กวีนิพนธ์
เถลิงรัฐ รัตนโกสินทร์ศก ๒๐๐ พุทธศักราช ๒๕๒๕
๒๐๐ บทกวี ๒๐๐ ปีรัตนโกสินทร์
บทกวีของอนาคาริกทั้งสาม
1. ขัณฑเขตจตุรทิศคุ้ง สงคราม ครุ่นนา
หลายเหล่าอธรรมสยาม เหิ่มห้าว
หลายเล่ห์ยุทธนาสนาม กลศึก นี้นอ
รุมระอุทั่วแดนด้าว แผ่นพื้นไผทไทย ฯ
2. ชิงชัยทแกล้วทิ้ง ชนม์ถวาย หลากเฮย
ชาติศาสน์กษัตริย์คงคลาย เศิกเสี้ยน
ราษฏร์รักภักดีหมาย ชูเชิด สกุลนอ
พร่ำสั่งสรรเสริญเที้ยน เทพเฝ้าถวิลหวัง ฯ
3. ยังอามิสสิ่งให้ ปันทาน
อีกอภัยเสริมสาน สืบสร้าง
มากมิตรมากบุญบาน เบียนบาป เล่านา
ธรรมอีกทานท่านอ้าง เหตุให้มรรคผล ฯ
4. นรชนวายชีพใช้ คุณมา ตุภูมิเฮย
เพียงปิ่นปักนครา เพริศแพร้ว
เสริมศรีศักดิ์สมญา เมืองมิ่ง เมลืองเฮย
คนนอบหนึ่งโพธิ์แก้ว เพื่อนคุ้นครวญหา ฯ
5. ธรรมาธิราชเลี้ยง ทวยดิน
แผ่นอุดมสมถวิล แหล่งหล้า
ปวงชนเทอดภูมินทร์ มหาราช เรื้องแฮ
รวมจิตวิญญาณกล้า ฝ่าค้าสังสาร ฯ
6. บุญบานบรมพุทธท้าว ธรรมมา
โปรดส่ำสัตว์เทวา ชื่นแผ้ว
โพธิราชเลื่องบุญญา นามหน่อ ไท้เฮย
ไตรภพลบโลกแล้ว นอบนิ้วพุทธคุณ ฯ
7. อรุณที่ห้าเมษ เมืองอินทร์
อมรรัตนโกสินทร์ เศกแสร้ง
เคยเสียงร่ำระบิลยิน เซ็งแซร่ ศัพท์นา
ประหลาดวันฉะนี้แล้ง เริดร้างแรมไฉน ฯ
8. ทวยไทยทวยเทศทั้ง ธานี
ระเห็จเคหาสน์หนี ฝั่งกว้าง
พิศวงน่านชลธี เนืองแน่น นิกรนา
เพียงแผ่นผืนดินข้าง ถล่มน้ำลำละลาย ฯ
9. เจ้าพระยาอายเอื้อกลิ่น กระแสสินธุ์
ลำละเลื่อมงามลิน เลื่อนช้า
เพียงสินธพทรงอินทร์ เหมราช แลฤา
ควรแก่วีรบุรุษกล้า ขี่ขึ้นเหินหาว ฯ
10. ดาวเดือนเลื่อนลับแล้ว นภาพร
อาทิตย์สู่สโมสร ผ่องด้าว
รังษีเทพทิพย์ขจร เรืองรุ่ง ตะวันเอย
ประหลาดวันฉะนี้จ้าว แผ่นฟ้าราแสง ฯ
11. แรงบูญหนุนชีพน้อม ทางทาน
แผ่เมตตาเย็นบาน เบิกแผ้ว
แรงบาปสาปสันดาร ชนโฉด ชั่วเฮย
ตกนรกฤาแคล้ว โทษท้าวขุนยม ฯ
12. บุญธสมสั่งสร้าง ปางหลัง แลฤา
สมส่วนปรัตยุบันรัง สฤษดิ์ช้อย
พระคุณพระควรยัง พระเดช เล่านา
ธรรมิกราชสืบสร้อย พสกซร้องสรรเสริญ ฯ
13. อ้าชมเชิญเทพท้าว สยามินทร์
ปิ่นเกศกษัตริย์ยิน เลื่องหล้า
ทรงนาเวศชมสิน- ธูท่าม นิกรนา
งามดั่งอินทร์หยาดฟ้า เคลื่อนคล้อยโพยมบน ฯ
14. ชมดนตรีกล่อมเกลี้ยง เกลาสาร
