บทบรรณาธิการ

 

 

 

 

ดีเล่มที่ 19 มาพร้อมเทศกาลกฐิน

 

หนังสือพิมพ์ ดี : วิเคราะห์ข่าวในวงการเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดและสหธรรมิก

วัตถุประสงค์ เพื่อการนำความคิดไปสู่ความดีงาม เพื่อความกลมกลืนแห่งสากลศาสนา

เล่มที่ ๑๙ ประจำเดือน พฤศจิกายน-ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๒

 

 

 

 

นี่คือ หนังสือพิมพ์ดี : วิเคราะห์ข่าวในวงการเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดและสหธรรมิก ฉบับ เทศกาลกฐิน ฉบับสิ้นปีพุทธศักราช ๒๕๔๒ ประจำเดือน พฤศจิกายน - ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๒ นับเป็นฉบับที่ ๑๙ ตั้งแต่ต้นมาจนถึงปัจจุบันนี้

 

เราจะบินบินบินและบินไป สู่ขอบฟ้าสดใสในเบื้องหน้า

 

เทศกาลกฐิน ที่เริ่มเมื่อออกพรรษาสืบไป 29 วันเวียนมาอีกครั้งหนึ่ง ภาระของหนังสือพิมพ์ดี ก็คงเดินต่อไป

 

 

ผลการสำรวจความคิดเห็นต่อระบบสงฆ์

 

มาถึงวันนี้ อันเป็นวันสิ้นปี พ.ศ. 2542 หนังสือพิมพ์ดี ในหน้าบรรณาธิการนี้จะขอกล่าวถึงบทสรุป ของสถานการณ์ที่สำคัญ ๆ ที่เป็นประเด็นแห่งเป้าหมายของหนังสือพิมพ์ดีสักเล็กน้อย

เรื่องการสำรวจความคิดเห็นของหนังสือพิมพ์ดี ครั้งล่าสุด ตามที่ผนวกในหน้าสุดท้ายของหนังสือพิมพ์ดี ฉบับเดือนมี.ค.-เม.ย.-พ.ค. และ ฉบับเดือน มิ.ย.-ก.ค.-ส.ค. 2542 นั้น ได้รับสนองกลับเข้ามาจำนวนหนึ่ง เพียงพอที่จะสรุปความเห็นในรูปรวมว่าการปฏิรูปการระบบสงฆ์นั้นควรจะต้องมี บางท่านบันทึกมาค่อนข้างร้อนแรงเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายคณะสงฆ์ ขอให้หนังสือพิมพ์ดีรีบเร่งร่างกฎหมายออกมาโดยเร็วที่สุด หนังสือพิมพ์ดีขอขอบคุณในความร่วมมือ เราจะพูดถึงเรื่องนี้อย่างค่อยเป็นค่อยไป ตามลำดับขั้นตอนของสถานการณ์การปฏิรูป

 

 

 

เปิดมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาแห่งโลก

 

เรื่องต่อไป เรื่องมหาวิทยาลัยพุทธศาสนาแห่งโลก เตรียมการเปิดอย่างเป็นทางการ ณ พุทธมณฑล ระหว่างวันที่ 17-19 กุมภาพันธ์ 2543 ทั้งนี้จากการเปิดเผยของ ดร.นันทสาร สีสลับ เลขาธิการ องค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก(พ.ส.ล.) ซึ่งมีมติให้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยพุทธศาสนาแห่งโลกขึ้นมา

 

บัดนี้ เป็นที่ตกลงกันในระดับหนึ่งว่า มหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาแห่งโลก จะเปิดสอนโดยไม่มีประกาศนียบัตร เปรียญ หรือ ปริญญา ให้ นั่นก็หมายความว่า เป้าหมายในการสร้างผลิตคน ผลิตนิสิตนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ คือการมุ่งบรรลุเป้าหมายที่แท้จริงของพระพุทธศาสนา คือมุ่งสู่การศึกษาหาความรู้อันแท้จริงและได้เป็นมรรคผลนิพพาน นั่นคือบุคคลได้สำเร็จธรรมเป็นพระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี และ พระอรหันต์ การบรรลุธรรมเท่านั้นจะเป็นสิ่งตอบแทนที่เพียงพอ ยิ่งกว่าประกาศนียบัตร เปรียญ หรือ ปริญญาใดใด ซึ่งเป็นเป้าหมายที่สูงสุด และเมื่อวางเป้าหมายไว้ดังนั้น ก็ต้องกำหนดแนวทางปฏิบัติและรูปของระบบทั้งหมดของมหาวิทยาลัยพุทธศาสนาแห่งโลก ไปในทางที่จะหวังผลสำเร็จได้เป็นรูปธรรมจริง ๆ โดยจะต้องให้สอดคล้อง อิงพระธรรมวินัยเป็นหลักสำคัญ อย่างจำเป็น

