให้ฟัง ว่าทรงเจ้าพยากรณ์ถูกๆผิดๆมีแต่หลอกลวงประชาชน เพื่อหาลาภและไม่มีหลักเกณฑ์อะไร เขาได้ศึกษาพวกทรงเจ้ามานานจนสรุปได้ว่าเป็นเรื่องเหลวไหลสิ้นดี เขาว่าอยากศึกษาโหราศาสตร์ให้มีความชำนาญจะทำได้อย่างไร บอกว่าอายากแล้วคงศึกษาไม่ได้หรอกเพราะโหราศาสตร์เป็นวิชาที่ยากมากๆไม่ใช่วิชาง่ายๆเลย เขาถามว่าโหราศาสตร์สามารถพยากรณ์ชาตาข้างหน้าได้ไกลขนาดไหน ตอบว่าไกลจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต กล่าวคือ สามารถพยากรณ์วิถีชีวิตได้ทั้งชีวิต เขาให้พยากรณ์ว่า ชีวิตของเขาจะเป็นอย่างไรในอีก 2 – 3 ปีข้างหน้า
ตอบว่า มีเหตุร้ายแรงคอยอยู่ในเดือนมิถุนายน 2546
เขาถามว่าร้ายแรงขนาดไหน ตอบว่า หากถือว่าเป็นนักปราชญ์กันแล้วก็จะบอกตรงๆว่าร้ายแรงมากอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
เขาถามว่า เหตุร้ายจะเกิดขึ้นวันใด ตอบว่า วันที่ 27 มิถุนายน 2546 ประมาณนั้นๆ
เขาให้อธิบายให้ฟังในเชิงโหราศาสตร์
อธิบายว่าในพื้นชาตาของเขา ลัคนาถูกตรึงไว้ด้วยดาวร้าย 2 ดวงในมุมร่วมธาตุไฟ คือดาวจันทร์(๒)มรณะ ตรึงที่ราศีสิงห์ ดาวอังคาร(๓)เป็นวินาสน์และกาลกิณี ตรึงที่ราศีเมษ มีกำลังแรงจัดเพราะเป็นเกษตรร้ายยิ่งนัก ลัคนาอยู่ที่ราศีธนู ร่วมธาตุไฟในขณะเดียวกัน ดาวพฤหัสบดี(๕)ตนุลักคณ์ ไปตกภพมรณะเป็นมหาอุจ มีดาวอาทิตย์(๑) และราหู(๘)กุมอยู่ในภพมรณะนั้น ดาวศุกร์(๖)อริ กุมดาวพุธ(๔)บริวาร อยู่ภพที่ 10 ดาวเสาร์(๗)ซึ่งเป็นดาวอายุตามทักษาตกภพอริมีดาวมฤตยู(๐)กุมอยู่ ลักษณะตำแหน่งดาวบ่งถึงการเสียชีวิตจะเกิดจากเหตุการณ์ร้ายแรงอย่างแน่นอน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เหตุที่รอดมาได้จนถึงอายุย่าง 60 ปีแล้วบัดนี้เพราะดาวอายุ(๗)เป็นมหาจักร ดาวศุกร์(๖)มีดาวพุธ(๔)มหาอุจซึ่งเป็นดาวบริสุทธิ์ดวงเดียวในชาตา เป็นคู่ธาตุกุมอยู่ในภพที่ 10และดาวพฤหัสบดี(๕)เป็นมหาอุจมีกำลังดีแรงจัดมีสติปัญญาจัดแล้วยังมีคู่มิตรอาทิตย์(๑)มหาจักรกุมอยู่ช่วยป้องกันภัยน้อยใหญ่ให้ และเมื่อมาถึงบัดนี้ เหตุร้ายแรงกำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 27 มิ.ย. 2546 ดังกล่าวก็เป็น เพราะดาวอังคาร(๓)จรกุมมฤตยู(๐)จรโยคหน้าลัคนาที่ราศีกุมภ์ถึงดาวอีกกลุ่มหนึ่งในภพปัตนิที่เล็งลักคณ์ คือเสาร์(๗)จร อาทิตย์(๑)เป็นกาลกิณีจร อังคาร(๓)จร และพุธ(๔)จรในขณะที่พฤหัสบดี(๕)จรเข้าภพมรณะทับพฤหัสบดีเดิมที่ราศีกรกฎ และจันทร์(๒)ดาวมรณะจร ที่แรงกล้าเพราะเป็นตำแหน่งมหาอุจ ของจันทร์มรณะ ทับดาวเสาร์(๗)อายุเดิม และมฤตยู(๐) การจรในดวงดาวในระบบจักรราศีเช่นนี้ บ่งอย่างชัดเจนถึงอันตรายที่รอดยาก
