ดร.ทักษิณ ชินวัตร 1
(ในปลายปีพ.ศ.2546 ได้มีปรากฎการณ์ทางโหราศาสตร์ที่น่าสนใจ นั่นคือ โหรสำนักต่าง ๆ ได้ออกมาทำนายเกี่ยวกับคนสำคัญของประเทศกันมาก ต่อไปนี้เป็นการเริ่มพยากรณ์ดวงชาตาของบุคคลสำคัญของประเทศ โดยชลัมพุช โหรชนบท เริ่มด้วยการขอมีส่วนในการวิจารณ์ดวงชาตาบุคคลสำคัญกับโหรท่านอื่น ๆ ที่ได้ให้การพยากรณ์เกี่ยวกับบุคคลสำคัญของชาติอยู่ในขณะนั้น โดยตั้งชื่อหัวข้อเรื่องว่า ดวงชะตาผู้นำชาติและดวงเมืองยุคปัจจุบัน โดยหมายถึงดวงชาตาของหัวหน้ารัฐบาลในขณะนั้น เป็นการเริ่มต้น ดร.ทักษิณ ชินวัตร 1 )
ดวงชะตาผู้นำชาติและดวงเมืองยุคปัจจุบัน
โดย ชลัมพุช โหรชนบท
กรณีดวงชะตาผู้นำไทยปัจจุบัน เราเห็นว่าที่มีนักพยากรณ์หลายท่านพยากรณ์ออกมาก็น่าสนใจ ศึกษาอย่างยิ่ง การที่โหรมีความเห็นแตกต่างกันอย่างมากนั้นย่อมหมายถึงความสำคัญของดวง ชะตา หรือความมีรหัสลับทาง โหราศาสตร์ที่ยากแก่การอ่าน ที่เป็นประเด็นปัญหาสำคัญในวิชาการทางโหราศาสตร์อย่างแน่นอน อันชวนให้สนใจในเชิงวิชาการโหราศาสตร์ ว่าทำไมท่านจึงพยากรณ์ไปได้แตกต่างกันถึงขนาดนั้น
และเราจะลองพิจารณาดูพอให้เป็นตัวอย่างวิธีการมองในเชิงโหราศาสตร์อีกวิธีหนึ่ง เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาโหราศาสตร์ที่สะท้อนภูมิปัญญาแขนงหนึ่งของไทยแท้
เริ่มจากการวางลักคณาดวงนายกรัฐมนตรีที่แตกต่างไม่ตรงกัน ซึ่งในเรื่องนี้ ก็เป็นสิ่งที่น่าเห็นใจโหร เพราะโหรต้องการข้อมูลที่ถูกต้อง โดยเฉพาะเวลาเกิดของเจ้าชาตา เมื่อไม่ทราบเวลาเกิดที่แน่นอนโหรก็ย่อมมองหาจุดที่จะวางลักคณาไปตามกฎเกณฑ์ที่ควรจะเป็น
อย่างกรณีดวงชะตาของท่านนายกรัฐมนตรี เก่งกาจ จงใจพระ ไม่ทราบเวลาเกิดที่แน่นอน
มอง ๆ แล้วก็วางลงที่ราศีกรกฎ ท่านก็ให้คำพยากรณ์ไปแบบกรกฎ ท่านมีเงื่อนไขว่า ราศีกรกฎนะ จึงจะเป็นไปเช่นนี้ ๆ ใช่ว่าจะถูกต้องตามวิถีชีวิตของเจ้าชะตาทีเดียว แต่ถูกต้องตามเหตุผล แห่งราศีกรกฎ
ที่ว่าน่าสนใจในเชิงวิชาโหราศาสตร์ก็เพราะว่า ในความเป็นจริง นายกรัฐมนตรีมีความเด่นก็คือ เป็นเศรษฐีมหาเศรษฐี แต่เมื่อวางระบบดาวลงครบทุกดวงเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2492 แล้ว เห็นว่ากรกฎน่าจะเป็นราศีที่จะให้โยคเกณฑ์ร่ำรวยอย่างมหาศาลได้มากกว่าที่ราศีอื่น คุณเก่งกาจ ก็วางลงไปที่ราศีกรกฎ ซึ่งก็ถูกท่าน สว.บุญเลิศ ไพรินทร์ คัดค้านทันทีว่า ดวงของท่านนายก มีลักคณา อยู่ราศีกันย์ ท่านได้ข้อมูลจริงมาจากตัวท่านนายกรัฐมนตรีเอง แต่ท่าน สว.บุญเลิศ ก็ไม่ยอมเปิดเผยเวลาเกิดของนายกรัฐมนตรีออกมา
