เฝ้าดูวัฒนธรรมโลกจากจอแก้ว

ต่อต้านเอดส์ ต่อต้านอนารยธรรม

โดย คอมพิวเตอร์แมน และ บูดามี

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ข่าวสองทุ่ม : เจียงเจ๋อหมินเยือนไทย

ไอทีวี

4 ก.ย. 42 - 2000 น.

 

ฯพณฯ เจียง เจ๋อหมิน ประมุขของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เยือนไทย ในฐานะพระราชอาคันตุกะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันนี้มีภาพข่าวสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ทรงนำพระราชอาคันตุกะ ไปชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม(วัดพระแก้ว) ภาพที่วัดพระแก้วดูเหมือนจะบอกว่า ฯพณฯ เจียงเจ๋อหมินมิได้ชื่นชมนัก ท่านคงมองเลยไปถึงประวัติศาสตร์ สิ่งนี้จะบอกความเป็นนามธรรมของท่านหรือไม่เพียงใด น่าคิดมาก ต่อมา ภาพ ประมุขจีน เจียงเจ๋อหมิน เดินทางไปท่าอากาศยานดอนเมืองเพื่อขึ้นเครื่องบินไปจังหวัดภูเก็ต เพิ่งเห็นภริยา ของท่าน ที่วางตนออกสมถะ ซอมซ่อดูเป็นเพื่อน ๆ กับสามัญชนคนยากคนจนทั้งหลาย เป็นช้างเท้าหลัง มิได้เดินมาใกล้ชิดติดกันเหมือนภาพของผู้นำอีกฝ่ายหนึ่งของโลกยุคนี้ หากแต่คติตะวันออกที่ให้ถ่อมตนลงต่ำยังคงเห็นอยู่ในบุคคลิกภาพรัฐบุรุษผู้นี้และในภริยาของท่านผู้นี้ ที่ไม่น่าที่ผู้ใดจะมองข้ามไปอย่างประมาท

 

 

 

 

 

 

 

 

ตามหาแก่นธรรม ไปถึงมิซซังคอทอลิกอุบล

ช่อง11

5 ก.ย.42 เวลา 2050 น.

 

ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และ สุเมธ โสฬส เดินทางไปจังหวัดอุบลราชธานี และเปิดการ เสวนากับพระคริสต์คาทอลิก ที่สำนักมิซซังคาทอลิก จังหวัดอุบลราชธานี (คำว่า สำนักมิซซังคาทอลิก จังหวัดอุบลราชธานีนี้ องค์กรปกครองของคาทอลิกไทย เรียกกันเองว่า สังฆมณฑลอุบลราชธานี) มีคุณพ่อบุญเลื่อน หมั้นทรัพย์ ซึ่งดูเหมือนจะมีตำแหน่งในองค์กรคริสต์เป็นถึง พระคาร์ดินาล และเรียกตนเองว่าเป็น สังฆราช ร่วมกับ ชาวคริสต์ไทย คนไทย อีก 2 คน คือ นคร แก้วบุญเรือน และ สุมิตรา พงศธร ซึ่งสองคนหลังไม่ทราบว่ามีตำแหน่งทางองค์กรคริสต์อย่างไรหรือไม่ คนไทยคริสต์เหล่านี้ มีความรู้น้อยในพระคริสต์ธรรมคัมภีร์ และในฐานะที่เป็นคนไทย แม้เรื่องราวของวัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิมของชนชาติไทย พวกเขาก็ไม่รู้ไม่เข้าใจเท่าที่ควร เช่นไม่เข้าใจคำว่า "สงฆ์" ไม่เข้าใจความหมายโดยทั่วไป และ ไม่เข้าใจความหมายเฉพาะ คือความหมายตามธรรมวินัยในพระพุทธศาสนา ครั้นเมื่อมาแต่งตั้งตนเองเป็นถึง สังฆราช อันเป็นตำแหน่งสูงสุดทางพระพุทธศาสนา เพราะหมายถึง สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยตรง และรองลงมาก็หมายถึงประมุขคณะสงฆ์ไทย ซึ่งเป็นนักบวชตามธรรมวินัยของพระพุทธศาสนา จึงเป็นเรื่องที่น่าหัว น่าอมยิ้ม คำว่า "พระสงฆ์ได้รับอำนาจจากพระเจ้า" ที่ไทยคริสต์กลุ่มนี้เอ่ยออกมา น่าจะไม่ใช่ประโยคภาษาไทยที่ถูกต้อง ตามความหมายแห่งแก่นพระพุทธธรรม และดูจะไม่เหมาะสมที่ชาวไทยคาทอลิกจะพูดออกมา เพราะเป็นถ้อยคำความหมายที่ไม่ถูกต้อง ที่ไม่สอดคล้องธรรมวินัยแห่งพระพุทธศาสนา ขัดความจริงตามหลักการพระพุทธศาสนา โดยที่ไม่เข้าใจความหมายของคำว่า "สงฆ์" เช่นเดียวกับประโยคที่ว่า "พระสงฆ์ล้างบาปให้ได้" ก็มิใช่แก่นแห่งพระพุทธธรรม แต่ถ้าหากจะเอาคำว่า สงฆ์ ไปให้ความหมาย นักบวชคริสต์ คาทอลิกไทย ก็ไม่ได้อีกเช่นกัน เพราะคำว่า สงฆ์ เป็นชื่อเฉพาะสำหรับนักบวชพุทธเท่านั้น เพราะมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะศาสนาพุทธนี้ ที่ศาสนาอื่นไม่มี น่าที่นักบวชต่างศาสนาจะได้ศึกษาภาษาไทย และความหมายทางภาษาไทยให้ชัดเจนเสียก่อน มิฉะนั้นจะกลายเป็นว่าทำอะไรไปโดยเขลา รู้เท่าไม่ถึงการณ์

 

 

 

 

ศาลาริมสวน เรื่องกล้วยไม้ไทยชื่อดังในต่างประเทศ

ช่อง 11

0600 น. 16 ก.ย.42

 

ศ.ดร.ระพี สาคริก วันนี้พูดถึง พืชสมุนไพร แล้วพาชมกล้วยไม้ที่สวยงาม พันธุ์ที่มาจากต่างประเทศที่ท่านส่งเสริมให้ปลูก ไปชมสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ที่ อ.ระแงะ ความเชี่ยวชาญ ความรู้ ที่รู้จริง รู้ทะลุปรุโปร่ง พร้อมความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในธรรมชาติ ของพืชไม้ใบหญ้า และธรรมชาติแห่งจิตใจคน ที่ประสานเข้าไป นับว่าหายากในโลก สามารถศึกษาได้จากระดับผิวเผินคือรูปธรรมที่เห็น ความเขียวและความเบิกบานของดอกไม้ ที่สมบูรณ์ ที่รายการนี้นำชมหรือแนะนำ และทั้งคำอธิบายให้เข้าใจลึกซึ้งในนามธรรมที่แฝงอยู่ในรูปธรรมที่สวยงามนั้น ยิ่งเป็นความสวยงามของนามธรรมซ้อนเข้าไปอีก นับว่าเลิศประเสริฐจริงแท้ ศาสตราจารย์ ดร. ระพีท่านว่ามนุษย์เราไม่เท่ากัน ผู้เห็นความลำบากเป็นความสุข ถือว่าเป็นยอดมนุษย์ วิทยาศาสตร์ที่ขาดจินตนาการ วิทยาศาสตร์ที่ขาดวิญญาณ เป็นอันตราย ต้องถึงกับขายบ้านขายเมืองอย่างที่เห็นอยู่ ๆ ทุกอย่างไม่มีอะไรเป็นเส้นตรง ขอให้เรารู้จริง ก็จะฝ่าไปได้ ล้วนระดับอริยสัจธรรม เป็นอมตวาจาทั้งสิ้น

 

 

 

 

 

คอนเสริทเลข 9  เด็กใจแตกร้องไม่แคร์ ไม่แคร์

ช่อง 9

19 ก.ย.42 1420 น.