นอกจากนี้ เจ้าชาตายังมีเคราะห์กรรมซ้อนเข้ามาอีก เพราะถึงแม้จะรอดไปได้จากเหตุการณ์วันนี้ก็ยังมีเหตุร้ายแรงรอคอยอยู่อีกด้านหนึ่ง ที่ร้ายพอๆกัน ในเดือนสิงหาคม 2546 จึงนับว่าเจ้าชาตาอยู่ในช่วงตอนร้ายของชีวิตจริงๆ
เขารู้สึกเห็นคล้อยตามคำพยากรณ์ (เขาฟังเหตุผลในการพยากรณ์แล้วเชื่อ ) เขาเองเป็นผู้ชำนาญการทำพิธีกรรมต่างๆ ทางพราหมณ์และไสยศาสตร์ทุกชนิด บอกว่าจะทำพิธีกรรมแก้ดวง แต่เขาไม่ชำนาญ การทำดวงฤกษ์ ให้ช่วยหาวันดีให้ ว่าอยากจะมาทำพิธีที่สำนักอาจารย์นี่แหละ ได้กำหนดดวงฤกษ์พิธีกรรมให้เป็นวันที่ 22 มิถุนายน 2546 เวลา 09.19 น. ลัคนาฤกษ์สถิตราศีมิถุน นวางค์๕ ตรียางค์๖ เทวีฤกษ์ เขารับเอากำหนดฤกษ์ยามไป บอกว่าจะเดินทางไปกรุงเทพก่อนในเร็วๆวันสองวันนี้ จึงจะมาเยี่ยมปรึกษาอีกครั้ง แล้วจากนั้นไม่ได้ติดต่อมาอีกเลย
จนกระทั่งถึงวันที่ 27 พฤษภาคม 2546 มีโทรศัพท์เข้ามาบอกว่าอาจารย์ผดุงพงษ์เสียชีวิตแล้วที่กรุงเทพฯ โดนไฟไหม้บ้านทั้งหลัง ถูกครอกตายพร้อมกัน 3 ศพ อ.ผดุงพงษ์ตายเปลือย ไม่สวมเสื้อผ้าเข้าใจว่าเกิดอุบัติเหตุขึ้นขณะทำพิธีกรรมจนไฟไหม้ครอกเสียชีวิต
ซึ่งก็เป็นเหตุร้ายที่เกิดขึ้นต้องตามคำพยากรณ์ทุกประการ เพียงแต่คลาดเวลาไปประมาณ 1 เดือนเศษๆโดยเหตุเกิดก่อนเวลาที่คำนวณไว้ กระนั้นก็อยู่ระหว่างช่วงเวลาร้ายของชาตาอยู่
7. พยากรณ์ว่าจะมีขบวนขันหมากมาหมั้นในวันที่ 15 มิ.ย.2548
โปรดดูดวงชะตาที่ 6(ขออภัยย้งไม่มีข้อมูล)
ดวงที่ 6
สมบูรณ์ (นามสมมุติ) ล. 11/20 ร. 3121
เกิด 15 ก.ย. 2519 วัน อังคาร ไม่ทราบเวลาเกิด
อ่านจากระบบดาวล้วนๆ
ถามถึงเรื่องการงานและความรักก่อนเหตุการณ์ที่พยากรณ์ได้ไว้จะเกิดขึ้นประมาณ 1 เดือนเศษๆ พยากรณ์ไว้ มีคนรักอยู่แต่ไม่พร้อมจะแต่งงานกัน จะได้เพียงคำมั่นสัญญา หรือมีการมั่นกันไว้ก่อน จะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นที่บ้านเจ้าชาตา ในวันที่ 15 มิถุนายน 2548 จะมีการชุมนุมที่บ้าน น่าจะเป็นการสู่ขอของฝ่ายเจ้าบ่าว ฝ่ายญาติเจ้าบ่าวจะเดินทางไปที่บ้านเพื่อดูตัวหรือเจรจาสู่ขอเจ้าสาว ต่อมาเจ้าชาตามาบอกว่าเกิดเหตุการณ์เช่นที่พยากรณ์ไว้ทุกประการและตรงเวลาคือในวันที่ 15 มิ.ย. 48 เผง โปรดดูดวงระบบดาว วันที่ 15 มิ.ย. 2548 ข้างล่าง
ดวงระบบดาววันที่ 15 มิ.ย.2548 (ขออภัยย้งไม่มีข้อมูล)
8. พยากรณ์นักการเมืองท้องถิ่นว่าจะได้รับเลือกตั้งมีชัยเหนือคู่แข่ง
โปรดดูดวงชะตาที่ 7
ดวงที่ 7(ขออภัยย้งไม่มีข้อมูล)
ดวงชะตา ผู้สมัคร นายก อบต. ล7/111 ร. 2258
ชาย, เกิดวันจันทร์ ที่ 25 พฤษภาคม 2513, เวลา 16.00 น.
