บทกวีไว้อาลัย
หลวงพ่อเทพวรมุนี เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ
มรณภาพ ณ วันศุกรที่๒๐มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๕
(ลงพิมพ์ไว้หลายแห่ง เช่น ส.ค.ส.จากหลวงพี่ ๒๕๓๖)
หลวงพ่อท่านถามหาพารานี้
ใครเห็นมีราชธิปัตย์กษัตริย์ส่วย
เทพวรมุนีนี้มิร่ำรวย
แต่สำราญนักด้วยบริวาร
๑. ตะวันรอนอ่อนแผ้ว ผืนนภา พ่อเอย
สำเหนียกสุโนกนกกา ว่อนแล้ว
สัญญาณผ่านปราณปรา กฎสู่ ชนเฮย
แสงดับลับฤาแคล้ว สงัดพื้นดินหาว ฯ
๒. พราวแผ่นพิภพฟ้า ฟูฟอง
ถนัดหนึ่งเวหนผอง ตื่นต้าม
เมฆาเลื่อนลมลอง ลิวลิ่ว ลิวลิ่ว
ลมชีพจรใดห้าม โลกร้อนแรงขาม ฯ
๓. เขามานามท่วมฟ้า อนัตตา ท่านเอย
จึ่งอาจเด็ดชีวา พ่อดิ้น
เขามาห่อนมีปรา นีโลก ใดเฮย
ปกชีพทวยสัตว์สิ้น โลกรื้อรังสรวง ฯ
๔. มีแต่ปวงพิชิตเชื้อ สังสาร ท่านนา
สำเร็จกิจพิชิตญาณ ผ่องแผ้ว
จักไปปราศตามาร เล็งครอบ ข่ายเฮย
ทรงมกุฎธรรมแก้ว อยู่ค้ำเวียงบุญ ฯ
๕. พระคุณหลวงพ่อเพี้ยง สาคร
คือน่านธรรมนิกร กว่ากว้าง
นภากาศกลายกระจร ถึงถิ่น ใดนา
รสพระธรรมใดอ้าง อื่นล้ำฤาหวาน ฯ
๖. อนันตนานท่านเลี้ยง แดนธรรม
พ่าพฤกษาลดาพรำ แผ่นชื้น
พระคุณย่อมควรคำ หลังเล่า ฤาเล่า
ยามแดดแผดดายพื้น ห่อนเว้นวายถวิล ฯ
๗. ดุจดาวรินรื่นห้อง หนคราม พู้นนา
ใครอาจยุดดวงงาม สู่อ้อม
คือธรรมลุ่มลึกหลาม หลายหลาก
แนวปราชญ์ฉลาดน้อม อาจเอื้อมมาขุน ฯ
๘. พระคุณหลวงพ่อเพี้ยง ทินกร
แผ่พิภพพรมดอน ด่านด้าว
ดุจจันทร์สโมสร แสยงเยียบ เย็นนา
อุกฤษฤทธิ์อะคร้าว เขตแคว้นขุนธรรม ฯ
๙. จำพระจารึกล้ำ เหลือตรา
ผิวผ่ายเพรงชรา ล่วงแล้ว
เจ็ดสิบสี่พระพรรษา แสนโหด พระเอย
มัจจุราชฤาแคล้ว หลีกเว้นเวรวาง ฯ
๑๐. ปางนำผองเพื่อนกล้า สิงห์หาญ
คลี่เหยียบปฐพีลาญ แหลกคลุ้ง
ชิงมกุฎธรรมบาล สมเด็จ ปู่เฮย
เสนาะสรยุทธฟุ้ง เฟื่องหล้าลือขาน ฯ
๑๑. สิงห์อีสานหนึ่งผู้ เอกนา ยกเฮย
เพียงหนึ่งนิรนามตรา แผ่นใต้
คำรณราชสีหา หวลป่า แลฤา
สยบมฤคขวัญไท้ เที่ยวลี้แรมหึง ฯ
๑๒. หนึ่งนักรบเลิศผู้ สวามี
เหนือเอกอาสนรุจี เกษตรกว้าง
กลสัปรยุทธวาที ธรรมาสน์ ใดเลย
ปราบทั่วถิ่นไทยคว้าง ถนัดเพี้ยงตะวันผลาญ ฯ
๑๓. พระภิบาลภูเบศรด้าว สยามินทร์
ดุจนคราเรืองอินทร์ แต่งแต้ม
คือธรรมภิบาลชิน วรราช ธรรมเฮย
พระพูคลี่แย้มแย้ม โลกเรื้องรังสรรค์ ฯ
๑๔. สมัญญาพระเทพชั้น ราชา ยศเฮย
สบกษัตริย์ส่วยปรีดา กริ่งก้อง
ถนัดหนึ่งอินทร์นรา สูรย์ส่วย ชนเฮย
ฤาห่อนมีสองซ้อง มกุฎท้าวธรรมเสถียร ฯ
๑๕. จำเนียรมาเนิ่นหน้า เมืองเข็ญ
ทุรโยคฤาเย็น แผ่พ้อง
อยู่ยุคทุกข์ลำเค็ญ เขลาโฉด พระเอย
เนิ่นแต่ยินฟ้าร้อง ห่อนน้ำพรำฝน ฯ