 

เด็กใจแตกออกมาเต้น ๆ ๆ ๆ ร้อง ๆๆๆ ไม่แคร์ไม่แคร ฉันไม่แคร ก็เพราะฉันมั่นใจ เต้นอีรุงตุงนัง คือเต้นเสียดสีสัมผัสกันไปหมดทั้งหมู่หญิง ๆ ชาย ๆ อันเป็นวิธีการเสพกามหมู่อย่างเปิดเผยในที่สาธารณะ อย่างไร้ความละอายใจชนิดหนึ่ง ที่แพร่ระบาดมาจากวัฒนธรรมวัยรุ่นที่ไร้พื้นฐานทางศาสนาของวัฒนธรรมอเมริกัน คอนเสิรท วัยรุ่นทั่ว ๆ ไปแท้ที่จริงก็คือนัดกันมาเสพกามกันแบบนี้นั่นเอง แล้วอ้างว่าเป็นความชอบธรรม พยายามปลุกใจกันเองให้ทำบาปด้วยการร้อง ไม่แคร์ ไม่แคร์ จึงหาความเป็นศิลปและศักดิ์ศรีแห่งศิลปินไม่ได้เลย จึงเป็นเหตุที่บ่อนทำลายสถาบันศิลปินที่แท้จริงของสังคมไปด้วยความเขลาอวิชชาอีกด้วย ฉะนั้นสังคมจึงควรจะคำนึงว่า การบันเทิงทั้งหลายจะต้องให้รู้จักระงับยับยั้ง และจะต้องมองที่ผลของกาม ผลของ ราคะ ตัณหา และควบคุมกามราคะ ควบคุมกิเลสตัณหา จึงจะเป็นทางแก้ไขที่ถูกต้อง การสนุกบันเทิงการร้องการรำการแสดงใดใดผิดศีลธรรม หรือไม่สอดคล้องระบบศีลธรรมหรือจริยธรรมอันดีของสังคม ต้องให้มีขอบเขต ถ้าปล่อยเกินไปจนเข้าลักษณะความประมาทต่อชีวิต จะมีอันตราย หมายถึงการบ่อนทำลายคุณภาพของคนในชาตินั่นเอง รู้ วิเคราะห์ธรรมและอธรรมให้ชัดเจน ก็จะเป็นแนวทางวัยรุ่นที่ถูกต้องที่สร้างสรรค์และน่านิยมกว่า

 

 

 

 

 

 

 

ก้าววันใหม่ พบธนิสร์ สีกลิ่นดี ราชาขลุ่ยไทย

ช่อง 9

20 ก.ย.42 0730 น.

 

พบอาจารย์ธนิสร์ สีกลิ่นดี ราชาดนตรีขลุ่ยไทย ลองชมรายการเปิดสถานีด้วย คติธรรมนำชีวิต เช้าตรู่ 0600 น. ของช่อง 11 จะได้ยินเสียงขลุ่ยที่ประทับใจของ อ.ธนิสร์ ท้ายรายการ อ.ธนิสร์ จับขลุ่ยเลาทองเล่นเพลง ค้างคาวกินกล้วย และ เดือนเพ็ญ มีอาจารย์ชนก สาคริก มาตีขิม ที่ประสาน เสียงกันระหว่างขลุ่ยกับขิม ฟังแล้วนับว่ายอดเยี่ยม สำหรับยุคนี้

 

 

 

 

 

 

 

ไอทีวีทอล์ค พบทมยันตี อยากบวช

ไอทีวี

23-24 ก.ย.42 2100 น.

 

สุภาพ คลี่ขจาย แห่งไอทีวี นำเราไปพบ ทมยันตี นักประพันธ์ชื่อดัง อมตะ แน่นอน !! ยากที่คนจะเข้าใจว่าการเป็น นักประพันธ์นั้น มิใช่ง่าย ๆ และงานการประพันธ์มิใช่งานสบายเลย และสถาบันนี้ แท้จริงก็คือสานุศิษย์ของพระศาสดาทั้งหลาย เพราะนักประพันธ์คือผู้ที่นำคำสั่งสอนของพระศาสดาทั้งหลาย มาทำให้แจ่มแจ้ง โดยที่นักประพันธ์จะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม ดังจะเห็นว่า วีรบุรุษ-วีรสตรี ในนวนิยายแต่ละเรื่อง จะต้องทรงธรรม ทรงความกล้าหาญในการประพฤติธรรมที่ถูกต้อง อันบริบูรณ์ และจะต้องชนะสามารถปราบปรามผู้ร้าย แล้วได้ครองความรักและทรัพย์สมบัติสิ่งของอันดีเสมอ นี่คือการเผยแผ่ธรรมะที่มีอิทธิพลฝังใจกินใจคนทั้งหลาย เสมอเหมือนงานของนักบวชเลยทีเดียว และในที่สุดทมยันตี (น่าจะอ่าน ทม-ยันตี ตามสำเนียงไทยแท้ ฟังรื่นกว่า ทะมะยันตี ที่เจ้าตัวอ่านเป็นไหน ๆ) ที่เสพธรรมมาโดยลำดับ จากการรับใช้เผยแผ่ธรรมะของพระบรมศาสดามา ก็ซาบซึ้งในธรรมะที่ตนในฐานะนักประพันธ์ดื่มด่ำอยู่โดยธรรมชาติแห่งอาชีพนี้ ถึงกับวางแผนชีวิตบั้นท้ายว่าจะสละฆราวาสวิสัยออกเป็นนักบวช คำว่านักบวช ก็คือ ออกถือพรหมจรรย์เป็นเบื้องต้น แล้วประพฤติสมถะมักน้อย ตราบสามารถจำเริญปัญญา เป็นหน้าที่ ตามรอยจริยาของพระพุทธองค์ นั่นเอง น่าอนุโมทนา

 

หากแต่ว่าบุคคลผู้ฉลาดยุคนี้ควรศึกษาระบบสงฆ์ให้รอบคอบเสียก่อน เพราะระบบสงฆ์ทุกวันนี้เป็นระบบที่ไม่เอื้อแด่วิถีทางมรรคผลนิพพานเลย พระสงฆ์เอง หมู่สงฆ์เองสมัยนี้ เมื่อบวชนาน ๆ ไป ก็กลับล้าหลัง ไม่ก้าวไปในวิถีทาง ธรรมะที่แท้จริง ทำให้ไม่รู้คุณค่าของธรรมะ เข้าไม่ถึงธรรมะระดับแก่นแท้คือ มรรคผลนิพพาน ก็ไม่มีการบรรลุโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี และ อรหันต์ หากพากันหันมาสู่วิถีโลกวิสัย นั่นก็คือหวล กลับมาเอาดีทางโลก มีตำแหน่งงานและสมณศักดิ์ เป็นต้น จึงค่อย ๆ ก่อค่อย ๆ สานระบบราชการแบบเจ้าขุนมูลนายเดิมขึ้นมา จนกระทั่งเป็นระบบอันสมบูรณ์ขึ้นในปัจจุบันนี้ และด้วยเหตุที่เป็นเพียง ระบบโลกียวิสัยชนิดหนี่งเท่านั้นเอง จึงปิดกั้นวิถีทางมรรคผลนิพพานเสียสนิท ไม่มีความสมถะให้เห็น ไม่มีความเจริญปัญญา เป็นหน้าที่ ให้เห็น นานต่อไปเมื่อพระเถรานุเถระผู้รู้ธรรมค่อยล้มหายไป นักบวชรุ่นใหม่เข้ามาก็ยิ่งจะพาระบบสงฆ์ไปสู่โลกียวิสัยเต็มตัวขึ้น ความเข้าใจวิถีทางมรรคผลนิพพานนับวันจะลดน้อยถอยลงไปอีกตามลำดับ มิอาจเอื้อเฟื้อต่อพระธรรมวินัย มิอาจเอาใจใส่ในเรื่องสำคัญระดับมรรคผลนิพพาน ไม่อาจจะสั่งสอนหรือจัดการให้หมู่สงฆ์หรือนักบวชด้วยกันเองและคนทั้งหลายให้บรรลุมรรคผลนิพพานได้ หากกุลบุตรกุลสตรีประสงค์บวชเพื่อต้องการเดินตามรอยพระพุทธเจ้า เพื่อมรรคผลนิพพาน สู้ทำงานธุรกิจของเราไปในโลกจะดีกว่า หรือแม้ที่สุดประพฤติธรรมในวิสัยฆราวาสเองโดยเอาหน้าที่เป็นธรรมะ เอาธรรมะเป็นหน้าที่ ก็อาจถึงมรรคผลนิพพานที่แท้จริงได้มากกว่าด้วยซ้ำ จนกว่าระบบสงฆ์มาสู่ความพร้อม ต่อเมื่อมีการปฏิรูประบบสงฆ์ใหม่ ให้วิถีทางสมณะ นักบวชพุทธที่แท้จริงเดินไปตามรอยบาทสมเด็จพระบรมศาสดา มีมรรคผลนิพพานเป็นเป้าหมายแทนตำแหน่ง-ยศฐาบรรดาศักดิ์อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ การพระพุทธศาสนาจึงจะสามารถรองรับมหาชน โดยก่อประโยชน์ทางมรรคผลนิพพานแก่มหาชนได้ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ คฤหบดี ครูอาจารย์ นักปราชญ์นักวิชาการ นักเขียนนักประพันธ์ปัญญาชน นักการเมืองผู้ชราภาพทั้งหลาย คนทุกเหล่าทุกอาชีพ ไม่ว่าสถานะอย่างไร ยากจน หรือร่ำรวย หากมีศรัทธา จะสามารถบวชเข้ามาและสามารถอยู่ในร่มผ้ากาสาวพัสตร์ได้อย่างสงบและมีความสุข ทั้งสามารถเดินตามประสงค์ของตนเพื่อการศึกษาที่แท้จริงของพระพุทธศาสนาคือ เพื่อการบรรลุ มรรค ผล นิพพานได้ ทั้งนี้รวมความถึงหมู่พระภิกษุสงฆ์เองในระบบเองทั้งหมดด้วย

 

ฉะนั้น การปฏิรูปการระบบสงฆ์ จึงเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็น เพราะเป็นวิถีทางที่จะก่อเกิดประโยชน์สังคมอันยิ่งใหญ่ ให้การพระศาสนาเป็นที่รองรับของมหาชนทั้งหลาย ทุกเหล่าปัญญาฐานะและอาชีพ มิใช่รองรับเพียงคนกลุ่มหนึ่ง ที่เข้ามาอยู่อาศัยในผ้ากาสาวพัสตร์ เพื่อแสวงหาประโยชน์โลกียวิสัยส่วนตนมีลาภ ยศศักดิ์-ตำแหน่งงาน ฯลฯ เท่านั้น

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ข่าวภาคค่ำไอทีวี ฟ้าผ่าพิธีกรรมธรรมกาย ร่อแร่1

ไอทีวี

24 ก.ย.42 1930 น.- 25 ก.ย.42 07.30 น.