ลัคนา สถิตรศีตุล นวางค์๕ ตรียางค์๖ ฤกษ์15 สวาติ, เทวีฤกษ์
ดวงชะตานี้ เข้ากฎ ดวงแตก เพราะ เสาร์(๗)เล็งลักคณ์ ตามหลักเดิม เป็นผู้คุ้นเคยและเลื่อมใสเพราะได้พยากรณ์ให้ตั้งแต่เริ่มมีความรัก จนถึงมีชีวิตคู่ไปตามคำพยากรณ์หลายปีแล้ว
เมื่อปลายปี 2547 มาปรึกษาว่าดวงพอจะประสบความสำเร็จในการเมืองท้องถิ่นหรือไม่บอกว่าจะลงสมัครเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (นายก อบต.) บอกว่าจะครบวาระและมีการเลือกตั้งใหม่ในต้นปี 2548 ภายหลังตรวจดวงแล้วบอกว่ามีทางได้รับความนิยมสูงอยู่ และดวงชะตาในระยะต้นปีใหม่ก็กำลังดี ครั้นถึงปีใหม่ 2548 มาปรึกษาว่าจะเอาจริงจะชนะหรือไม่ ยังไม่ทราบว่าวันเลือกตั้งเป็นวันที่เท่าไรราวๆกลางปี 2548 พยากรณ์ให้ว่าในดวงบอกถึงภาระงานใหญ่ใน 2 – 3 ปีข้างหน้า และถ้ามีการเลือกตั้งหลัง ก.ย. 2548 ค่อนข้างจะบอกได้อย่างมั่นใจว่าจะชนะ ถ้าก่อน ก.ย.จะยากหน่อย ขอให้ได้วันเลือกตั้งมาก่อนจะคำนวณและสอนทานให้อย่างละเอียด
ต่อมาเขามาบอกว่า วันเลือกตั้งเป็นวันที่ 31 ก.ค. 2548 ในวันนั้นเห็นดาวอาทิตย์(๑)ศรีจรกุมเสาร์(๗)กาลกิณีจร อยู่ในภพที่ 10 ราศีกรกฎ อาทิตย์(๑)เป็นมหาจักร เสาร์(๗)เป็นประแต่มีมหามิตรคือราหู(๘)เสริมกำลังให้จากราศีมีนทำให้เสาร์(๗)เข้มแข็งขึ้น แปลว่าการแข่งขันสูสีมาก แสดงถึงคู่แข่งเปิดตัวสู้อย่างแรง(เพราะศรีและกาลกิณีอยู่ราศีเดียวกัน) แต่เนื่องจากชะตาเดิมบ่งถึงมหาชนนิยมเพราะจันทร์(๒)ถึงพุธ(๔), อังคาร(๓)กุมศุกร์(๖), พฤหัสบดี(๕)กุมลักคณ์ และเสาร์(๗)เดิมเล็งลักคณ์เป็นนิจแต่เป็นศรีเดิมและเป็นอุดมเกณฑ์ให้แก่ลักคณ์ที่ราศีตุล หมายถึงลำบากยากเข็ญขนาดหนักก่อนจึงจะสำเร็จพยากรณ์ว่าต้องใช้ความพยายามมาก ต้องไม่ล้า ปลายทางจะต้องแรง เขาตัดสินใจสมัครเลือกตั้ง ในตำแหน่งนายก อบต.