เมื่อเก่งกาจ จงใจพระ เห็นว่า ลัคนาของดวงนายก ควรอยู่ที่ราศีกรฎ ไม่ใช่อยู่ที่ราศีกันย์นั้น ตรงนี้เป็นข้อโต้แย้งที่น่าศึกษาทางโหราศาสตร์ที่น่าคิดน่าศึกษามากทีเดียว เพราะ ๒ เกษตร กาลกิณี เป็นตนุเศษ และเป็นทั้งตนุลัคน์ มี ๔ คู่มิตรกุมอยู่ ๔ อยู่ในเรือนธาตุ เป็นอายุตามทักษา เมื่อ ๕พฤหัสบดี อ่อนกำลัง เป็นนิจ เล็ง ก็ย่อมได้ชัยชนะศัตรูๆ กลับเป็นมิตร ชนะการแข่งขัน ชนะในเชิงเงิน ๆ ทอง ๆ เมื่อมี ๑ มหาจักร์ เป็นตัวเงินตัวทองเองมากุมลัคน์ที่กรกฎ รับ๕พฤหัสบดีอยู่ ๖ พันธุ์+ลาภะ กุม ๗ ปัตนิ+เดช ที่หน้าลัคนา จึงประสบความสำเร็จทางการเงินอย่างสูง พร้อมหมู่บริษัทสกุลพี่น้องเครือญาติต่างก็ได้รับผลประโยชน์ทางการเงินโดยทั่วหน้ากัน เมื่อ ๑, ๒ และ ๔ กุมลัคน์ มี ๕ อยู่เรือนที่ 7 ก็ เข้าเกณฑ์ จตุไทยเกณฑ์ ตามจักรทีปนี และอิทธิพลของ จันทร์ ครุ สุริยา ที่ว่าเยี่ยมยอดตามโหราศาสตร์ไทย เต็มที่ จึงสามารถเป็นผู้นำที่เด่นดังของประเทศได้ และราหู๘ มีอิทธิพลต่อการต่างประเทศ และเห็นได้ว่า อันตราย หรือความยุ่งยากลำบากแก่ ตัวเองจะเกิดในขณะที่อยู่ต่างประเทศบ่อย ๆ เป็นประจำ(ตามเงื่อนไขนี้คือลักคณาอยู่กรกฎ) แต่๕ ก็ได้เพียง 4 ํ 32 ่ และมีทั้งคู่มิตร๑ คู่ธาตุ๒ ถึงกัน อันตรายก็เบา ไม่หนัก เพราะการคุ้มกันมีประสิทธิภาพดีอนึ่ง เมื่อ ดาว๑ กับดาว๒ เป็นเกณฑ์แก่กัน ตามเคล็ดโยคเกณฑ์พิเศษของภารตะ ก็หมายถึงความร่ำรวยอย่างมหาศาล
เมื่อโหรไม่ทราบแน่ชัดในข้อมูลเวลาเกิดเช่นนี้ การวางพื้นดวงชาตาเมื่อลัคนาอยู่ราศีกรกฎ ก็มีเหตุผลทีเดียว การพยากรณ์เหตุการณ์ที่จะเกิดแก่เจ้าชะตาในอนาคต ก็ย่อมออกมาตามพื้นฐานข้อมูลนี้ คือลักคณาอยู่กรกฎ แต่อย่างไรก็ตามประเด็นที่ใช้ทดสอบความถูกต้องของเวลาเกิด เมื่อวางลัคนาที่กรกฎ ด้วยตำแหน่งและความหมายเจ้าเรือนแม้จะพอเห็นว่าเป็นดวงมหาเศรษฐีระดับโลก แต่ก็ไม่สะท้อนถึงผลงานที่ยิ่งใหญ่เพราะเมื่อวางลัคนาที่กรกฎ ความหมายของภพที่ 10 ไม่น่าจะตรงกับผลงานของท่านนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะเมื่อ ๓ ที่ 12 ํ 36 ่ กุม ๐ ที่ 13 ํ 15 ่ กุมกันค่อนข้างสนิท อยู่ภพที่ 12 ราศีมิถุน กลับแสดงถึงผลงานที่ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ปัญหาคือ ทำไมจึง ไม่มองที่ราศีกันย์ วางลัคนาที่ราศีกันย์ตามข้อมูลที่ท่านวุฒิสมาชิกอ้างว่าท่านนายกรัฐมนตรีบอกเอง
๙ * ๘
๓๐ *
๔๒๑ 9/59 ๕
๗๖ *
ลั * *
ดวงชาตากำเนิด
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร,วัน๓/26 กรกฎาคม 2492 ลักันย์ ล20/151
ถ้าลัคนาอยู่ราศีกันย์ ดวงกำเนิดวันอังคาร ที่ 26 กรกฎาคม 2492 ณ เชียงใหม่ หักเวลาออก 24นาที 8 วินาที ลักคณาอยู่ กันย์ เวลาเกิดก็จะอยู่ระหว่าง 10.40 น.-11.54 น. ตามตารางคำนวณของท่านอาจารย์ชัยมงคล อุดมทรัพย์ หรือ โหรญาณโชติ และควรจะเป็น ภูมิปาโลฤกษ์ มากกว่าจะเป็นโจโรฤกษ์