 

สายสวรรค์ ขยันยิ่ง รายงานข่าวสั้น ๆ ไอทีวี เวลา 1930 น. ว่าฟ้าผ่าลงมาในบริเวณประกอบพิธีบูชาครูธรรมกาย ถูกลูกศิษย์วัดพระธรรมกายสาหัสหนึ่งคน สายฟ้าฟาดดำทั้งตัว ต้องหามเข้าห้อง ไอซียู โรงพยาบาลใกล้ ๆ วัด เจ็บอีกหลายคน รายละเอียดยังไม่มี ข่าววันรุ่งขึ้น 25 ก.ย. 42 เวลา 0730 น.วิศาล ดิลกวณิชย์ รายงานรายละเอียดเพิ่มเติมว่า เหตุเกิดขึ้นในขณะที่วัดพระธรรมกายประกอบพิธีฉลองวันค้นพบวิชาธรรมกายของหลวงพ่อสด ทีวีฉายภาพในบริเวณพิธีท่ามกลางสายฝนเห็นป้ายขนาดใหญ่ว่า "วันครูธรรมกาย ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 วันศุกร์ที่ 24 กันยายน พุทธศักราช 2542" ขณะนั้นฝนตกทำพิธีตากฝนที่บริเวณเจดีย์ธรรมกาย เวลา 1600 น. ฟ้าผ่าลงมากลางกลุ่มคน ในบริเวณพิธีกรรม สายฟ้าถูกนายคำนึง เสวะกุล สาหัส ถูกนำส่ง ร.พ.เอกปทุม ส่วนอีก 7 คนไม่สาหัส นำเข้าศูนย์พยาบาลของวัดพระธรรมกาย ทีวีพยายามจะเข้าไปทำข่าวที่โรงพยาบาลเอกปทุม แต่เจ้าหน้าที่ไม่ยอมให้เข้าไป ข่าวเที่ยงไอทีวี รายงานเพิ่มเติมว่า คนเจ็บนายคนึง เสวกุล ยังสาหัส มีลูกศิษย์ผู้เลื่อมใส เอารูปธัมมชโยวางเหนือเตียงให้บูชา

 

แล้วหนังสือพิมพ์ประจำวันที่ 26 ก.ย.42 ทุกฉบับก็พาดหัวข่าวกันใหญ่ เช่น

ไทยรัฐ ว่า "สาวก"โกลาหล ฟ้าพิโรธ ผ่าธรรมกาย - กว่าหมื่น-ร่วมพิธีหนีตายอลหม่าน ศิษย์เจ็บถึงไอซียู อาเพทเพลงร็อก"

บ้านเมือง ว่า "ฟ้าเปรี้ยง! ผ่าวงสาวก - พระธรรมกายร่อแร่1 เจ็บอีก8"

มติชน ว่า "สาวกธรรมกายกระเจิง ฟ้าผ่ากลางวัด!-โคม่า1- เตรียมทำพิธีฉลอง 115 ปีที่หลวงพ่อสดค้นพบวิชชา สาวกอาการสาหัส 1 อีก 7 บาดเจ็บ ที่เหลือขวัญกระเจิง"

เดลินิวส์ เล่นตัวไม้ว่า "ธรรมกายไร้ปาฏิหาริย์ สาวกหนุ่ม โดนฟ้าผ่ากลางพิธี - ต่อหน้าสานุศิษย์นับพันคน หามส่งโรงพยาบาลโกลาหล"

 

ดินสอโดม หน้า 4 เดลินิวส์ ซ้ำลงไปอีกว่า "เฮ้อ…สงสัยจะสะสมกรรมไว้มาก พวกลัทธิธรรมกาย จัดงานครบรอบ 82 ปีการค้นพบวิชาดูดทรัพย์จากญาติโยม……-อยู่ดี ๆ เกิดบ้าร้องท้าทายเสียงฟาดโครมลงมาเปรี้ยงเดียว สมุนปากเปราะ นอนร้องครวญครางเพราะถูกฟ้าผ่า อาการปางตาย……..-ที่จริงน่าปลุกเสกสร้างพระมหาสิริราชธาตุขึ้นอีกชุด รุ่นดูดสายฟ้า เวลาถูกผ่า เผื่อเกิดปาฏิหาริย์ ผ่อนหนักเป็นเบา…." สยามรัฐ พาดหัวเนื้อความคล้ายของ The Nation ว่า "ฟ้าลงโทษวัดฉาว ผ่าเปรี้ยง! กลางวงพิธีกรรม -ธัมมชโยเป็นประธาน สาวกอาการปางตาย แฉซ้ำเดียรถีย์ตุ๋นซื้อที่ ขออนุมัติจับอดีตอธิบดี -ขนาดฟ้ายังทนไม่ไหว ผ่าเปรี้ยงลงกลางพิธีกรรมเชิดชูวิชชาธรรมกาย ระหว่างที่ธัมมชโยนั่งเอ้เต้เป็นประธาน ทำเอาวงแตกต้องหามสาวกส่งห้องไอซียู"

 

หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ THE NATION ว่า "Dhammakaya rally ends in disaster - as what began as a rally for the faithful ended in panic and disarray yesterday after a bolt of lightning left eight followers injured, one of them seriously.-Moment before heavens opened, the temple followers were enjoying a montage of vedeo footage in which social critic Sulak Siwalak was condemning abbot Dharmarajanuvatra a staunch supporter of the Dhammakaya Temple, while the followers favourite song 'Chi Na Da Phra Chan Thammai?" (Why Show Blasphemous Disrespect For My Revered Monk?) blared out in the background.

 

ตามเนื้อข่าวหนังสือพิมพ์วันนี้ น่าคิดว่า เจ้าพระคุณพระธรรมราชานุวัตร จะวางตัวอย่างไร เมื่อปรากฎชัดเจนขึ้นว่าท่านไปยืนอยู่ข้างวัดพระธรรมกายอย่างเปิดเผยเต็มตัวแล้ว ทั้ง ๆ ที่ยังเป็นคดีความอยู่ และซึ่งกรณีเช่นนี้สงฆ์ในระบบสงฆ์ไทย ภายใต้มหาเถรสมาคม โดยเฉพาะ สงฆ์ผู้ใหญ่ ผู้มีวิจารณญาณน่าจะวางตัวเป็นกลางไปก่อน จนกว่าคดีจะสิ้นสุด ไม่น่าจะไปทำให้สถานการณ์สังฆเภทในหมู่สงฆ์แตกกว้างออกไปอีก เช่นเดียวกันกับพระราชาคณะชั้นผู้ใหญ่อีกท่านหนึ่งคือ พระเทพกิตติปัญญาคุณ หรือกิตติวุฒโฑภิกขุ ที่มีข่าวว่า ไปร่วมสรรเสริญธรรมกาย และยืนยันนิพพานเป็นอัตตาว่าเป็นหลักการสำคัญของพระพุทธศาสนา ซึ่งน่าคิดว่าเมื่อได้ประกาศออกไปอย่างชัดเจนเช่นนั้นก็เท่ากับประกาศความเป็นมิจฉาทิฏฐิของตนออกไปนั่นเอง สถานะทางภูมิปัญญา ก็น่าจะมิต่างอย่างไรกับธรรมกาย ธัมมชโย จึงน่าระวังว่าความคิดเช่นนี้จะก่อให้เกิดเหตุการณ์อะไรอันยุ่งยากขึ้นในศาสนจักรต่อไป

 

 

 

 

 

 

 

แสงธรรม ภาพอดีตจอห์น ปอลที่2เข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ช่อง 9

26 ก.ย.42 0530 น.