ต่อมาได้มาปรึกษาในเชิงโหราศาสตร์อีกหลายครั้ง เป็นระยะๆ เพื่อยืนยันว่าจะชนะ ท้ายที่สุดต้นเดือนกรกฎาคม 2548ได้ตรวจทานดวงชะตาให้อย่างละเอียด พยากรณ์ว่า คะแนนดีมาแต่ต้นอยู่ในระดับผู้นำ (เพราะเห็นดาวอาทิตย์ศรีจรยกออกจากภพมรณะเข้าสู่ตำแหน่งราชาโชคที่ราศีมิถุน)และดาวศุกร์(๖)กุมดาวพุธ(๔)ในเรือนธาตุ ที่ภพกัมมะ + ฯลฯ) ครั้นถึง 29 มิ.ย. 2548 คะแนนคู่แข่งจะมาแรงมากและแรงอีกไปจนถึงวันเลือกตั้ง (เสาร์(๗)ประกาลกิณีจร ได้รับแรงเสริมจากราหู (๘) อย่างแรง) ทายว่าจะถูกดึงคะแนนไปส่วนหนึ่ง ต่อเมื่อถึงวนที่ 16 ก.ค. 2548จะมีคะแนนเพิ่มจากเพื่อนสนิทที่รักใคร่ช่วยเหลือกันอย่างเหนียวแน่น (ดาวอังคาร(๓)จรเข้าเมษเล็งลักคณ์) วันที่ 20 ก.ค.2548เริ่มฉายแววความสำเร็จมีความมั่นใจว่าจะชนะ และจะชนะ (ดาวศุกร์(๖)จรเข้าภพที่ 11เป็นอุดมเกณฑ์ให้แก่ลักคณ์) พอถึงวันที่ 27 ก.ค.2548คะแนนท่วมโถมเข้ามาอีก แต่แล้ววันที่ 29 ก.ค. 2548 จะมีการพลิกโฉมหน้าของผู้สนันสนุน (จันทร์ (๒)จรออกจากราศีเมษมหาจักรเข้าสู่พฤษภมหาอุจ ภพมรณะแก่ลักคณ์ และอยู่ในพฤษภจนถึงวันเลือกตั้ง ซึ่งถ้าดูเพียงนี้จะเห็นว่าไม่เป็นผลดีต่อเจ้าชะตาเลยเพราะจะหมายถึงการทรยศหักหลังเกิดขึ้น) แต่ก็ได้เตือนว่า 2 วันก่อนการเลือกตั้งคือคืนวันที่ 29 ก.ค. 2548เป็นต้นไป จะมีการพลิกโฉมหน้าของผู้สนับสนุนหรือหัวคะแนนไปเข้ากลับฝ่ายตรงข้าม แต่โดยรูปดาวเห็นว่าเป็นเพียงการเสแสร้ง คงหลอกกินเงินฝ่ายตรงข้าม แต่จริงใจเลือกเราอยู่ (ฝ่ายคู่แข่งมี สส.เขตสนับสนุนอย่างแรง )
ถามว่าจะชนะการเลือกตั้งหรือไม่ คำตอบคือชนะ ลองทบทวนระบบดาวก็จะพบว่า เดิมคะแนนก็ดีมาตลอดอยู่แล้ว ภายหลังวันที่ 29 มิ.ย.2548 มีคู่แข่งมาแรงเขาประกาศสู้โดยเปิดเผย แต่เราเรียกคะแนนคืนภายหลัง และนับแต่วันที่ 20 ก.ค.2548จะมีสถานการณ์ชี้บอกอย่างชัดเจนว่าจะชนะความหวังบรรลุดั่งใจ แต่จะมีเหตุการณ์จะทำให้ตกใจในวันที่ 29 ก.ค.2548ก่อนวันเลือกตั้ง 2 วัน เพราะจะมีเหตุการณ์คือ คะแนนส่วนหนึ่งจะตีจากโดยจะเข้าไปหาคู่แข่ง แต่ไม่ต้องตกใจ จะเป็นเพียงการเสแสร้งเพราะพอลงจริงเขาก็จะลงให้เรา เพราะฉะนั้นในวันที่ 31 ก.ค. 2548วันเลือกตั้งเจ้าชาตาก็ต้องชนะ