 

กล่าวคือต้องเป็นระบบคล้ายระบบนักบวชที่แท้จริงของพระพุทธศาสนา คือระบบที่สละโลกธรรม ได้แก่ ลาภ ยศ สรรเสริญ และ สุข เป็นเบื้องต้น มาถือสมถะ สันโดษ ดำรงชีพด้วยปัจจัย 4 คือ จีวร (เจ้าหน้าที่และนักศึกษา มีเครื่องแบบตายตัว เพียง 1 ชุด ต้องแสดงตนเสมือนเป็นนักบวชประเภทหนึ่ง) บิณฑบาตร(กินอาหาร หาเลี้ยงชีพคล้ายนักบวช อาจจะต้องกิน 2 มื้อบ้าง 1 มื้อบ้าง กินเจ หรือมังสวิรัตบ้าง) เสนาสนะ(พักอาศัยในเคหา ห้อง ที่อยู่ อย่างนักบวช ถือหลัก อนิยต 2 อยู่ป่า อยู่ถ้ำบ้าง) และคิลานเภสัข (การรักษาตนยามเจ็บป่วยไข้ ด้วยวิธีของนักบวช เช่นปฏิบัติจิต สมาธิ วิปัสนา หรือยาสมุนไพรเป็นต้น) ซึ่งจะต้องเดินตามรอยพระพุทธเจ้าจริง ๆ ไปตลอดเวลาของความเป็นนักศึกษา มีครูผู้สอน ซึ่งจะรวมถึงเจ้าหน้าที่ผู้บริหารทั้งหมดของมหาวิทยาลัยพุทธศาสนาแห่งโลก ที่มีประสิทธิภาพ ที่มีความประพฤติเป็นแบบอย่างทางธรรมะได้จริง ๆ โดยเฉพาะครูผู้สอน ซึ่งแท้จริงจะไม่สอนมาก แต่จะพาทำมาก เพราะครูผู้รู้จริงผู้อาจพาประพฤติปฏิบัติได้จริง ๆ จะสอนแต่สั้น ๆ ว่า "ขอเพียงเธอทำตามที่ฉันทำก็เพียงพอแล้ว" (คำของท่านพุทธทาสภิกขุ เมื่อท่านพูดถึงครูบาอาจารย์สมัยดั้งเดิม) ฉะนั้น ระบบหรือสถาบันมหาวิทยาลัยพุทธศาสนาแห่งโลก แม้เป็นฆราวาสแต่จะต้องดำรงสถานภาพอย่างนักบวช ที่อาจเดินตามรอยพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ได้ จึงจะได้ผลการเรียนที่ทรงคุณค่ากว่าปริญญาหรือเปรียญใดใด

 

 

 

สถานการณ์รัฐบาลประชาธิปัตย์ชวน หลีกภัยเข้าขีดแดง

 

ในด้านการเมือง สถานการณ์ตกต่ำ เข้าขีดแดง ท่านนายกรัฐมนตรีชวน หลีกภัย คงจะลำบาก แม้ท่านหัวหน้าฝ่ายค้าน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ก็คงลำบากไม่แพ้กัน ในเทศกาลกฐินปีนี้ ยังมีสิ่งที่น่าสังเกตุ กว่าปีที่แล้ว ๆ มา อันเนื่องจากนักการเมืองพากันลงไปในงานบุญกฐินของชาวบ้านกันมาก ทำให้งานบุญกฐินของชาวบ้าน ไม่เป็นบุญบริสุทธิ์เท่าที่ควร นักการเมืองใช้เงินลงทุน และมีการจัดตั้งระเบียบองค์กรเพื่อการลงทุนซื้อเสียงกันอย่างโจ่งแจ้ง ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า การเมืองน้ำเน่า ทวีเพิ่มไปไม่หยุดหย่อน ความด้อยความเสื่อมของระบบการเมืองไทยเช่นนี้ต้องมองว่าเป็นเรื่องสำคัญอันดับสุดยอดของการพัฒนาประเทศ ต้องรีบแก้ไข โดยเฉพาะก่อนการเลือกตั้งวุฒิสมาชิกในวันที่ 4 มีนาคม 2543 นี้