ตามดวงที่วางลัคน์ที่ราศีกันย์ ก็จะเห็นชัดทีเดียว ว่าน่าจะเป็นดวงที่ถูกต้อง เมื่อลองอ่านดู
ลักขณาอยู่ที่ราศีกันย์ เห็นได้ว่า ความสำเร็จทางการเงินมาจากงานวิจัย ค้นคว้าทดลอง งาน วิทยาศาสตร์ลึกลับ งานนวัตกรรมใหม่ทางเทคโนโลยี มีการบุกเบิกในสิ่งที่เป็นของใหม่ ๆ ที่มีความขลัง ให้มหาชนแตกตื่น ดาว๖ อยู่หน้ามูลพระอาทิตย์ ดาว ๕ เป็น 5 แก่ลักคณา และดาว๓ ที่ เป็น กัมมะ อยู่ข้างหลังดาวลาภกลุ่มนั้น การงานนำไปสู่ความร่ำรวย อย่างไรก็ตามรูปดาว ทั้งหมดนั่นเองที่เป็นพลังความสำเร็จทางการเงินมีมากถึงขนาดระดับมหาเศรษฐีของโลกได้ มิใช่ เพราะ ดวงดาว แต่เพราะระบบความสัมพันธ์ของดาว ความหมายของพลัง จันทร์ ครุ สุริยา เป็นแรงความสำเร็จ อย่างแน่นอน แต่ ยังมี อังคาร๓ ที่อยู่ภพกัมมะ ที่ถึง ลั ถึง ๕ พร้อมทั้ง 2 ดวง ด้วยกฎเกณฑ์ ทางกระแสของดาวอังคาร ๓ กับ ๐ องศาใกล้ชิดกันแทบทับกัน ก็บ่งถึง นวัตกรรมใหม่ การริเริ่ม การปฏิวัติ การเปลี่ยนแปลง และหมายถึงพลังความกล้าหาญและความขยันขันแข็งอย่างเอาเป็น เอาตาย ในขณะที่ดาวกัมมะเองคือดาว ๔ ซึ่งเป็นตนุลัคน์และตนุเศษในขณะเดียวกัน และทั้งอยู่ใน เรือนธาตุอีกด้วย แม้๒ เป็นกาลกิณี แต่เป็น 11 แก่ลัคน์ และเป็น เกษตร และทั้งโดนกุมจากมิตรคือ ๔ และเล็งจากคู่ธาตุ๕ ซึ่งมีฐานะเป็น ศรี และอยู่เรือนที่ 5 จากลักขณา ๘ เล็งลักคณา แต่ ๘ราหูก็ทำหน้าที่เป็นอุดมเกณฑ์ให้ราศีนระ กันย์ ในขณะเดียว กันพระเกตุ ๙ ร่วมธาตุลักคณาและดาว ๕ บ่งถึงเกียรติ ความสุข และความสำเร็จในกิจการงาน ระหว่างประเทศ และความสุขในต่างประเทศ นี่เป็นสภาวะที่ดวงดาวทั้งสิ้นประสานพลังสัมพันธ์ กันหมดทุกดวงดาว และลักคณา และส่งผลบ่งถึงความร่ำรวยอย่างมหาศาลทั้งสิ้น โดยเฉพาะเมื่อลักคณาอยู่กันย์ เกณฑ์พิเศษของ ความร่ำรวยอย่างมหาศาลของภารตะก็ยังคงมีอยู่ด้วยดาว๑กับ ดาว๔เป็นเกณฑ์แก่กัน ให้ความหมายเดียวกับเมื่อลักคณาอยู่ราศีกรกฎ
ในด้านความเป็นผู้นำ ลักคณาที่กันย์ อยู่ในตำแหน่งลักคณานำพล และ ราชลักคณาตามจักรทีปนี โยคเกณฑ์ทั้งระบบดาว ควรผ่านอาณาจักรได้อย่างไม่ยากเย็น ดาวเสาร์๗ธาตุไฟ อยู่สิงห์ธาตุไฟ ส่งเสริมงานริเริ่มบุกเบิกงานวิจัยสิ่งที่ลึกลับซ่อนเร้นทั้งทางวิทยาศาสตร์และศาสนา อย่างมีพลังแรงกล้า และนำไปสู่ความสำเร็จอย่างมากมายมหาศาล ขณะนี้จรมาทับดาว ๓ และ ๐ อยู่ ที่ราศี มิถุน งานใหญ่ งานหนักในเชิงการบุกเบิกริเริ่ม ที่น่าเหน็ดเหนื่อยจะมีต่อไปอีกถึง 2-3 ปี ย่อม หมายถึงการ ใช้พลังมันสมองและความคิด ที่คิดมาก ด้านสุขภาพอาจต้องเข้าโรงพยาบาลบ้าง ต้องพักสมองจากการใช้งานอย่างหนักบ้าง และแน่นอนมี งานใหญ่ที่ปฏิรูป ปฏิวัติแตกหัก และทั้งมีกระแสปะทะขัดแย้งอยู่ลึก ๆ และมีรอยปริแตกแยกในทางความหมายความร่วมมือ ร่วม พรรค ร่วมงาน แต่ดาว๗ ยังจรเป็นคุณตามทักษาจนกว่าจะถึง เดือน ก.