 

ฉายภาพอดีต คราวพระสันตปาปาจอห์น ปอล ที่ 2 เดินทางมาประเทศไทยและเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พยายามให้เห็นสง่าราศรีของประมุขคาทอลิกและคณะขณะปรากฎตัวในประเทศพระพุทธศาสนา แล้ว พระคุณเจ้าเฉลิม กิจมงคล ออกมาพูด พระคุณเจ้าเฉลิม คงจะยังอ่อนพรรษา จึงไม่มีฐานะตำแหน่งชั้นสูง ไม่มีคำว่า บาดหลวง หรือคำว่า พระคาร์ดินาล หรือเดาะคำว่า พระสังฆราช นำหน้าเหมือนคนอื่น แต่คำว่า "คุณพ่อ" และคำที่ท่านเรียกตัวเองว่า "พ่อ" นั้นก็ฟังดูดี สะท้อนความซื่อตรงและความเมตตา น่าที่คาทอลิกจะได้ใช้อย่างนี้

 

ท้ายที่สุด ยมนา กันอรุณ พิธีกรสาว รายงานข่าว "สงฆ์คณะเมรีโน" "พระสงฆ์คาทอลิก" ฯลฯ พร้อม ตั้งคำถาม "นักบวชคณะใดเป็นผู้บริหารงานฝึกอาชีพในสังฆมณฑลอุดรธานี?" เธอ ยมนา ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวว่ายังใช้ถ้อยคำละเมิดศาสนาพุทธอยู่ โดยนำคำว่า สงฆ์ ไปให้ความหมายอย่างคาทอลิก

 

จะลองบอกเรื่องราวที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาให้ฟังดังนี้ คำว่า สังฆมณฑล ต้องถอดคำว่า "สังฆ" ออก ที่ใดมีคำว่า "สงฆ์" ร่วมอยู่ ต้องถอดออก เพราะคำนี้มีความหมายถึง อุตตริมนุสสธรรม และพระธรรมวินัยทั้งสิ้นในพระพุทธศาสนา อันเป็นของสูงสุดในศาสนานี้ นอกนั้นใช้ได้ เช่น นักบวช ก็ได้ พระคุณเจ้า ก็ได้ พระ ก็ได้ คุณพ่อ ก็ได้ หรือจะทับศัพท์ของศาสนาคาทอลิกเองก็ยิ่งจะตรงความหมายดี คำว่า "สภามุขแห่งบาดหลวงโรมันคาทอลิก" น่าจะใช้แทน "สภาพระสังฆราชแห่งประเทศไทย" ได้ หรือมิฉะนั้นต้องหาคำอื่นมาแทนคำว่า "พระสังฆราช" เพราะคำนี้ถือเป็นคำสูงสุดในพระพุทธศาสนา ศาสนาอื่นไม่มีความชอบธรรมโดยประการใดใดที่จะนำไปใช้เลย หากมิฉะนั้นจะกลายเป็นเรื่องเสียหายใหญ่โตแด่คาทอลิกเอง เพราะชาวโลกจะมองว่า คาทอลิกเขลา ไร้เดียงสา เพราะไม่รู้เรื่องสมบัติผู้ดีในสังคมโลกเลย เมื่อเท่านี้ยังไม่รู้ ธรรมชั้นลึกซึ้งของคาทอลิกจะมีมาอย่างไร ? คนทั้งโลกก็จะหัวเราะเอา ฐานที่ไม่รู้ไม่ดูตาม้าตาเรือ แล้วจะมีใครมาคบหาสมาคม มานิยมนับถือเล่า ? นักบวชหญิงคาทอลิกไทย พรรษาอ่อนเป็นนักบวชใหม่ ๆเรียกว่า "ซิสเตอร์" ก็ฟังไพเราะดีอยู่แล้ว ไม่ควรเรียกว่า ชี หรือเผลอเดาะคำว่า ภิกษุณี เข้าล่ะ ! เช่นเดียวกับคำว่า "พระคุณเจ้า" สำหรับพระนวก หรือพระบวชใหม่ "บาดหลวง" หรือ "คาร์ดินาล" สำหรับพระอาวุโสในพรรษา ที่มีตำแหน่งทางการปกครอง ควรระวังการใช้ราชาศัพท์ อย่าละเมิด ปัญหาของคาทอลิกก็คือ ไม่เข้าใจคนอื่น ขาดเสขิยวัตร ที่ทางบ้านเมืองเรียกว่า สมบัติผู้ดี นั่นเอง คาทอลิกน่าจะเอาใจใส่เป็นพิเศษทีเดียวในการที่จะบัญญัติศัพท์ภาษาไทยมาใช้เฉพาะกับศาสนาคาทอลิก เพื่อให้เกิดความถูกต้อง ความตรง ความเหมาะสม และควรแก่ความหมายในพระธรรมคัมภีร์และความสง่างามของพระเจ้า และที่สำคัญ ต้องไม่ละเมิดศาสนาอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งศาสนาประจำชาติไทยคือศาสนาพุทธ เพราะการละเมิดเช่นนั้นบ่งบอกไปถึงความเขลา ความป่าเถื่อนล้าหลัง บอกอนารยธรรม ความที่ไร้วุฒิภาวะ ไม่งาม และไม่ชอบธรรม ซึ่งล้วนแต่บอกคุณธรรมระดับต่ำต้อยทั้งสิ้น หากคาทอลิกยังไม่เข้าใจแล้ว จะพูดถึงธรรมะที่ลึกซึ้งไปอย่างไรคนเขาจะเชื่อถือศรัทธา

 

 

 

 

 

 

ภาษาไทยวันนี้ ในหลักการภาษามีชีวิต จะวินิจฉัยคำว่าสังฆราชอย่างไร

ช่อง 11

26 ก.ย.42 0655 น.

 

ศ.ดร.กาญจนา นาคสกุล ใช้เวลาประมาณ 2 นาที อธิบายศัพท์ภาษาไทย คำว่า คอกเทล : cocktail แล้วจบลง งานภาษาไทยวันนี้ ดูเหมือนจะมองปัญหาว่า ภาษาไทยจะต้องมีระเบียบจำกัดความหมายอยู่แต่ใน พจนานุกรมของราชบัณฑิตยสถาน เท่านั้น ผิดจากนี้แล้วถือว่าเป็นภาษาไทยที่ไม่ดี ใช้ไม่ได้ จึงพยายามอธิบายกันเหลือเกินว่าคำนั้นต้องอย่างนั้นคำนี้ต้องอย่างนี้ ซึ่งดูจะไม่สอดคล้องนักกับหลักสัจธรรมทางภาษาที่ว่า "ภาษามีชีวิต" เติบโต เปลี่ยนแปลงได้ สามารถสร้างบุคคลิกภาพของภาษาขึ้นเองได้ จากการประกอบหรืออิทธิพลของสิ่งที่แวดล้อมอันเป็นไปตามยุคสมัย

 

และแท้จริงภาษาไทยแม้สมัยใหม่นี้ ก็ยังมักจะไปอิงกับภาษาที่ตายไปแล้วมากเกินไป คือ บาลี-สันสกฤต และมักจะไปอิงกับบุคคลที่มีหัวโน้มเอียงนิยมเช่นนั้นมากเกินไปอีกด้วย จึงไม่ค่อยถูกธรรมชาติของภาษาดังกล่าว ฉะนั้น รายการภาษาไทย จึงน่าจะแบ่งหน้าที่กันออกไป ภาษาไทยวันนี้ ของช่อง 11 หรือช่อง 7 ท้ายรายการเจ้าขุนทอง ก็ไม่น่าจะทำหน้าที่เดียวกับ ภาษาไทยในจอ ของช่อง 9 น่าจะเสนอบทวิเคราะห์ที่สำคัญ ๆ เกี่ยวกับการเกิดขึ้นของภาษาสมัยใหม่ และความหมายใหม่ ที่เป็นผลจากธรรมชาติของภาษาที่มีชีวิต น่าจะได้ติดตามสังเกตบันทึกการเกิดขึ้นของภาษาในบุคคลิกภาพใหม่ ๆ(หรืออาจจะเรียกว่า งานวิจัยภาษาก็ได้) เช่น ภาษาหนังสือพิมพ์ ภาษาคอมพิวเตอร์ ภาษาของวัยรุ่น ภาษาทางการค้า-ธุรกิจ ภาษาทางการบันเทิง ภาษาทางการเมือง ภาษานักเลงนักรัก ภาษาดนตรี-เพลงและบทขับร้อง ภาษากวี ภาษาเทกนิก ภาษาวิชาการสาขาต่าง ๆ

 

แม้กระทั่งสิ่งที่คนทั่วไปดูจะมองผิด ๆ ไปว่าไม่ควรเป็นภาษาคือ ภาษาตลาด ก็น่าจะนำมาวิเคราะห์เสนอขึ้นเพื่อให้มีการรับรองมาตรฐานต่อไป จุดประสงค์ก็คือ เพื่อให้ก้าวทันโลกภาษาและบุคคลิกภาพแห่งคนยุคใหม่ ขจัดความรุงรังของภาษาไทยออกไป ให้ง่ายได้ความหมายชัดเจนรวดเร็ว เช่นคำว่า วีดีโอ อันเป็นภาษาเกิดใหม่เองโดยธรรมชาติ พูดขึ้นคนก็รู้จักไปทั้งประเทศ แต่นักปราชญ์ทางภาษาไทยกลับไม่ยอมรับ ไปบัญญัติศัพท์ใหม่ขึ้น โดยไปอิงกับภาษาที่ตายสนิทไปแล้ว ว่า วีดิทัศน์ (บาลี : วีดิ+ทัศน์) ก็ไม่ติดตลาด กลับทำให้สังคมสับสนขึ้นโดยไม่จำเป็น มีลักษณะชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ เรื่องง่าย ๆ กลับทำให้ยาก ยึดมั่นถือมั่นโดยไม่คำนึงประโยชน์ ที่ควรได้รับ

 