 

 

 

 

บทบาทของโทรทัศน์ยุควิทยาศาสตร์กับการศาสนา ; บาลีนอกวัด

 

ในด้านการสื่อสารมวลชน เรามองสถานการณ์ที่สำคัญอันหนึ่งเป็นพิเศษคือ เมื่อมีนักจัดรายการธรรมะ ที่มีแนวคิดใหม่ ๆ บุคคลิกภาพใหม่ ๆ เช่น รู้ธรรมนำชีวิต ทุกเช้าวัน จันทร์ พุธ ศุกร เวลา 0530 น. โดย เนตร จันทรัศมี นักธุรกิจหนุ่ม ทันสมัย ก็ดูเหมือนจะนำธรรมะในพระพุทธศาสนามาพูดกันอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ อย่างที่คนยุคใหม่สมัยใหม่จะพูดจะมองกัน โดยวัฒนธรรมของคนยุคใหม่ ก็น่าจะทำให้การทำความเข้าใจพระพุทธศาสนาดีขึ้นเหมาะสำหรับแนวคิดการพัฒนาระบบการเผยแผ่แห่งพระพุทธศาสนา และการปรับระบบ ให้ตรงธรรมวินัย ที่เป็นวิทยาศาสตร์มากขึ้น

 

รายการของ จักรภพ เพ็ญแข ระยะนี้ ได้ก้าวไปอีกขั้นหนึ่งที่น่าสังเกตมาก ปรากฎในรายการ ในพระราชดำริ ของช่อง 9 วันเสาร์ที่ 23 และ 30 ตุลาคม 2542 เวลา 20.30 น.

 

คือการเข้าไปศึกษาความหมายแห่งพระพุทธศาสนา จากคนนอกเขตวัด นอกวัฒนธรรมวัดวาอาราม และนอกระบบการศึกษาของคณะสงฆ์ไทย นั่นคือนำไปพบ ผศ. ดร.ประพจน์ อัศววิรุฬหการ แห่งคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ที่ผ่านการศึกษาบาลีชั้นสูงจากประเทศอังกฤษ โดยทุนพระราชทานมูลนิธิอานันทมหิดล การมองพระคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาที่จารึกเป็นภาษาบาลี จากบุคคลผู้มีคุณภาพนอกวัด ทันสมัยเช่นนี้ น่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ในแง่ที่อาจเปิดการศึกษาทางวิชาการระบบใหม่เข้ามาประสานกับระบบเก่า ที่น่าจะก่อเกิดปฏิกริยาที่ปรับปรุงปฏิรูปเกิดขึ้นโดยเฉพาะในวงการศึกษาบาลีของคณะสงฆ์ การศึกษาด้านภาษาทางพระพุทธศาสนาก็ยังมีอยู่ในคณะโบราณคดีของมหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งสาระทางวิชาการก็จะไม่แตกต่างอย่างไรกับสาระในหลักสูตรบาลีของคณะสงฆ์ โดยเฉพาะเรื่องเป้าหมายของการศึกษาก็เป็นสิ่งเดียวกัน หากแต่วิธีการจะแตกต่างกันเป็นอย่างมาก วิธีการศึกษาของฝ่ายโลกน่าจะสามารถนำมาประยุกต์หรือช่วยปฏิรูปวิธีการศึกษาของฝ่ายสงฆ์ได้ดี สังคมจึงน่าจะมองวิธีการศึกษาบาลีในมหาวิทยาลัยมาเปรียบเทียบกับวิธีการศึกษาบาลีของคณะสงฆ์บ้าง เพื่อศึกษาหาข้อดีข้อเสียของทั้งสองระบบ แล้วเอามาประสานปรับปรุงปฏิรูปขึ้น เพื่อความเจริญก้าวหน้าในด้านวิชาการบริสุทธิ์ทางภาษาและวรรณคดีพระพุทธศาสนา

