(คอลัมน์บันทึกการท่องเที่ยว)
สุสานสุขาวดี ต.โพธิ์ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เนื้อที่กว่า 500 ไร่คืนวันมาฆบูชา
1700 น.สุสานกว้างใหญ่เงียบสงัด หมู่นกปีศาจยังไม่กู่ขาน
เวลา 1900 น. เมฆเต็มท้องฟ้า จันทร์ยังบังเมฆ
เรานั่งอยู่ผู้เดียวในป่าช้าผีดิบ
หันหน้าสู่หลุมฝังศพ นับร้อย ๆ ที่เรียงขนัดเป็นแถวเป็นแนวดั่งกองทัพ
เมื่อไรจักเห็นความงาม ของจันทร์เพ็ญ ในคืนนี้
ที่เราเฝ้าถวายดวงจิตแด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
19.45 น. แสงจันทร์สาดกระจายเป็นทิวเป็นแถวฝ่าเมฆน้อยใหญ่
แหงนมองเบื้องบน
เห็นดาวเพียงสองสามดวงสว่างระยิบระยับ
หลับตาลงชั่วอึด กลั้นหายใจ แล้วแหงนดู
เห็นดาวกระจายเต็มท้องฟ้านับหมื่นล้านดวง
จันทร์เพ็ญ แล่นเลาะฝ่ามาในหมู่เมฆ
ลอยเด่นอยู่กลางฟ้าสีคราม งามปานรังษีพุทธองค์
นกกลางคืนพลันกู่ร้องก้องรับแสงเดือน
นี่สิเสน่ห์แห่งสุสานสุขาวดี และเราแต่เพียงผู้เดียว ที่ได้เสพความสุขอันอมตะ
เวลา 2100 น. ลงไปในลำห้วยสำราญ
ทอดตาตามลำยาวลึก ลดเลี้ยวเหมือนงูใหญ่
น้ำใสเป็นเงาเหมือนดั่งหนังงูเหลือม เลื่อม มันระยับ
นั่งลงที่ฝั่งเต็มไปด้วยทราย
ลืมตาดูอยู่ 1 ชั่วโมง
ลำห้วยสว่างโพลงขึ้นมาดุจดั่งกลางวัน เพียงจักโลดแล่นไปได้ทั่ว
โอ ! ความปิติยินดีเอ๋ย !
แต่ มองเข้าไปภายในกาย
ปราณ ยังนิ่งสงบไม่ไหวติง ดุจแท่งเหล็กใหญ่จมอยู่ใต้น้ำ
โอ ! คงจะต้องออกแรงมากไปกว่านี้
บานไม่รู้โรย
สุสานสุขาวดี / 11 ก.พ. 2541