อนึ่ง ภาษาไทยชั้นสูง คือกวีนิพนธ์ น่าจะนำมาพูดถึงเป็นอย่างยิ่ง เพราะกวีนิพนธ์ส่วนหนึ่งนั้นแท้จริงก็คือธรรมะ นอกจากนั้นเรื่องบางเรื่องที่น่าสังเกตเป็นกรณี ๆ ไป เช่น ระเบียบวรรคตอนและเครื่องหมายวรรคตอนของภาษาไทย ก็น่าจะได้มีการศึกษาดูว่าจะนำมาใช้ได้เพียงใดหรือไม่

 

น่าศึกษาวิเคราะห์ดูว่าเรื่องวรรคตอนของภาษา มีส่วนในการสร้างบุคคลิกภาพเพียงใดหรือไม่ และสร้างอย่างไร ? คนไทยทุกวันนี้พูดอะไรเป็นเล่นไปหมด(พูดแบบศรีธนญชัย) น่าจะมีสาเหตุมาจากขาดเครื่องหมายวรรคตอนในภาษาไทยหรือไม่ ? อีกกรณีหนึ่ง ภาษาศาสนาที่มีปัญหาอยู่อีกมากมาย เช่น "สังฆราช" ซึ่งเป็นภาษาเฉพาะของพระพุทธศาสนา แต่ศาสนาคาทอลิกเอาไปใช้ในความหมายของคาทอลิก ว่า อุปสังฆราชบ้าง สังฆราชบ้าง อัครสังฆราชบ้าง จะวินิจฉัยโดยหลักทางภาษาไทยของคนไทยอย่างไร ? (คำว่า สงฆ์ เป็นศัพท์เฉพาะของพระพุทธศาสนา หมายถึงพุทธสาวก ที่ทรงธรรมทรงวินัยแห่งพระพุทธศาสนาทั้งสิ้น หมายถึง ทรงทั้งธรรมสากลที่ไม่เป็นอุตตริมนุสสธรรมและทั้งอุตตริมนุสสธรรมทั้งหมดในพระพุทธศาสนา ที่ไม่มีในศาสนาอื่น) คำว่า "พิธีเสกน้ำพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์" ภาษาที่สื่อความหมายของพิธีกรรมชนิดหนึ่ง ที่ตัวภาษาบอกความหมายอย่างหนึ่ง แต่ตัวพิธีกรรมบอกความหมายต่างไปอีกอย่างหนึ่ง(เรียกชื่อพิธีกรรมไม่ถูกตามเนื้อหาของพิธีกรรมนั้น) เช่นนี้ จะถือว่าเป็นภาษาไทยที่ถูกต้องหรือไม่ ? (คำว่า "พิธีเสกน้ำพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์" นี้ ไม่น่าเป็นภาษาที่สะท้อนว่าเป็นพิธีกรรมที่ถูกต้องในหลักพระพุทธศาสนา เพราะตัวพุทธพิธีจริง ๆ นั้น พระสงฆ์มิได้มีเจตนาสวดมนต์อ้อนวอนพระเจ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดใด หากแต่ตัวมนต์ทั้งหลายที่ท่านสวดนั้น คือบทปาฐะที่มาจากพระสูตรสำคัญ ๆ มี มงคลสูตร เป็นต้น อันเป็นพระสูตรที่เกี่ยวกับภูมิปัญญารู้แจ้งมรรคผลและนิพพานที่มีประสงค์ให้คนฟังแล้วรู้แจ้งธรรมะหรือการเกิดปัญญารู้แจ้งมรรคผลขึ้นมาทั้งสิ้น แต่ในตัวภาษาที่เรียกชื่อพิธีนี้คือ พิธีเสกน้ำพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ คำว่า เสก เราไม่ใช้ ใช้คำว่า เจริญ แทน คำว่า ศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีในหลักธรรมของพระพุทธศาสนา ฯ ไม่มีคำว่า พระธรรมอันศักดิ์สิทธิ์ พระสงฆ์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ หรือพระพุทธมนต์อันศักดิ์สิทธิ์)

 

 

 

 

 

 

แอลจีแชมเปี้ยนชิป เพิ่มรางวัลให้ทันที 1 ล้านบาท

ช่อง 9

26 ก.ย.42 0730 น.

 

วันนี้ชั้นสูง เข้ารอบควอเตอร์ คำถามเฉียบจริง ๆ บ่งบอกถึงระดับชั้นของความรู้ความเข้าใจ ที่จะต้องห่างชั้นขึ้นมาอีก ศรีสะเกษวิทยาลัย จาก ศรีสะเกษ มีคะแนนสะสมไว้ 80 แต่ไปติดลบเหลือ 70 นครราชสีมาวิทยาลัย จากนครราชสีมา มีอยู่เดิม 120 ทำห่างไปเป็น 290 ชนะ เป็นแชมป์รอบ 3 เดือน พิชิตเงินรางวัล 100,000 บาท ท่านผู้อุปถัมภ์รายการที่นั่งชมอยู่ ชื่นชมถึงขนาด ออกมาประกาศเพิ่มเงินรางวัลแชมป์ประจำปี จากที่ประกาศไว้แต่เดิม 3 แสนบาท เป็น 1 ล้านบาท เป็นการร่วมสร้างสรรค์สังคมที่ถูกทางจริง ๆ น่าชื่นชมยิ่งนัก

 

 

 

 

 

 

 

 

เปิดใจหลังเลนส์  ความเห็นต่อข่าวนักศึกษาขายตัว

ไอทีวี

26 ก.ย.42 0900 น.

 

มาดของพิธีกร(ดร.ณรงค์)ดูรุ่มร่าม คล้ายพยายามทำตัวเหมือนมือปืนผู้ดีตะวันตกยุคนู้น และเมื่อมาเผชิญหน้าสุภาพสตรี ก็ได้มุขอีกแบบหนึ่ง ที่ดูดีเหมือนกัน ทำบรรยากาศให้ดูประณีตและสุภาพ ประเด็นสำคัญวันนี้ มาจากเทปสัมภาษณ์ความเห็นต่อข่าวนักศึกษาขายตัว ซึ่งมีคำตอบออกมาตรงกันเป็นเอกฉันท์ แน่นอน ! นักศึกษาขายตัวไม่ใช่ของที่ดีในสายตาของสังคมไทย ที่น่าคิดก็คือปัญหานี้ได้สะท้อนไปถึงประสิทธิภาพทางการศึกษาระดับอุดมศึกษาของไทยเพียงไร ? ภาวะผู้นำ หรือปัญญาชน ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นจากระบบการศึกษาระดับอุดมศึกษาเลยหรืออย่างไร ? ระบบการศึกษาระดับอุดมศึกษามิได้สร้างสำนึกความหยิ่งทางวิชาการให้เกิดขึ้นเลยหรืออย่างไร ? เหตุใดในวงการศึกษาชั้นสูงจึงสะท้อนสำนึกที่ต่ำทราม เพราะการขายตัว ย่อมสะท้อนไปถึงก้นบึ้งแห่งสติปัญญาอันต่ำทราม ความโง่เขลา ไม่ทันกิน ไม่ทันกาล ไม่ทันคน ต่างหาก !!

 

การขายตัวขายเพศแม่ของสตรี ควรเป็นเรื่องเฉพาะของคนโง่จิตทรามต่ำที่ไร้การศึกษาเท่านั้น ระบบการศึกษาน่าจะสร้างสรรค์ทำการป้องกัน และนักศึกษาน่าจะใช้สติปัญญา ใช้สมองคิดให้ดี ๆ ให้สมตัวกว่านี้ ยังมีอีกหลายกรณีตัวอย่างของความเป็นไปในแวดวงอุดมศึกษา ที่น่าสังเกตว่ามีผลมาจากความไม่เข้าใจภูมิปัญญาทางศาสนา แล้วไม่มีหลักการวิเคราะห์ที่ถูกต้องตามแนวศาสนา เห็นได้จากการเชียร์กีฬามหาวิทยาลัย ที่เริ่มจะเฉวิปริตออกไปไม่สมกับความเป็นปัญญาชน เพราะไม่รู้แม้ธรรมะชั้นต้น ๆ ในพระพุทธศาสนา ทำอย่างไรจักให้บุคคลิกภาพนักศึกษาสะท้อนความเป็นปัญญาชนนั้น คำตอบอยู่ที่การเรียนรู้และเข้าใจหลักพระพุทธศาสนากันก่อน นั่นเอง

 

 

 

 

 

 

 

 

ดนตรีไทย : จินตนาการแห่งความสงบระงับ

ช่อง 11

26 ก.ย.42 2130 น.