 

รายการเบา ๆ ทันสถานการณ์ยามเช้า 2 รายการ เวลาใกล้ ๆ กัน คือ

เช้าวันนี้ This Morning ช่อง 5 วันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคม 2542 เวลา 0600 น. ของ ศิริบูรณ์ ณัฐพันธ์ อรุณรุ่งที่เมืองไทย ช่อง 9 วันอังคารที่ 25 ตุลาคม 2542 เวลา 0630 น. ของ จักรภพ เพ็ญแข ที่เอาคนอย่าง ดร.นันทสาร สีสลับ ผู้ซึ่งเคยผ่านชีวิตและการศึกษาระดับหนึ่งมาจากวัด และไปเจริญการศึกษาชั้นสูงต่อจากต่างประเทศ คนที่รู้เรื่องในวัดและนอกวัดอย่างทั่วถึง และมีชีวิตการงานที่เกี่ยวกับการศึกษาศาสนาและวัฒนธรรมภายในพระพุทธศาสนาในประเทศและต่างประเทศมาโดยตลอด โดยหน้าที่การงานของท่าน ที่สำคัญก็คือจินตนาการที่ไกลเกินระดับโลก สามารถมองประเทศไทยว่าอาจเป็นผู้นำโลกได้ เนื่องจากพระพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาประจำชาติไทยนั้น มีคุณค่าสูงล้ำเลิศพอที่จะให้คนทั้งหลายในโลกมายอมเป็นลูกศิษย์ศึกษาเอาจากเราได้ เราสามารถเป็นผู้นำโลกได้ก็โดยด้านการพระพุทธศาสนา น่าที่สังคมจักได้ข้อคิดประเด็นสำคัญในเชิงการปฏิรูปด้านการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมไปอีกระดับหนึ่ง รายการที่เปิดใหม่อย่างมีน้ำหนัก ของ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง คือ ตามหาแก่นธรรม ทุกวันอาทิตย์ หลังข่าวสองทุ่ม ของช่อง 9 น่าจะตรงความหมายของการพัฒนาการการเรียนรู้ศาสนาของคนยุคใหม่ได้ดี

รายการที่เจาะลึกข้อเท็จจริงเป็นเรื่อง ๆ น่าระวัง รายการถอดรหัส ของ ก่อเขต จันทรเลิศลักษณ์ แห่งไอทีวี ในไม่ช้าคงจะได้กลิ่นงานสำคัญ หากเจาะสถานการณ์เบื้องลึกเพื่อการปฏิรูป ย่อมบังเกิดผล สะทกสะเทือน เป็นเหตุไปสู่การเปลี่ยนแปลงปฏิรูป และยังมีอีกหลายรายการของไอทีวี แม้ทั้งรายการข่าวเองที่ให้ความหมายเชิงการนำเพื่อการปฏิรูปนี้

 

และที่จะมองข้ามไปเสียมิได้สำหรับยุคสมัยก็คือ ขบวนการอัจฉริยะ ของนักพูดนักท๊อลกโชว์ นับแต่ กรรณิการ์ ธรรมเกสร พ.อ.น.พ.พงษ์ศักดิ์ ตั้งคณา จตุพล ชมพูนิช เสน่ห์ ศรีสุวรรณ สุรวงศ์ วัฒนกูร ดร.เสรี วงศ์มณฑาเป็นต้นมาถึงอาจารย์แม่ รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ ขบวนการที่ใช้สมบัติติดตัวเพียงลิ้น 3 นิ้วนี้ เคยก่อเกิดผลมหาศาลที่เลื่องลือมาแล้วในประวัติศาสตร์ แม้การศึกสงครามเองก็ตาม น่าระวังจริง ๆ ว่าจะพุ่งเป้าหมายไปทิศทางใด เพราะสติปัญญา ที่อยู่ในระดับสุตตามยปัญญาอยู่นั้น ยังมิอาจจะไว้วางใจมิได้

 

 

ด้านสื่อหนังสือพิมพ์กับการชำระวงการสงฆ์

 