ค. 2549 เมื่อถึงปีพ.ศ. 2548 ที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไป พระราหู๘ จรทับ๘เดิมในภพเล็งลัคน์ แน่นอนมีคู่ต่อสู้ คู่แข่ง หรือ ฝ่ายค้าน แต่๘ จรมาเป็นศรีจรและดาว ๕ จรทับลักคณาให้คุณ 2 ระดับชั้น เพราะเป็นทั้ง องค์เกณฑ์และอุดมเกณฑ์ ทั้งดาว๕และดาว๘ ก็จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปภายหลังชนะการ เลือกตั้งและงานด้านคุณธรรมเริ่มขึ้นเพราะอิทธิพลดาว ๕ ที่เป็นศรีเดิมเป็น 5 แก่ลักคณ์ แม้จะ เป็นนิจ แต่มี๑ และ ๒ เป็นเกณฑ์ ก็ฟื้นและกลับกลายดี
จุดที่ต้องมองในดวงชะตาก็คือ โยกเกณฑ์ร้าย จะเห็นว่า เมื่อท่าน สว.บุญเลิศ ให้ระวังอันตรายจากการถูกลอบทำร้าย ระหว่างวันที่ 16 ธ.ค. 2546 - 14 ม.ค. 2547 "อาจถึงขั้นเสียชีวิต" โดยมองจากมุมทั้ง4 ว่าบาปเคราะห์ตรึงลักคณาทั้ง 4 ด้าน(เดลินิวส์อินเทอเนต,28 พ.ย.2546) ก็เป็น ประเด็นที่น่าสนใจอย่างยิ่งในทางโหราศาสตร์เพราะลัคณ์กันย์ มีดาวฆาตคือดาวอังคาร๓ และดาว๓กุมดาวมฤตยู๐ ในดวงเดิมค่อนข้างสนิทองศา ในภพที่ 10 (๓ได้ 12 ํ 36 ่ ๐ ได้ 13 ํ 15 ่) ซึ่ง ดวงชะตากันย์ลัคณ์ใดมีดาวคู่นี้อยู่กัมมะ และทั้ง ดาวอริ๘ เล็งลักคณ์ ทั้งถึงพุธ๔ ตนุลักคณ์-ตนุเศษแล้วค่อนข้างมีสถิติที่น่าระวังว่าเหตุร้าย เร็ว รุนแรง แตกหักจากศัตรูหรืออุบัติเหตุย่อมมีได้ ราหู๘ ถึงทั้งพุธตนุลักคณ์-ตนุเศษ ค่อนข้างบอกได้ชัดว่าชะตานี้มีศัตรูคู่แข่ง หรือศัตรูผู้ชิงชัง คอย สร้างความปั่นป่วนเดือดร้อนให้เจ้าชะตาอยู่ตลอดเวลา เจ้าชะตาจะอยู่นิ่งไม่ได้ ไม้งั้นจะมีอันตราย และเมื่ออังคาร๓จรมาสู่ราศีธนูในช่วงปลายปี 2546 ต้นปี 2547 ดังกล่าว ก็น่าระวัง ท่านจึงกล้า พยากรณ์ว่า "อาจถึงขั้นเสียชีวิต" ซึ่งนับว่ามีเหตุผลในเชิงวิชาโหราศาสตร์ และเมื่อสำรวจช่วงเวลาดังกล่าว ที่ดาว ๗ ดาว ๓ และ ดาว ๑ โคจรมาปิดล้อมกันย์ลักคณ์ แล้ว เหตุการณ์น่าจะเกิด ขึ้นในวันอังคารที่ 6 มกราคม 2547 มากที่สุด เมื่อดาวจันทร์กาลกิณีเดิม เป็นกาลกิณีจร มาร่วมอีกดวงหนึ่ง โดยเข้าราศีมิถุน ร่วมเสาร์๗ ที่มาก่อนแล้ว และพร้อมกันทับอังคาร๓ และมฤตยู๐ เดิม สภาวะดาวโคจรมาอย่างนี้ ถ้ามองแค่นี้ก็ดูน่าวิตกว่าจะเกิดเรื่องร้ายค่อนข้างแน่นอน แต่ถ้า มองต่อไปอีก ดูพฤหัสบดี๕ เป็นศรีจรอยู่ที่ราศีสิงห์ขณะนั้น จะพบว่าเป็นจุดพลังประสานสำคัญ เป็น3ดาวสำคัญ คือจันทร์ ครุ สุริยา ขึ้นมาอย่างเหนียวแน่น โดยพลังศรีจร ของพฤหัสบดี๕ ขณะนั้น