 

ดนตรีไทยของกรมประชาสัมพันธ์ ทุกเพลงไพเราะจริง ๆ เพลงแผ่นดินทอง เจื้อยแจ้วดั่งเสียงนกการะเวก เพลงไทยมักจะพิถีพิถันในเนื้อร้อง ที่ต้องกินใจมีความหมาย นำจิตอารมณ์ให้ลุ่มลึกลงไปในจินตนาการแห่งความสงบ จิตจักระงับ นิ่งด้วยสมาธิ และผู้ฟังผู้ชมจักเสพความสุขจากความสงบระงับ สมาธิผลเหล่านั้น อาการชื่นชมดนตรีไทยจึงออกมานิ่งสงบ ที่สอดคล้องหลักการแห่งศาสนธรรม และ เพลงนั้นก็คือธรรมะ จะตรงข้ามกับดนตรีอเมริกันที่เอามาเล่นในสิ่งที่เรียกว่าฟรีคอนเสิรท เช่นที่เห็นในซอกตึกศูนย์การค้าที่ทีวีถ่ายทอดอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเพียบพร้อมไปด้วยระบบแสง สี เสียง หากแต่เนื้อเพลงและการเต้นจังหวะเป็นไปอย่างไร้ความหมายทางธรรมะ เพลงที่ร้องมิสะท้อนเนื้อความหมายแห่งธรรมะ การเต้นมิได้มีลักษณะความระแวงระวังควบคุมให้การปลดปล่อยซึ่งสำนึกเถื่อนทางกามเป็นไปอย่างพอเหมาะพอดี หากแต่จะปลดปล่อยกาม และสำนึกเถื่อนอย่างเต็มที่

 

ฉะนั้น เมื่อถึงระดับสุดขีดจะต้องมีอาการเสมือนถูกสิงสู่ เหมือนอาการผีเข้าคนในท้องถิ่นชนบท หากแต่นี่ถูกสิงสู่โดยสำนึกเถื่อนทางกิเลส ราคะ ตัณหา มีการเต้นอีรุงตุงนังกันอย่างเต็มที่ ได้ให้โอกาสการคลุกเคล้าเสียดสีสัมผัสกันทั้งหมู่ อันเป็นการเสพกามหมู่กันในที่สาธารณะชนิดหนึ่งตามแบบอย่างอเมริกัน และเยาวชนหลงเสพความสุขที่เกิดจากสำนึกเถื่อนนั้นโดยไม่รู้ตัว ควรเรียกว่าดนตรีแห่งอธรรม ดนตรีแห่งกิเลส ดนตรีแห่งราคะเร่าร้อน การเสพความสุขจากระคะตัณหาก็จักเหมือนการเสพความสุขจากยาเสพติดนั่นเอง ในที่สุดหยุดไม่ได้ ก็ทำเยาวชนให้ใจแตกแล้วกระเจิงไปฉะนั้น ความหมายของเพลงไทย ดนตรีไทยในวันนี้นอกจากความหมายของการนำไปสู่ธรรมะ และได้เสพสุข ผ่อนคลาย ในระบบธรรมะแล้ว ยังมีความหมายของการเป็นปราการที่ต่อต้านอนารยธรรมอเมริกันที่สำคัญยิ่งอีกด้วย ส่วนคอนเสิรทและดนตรีฝรั่งอเมริกันเป็นดนตรีแห่งกิเลส แห่งราคะตัณหา ที่มีผลมาจากไร้ระบบศาสนาในสังคมประเทศนั้น ย่อมนำไปสู่อธรรม หรือ อนารยธรรม ที่มีแต่สร้างความเสื่อมให้แก่จิตใจเยาวชนและคนทั้งหลายที่นับวันจะนำคนทั้งหลายห่างไปจากศาสนธรรม เราควรจะป้องกันและต่อต้าน

 

 

 

 

 

 

 

 

ก้าววันใหม่   เสน่ห์เสียงดนตรีไทย

ช่อง 9

27 ก.ย.42 0715 น.

 

"เสน่ห์เสียงดนตรีไทย" ขิม ดนตรีไทย อาจารย์ ชนก สาคริก ผู้บรรเลง เมื่อมีประดิษฐกรรมเท็กนิกซอฟแวร์เข้ามา เรียกว่า ซอฟแวร์ผีเสื้อ สำหรับขิมโดยเฉพาะ ประกอบกล่องสร้างจังหวะ ทำให้เป็นสากล ฟังได้ทั่วโลก สามารถเรียนดนตรีไทยได้จากจอคอมพิวเตอร์ มูลนิธิหลวงประดิษฐ์ไพเราะผู้บริหารงานดนตรีไทยนี้ ได้รับรางวัลสิ่งประดิษฐ์ปี พ.ศ.2540 รายการวันนี้ ได้เน้นย้ำความเป็นดนตรีธรรมะของดนตรีไทยอย่างไร ชัดเจนขึ้น ธรรมะในที่นี้คือ ดนตรีที่นำจิตใจไปสู่ความสงบ ความนิ่ง ความตั้งมั่นแห่งจิตใจในส่วนที่ละเอียดอ่อน อันเป็นลักษณะของดนตรีของชนชาติต่าง ๆ ที่มีศาสนาทั่วโลก ไม่ว่าจีน อินเดีย อียิปต์ แม้ในอังกฤษ ฝรั่งเศส เดิม เพราะศาสนาได้มองเห็นอันตรายของกิเลส

 

ดนตรีดั้งเดิมของชนชาติที่มีศาสนาทั้งหลาย จึงเป็นประดิษฐกรรมที่มุ่งควบคุมกิเลส ราคะ และตัณหา เป็นหลัก ยังจิตใจไปสู่ความสงบ แล้วได้เสพความสุขจากความสงบแห่งจิตใจนั้น เพลงไทย เพลงจีน เพลงแขก ทั้งหลายจึงสามารถบรรเลงใช้เป็นพื้นฐานของการเข้ากรรมฐานได้หลาย ๆ ชนิด ด้วยซ้ำ เพื่อที่จะนำจิตใจไปสู่สมาธิ ฌาน และแม้กระทั่ง การวิปัสนากรรมฐาน ก็สามารถใช้ดนตรีไทยบางชนิดปูพื้นฐานทางอารมณ์ จิตใจ หรือภาคภายในของมนุษย์ได้ จึงเรียกได้ว่าเป็น ดนตรีแห่งธรรมะ (เช่นเพลงแห่ศพอิสาณโบราณ หรือแม้เพลงธรณีกันแสงที่ใช้อยู่ปัจจุบัน สามารถใช้ปูพื้นฐานทางกรรมฐานบางชนิดได้) ต่อมาอเมริกัน ซึ่งไร้คติแห่งศาสนา ได้เปิดโลกดนตรีแห่งมารขึ้นและพัฒนามาตามลำดับบัดนี้เห็นได้จากคอนเสิรทต่าง ๆ ที่เป็นที่นิยมของวัยรุ่นทั้งหลาย อันบ่งบอกลักษณะของมาร การร้องเพลงที่ไร้ความหมายอันดีงาม หากหมายถึงสำนึกเถื่อนภายในที่ถูกปลดปล่อยออกมากระโดดโลดเต้น จึงมีการเต้นออกท่าออกทางไปตามสำนึกเถื่อนนั้นอย่างสุด ๆ ไม่คำนึงว่าจะเป็นท่าทางแบบไหน จึงเป็นดนตรีที่นำจิตใจไปในทิศทางตรงกันข้ามกับความสงบ ความตั้งมั่นแห่งจิตใจ บรรยากาศในดนตรีชนิดนั้นจะ ถูกสร้างขึ้นเพื่อรับการสัมผัสทุกชนิดอย่างเต็มที่ จึง เปิดโอกาศให้ประพฤติตนได้ตามความอยาก คือตัณหา ราคะ ของตนได้อย่างเต็มที่ คน มีสามัญสำนึกเถื่อนอยู่เป็นพื้นฐานทุกคน ตามธรรมดาของความเป็นสัตว์บาป คนบาป โลกแห่งความบาป โลกแห่งอวิชชา ตามคติทางศาสนาสากล อยู่แล้ว

 

เมื่อชนที่ไร้คติทางศาสนาคืออเมริกันมาเปิดโอกาศให้แด่มาร คือสำนึกเถื่อนของสัตว์บาป คนบาป โลกบาป โลกอวิชชา สำนึกเถื่อนชนิดนี้ก็ไหวตัวและตื่นขึ้น คนทั้งหลายที่ล้วนมีสำนึกเถื่อนแห่งราคะตัณหาเป็นพื้นฐานอยู่นั้น ก็ชอบใจยินดี เพราะถูกกับกิเลสตน ก็เสมือนนัดกันสนองกิเลส ดนตรีอเมริกันจึงเป็นการสนองต่อกิเลส เป็นไปตามอารมณ์แห่งกิเลส การร้องสลับการเต้นเช่นที่เห็น ก็เป็นไปตามอารมณ์แห่งกิเลส สนองการเต้นอีรุงตุงนัง แท้จริงก็เพื่อได้โอกาศการเสพสัมผัสทั้งหกแห่งความชั่วร้ายในที่สาธารณะได้อย่างเปิดเผย ซึ่งขณะนี้เป็นไปอย่างไม่มีขีดจำกัดว่าความเหมาะความควร หรือขีดที่พึงพอดี อยู่ที่ไหน แต่ปล่อยให้เป็นไปอย่างสุดเหยียด ด้วยคติที่ว่าด้วยสิทธิเสรีภาพ หรือสิทธิประชาธิปไตย ที่ไม่ถูกต้อง แล้วก็ใจแตก เสียคน ไป นี่คือเหตุผลสองด้าน ๆ หนึ่งว่าด้วยธรรมะ อีกด้านหนึ่งว่าด้วย อธรรม ที่มีตัวอย่างสำหรับเปรียบเทียบให้เห็นอย่างกระจ่างชัดเจน น่าศึกษาในรายละเอียดต่าง ๆ

 

และบัดนี้จึงอาจวิเคราะห์แนวทางสังคมได้ว่า จะต้องตระหนักในอันตรายของดนตรีมาร จำกัดขีดความเหมาะความควรของดนตรีฝ่ายมารให้แน่ชัด จักปล่อยให้เยาวชนเล่นไปตามอำเภอใจนั้นน่าเป็นอันตราย ต้องมีการจำกัดขอบเขต มีการกำหนดควบคุม และในขณะเดียวกันต้องส่งเสริมแนวดนตรีทางธรรมะ ให้มีอำนาจครอบสังคมมากขึ้น

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ธรรมะกับหลวงตามหาบัว

ช่อง 5

27 ก.ย. 2542 0925 น.