กรณีธัมมชโย บ่งบอกไปถึงอำนาจอันน่าเกรงขามของหนังสือพิมพ์ ตามที่วงการหนังสือพิมพ์เองเชื่อ ที่ว่า Newspaper can make man King. (หนังสือพิมพ์สามารถทำคนธรรมดาให้เป็นพระราชาได้) จึงน่าระวังว่าหนังสือพิมพ์จะเบนกระแสไปในทิศทางใด แต่กรณีละเมิดธรรมะในพระพุทธศาสนา หนังสือพิมพ์ในฐานะสถาบันหนึ่งของพุทธศาสนิกชน ทุกฉบับ ไม่ว่าไทยรัฐ เดลินิวส์ บ้านเมือง แนวหน้า ไทยโพสต์ กรุงเทพธุรกิจ เดอะเนชั่น ได้พิศูจน์ตัวเองมาทุกกรณีแล้วว่า พวกเขายังไม่พลาด สัญชาตญาณพิเศษของการดมกลิ่นของนักข่าว มีประสิทธิภาพน่าเชื่อถือ เห็นได้จากกรณี นิกร ธัมมวาที สามเณรแอ ยันตระ อมโร ภาวนาพุทโธ แม้กรณี ธัมมชโย ขณะนี้ ที่น่ามองก็คือผลงานของข่าวสด มติชน ต่อกรณียันตระ อมโร เป็นต้นมา และขณะนี้สยามรัฐ ติดตามพิศูจน์กรณีธัมมชโยชนิดเหตุการณ์ต่อเหตุการณ์วันต่อวัน อย่างที่ว่า กัดไม่ปล่อย และเราเห็นว่าสยามรัฐกระทำไปโดยเอื้อประโยชน์ต่อพระธรรมวินัยอย่างยิ่ง เพราะตามหลักพระธรรมวินัย เมื่อมีอธิกรณ์เกิดขึ้นแล้ว จะต้องจัดการสะสางให้แล้วเสร็จโดยเร็ว จะปล่อยให้คั่งค้าง คาราคาซังอยู่ไม่ได้ และเมื่อคณะสงฆ์เองล่าช้าอยู่ มีอาการที่ขาดความรับผิดชอบ ทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่องของหมู่สงฆ์เอง เมื่อหนังสือพิมพ์เข้าช่วยอีกแรงหนึ่ง ย่อมเป็นการอุปการะต่อพระธรรมวินัยอย่างยิ่ง ต่อไป หนังสือพิมพ์ ด้วยสำนึกของความทันเหตุการณ์ทุกชนิดที่อุบัติบังเกิดขึ้นในโลก ผู้ที่ทำหน้าที่ส่วนที่สนับสนุนความริเริ่มการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงใดใดของสังคม ในความสำคัญของการข่าว ดังคติว่า การข่าวคือลมชีวิตของการบัญชาการ ย่อมนำการเปลี่ยนแปลงมาสู่ระบบใดใดอันยังเดินไปไม่ถูกต้องในสังคมได้

 

 

 

สากลจักรวาลสากลศาสนา

 

สถานการณ์ทางศาสนาสากล เพื่อให้เกิดความเข้าใจและมีสัมมาทิฏฐิ ในเรื่องราวที่สำคัญ ๆ เราได้เปิดคอลัมน์ไว้แต่เดิมแล้วคือ "สากลจักรวาล สากลศาสนา" ดี ฉบับนี้เป็นต้นไป "ธรรมสามี" จักได้เสนอแนวคิดศาสนาสากล ตามลำดับไป อันเป็นเส้นทางอีกตอนหนึ่ง ที่ประหลาดพิสดารแฝงเร้นความหมายที่สูงส่งไปกว่าเดิม เป็นศาสนาสากลของมวลโลกมนุษย์ ที่หนังสือพิมพ์ดี จักนำท่านผู้อ่านผู้ร่วมทาง ออกเดินกันต่อไปอีกช่วงตอนหนึ่ง และฉบับหน้า เราคงจะเริ่มคอลัมน์พิเศษเพื่อให้ น.ส.พ.ดี มีความพิเศษเฉพาะยิ่งขึ้น ในด้าน หิตาย สพฺพโลกสฺส หิตาย สพฺพภูตสฺส คือเพื่อการได้ประโยชน์อย่างยิ่ง ในเรื่องที่ประเสริฐสูงส่ง ตามครรลองแห่งแก่นแท้พระพุทธธรรม

 

 

 

กรณีธรรมกาย

 

เพราะเหตุใดจึงมองกรณีธรรมกายว่าไม่ดี ไม่ดีอย่างไร ?

