6. กรณีปรับรัฐบาล
ในที่สุดก็มีการปรับรัฐบาลทักษิณ 2 / 2
เราเห็นว่าน่าพิจารณาเพิ่มหน่วยงานระดับกระทรวงและระดับกรม ดังนี้
(1) กระทรวงข่าวสาร เพื่อทำหน้าที่กลั่นกรองข่างสารที่เข้ามาในสังคมทุกวันนี้อย่างมากมายหลายหลาก ทั้งตัวข่าวสารเองมากมาย และสื่อที่นำข่าวสารมามากมายหลายชนิด แล้วยังมีอุตสาหกรรมข่าว คือ การนำข่าวไปแปรเป็นสินค้าใหม่ต่อไป นับแต่ผลิตบทความ บทวิจารณ์ หรือวิพากษ์ไปได้อีกมากมายหลายรูปแบบ ทำให้เกิดสภาวะข่าวสารท่วมสังคม ทำให้คนในสังคมสับสนและเป็นเหตุความเข้าใจผิดในเรื่องราวต่างๆ ได้หลายหลากเรื่องราว และเพื่อป้องกันความสับสนทางข่าวสารขึ้นกระทรวงข่าวสารนี้จะทำหน้าที่ทั้งการวางมาตรฐานความน่าเชื่อถือของข่าวสาร การวิเคราะห์และจัดระเบียบหมวดหมู่ของข่าวสาร ทำหน้าที่ออกเอกสารประเมินค่าของข่าวออกมาเป็นระยะๆ และทั้งการกำจัดข่าวลือหรือข่าวโฆษณาชวนเชื่อต่างๆโดยตรง ยังมีงานที่อยู่ในภาระของหน่วยงานที่ชื่อว่ากระทรวงข่าวสารที่จะเพิ่มมาอีกอย่างมากมายข้างหน้ารวมทั้งงานการดูแลสื่อต่างๆโดยเฉพาะสื่อโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ สำหรับโทรทัศน์ขณะนี้มีแนวโน้มที่ผันแปรไปในรูปแบบต่างๆหลากรูปแบบอย่างเร็วมาก จำเป็นต้องมีผู้ดูแลโดยรอบด้าน โดยเฉพาะดูแลไปถึงระบบการธุรกิจของโทรทัศน์ ว่าเป็นอย่างไรโดยดูความเป็นธรรมของกิจการโทรทัศน์ว่า ให้ความเป็นธรรมแด่สังคมและให้ความเป็นธรรมแด่วงการธุรกิจโทรทัศน์เองอย่างไร
(2) กรมโหร ควรจะให้ขึ้นกับกระทรวงวัฒนธรรมแห่งชาติหรือกระทรวงศึกษาธิการ ในระยะแรกให้มีหน้าที่ดูแลการคำนวณปฏิทินโหรที่สำนักโหรสำนักต่างๆคำนวณไว้ด้วยวิธีการคำนวณที่แตกต่างกัน และผลิตสร้างปฏิทินที่เป็นสากล ให้รับได้จากทุกฝ่ายและสอดคล้องวันสำคัญและพิธีกรรม ทางพระพุทธศาสนา และในระยะต่อไปมีหน้าที่ประสานกับต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านที่ใช้คัมภีร์คำนวณปฏิทินแบบเดียวกัน เช่นไทยกับลาว ก็มีวันออกพรรษาไม่ตรงกัน คลาดกันไป 1 -2 วัน เสมออย่างนี้ ควรเป็นหน้าที่ของกรมโหรที่จะดำเนินการประสานกับลาวเพื่อจัดการให้ตรงกัน นอกจากนั้นกรมโหรยังมีหน้าที่ทั้งการอนุรักษ์และการพัฒนาการศิลปวิทยาการชั้นสูงสุดของไทยที่มีความเป็นศาสตร์โบราณที่ไม่ตาย คือ โหราศาสตร์ ที่ได้รับความเชื่อถือในสังคมไทยและสังคมโลกมาตลอดกาล ยิ่งกว่าศาสตร์ใดๆ ก็จะเป็นงานใหญ่อีกงานหนึ่งที่ต้องมีหน่วยงานระดับกรม หรือกระทรวงรับผิดชอบการพิจารณาโหรนี้ จักแสดงถึงท่าทีของรัฐบาลและระบบงานปกครองไทยทั้งสิ้น ที่มองความสำคัญของมรดกไทยชิ้นนี้ว่ามีความสำคัญยิ่งของอารยธรรมตะวันออก ที่คนต่างชาติก็เห็นคุณค่าแม้กระทั่ง Mrs. Melissa F. Wells นักโหราศาสตร์สตรีชาวเมริกัน ซึ่งเป็นนักเขียนเรื่องของโหราศาสตร์ลงในนิตยสาร American Astrology อันแพร่หลายทั่วโลก ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา เดินทางมาประชุม APAC ในกรุงเทพฯ เมื่อ พ.ศ. 2520 ถึงได้แอบไปพบนักโหราศาสตร์ไทย ( หมอเถาวัลย์ : อรุณ ลำเพ็ญ ) ที่บ้านเพื่อขอเรียนรู้หลักโหราศาสตร์ไทย ตามที่ได้ยินเลื่องลือมาว่ามีความแม่นยำกว่าโหราศาสตร์แนวฝรั่ง นี่คือมรดกชั้นเยี่ยมของไทยชิ้นหนึ่งทีเดียวจึงควรจะเชิดชูยกย่องขึ้นมาและจัดระบบงานเพื่อเปิดโอกาสให้ทำประโยชน์แก่สังคมไทยโดยกว้างขวางยิ่งขึ้น