 

ชั่วเวลา 2-3 นาที ตัดเอาบทเทศนา ของท่านมาเป็นตอน ๆ ตอนนี้พูดถึงตัวท่านเองว่า เมื่อมหาสติมหาปัญญาเกิดขึ้นแล้ว ก็ไปตัดกิเลสอย่างนั้น ๆ ก็รู้แจ้งขึ้น อันเป็นการอวดอุตตริมนุสสธรรม ญาติโยมจะไม่เข้าใจคำว่า อวดอุตตริมนุสสธรรม ตามพระธรรมวินัย มีในพระปาฏิโมกข์อยู่ 2 แห่ง ๆหนึ่งปรากฎในหมวด ปาราชิก ข้อ 4 คือ จตุตถปาราชิก ว่าดังนี้

 

"โย ปน ภิกฺขุ อนภิชานํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ อตฺตูปนายิกํ อลมริยญาณทสฺสนํ สมุทาจเรยฺย "อิติ ชานามิ, อิติ ปสฺสามีติ; ตโต อปเรน สมเยน สมนุคฺคาหิยมาโน วา อสมนุคฺคาหิยมาโน วา อาปนฺโน วิสุทฺธาเปกโข เอวํ วเทยฺย "อชานเมวํ อาวุโส อวจํ "ชานามิ" อปสฺสํ "ปสฺสามิ" ตุจฺฉํ มุสา วิลปินฺติ, อญฺญตฺร อธิมานา; อยมฺปิ ปาราชิโก โหติ อสํวาโส."

 

ซึ่งภาคภาษาไทยว่าไว้ ดังนี้

 

"อนึ่ง ภิกษุใดไม่รู้เฉพาะ กล่าวอวดอุตตริมนุสสธรรม อันเป็นความรู้ความเห็นอย่างประเสริฐ อย่างสามารถ น้อมเข้ามาในตน ว่าข้าพเจ้ารู้อย่างนี้ ข้าพเจ้าเห็นอย่างนี้ ครั้นสมัยอื่นแต่นั้น อันผู้ใดผู้หนึ่งถือเอาตามก็ตาม ไม่ถือเอาตามก็ตาม เป็นอันต้องอาบัติแล้ว มุ่งความหมดจด จะพึงกล่าวอย่างนี้ว่า แน่ะท่าน ข้าพเจ้าไม่รู้อย่างนั้น ได้กล่าวว่ารู้ ไม่เห็นอย่างนั้น ได้กล่าวว่าเห็น ได้พูดพล่อย ๆ เป็นเท็จเปล่า ๆ เว้นไว้แต่สำคัญว่าได้บรรลุ แม้ภิกฺษุนี้ ก็เป็นปาราชิก หาสังวาสมิได้"

 

อีกตอนหนึ่ง มีใน ปาจิตตีย์ 92 มุสาวาทวรรค ข้อที่ 8 ว่า

 

"โย ปน ภิกฺขุ อนุปสมฺปนฺนสฺส อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ อาโรเจยฺย, ภูตสฺมึ ปาจิตฺติยํ"

 

 ซึ่งภาคภาษาไทยแปลว่า

 

"อนึ่ง ภิกษุใด บอกอุตตริมนุสสธรรมแก่อนุปสัมบัน เป็นปาจิตตีย์ เพราะมีจริง"

 

(จาก ภิกขุปาติโมกข์ ภิกขุนีปาฏิโมกข์ และคำแปลภาษาไทย วัดจักรวรรดิราชาวาส 2527)

 

 

ประเด็นอยู่ที่ อนภิชานํ ที่ท่านแปลไว้ว่า "ไม่รู้เฉพาะ" คือ "ไม่รู้ยิ่ง" "ไม่รู้จริง" นั่นเอง (อภิ แปลว่า ยิ่ง เป็น คำวิเศษณ์) เมื่อเอาความก็ได้องค์ประกอบความผิดสำคัญที่ว่า

 

ภิกษุใดไม่รู้เฉพาะหรือ ไม่รู้ยิ่ง ไม่รู้จริง คือไม่มีอุตตริมนุสสธรรมในตนจริง แต่ไปอวด(คือไปพูด ไปบอก บอกกล่าว ไปเทศน์ให้คนอื่นฟัง)ว่า ตนรู้ ตนเห็น ตนมีอุตตริมนุสสธรรม จึงจะต้อง จตุตฺถปาราชิก (ต้อง ภาษาวินัยแปลว่า มีความผิด) ในที่นี้ยังสะท้อนความหมายอีกด้านหนึ่งด้วยว่า ภิกษุใด หากรู้ยิ่ง รู้จริง มีอุตตริมนุสสธรรมจริง ก็สามารถอวดอุตตริมนุสสธรรมนั้นได้ โดยไม่ต้องอาบัติปาราชิก แต่อาจต้องอาบัติปาจิตตีย์ข้อที่ 8 ได้หากไปอวดแก่อนุปสัมบัน คือ สามเณรและญาติโยมทั่วไป

 

ฉะนั้น โดยสรุปก็คือ พระอรหันต์ สามารถบอกความเป็นพระอรหันต์ หรืออุตตริมนุสสธรรมอื่น ๆ ของท่านได้ แต่บอกได้เฉพาะอุปสัมบันบุคคล คือพระภิกษุเท่านั้น อย่าบอกอนุปสัมบัน หากบอกอนุปสัมบัน จะต้องปาจิตตีย์ ซึ่งเป็นอาบัติ แต่ก็เล็กน้อย ไม่ถึงขาดจากความเป็นพระเหมือน ปาราชิก

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Morning Talk  : Crisis Part 2 ชวน หลีกภัย

ช่อง 11

29 ก.ย.42 0700 น.

 

J. Walton พบ ผู้สื่อข่าวอาวุโส ASIAWEEK น่าสนใจบุคคลิกภาพของคนที่เคยแต่ตั้งคำถาม บัดนี้กลับถูกถามถี่ยิบ เขาว่าเอเซียวีควางจำหน่ายในเอเซียกว่า 45 % ในฮ่องกง ฟิลปปินส์ มาเลเซีย ไทย พม่า เป็นต้น แล้วฉบับล่าสุดก็ขึ้นภาพ ชวน หลีกภัย หราที่ปก พร้อม ตัวไม้ว่า CRISIS PART 2 (วิกฤตรอบ 2) ด้าน McKenzie เอาหนังสือเล่มหนึ่ง Guide to Asia (นำเที่ยวเอเซีย) ปกบอกเรื่องเด่น CUSTOM & MANNER อะไรคือประเพณีและจริยามารยาทของเอเซียที่ฝรั่งพูดถึงในหนังสือเล่มนี้ ? น่าฟัง น่าคิด น่าเปรียบเทียบว่าเขาพูดใกล้เคียงหนังสือ สมบัติผู้ดี ของเราบ้างหรือไม่ ?

 

 

 

 

 

กรองสถานการณ์  พระทุศีลดีกว่าฆราวาสมีศีล

ช่อง 11

25 ต.ค. 42 2030 น.

 

เสฐียรพงษ์ วรรณปก เผชิญ พระเทพกิตติปัญญาคุณ หรือ กิตติวุฒโฑภิกขุ สำนักจิตภาวัน บางละมุง จ.ชลบุรี มี นักกฎหมาย จากสภาทนายความ มาร่วมให้ความรู้ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ในหัวข้อสนทนาเรื่อง "พระสงฆ์กับกระบวนการยุติธรรมทางโลก" ซึ่งมีจุดที่มาที่การดำเนินคดีธัมมชโย ที่มาถึงจุดเริ่มต้นของกระบวนการศาลทางโลกแล้ว ความเห็นไม่ลงรอยกันที่ต่างฝ่ายก็อ้างมาไว้ชัดเจนคือประเด็น "พระทุศีลดีกว่าฆราวาสมีศีล" ที่ท่านเจ้าคุณพระเทพกิตติปัญญาคุณ อ้างว่ามีที่อ้างอิงอย่างแน่นอน ขอให้ท่านราชบัณฑิตเสฐียรพงษ์ วรรณปกดูในมิลินทปัญหา ให้ดี ๆ ในขณะที่ท่านราชบัณฑิตว่าไม่เคยได้ยิน ๆแต่ "พระหรือฆราวาสหรือใคร ๆ ทุศีล มันก็ทุศีลเหมือนกันหมด" ท่านอ้างจักขุปาลวัตถุ ในพระธรรมบท ก็น่าจะตรวจสอบดูได้ไม่ยากนักสำหรับพระธรรมบทที่อ้าง

 