ก็เพราะว่า ความดีนั้นเป็นความดีที่ไม่สอดคล้องหลักพระธรรมวินัย นั่นเอง จริงอยู่ สิ่งที่เห็นว่าเป็นความดีนั้น เป็นความดี แต่เมื่อความดีนั้นไม่สอดคล้องหลักพระธรรมวินัย ทางพระพุทธศาสนาก็รับไม่ได้ ดูเหมือนว่าแม้พระสงฆ์ระดับผู้ใหญ่ส่วนหนึ่งก็ได้มีความหวังว่าจะให้วัดพระธรรมกายนำทางแห่งคณะสงฆ์ โดยมองจากความสามารถในการบริหารการจัดการองค์กรการศาสนา สามารถนำพลังมวลชนมาร่วมในกิจกรรมศาสนาได้มหาศาล สามารถหารายได้เป็นเงินมหึมา สามารถสร้างวัตถุธรรมขนาดใหญ่โตมโหฬารได้ และมีแนวคิดที่กว้างขวางออกไปเป็นสากลทั่วโลก แต่เมื่อท่านมองแต่ส่วนเดียว ด้านเดียว ด้านที่มักได้เกินไป ไม่มองวิถีทางแนวคิด ทิฏฐิที่นำมาใช้อันเป็นมิจฉาทิฏฐิ โดยเฉพาะทิฏฐิที่ผิดเพี้ยนไปจากพระธรรมวินัยข้อสำคัญ อันเป็นหลักแก่นแท้แห่งพระพุทธศาสนา เช่นแนวคิดเกี่ยวกับพระนิพพาน เมื่อแนวคิดผิดไปว่านิพพานเป็นอัตตา ก็ผิดไป จากหลักแก่นแท้แห่งพระพุทธศาสนา ผลเสียหายในระยะยาวจะร้ายแรงต่อศาสนจักรและอาณาจักร ฉะนั้นในชั้นต้น ๆ จึงควรจะมองสองด้านเสมอไปตามหลักทฤษฎีของคู่ ที่ว่า ในความดี ก็ยังมีความร้าย ในความร้ายก็ยังมีความดีที่ซ่อนแฝงอยู่เสมอไป เมือธรรมกายนำไปนอกทางมรรคผลนิพพานที่แท้จริง การบรรลุธรรมที่แท้จริง ก็ไม่อาจมีขึ้นได้ ก็เท่ากับพาคนทั้งหลายเดินทางผิด แล้วอ้างเอาความผิดนั้นว่าเป็นความถูก คนโง่ ๆ ทั้งหลายก็ย่อมเชื่อตามหลงไปตาม ซึ่งจะเท่ากับทำลายหลักการสูงสุดแห่งพระพุทธศาสนา หรือการทำลายพระพุทธศาสนาโดยตรงนั่นเอง ศาสนจักรก็ยอมรับไม่ได้ ในด้านอาณาจักร ก็จะถูกครอบงำ ภายหลังระบบศาสนาที่ผิดพลาดนั้นกลายเป็นระบบอำนาจขึ้นมา ฉะนั้น ความดีในที่นี้ จะต้องเป็นความดีที่สอดคล้องพระธรรมวินัยเสมอ

 

 

 

ปัญหาระบบสงฆ์สมณศักดิ์

 