เป็นศูนย์พลังคุ้มครองลักคณาอยู่เต็มที่(๕จรหลังลักคณา หมายถึงนำพลังความดีงามไปสู่ไปคุ้มครองลักคณา) เนื่องจากดวงเดิม พลังจันทร์ ครุ สุริยา นี้ให้คุณแก่เจ้าชาตา จนเป็นถึง มหาเศรษฐีระดับโลกและเป็นผู้นำระดับชาติไทย เมื่อมาประสานกันในช่วงเวลาวิกฤตนี้อีก (จันทร์ที่มิถุนเป็น 11 แก่ พฤหัสบดี๕ที่สิงห์ พฤหัสบดี๕เป็น9แก่อาทิตย์๑ที่ธนู อาทิตย์๑ เป็น7แก่ จันทร์๒ กลายเป็นระบบกระแสพลังจันทร์ครุสุริยาที่เยี่ยมยอด ตามมติโหราศาสตร์ไทย) จึงย่อมคุ้มครองป้องกันได้ดี ประกอบกับทักษาจร มีเพียง๒เท่านั้นจรร้าย แต่ก็ถูกกล่อมเกลาจากอิทธิพล๕ ศรีจรและ๑อาทิตย์มนตรีจรคู่มิตรที่ร่วมธาตุอยู่ขณะนั้น รวมเป็นพลังประสานที่ดีแห่งจันทร์ครุสุริยาที่เลื่องชื่อ จึงแคล้วคลาดไป ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแก่เจ้าชะตา ทั้งจะได้รับการสนับสนุนอย่างใหญ่กลับ เป็นพลังหมุนกลับไปในภายหลัง (แต่ก็มีเรื่องยุ่งยากเกิดขึ้น คือปล้นค่ายทหารและเผาโรงเรียน 20 แห่ง ใน11 อำเภอในภาคใต้ ทำให้เจ้าชะตาที่อยู่ในฐานะผู้รับผิดชอบตกอกตกใจไป) อย่างไรก็ ตามโยกเกณฑ์ร้ายนี้จะมีมาสู่ชะตานี้อีกครั้งหนึ่งในระยะเร็ว ๆ นี้ จะเป็นช่วงตอนที่มีการเลือกตั้ง ครั้งต่อไปนั่นเอง เมื่อ๗จรยังทับ๓ ๐ ที่มิถุน ๘อริจรทับตัวเองและเล็งลัคน์ ระวังดาวอังคาร๓ เข้าราศีธนู แต่ตามพื้นดวงชาตาแล้ว ถ้าราศีธนูไม่มีดาวร้ายจรเข้าไป ก็ไม่น่าจะมีอะไรร้ายแรง แต่ตามปฏิทินของท่านอาจารย์ทองจือ อ่างแก้ว ๓ เข้าอยู่ธนู จริง ๆ และอยู่ในนั้นระหว่าง 29 ม.ค. - 12 มี.ค. 2548 ขณะนั้น ๙จรร่วม๗อยู่ที่ มิถุน และ๑จรร่วม๘ที่มีน แต่ ๕จรทับลักคณ์กันย์ อยู่ ก็ไม่น่าจะมีช่องโหว่ให้ศัตรูแทรกมาปฏิบัติการได้ และดาวพุธ๔ ที่เป็นอุดมเกณฑ์ในเรือนธาตุ เป็นทั้งตนุลัคน์และตนุเศษในขณะเดียวกัน ซึ่งหมายถึงพลังสองเท่า แล้วมี จันทร์๒ ครุ๕ สุริยา๑ เกตุ๙ เสริมแนวป้องกันให้อีก จันทร์กาลกิณีก็ไม่ออกฤทธิ์ เมื่อเป็นเช่นนี้ ๔ จึงเป็นดาวแห่งอายุที่ยืนนาน มีความเป็นอยู่ สุขภาพอนามัยสมบูรณ์ทุกประการ และ หมายถึงความเป็นพ่อค้าวาณิชย์ที่รุ่งโรจน์ หมายถึงนักประดิษฐ์การสื่อสารที่ยิ่งใหญ่และหมายถึงภูมิปัญญารอบรู้ทุกด้านอันลึกซึ้ง
ที่สำคัญก็คือระบบดาวทั้งสิ้นประสานพลังกันได้หมดทั่วดวงชะตา หมายถึงระบบรวมมีพลังดูดซับเอาสิ่งเลวร้ายกลืนหายไปไม่ออกฤทธิ์ (เว้นแต่เกิดช่องโหว่ขึ้นมาจริง ๆ ในระบบดาวจร) พื้นฐาน ชาตาเช่นนี้ย่อมประกันว่าเอาตัวรอดได้
อย่างไรก็ตามต้องระวังเมื่อดาวอังคาร๓ จรเข้าราศีธนู เพราะนอกจากดาวอังคารเป็นดาวฆาตของ