แต่ ดู มิลินทปัญหา ฉบับพิสดาร กรมศิลปากรอนุญาตให้ศิลปาบรรณาคารพิมพ์จำหน่าย ครั้งที่7 พ.ศ.2516 เล่มหนาไม่ใช่เล่น เพราะมีกว่า 1192 หน้า การตรวจสอบจึงไม่น่าจะผลีผลาม และท่านเจ้าคุณ ท่านคงจะมีทีเด็ดของท่าน จึงกล้ายืนยัน ฟังเรื่องที่ท่านทำกองอำนวยการป้องกันและปราบปรามคอมมิวนิสต์ (กอ.ปค. สมัยนั้น) ถึงหวั่นไหวสะทกสะเทือน ก็คำพูด "ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่เป็นบาป" นั่นอย่างไร ท่านมาแก้ตัวที่นี่ว่า มีต่อไปอีกประโยคหนึ่งคือ "แต่ฆ่าหมาเป็นบาปนะ" ก็คงจะถูกของท่าน หากมีเจตนาหมายถึงนามธรรมจริง ๆ แต่ภาพทางจอแก้ววันนี้ เจ้าคุณพระเทพกิตติปัญญาคุณ สรรเสริญ ธัมมชโย อย่างมาก เห็นได้ว่า ถึงกัน นั่นหมายความว่าไปด้วยกันได้ดีทีเดียว ความที่นิยมสรรเสริญกันและกันนั้น บางครั้งก็บ่งบอกความบูชาในภูมิธรรมภูมิปัญญาของบุคคลที่เหนือชั้นกว่าตน เช่นกรณีนี้ พระเทพกิตติปัญญาคุณย่อมบูชาความเหนือชั้นกว่าของธัมมชโย จึงยอมเป็นลิ่วล้อบอกความภักดีให้ และอะไรจะเกิดขึ้น หากปรากฎว่าสหธรรมิกที่เป็นที่เคารพบูชาของท่านถูกพิพากษาว่า มีมลทิน จะมิหมายความรวมไปถึงท่านด้วยหรือ ? กระนั้นท่านเจ้าคุณก็มีความคิดดี ๆ อยู่ไม่น้อยเกี่ยวกับระบบการปกครองสงฆ์ โดยกฎหมายและโดยพระธรรมวินัย

 

 

 

 

 

 

 

ถามตรง  แนะนำสรจักร เกษมสุวรรณ ผอ.อสมท.คนใหม่

ช่อง 9

25 ต.ค. 42 2130 น.

 

อรวรรณ กริ่มวิรัตกุล คุยกับ สรจักร เกษมสุวรรณ แนะนำว่า นี่คือผู้อำนวยการ อสมท.คนใหม่

 

 

 

 

 

 

สายตรงไอทีวี

ไอทีวี

13 ต.ค.42 0800 น.

 

สรุปข่าวและตรวจสอบ ชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ ที่เพิ่งลาออกจากตำแหน่ง ส.ส.ไปก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ถูกศาลรัฐธรรมนูญ โดยเชาวน์ สายเชื้อ และคณะ พิพากษา ว่า เป็นโมฆะ มาแต่ปี พ.ศ.2538 เพราะขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส. เป็นบุตรที่พ่อเป็นคนต่างด้าว ไม่จบวุฒิการศึกษามัธยมปลาย ปลอมเอกสาร วุฒิบัตร ไปเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งศาลระบุชัดเจนถึงความผิดดังกล่าว จะต้องคืนเงินเดือนและเงินอื่น ๆ ที่ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนครนายก พรรคประชาธิปัตย์มาเป็นเวลา 51 เดือน เป็นเงินประมาณ 7 ล้านบาท

 

 

 

 

 

 

ข่าว

ไอทีวี

13 ต.ค.42 0800 น.

 

ข่าวรัฐประหารในปากีสถาน รัฐบาลนาวาส ชารีฟ ถูกถอด เมื่อวานนี้(12 ต.ค.42) หลังจากประกาศถอดผู้บัญชาการทหาร ออกไปเมื่อสองสามวันที่แล้ว พล.อ.เพอเวส โมชาราฟ ผู้บัญชาการทหาร ปฏิวัติ ทหารทำถูกใจประชาชน ๆ ออกมาเต้นระบำตามถนน สบายใจที่ได้เห็นรัฐบาลเก่าที่ไม่เอาไหนถูกปลดไปเสียที ส่วนสหรัฐ รู้เรื่องเร็วกว่าประเทศใดอื่น ออกมาแสดงอำนาจบาทใหญ่ ประกาศต้องคืนประชาธิปไตยโดยเร็วมิฉะนั้น คว่ำบาตร

 

 

 

 

 

 

 

ไอทีวีทอลค

ไอทีวี

13 ต.ค.42 2100 น.

 

สุภาพคลี่ขจาย พบ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หัวหน้าพรรคความหวังใหม่ วิจารณ์รัฐบาลว่า ทั้งภายนอก ภายใน เละเทะไปหมด ภายนอก ทะเลาะกับประเทศเพื่อนบ้านไปหมด เร็ว ๆ นี้ก็กรณีนศ.พม่ายึดสถานทูต ไม่มีแผน ไม่มีข่าวกรอง ไม่มีความรู้ที่จะปฏิบัติการ กรณีติมอร์ เอาทหารชั้นเยี่ยมของไทยไปทำไม เอาหน่วยเสนารักษ์ หรือหน่วยช่างไปจะดีกว่า ยืนยันไว้ ณ วันนี้ 13 ตค.42 ว่า เจตนารมณ์ มีพลังกว่าเงิน ถามว่า คนเขามักพูดว่าพลเอกชวลิตมีเงินมาก คำตอบที่ทำให้ สุภาพ คลี่ขจาย หัวเราะ "เอาอะไรมาพูด พลเอกเชาวลิต ขอเมียกินอยู่ทุกวัน" มีความหวังขนาดไหน กี่เปอร์เซนต์ ? บอกว่ามีเพียบ หารด้วย 5 ไม่นับพรรคเมืองขึ้น มองไม่เห็นว่าพรรคชวนจะได้เท่าไร อย่างไร ความหวังใหม่หวังในอีสาน 100 ในใต้ กว่า 10 เหนือ กว่า 20 พลเอกชวลิตพูดว่า ขอให้นายกชวน หลีกภัย มาพูดพร้อม ๆ กัน กรณีปัญหาเศรษฐกิจไทย คนจะได้หายสงสัยในเรื่องการล่มเศรษฐกิจของชาติ กลายเป็นข่าวหนังสือพิมพ์กันใหญ่ว่า จิ๋วท้าชวน ซึ่งเช้าวันต่อมา สุภาพ คลี่ขจาย เอาการ์ตูน หมูกล้า กำลังวิ่งเข้าหามีดโกนคมกริบ ที่ง้างเตรียมสับหากหมูวิ่งทะเร่อทะร่าเข้ามา มาให้คนดู ทางจอแก้ว ดูแล้วก็ขำกัน เพราะสะท้อนความนึกคิดที่ว่าคนมักเห็นพลเอกชวลิตเป็นหมู และ นายชวน เป็นมีดโกน

 

 

 

 

 

 

 

ข่าวภาคค่ำ การประชุมมหาเถรสมาคมเรื่องกฎ11 ฆราวาสฟ้องพระได้

ไอทีวี

19 ต.ค. 2542 1925 น.

 

นารากร ติยายน-กิตติ สิงหาปัต รายงาน การประชุมมหาเถรสมาคมวันนี้ และได้มีการพิจารณาปัญหาข้อกฎหมาย คือกฎ 11 ว่าด้วยการลงนิคหกรรม แล้วยืนยันว่าฆราวาสมีสิทธิ์ฟ้องพระได้ ให้ทำรายงานผลการประชุมแจ้งพระสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ในฐานะผู้พิจารณา ดำเนินการเรียกพระธัมมชโย กับพระทัตตชีโว มารับคำฟ้อง ต่อไป การประชุมวันนี้ มี มีชัย ฤชุพันธ์ ประธานวุฒิสภา ในฐานะผู้เชี่ยวชาญกฎหมายเข้าให้คำชี้แจงต่อมหาเถรสมาคมด้วย

 

 

 

 

 

 

 

เช้าวันนี้ This Morning  พบดร.นันทสาร สีสลับ

ช่อง 5

28 ต.ค.2542 0600

 

ศิริบูรณ์ ณัฐพันธ์ พบครูคำอ้าย เดชดวงตา อ.งาว จ.เชียงใหม่ ครูภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย และ ดร.นันทสาร สีสลับ ในฐานะ ที่ปรึกษาสถาบันแห่งชาติว่าด้วยครูภูมิปัญญาไทย เรื่องครูภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย ขณะนี้กำลังจะสร้างเป็นเครือข่ายการพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่นไทยขึ้นทั่วประเทศ สาระที่ดร.นันทสาร สีสลับพูดในวันนี้ มีความหมายกว้างขวางถึงเครือข่ายวัฒนธรรมทั้งมวล ที่น่าสนใจอย่างยิ่งในฐานะมาตรการของการพัฒนาที่ ยั่งยืนอีกมาตรการหนึ่งของสังคมไทยในยุคโลกานุวัต