และเช่นเดียวกัน

เมื่อมีคำถามว่า ระบบสงฆ์ที่มีสมณศักดิ์ก็ดีอยู่แล้ว จะแก้ไขไปทำไมอย่างไร คำตอบก็คือ คำว่าดีนั้น ยังไม่เป็นความดีที่สอดคล้องพระธรรมวินัย เมื่อไม่สอดคล้องพระธรรมวินัย ก็ไม่ใช่ทางไปสู่พระพุทธเจ้า ไม่ใช่ทางที่จะบรรลุมรรคผลนิพพาน มิใช่ทางที่พระอริยบุคคลทั้งหลายเดินไป ไม่ใช่เหตุที่จะให้กำเนิดพระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนา และไม่ใช่วิถีทางดับคายราคะตัณหาไปจากนักบวชได้ กลับแต่จะค่อยเพิ่มราคะ ตัณหา ความกำหนัดใน โลภ โกรธ หลงไปเรื่อย ๆ ระบบสมณศักดิ์จึงนำทุกข์มาให้ ทุกข์เพราะราคะตัณหา ความกำหนัดในโลภ โกรธ หลง ที่นับวันเติบโตขึ้นเรื่อยไปเพราะวิถีทางเดินที่เอื้อให้แก่โลกธรรมทั้งหลายเติบโตขึ้นไปเรื่อย ๆ ทุกวัน ๆ ฉะนั้น เพื่อประโยชน์ของพระพุทธศาสนาที่แท้จริง สังคมชาวพุทธจึงต้องมีการพิจารณาปฏิรูประบบให้สอดคล้องพระธรรมวินัย ให้ความดีทั้งหลายเป็นความดีที่สอดคล้องพระธรรมวินัยให้ได้ และเมื่อนั้น ผลที่อุบัติขึ้นจักมโหฬารล้ำเลิศเกินคาดคิดอย่างคนธรรมดาจะคิดไปถึง เราได้พูดถึงกรณีนี้ในคอลัมน์ ประชาธิปไตยสงฆ์ โปรดติดตาม

 

 

 

 

บุคคลแห่งปี 2542

เรื่องพิเศษสำหรับวันนี้

 

หนังสือพิมพ์ดีฉบับนี้เป็นฉบับสิ้นปี พ.ศ.2542 และจะเป็นวาระที่หนังสือพิมพ์ดี ประกาศบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี ประจำปีพุทธศํกราช 2542 ในหน้าบรรณาธิการนี้

 

หนังสือพิมพ์ดี ได้ประกาศเกียรติคุณบุคคลแห่งปีมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 ณ บัดนี้ เราได้บุคคลแห่งปี มาแล้ว 2 ท่าน ประจำปีพ.ศ. 2540 และ ปี พ.ศ.2541 กลายเป็นทำเนียบบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดีมาแล้ว ดังนี้

 

ปี พ.ศ. 2540 ได้แก่ ฯพณฯ สุขวิช รังสิตพล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ผู้ทำให้วงการศึกษาของชาติสั่นสะเทือนอย่างไม่เคยปรากฎมาก่อน ส่งผลให้เกิดการปฏิรูปครั้งสำคัญในวงการศึกษาของชาติ และท่านได้มองลงไปในการศึกษาของคณะสงฆ์ โดยการมองของคนสมัยใหม่ ด้วยหลักวิธีการบริหารแบบใหม่ ที่นำไปสู่การปฏิรูปต่อมา

 

ปี พ.ศ. 2541 ได้แก่ สุลักษณ์ ศิวรักษ์ (ส.ศิวรักษ์) เพราะปรากฎความเด่นของสติปัญญา ในหลักการแห่งพระพุทธศาสนาแล้วมีความกล้าหาญแสดงออกตรงตามทิฏฐิแห่งตนนั้น มีผลหนักแน่นต่อการปราบปรามผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิในวงการพระพุทธศาสนา ก่อเกิดการเคลื่อนไหวในทางปฏิรูปขึ้นในสังคมชาวพุทธ

 

และปีนี้ พ.ศ. 2542 เรามีความยินดีที่จะขอประกาศ

บุคคลแห่งปี พ.ศ.2542 ของหนังสือพิมพ์ดี ได้แก่

 

ดร. เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง

 

