บทกวีเสรีภาพ (2)
ฝ่ายว่ากวีซีรายย์ย์ย์ท์
ออกจากค่ายมาเฉลย
คำหนึ่งก็คุ้นคำหนึ่งก็เคย
เอ่ยแต่ถ้อยคำจัณฑาล
คำหยาบยอกกระทอกหัวอก
พกมาแต่ความขื่นขาน
ดวงใจไร้จิตเบิกบาน
ชูช่อบุษย์มาลย์อันสัจจริง
ไม่เลือกสาระอสาระ
ไม่ดูสัจจะใดยิ่ง
ร่ายกาพย์กลอนหลอกกลอกกลิ้ง
บ่ผิดผีสิงใจบังตา
ฝ่ายว่าคณาญาติธรรม
แห่งสำนักสันติอโศกา
ก็อวดองค์อวดท่า
ว่าข้านี้แน่นัก
หลงยึดอัตตาตัวตน
อวดคนว่าทนงานหนัก
อวดพลังว่ายังกินผัก
มีดีมีศักดิ์เหนือปุถุชน
โธ่เอยอยากอวด
ดวดสรรเสริญเหินหน
แม้ทุกข์ยังโถมทับตน
ห่อนพ้นสู่โลกุตตรา
จงกลับมาสู่ความเก่า
ก่อนเราสุขสันติ์หรรษา
คืนสู่ชีวิตและชีวา
เคยเริงร่าหัวเราะ
ไฉนใจจึ่งขึ้งแค้น
สุดแสนทรมา นมั่นเหมาะ
ถึงวันคืนนำมาจำเพาะ
ก็ทะเลาะเบาะแว้งแข่งกันเอง
จงคืนมาสู่เสรี
ที่ใดไม่มีข่มเหง
มีแต่บทเพลง
อริยวงศ์พงษ์ไพบูลย์
ไฉนจึ่งพึงร้อนรุ่มจิต
เคยมีมหามิตรก็สาบสูญ
ไม่เห็นเพื่อนพงษ์วงศ์ตระกูล
ก่อนเคยอาดูรเอื้อกัน
โอ้ดอกปาริชาติเอ๋ย
จงรำเพยกลิ่นสวรรค์
มาสู่ปวงข้าโดยพลัน
ให้คืนหันสู่วันเดิม
วันที่ดวงใจไร้เสี้ยนศึก
พันลึกร้อยเท่าห้าวเหิม
วันหยดสะอาดหยาดเยิ้ม
ยังเฉิ่มธาราแห่งธรรม
ขอชีพไปสู่สันติสุข
พ้นทุกข์เนิ่นนานฉนำ
ขอจงได้สดับพระคำ
ดำรัสขององค์พระพุทธเจ้า
ขอได้บรรลุวรญาณ
สู่กระแสฌานเทือกเถา
พุทธชาติอาจแบ่งเบา
พงษ์เผ่าล้ำเลิศเทิดไท
เป็นแดนข้ามพ้นโลกนี้
สิ้นที่เสน่หาอาศัย
โลกุตตระรำไรไกล
เหนือไยย่านทุกข์ปุถุชน
ใยขึ้งใยแค้นแน่นอก
กะทกรกรกสับสน
มาเถิดความอ่อนผ่อนปรน
แห่งดวงกมลเมตตา
แม้นมิเห็นแก่แผ่นดิน
ธรณินทร์ถิ่นเคหา
ก็จงเห็นแก่ตาฟ้า
จักพรั่งพรูธาราชล
จงดูซึ่งหมู่สายหมอก
เมื่อตรู่ดกดอกดังฝน
ครั้นสายวายไปในบัดดล
ชีพชนม์ช่างน้อยด้อยกระไร
หมู่มนุษย์เกิดมาในหล้าโลก
สุขกับโศกคู่กันมาแต่ไหน
แม้นจะหวังก็หวังให้จงไกล
ที่พ้นไปจากทุกข์ สุขนิรันดร์
จงดูดั่งดาวประกายพฤกษ์
อยู่ลึกล้ำฟ้าฝั่งฝัน
บรรเจิดรัศมีรวิวรรณ
ธรรมชาตินั้นลั่นโลกา
แม้นมิสมจินต์ในชาตินี้
อธิษฐานเพื่อดีในชาติหน้า
เหมือนหมอกสายหายวับไปกับตา
ห่อนช้าก็ฟื้นคืนชนม์ ฯ
พยับรวิวรรณ
www.newworldbelieve.com
20 มี.ค. 2549