ระบบดาววันที่ 31 ก.ค.2548(ขออภัยย้งไม่มีข้อมูล)
วันเลือกตั้ง อบต. ทั่วประเทศ
ดูระบบดาวแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม
คือ ๑๒๓๔๕๖ กับ ๗๘๙๐
(เมื่อเอาดวงเดิมเป็นตัวตั้ง )
วันที่ 30 ก.ค. 2548 ก่อนวันเลือกตั้ง 1 วัน ภรรยาเจ้าของชาตามาหาด้วยดวงหน้าอ่อนเพลียปริวิตกพอเห็นพอเห็นก็รู้ว่าถูกต้องตามลักษณะความเป็นไปของดวงชะตาที่ภริยาจะมีส่วนอย่างร้ายแรงในความสำเร็จ ภริยาถามว่า จะเป็นอย่างไรบ้าง ในขณะนั้น ได้พิจารณาดาวอาทิตย์(๑) ศรีจรเดินคู่ไปกับพุธ(๔)มนตรีจรในภพที่10 ทำการต่อสู้อยู่กับดาวเสาร์(๗)ประ + กาลกิณีจร แม้ดาวเสาร์(๗)จะได้รับแรงสนับสนุนอย่างแรงจากราหู(๘)ก็ตามแต่ อำนาจดาวอาทิตย์(๑)ศรีจรที่มีกำลังเป็นมหาจักรบวกกับพุธ(๔)ในเรือนธาตุและอาทิตย์(๑)กลับได้รับแรงสนับสนุนจากมิตรอย่างเต็มที่ คือโยคหน้ามีพฤหัสบดี(๕)แม้เป็นประ แต่ร่วมธาตุกับคู่ธาตุมหาอุจก็แรงขึ้น) โยคหลังมีจันทร์(๒)มหาอุจเกิดกระแสประสานอย่างแรงของระบบดาว 3 พระยาคือ จันทร์,ครุ,สุริยา โดยมีศูนย์กลางที่เรือนกัมมะเรือนที่ 10 ซึ่งเป็นสนามรบขณะนั้น (ตรงนี้หมายความคะแนนสนับสนุนอย่างลับๆไม่เปิดเผยเพิ่มเติมเข้ามาอีก) ภพที่ 7 มีดาวอังคาร(๓)จรเป็นเกษตรอยู่ นับว่าแรงจัดและเหนียวแน่นไม่มีถอย และจากอังคาร(๓) เห็นศุกร์(๖)ตนุลักคณ์คู่มิตรจรอยู่ในภพของความสำเร็จ ณ ราศีสิงห์เป็นอุดมเกณฑ์ ให้แก่ลัคนาที่นรตุล จึงสรุปลงได้ทีเดียวว่าจะต้องชนะ หากไม่เป็นเช่นนั้นย่อมขัดหลักเกณฑ์ของโหราศาสตร์ไทย เธอให้คำนวณฤกษ์ที่จะออกไปลงคะแนน ให้ออกไปลงคะแนนเวลา 12.42 – 16.16 น. ของวันที่ 31 ก.ค. 2548 ต่อมาวันที่ 1 ส.ค. 2548 เขาโทรมาบอกว่า เหตุการณ์ได้เป็นไปตามคำพยากรณ์ทุกประการ เขาชนะคู่แข่งแบบขาดหายห่วง เขาจะเข้ามาเล่ารายละเอียดทีหลังพร้อมทีมงาน
ดวงชะตาที่นำมาพยากรณ์ทั้งสิ้นนี้ ล้วนเป็นดวงตัวอย่างของการระวังเรื่องดาวให้โทษตามตำราเดิมเมื่อเห็นดาวให้โทษ ควรระวังการมองด้านเดียวมุมเดียวแต่ต้องมองรอบด้าน(โดยเชี่ยวชาญ)จึงจะเป็นธรรมต่อประชาชน
*** ช. โหรชนบท
1 ส.ค.2548
|