๑๖. ทรหนเหตุช้า สาธารณ์
ทรราชสามาญ หมู่กว้าง
เสียงฤาเล่าเขาขาน เครงครึ่ม
ออกอรรถบัดสีอ้าง ข่าวล้ำลึกหลาย ฯ
๑๗. ทุรนทุรายโรคร้าย รุมรอน
โถมท่วมทัพพยาธิ์ฟอน ฟาดเฟ้น
ปานประดุจสังหรณ์ มัจจุราช แลเฮย
มือทะมึ่นมาเคล้น ชีพเมื้อเมือไว ฯ
๑๘. ยังภัยมัจจุราชเมี้ยง มาลบ เล่านา
มือโฉดมาปองจบ จักย้ำ
องครักษ์หากทันทบ ทรชาติ ชนนา
บังอาจข้ามข่ายล้ำ ท่านรื้อฤาเฟือน ฯ
๑๙. สามเดือนไคลห่างห้อง หนรา ชาเฮย
ขอนแก่นหมายมือมา ปกป้อง
มัจจุห่อนคลายตรา ตรวนชีพ เลยพ่อ
ใครอาจเห็นข่าวข้อง เขตไว้วังขัง ฯ
๒๐. คืนหลังลงแหล่งม้วย มรณ์ชนม์ แลนา
สู่วิสัญญีจน มืดม้วน
ผู้เดียวด่าวแดตน ถอนถีบ อยู่เฮย
โอ้อนาถนักถ้วน เท่าไร้ใครเหลียว ฯ
๒๑. ไป่ยืนเยียวยิ่งท้า ทายหาญ
ไป่ล่วงบรรลุปาน โอ่อ้าง
หากคะนองพจีฉาน เชิงเล่น ดายนา
ใครอาจหยั่งฤทธิ์ช้าง มัจจุท้าวยมขุน ฯ
๒๒. ฤาบุญบ่คู่เคี้ยง สมภาร แลนา
ฤาบาปพาอวตาร เลี่ยงลี้
ฤารอนเกลสมาร ผลาญชาติ
ฤาเกี่ยงบุพกาลกี้ หน่ายเร้นแรมศรี ฯ
๒๓. ยังวิโยคยิ่งแม้น เมืองคน
ซุ่มซับนัยนาชล รั่วแก้ม
จำด่วนไฉนดล จำพราก ฉะนี้นอ
ภารกิจก่อนเคยแย้ม ห่อนแล้วฤาขีน ฯ
๒๔. ยี่สิบมีนมาสแม้น วันเมือ
ท่านหากไกลคืนเขือ อยู่เศร้า
จากห่อนสั่งลาเผือ สักหยาด คำเล่า
ไปลิ่วไปล้ำเท้า เมื่อนี้ฤายิน ฯ
๒๕. สิ้นสหายเสี่ยวเชื้อ มาโฮม
พิลาปพิไรโหม เห่โอ้
เสี่ยวกู่สุดแรงโรม เสียงสั่ง
เสี่ยวผู้สั่งก็โถ้ หน่อยได้ตามกราย ฯ
๒๖. เสียดายสิงหชาติเชื้อ วีรชน
แต่เกิดกอปรกรรมผล ห่ามห้าว
เสียดายเวทวิทยมนต์ แรงเรี่ยว
ดุจดั่งเพชรเม็ดร้าว บ่ได้ทอแสง ฯ
๒๗. เสียแรงเพียรผ่ายเบื้อง โบยบุญ
สบสู่มรรคาหนุน ส่งเชื้อ
เสียแรงดำรงจุน ตำแหน่ง ยิ่งเล่า
บอาจอำนวยเอื้อ สุขได้ดังหมาย ฯ
๒๘. เสียดายดุริยศัพท์ซ้อง สาธุการ
นฤโฆษิตพิศดาร ดุ่งด้าว
เชิงปราชญ์อาจไพศาล เสมอเมฆ
บ่อาจส่งใช้ท้าว ฝ่าร้อนแรกมหนาว ฯ
๒๙. เสียแรงทาวอุทิศทั้ง ชีวี
ครองศาสน์สุวรรณรตนี แห่งห้อง
สนนสนุกทุกข์ทวี ฉานซ่าน
ดุจชดพี่น้องพ้อง เพื่อนไซร้ใจหาญ ฯ
๓๐. ผิว์ชนพาลเล่ห์เลี้ยง โลกันต์
แสนเศิกคุมประจัน เข่นข้าง
ปวงรักรักหนักผัน พลช่วย รับฮา
ชังหากชุมอริล้าง เกลื่อนพื้นดินหยาม ฯ
๓๑. นานนามเทพวรมุนินี้ ตูจาร ลงแล
เสมอปราชญ์เมธีชาญ ชื่อไว้
สืบอนาคตกาล ยาวโยชน์ พู้พ่อ
ผิดชอบชั่วดีไซร้ หากเร้นเกินเห็น ฯ
๓๒. เป็นหนึ่งบรรณรุจิไว้ เวียงกวี ท่านเอย
เพียงกิ่งกาญจนมณี โชติช้อย
ประกายพรึกพริบพรี เพียงรุ่ง อรุณเฮย
กว่าสุริยงยศคล้อย เคลื่อนฟ้ามาเฉลิม ฯ
อดีตเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ
สวัสดีปีเก่า