ลัคนาราศีกันย์ของชะตานี้ ในขณะนั้นต้นปี 2548 ดาวอังคารโดยทักษา อายุย่าง 56 ยังจรมาโดยหน้าที่ของดาวร้ายโดยเฉพาะอีกด้วย หมายถึงเพิ่มพลังร้ายเป็นสองเท่าของธรรมดา กระนั้นฝ่าย ปกป้องกลับเป็นราหู๘ ที่เพิ่มพลังปกป้องเป็น 2 เท่าเช่นเดียวกัน โดยระบบทักษาจรขณะนั้น และเนื่องจากเป็นกระแสคู่ธาตุ ก็หมายถึงการประนีประนอม ไม่ร้ายแรงแตกหักไปทั้งสองฝ่าย และยังมีพระ๕ เป็นองค์เกณฑ์ อุดมเกณฑ์ให้คุณอยู่อย่างเต็มที่ทันกาล ประกอบกับดาววัยขณะนั้นก็เป็นดาวศุภเคราะห์คือได้วัยศุกร๖ และทั้งดาวเสวย-แทรกก็เป็นดาวศุกร๖ เป็นศุภเคราะห์ในดวงเดิมซึ่งแสดงความหมายไปถึงเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ มากกว่า คือบ่งถึง มีเรื่องที่ผิดหวังบ้างเล็กน้อย อันเนื่องมาจากการแบ่งสรรเงินทองในระหว่างหุ้นส่วน ญาติมิตรของเจ้าชะตาเอง จึงอาจสรุปว่า ชาตาช่วงนั้นในด้านโยกเกณฑ์ร้าย ค่อนข้างเสี่ยงกับเหตุร้าย แรง เร็ว ต้องใช้มาตรการ รปภ.อย่างเข้ม ก็ตาม ก็จะสามารถผ่านอุปสรรคศัตรูไปได้ ตามที่พื้นชะตาเดิมกำหนด โดยอิทธิพลของจันทร์ ครุ สุริยา ในดวงเดิม และดวงจรที่ให้ความมั่นใจ โดยหลักโหราศาสตร์ไทยอย่างสูง ว่าดวงชะตาใดใดได้พลังประสานนี้แล้ว บ่งถึงความสวัสดิภาพ ความรุ่งเรือง พลังการสร้างสรรค์อันยิ่งใหญ่ และภาวะผู้นำที่ได้รับการต้อนรับจากมวลชนอย่างรุ่งโรจน์
ดวงชาตานายกรัฐมนตรีเป็นรูปจันทร์เสี้ยว มีดาวปลีกออกไปจากหมู่ 2 ดวงคือ ราหู๘ กับพฤหัสบดี๕ บ่งถึงความไม่ลงร่องรอยในตอนต้น แต่มาพบความสำเร็จเป็นปึกแผ่นในภายหลัง จะต้องทำงานสำคัญไปนาน ตราบชราภาพอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย
เนื่องจากดวงชาตาตกอยู่ใต้อิทธิพลดาวอังคาร๓ และมฤตยู๐ ค่อนข้างมาก และบ่งความหมายทั้งทางดีและทางร้าย ทางดีคืองานมีประสิทธิภาพรวดเร็วมีพลังยิ่งใหญ่ เป็นงานปฏิวัติแตกหัก มีอันตราย สร้างศัตรูถาวร และ เหตุร้ายที่เกิดขึ้นอย่าง เร็ว และแรง เพราะดาว ๓ ยังทอแสงไปควบคุมลักคณา และดาวพฤหัสบดี๕ ได้อีก กระนั้น ลักษณะของการประสานกำลังดาวทั้งระบบ ก็พอที่จะดูดกลืนกระแสร้ายให้อ่อนโยนลง เป็นคุณประโยชน์ได้พื้นดวงชาตาจึงกำจัดดาวร้ายให้อ่อนกำลังร้ายลงอยู่ส่วนหนึ่ง เมื่อมีปัญหาหรืออันตรายก็จะสามารถแก้ไขได้และไม่ร้ายแรง
ตามดวงชาตานี้ ไม่มีการสิ้นสุดการต่อสู้ ชีวิตเหมือนอยู่กับสงครามตลอดเวลา เจ้าชาตาควรผัน ผ่อนบรรยากาศที่ร้อนและเร่งรีบ ด้วยการเอางานสำคัญทางการศาสนาเข้ามาทำ หรือทุ่มเทเพื่องานการปฏิวัติระบบศาสนา ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมและพุทธธรรมอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อลดอุณหภูมิ แห่งความร้อนเร็วและแรงดังกล่าว อาจถือว่าเป็นการแก้ดวงก็ได้ แต่แท้จริงไม่ใช่แก้แบบไร้เหตุผลหรือไสยศาสตร์ แต่เป็นวิธีวิทยาศาสตร์ ซึ่งเหตุผลคือการทำงานศาสนาจะทำให้ความคิดแล่นไปในความเย็น ด้วยเหตุต้องใช้สติปัญญาไปในทางธรรมะ ก็เป็น เหตุที่ลดอุณหภูมิจากงานโลกวิสัย ที่ ร้อนแรงลงไป และทำให้มีการควบคุมแห่งสติให้รอบคอบขึ้น แก้ความบกพร่องของจุดร้ายจากดาวอังคาร และจุดอ่อนจากดาวพฤหัสบดี ในดวงชะตาได้ (ดาว๕ เป็นนิจองศาอ่อน แต่กู้คืนด้วย อาทิตย์๑มหาจักร์ และจัทร์๒เกษตรที่กรกฎ)
๓๙ ล๑ ๔๖๘
๐ *
๒ 10/42 *
* ๗๕
* * *
ดวงชาตากำเนิด
ดวงชาตาประเทศไทย, วัน ๑/21 เมษายน 2325,06.54 น. ลัเมษ
(ล.20/160 ดูสมผุส ล.10/30)
และที่น่าพิจารณาสัมพันธ์ไปอีกก็คือ เมื่อมาเป็นนายกรัฐมนตรีประเทศไทย เมื่อลัคนาวางที่กันย์ย่อมเป็นอริกับดวงประเทศไทยหรือดวงเมือง
เมื่อดวงเมืองถูกวางโดยเสาหลักสามเสาคือ จันทร์๒ ครุ๕ สุริยา๑ ที่เข้มแข็งมาก เพราะจันทร์๒ เป็นเกษตร พฤหัสบดี๕ เป็นเกษตร+ศุภะ และสุริยา-อาทิตย์๑เป็นมหาอุจจ์กุมลักคณ์ ทักษาดีทั้งสามดวง หมายถึงแผ่นดินไทยมั่นคง มีความสุขสงบและรุ่งรืองอย่างแดนสวรรค์ (อมรรัตนโกสินทร์) และมีเกียรติยศและคุณธรรมกระฉ่อน ไปทั่วโลก การประดิษฐ์ธงชาติไทยเป็นไตรรงค์น่าจะมาจากความหมายของจันทร์ แผ่นดิน + ประชาชน, ครุ ศาสนา, สุริยา มหากษัตริย์ ในดวงประเทศไทยนี้เอง ตนุลัคน์๓ อ่อน แต่อาทิตย์๑ มหาอุจจ์ที่เมษ ก็ทำหน้าที่ แทนเพราะเป็นตนุเศษ และอังคาร๓ ตนุลัคน์แม้อ่อนแต่นั่งเรือน มิตรคือศุกร๖ ที่เข้มแข็งแรงกล้าเป็นมหาอุจจ์ แล้ว๖ กับ๔ คู่ธาตุน้ำ ถูกวางไว้ที่มีนธาตุน้ำ เป็นคู่อสีติธาตุ เฉิดฉายแรงจ้ามาก แล้วเป็น 11 แก่อังคาร๓ตนุลัคน์ พระราหู๘ลาภะ เป็น 11 แก่ตนุลักคณ์ นั่งเรือน๕และเป็น 12 แก่ลักคณ์ หมายถึงประสบความสำเร็จทางลาภผลประโยชน์เป็นอย่างดี จากการติดต่อค้าขาย จากการคบเพื่อนทั่วโลกมี มิตรประเทศทั่วโลก แม้ประเทศที่อยู่ไกล ที่ซ่อนเร้นเปล่าเปลี่ยว หรืออยู่เร้นลับหรืออยู่ขอบนอก ๆ ของสังคมโลกก็ไปถึงมาถึง เป็นเหตุให้ประเทศไทยมีชื่อเสียงและคุณ ธรรมกระฉ่อนไปทั่วโลกและเป็นอิสรภาพมีเอกราชดำรงไทยไว้ไม่ตกเป็นเมืองขึ้นของใครเลย
ประเทศไทยมีทรัพยากรณ์ล้นหลากมากมายและไม่หมดสิ้น ชาวไทย ทำเกษตรกรรมปฏิรูปเข้ากับ อุตสาหกรรม เทคโนโลยี่ล้ำยุคได้อย่างเยี่ยมยอด เพราะอิทธิพลของ เสาร์ ๗ ในราศีธนู กับ มฤตยู๐ ที่หมาย ถึงการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเท๕โนโลยี่ ในราศีมิถุน ที่เล็งกัน แล้วต่างทำมุม 90 ํ กับดาวการคลังของประเทศคือกลุ่มดาวศุกร๖ พุธ๔ และราหู๘ ที่มีน หมายถึงมีโอกาสที่จะร่ำรวยอย่างมหาศาลด้วยวิทยาการสมัยใหม่ที่ประยุกต์เข้ากับงาน เกษตรกรรมหรือแม้งานเทกโนโลยี่ของไทยเองล้วน ๆ ก็สามารถสร้างความร่ำรวยได้ ขณะนี้ราหู๘จรทับลัคณาดวงประเทศไทยที่เมษ เข้าทฤษฎี ผิว์จะฆาตลัคนาอายุไข อสุรินทร์ทับลัคนาใน ฯ แต่จะใช้กับกรณีดวงประเทศไทยไม่ได้ ตามหลักการที่ว่า ราหูใครราหูมัน ดวงเดิมกำหนดอย่างไร กลับจะหมายถึงการค้ากับต่างประเทศขยายกว้างไกลไปอีก มีการเชื่อมทางคุณธรรมกับประเทศ ต่าง ๆ ไกลไปอีก แม้ในประเทศที่อยู่เร้นลับ ในซอกมุมใด ๆ ของโลกการค้าไทยก็ไปถึงและกอบ โกยเงินทองเข้าประเทศอย่างมหาศาล(เช่นไทยไปติมอร์ตะวันออก ไปอิรัค ไปร่วมรบในสงคราม โลกครั้งที่ 1 ช่วงหลังการประชุมเอเปคมาก็มี การทำสัญญาคู่ค้าเสรีประเทศต่อประเทศ ไปหลายประเทศแล้ว ทั้งจีนและอินเดียด้วย ฯลฯ) อย่างไรก็ตาม อำนาจจากราหู๘ ที่มาจากภพวินาสน์ก็จะต้องมีบ้าง นั่นคือการลงทุนก็ต้องมหาศาลเช่นกัน เงินสูญเปล่าก็จะต้องมีมาก และย่อมหมายถึงเหตุพาล ผู้ก่อการร้าย หรือเหตุที่พลิกผันรุนแรงไม่ชอบด้วยศีลธรรมเกิดขึ้นในประเทศนี้ แต่ขณะนี้ดาว๕ จรอยู่ที่ราศีสิงห์ หมายถึงความสำเร็จความพอใจสบายใจ หากจะมีปัญหายุ่งยาก ทางการ เมืองและการบริหารหรืออะไรบ้าง ก็ต้องเลย เดือนสิงหาคม 2547 ไปก่อน และก็ไม่ใช่ เรื่องร้ายแรง เพราะขณะนั้นราหู๘ เดินเลยลักคณาเมืองไปแล้ว เมื่อ๕ย้ายวันที่ 23 ส.ค. 2547 ราหู๘ อยู่ที่ 10 ํ 37 ่ ลัคนาเมืองอยู่ที่ 19 ํ 42 ่ พระ๑ อยู่ที่ 10 ํ 42 ่ อาจมีเหตุการณ์ที่เป็นความเสื่อมเสียชื่อเสียง อันเนื่องมาจากวงการเมืองการปกครอง ที่ทำให้ถูกตำหนิเกิดขึ้น
ดูแล้วดวงของนายกรัฐมนตรีพอต้านดวงเมืองได้ คงไม่แพ้ดวงเมือง เพราะได้กำลังจากจันทร์เสี้ยว และทั้งจันทร์ ครุ สุริยา แบบเดียวกับดวงเมือง แต่โดยเหตุที่ลักคณาเป็นอริกับดวงเมือง จึงหมายถึงระบบ ที่ต้องจัดการใหม่ งานจะเป็นการปฏิวัติปฏิรูปอย่างใหญ่ทุกด้าน จึงจะสอดคล้องกับดวงเมือง
และที่กล่าวมานี้ ก็คือวิธีการให้เหตุผลในเชิงวิทยาการแห่งโหราศาสตร์อีกวิธีหนึ่ง และแม้กระนั้น ก็ควรเข้าใจว่า การพยากรณ์อาจพลาดได้ ใช่จะบ่งได้เลยว่า แม่น ยำเต็ม 100 % เพราะหลัก โหราศาสตร์ ก็เหมือนศาสตร์อื่น ๆ ที่หาความลงตัวไม่ได้เต็มที่ ก็ยังคงพัฒนาไปเพื่อแสวงหาการพยากรณ์ที่แม่นยำยิ่งขึ้นไปอยู่ เรื่อย ๆ จนกระทั่งมีโหราศาสตร์ที่พัฒนาไปจากจุดเดิมไปไกลอีก เช่นเดียวกับศาสตร์ทั้งหลาย การเสนอผลการพยากรณ์ใด ก็เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ สิ่งที่ได้ก็คือนักการศึกษาโหราศาสตร์เอง และวงการโหราศาสตร์ เพราะเมื่อมีผู้พยากรณ์ ก็หมายถึงแสดงหลักวิชาที่พยากรณ์ออกมาด้วย ผู้รู้สังเกตก็จะสามารถเก็บเคล็ดลับต่าง ๆ ที่ท่านหวงแหนไปใช้ประโยชน์และเป็นประโยชน์ในการวิเคราะห์วิจัยทางด้านโหราศาสตร์ต่อไป.
· ช. โหรชนบท
ธ.ค.2546