เรามีวิธีการตัดสินสองขั้นตอน คือ

ขั้นตอนแรก ดูว่าถึงมาตรฐานหรือไม่ แล้วเมื่อถึงมาตรฐานแล้วจึงได้เริ่มให้คะแนน ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ยกขึ้นสู่มาตรฐาน และคะแนนพุ่งถึงจุดที่เรายอมยกให้เป็นบุคคลแห่งปี เมื่อ คณะตามหาแก่นธรรม ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และ สุเมธ โสฬส เดินทางไปจังหวัดอุบลราชธานี และเปิดการ เสวนากับพระคริสต์คาทอลิกที่สำนักมิซซังคาทอลิกจังหวัดอุบลราชธานี ตามที่ถ่ายทอดในรายการตามหาแก่นธรรม ทางโทรทัศน์ช่อง 11 ในคืนวันที่ 5 กันยายน 2542 เวลา 2050 น. ฝ่ายคาทอลิก นำโดย คุณพ่อบุญเลื่อน หมั้นทรัพย์ [ที่รายการ แสงธรรม ช่อง 9 ทุกวันอาทิตย์ 0530 น. ยกว่าเป็น "สังฆราช" (สังฆราชเถื่อน นอกพระธรรมวินัยแห่งพระพุทธศาสนา และนอกกฎหมายไทย) ผู้หนึ่งของนิกายคาทอลิกไทย] ซึ่งเป็นพระที่ดำรงตำแหน่งระดับ พระคาร์ดินาลของศาสนาคาทอลิก และชาวคริสต์ไทย อีก 2 คน คือ นคร แก้วบุญเรือน และ สุมิตรา พงศธร ร่วมวงเสวนาปัญหาศาสนธรรมสากลด้วย เรามองดูที่บุคคลิกภาพเมื่อพบคนต่างชาติต่างศาสนา และการเผชิญสถานการณ์ที่ผันแปรไปจากสภาพปกติ ว่าจะเป็นเช่นไร สามารถดำรงบุคคลิกภาพของตน ๆ มีความเป็นตัวของตัวเอง ไว้ได้เพียงไรหรือไม่ และ ดร.เจิมศักดิ์ ได้คะแนนล้ำหน้าบุคคลในสายตาท่านอื่น ๆ จากจุดนี้ นอกจากนี้เรามองรายการที่สร้างสรรค์สิ่งใหม่ เช่นรายการลานบ้านบานเมือง รายการขอคิดด้วยคน และรายการ ตามหาแก่นธรรม ว่า เป็นรายการที่ปฏิรูปความคิดของสังคมเมื่อนำมาสู่วงการศึกษาพระพุทธศาสนา จึงบังเกิดปฏิกริยาทางความคิดมันสมองขึ้นในทางที่จะปฏิรูปไปสู่สิ่งที่ดีของพระพุทธศาสนาที่แท้จริงยิ่งขึ้น

ฉะนั้น หนังสือพิมพ์ดีจึงขอประกาศ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง เป็นบุคคลแห่งปีของ หนังสือพิมพ์ดี ประจำปี พ.ศ.2542 และเป็นบุคคลที่ 3 ที่ได้เข้าทำเนียบบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดีต่อไป

เราขอประกาศชมเชยบุคคลผู้ต่อสู้เพื่อความถูกต้องของพระธรรมวินัย ๒ ท่าน คือ (๑) สมพร เทพสิทธา และ (๒) มาณพ พลไพรินทร์ คุณธรรมที่เรามองมี ๒ ประการคือ หนึ่งความกล้าหาญ และสองความเสียสละอันเป็นคุณธรรมที่เหมาะและจำเป็นสำหรับการดำรงสถานภาพสังคมขณะนี้ จึงขอประกาศชมเชยบุคคลทั้ง 2 ท่านไว้ ณ ที่นี้

เรื่องในหนังสือพิมพ์ดี ฉบับสิ้นปี พ.ศ. 2542 นี้ โปรดอ่าน "กรณีวัดพระธรรมกายอาจถึงทางตัน" คนนอก เขียน ขอแนะนำคอลัมน์ประชาธิปไตยสงฆ์ ที่ตอบปัญหาต่าง ๆ ในวงการคณะสงฆ์ รวมทั้งข้อเสนอแนะสำหรับการปฏิรูป คอลัมน์ สากลจักรวาลสากลศาสนา ไม่ควรพลาด เพราะบัดนี้เรากำลังพูดถึงปัญหาวิกฤตของศาสนาสากล เรื่องราวของศาสนาและการที่จะเป็นไปของศาสนาสากลสำหรับชาวโลกทั้งมวล และลองอ่านประวัติของผม(10) ที่นำไปสู่ข้อสรุปว่าด้วยคุณค่าของ อุดมการณ์ สำหรับ "ผม" แล้ว คุณค่าของอุดมการณ์คืออะไรและอย่างไร อื่น ๆ โปรดสำรวจในหน้าสารบาญพบกันใหม่ในฉบับหน้า สวัสดีครับ.

 

 

 

บรรณาธิการ

พ.ย.-ธ.ค. 42