ยอย่อมยศสมภาร ก่อเกื้อ
นาบุญท่านบูรณ์บาน เบียนบ่วง มารนา
ควรแก่โสตสดับเอื้อ อิ่มโอ้เพียงโหย ฯ
15. ชมโชยชลมาร์คกั้ง กระบวนหงส์
เพียงผาดโพยมบนลง แผ่นพื้น
เกรียงไกรพ่างพยูหรง รณเศิก สวรรค์ฤา
ท่าอาจองค์อาจฟื้น ฝั่งฟ้าสั่งสรวง ฯ
16. บำบวงบรมกษัตริย์เจ้า จักรี
พระเสด็จโดยมเหสี คู่ข้าง
นามสิริกิติ์นารี ขัตติเยศร ยศเฮย
โลกย่อมยินชื่ออ้าง เอกฟุ้งกรุงสยาม ฯ
17. งามพระโอรสไท้ คอยคลา ราชเฮย
องค์มกุฏกษัตรา เกริกแกล้ว
เทพรัตน์ราชสุดา เพ็ญภาค เล่านอ
สู่สุพรรณหงส์แผ้ว ผ่องล้ำลำชล ฯ
18. บนเอนกชาติแกล้ว ภุชงค์
ราชธิดารองทรง อยู่ยั้ง
โสมสวลีองค์ งามมิ่ง เมืองเฮย
วีรยุทธลงรั้ง ร่วมคล้อยคลาหงส์ ฯ
19. อ่าองค์ทรงเดชเรื้อง เรื่องยศ ยงนา
วงศ์นารถจักรีงด ดั่งแก้ว
กิตติคุณเปรื่องปรากฏ ตาโลก ร่ำนา
ขบวนพยุหยาตรแผ้ว ผ่องล้ำปางหลัง ฯ
20. สั่งสินธูสั่งถ้วน ทวยลม
ลมเลื่อนเมฆายม นิ่งน้ำ
สั่งภูแผ่นดินพรหม เทวโลก เล่านา
ธรรมธาตุสั่งดินซ้ำ จุ่งตั้งอุเบกขา ฯ
21. ธรรมาธิราชเรื้อง บทจร
สู่สุวรรณหงส์งอน แช่มช้อย
ฝีพายตื่นตาถอน พายกรีด ชลฮา
รีบเลื่อนลำเจ้าน้อย สู่คุ้งคลาขบวน ฯ
22. โหยหวลชวนเพริศพริ้ง เพลงขาน ขับเฮย
เพียงสะกดสายชลธาร แมกไม้
กล่อมจิตทั่วทวยหาญ แหนแห่
ทวยเทพทั่วทิศได้ สดับแล้วลืมฝัน ฯ
23. ครรไลเหนือน่านน้ำ ลำเหิน
โอ่อุฬาริกเกิน กล่าวอ้าง
หงส์ทองล่องลมเพลิน ภูมิภาค แลฤา
ส่ำบริวารแวดข้าง ค่อยคล้อยคอยระวัง ฯ
24. ดั้งสิบเอ็ดคู่รั้ง ฝั่งสอง ชลนา
ทองคู่นำพาผยอง เผ่นผ้าย
สองเสือทะยานยอง ยงยิ่ง ยงนา
วายุภักษ์ปักษีสล้าย เลื่อนล้ำนำทาง ฯ
25. ปางอวตารปราบเปลื้อง พนาสูร แลฤา
ขุนกระบี่เห็จเหินยูร ยาตรเต้า
สองครุฑขนาบนาคปูน ลอยเมฆ ลงฤา
สองเอกชัยกล้าเข้า คู่ช้าพญาหงส์
26. ธงชัยอนันตนาคเจ้า เจ็ดเศียร
สวามิภักดิ์โพธิเทียร ปิ่นฟ้า
ทรงพระปฏิมาเสถียร สถิตคู่ เศิกแฮ
พระพุทธชัยคู่หล้า เคลื่อนล้ำลำราม ฯ
27. งามจริงยิ่งพิศแพร้ว สุพรรณหงส์
งามเฮยเพียงเลื่อนลอยโพยมลง สว่างหล้า
เหมราชราชใดทรง หงส์หก เหินแฮ
โผทะยานชลช้า ชื่นช้อยตาชน ฯ
28. บริวารวนแวดล้วน เรือแซง
สามคู่ควรคำแหง แห่ข้าง
อเนกชาติภุชงค์แรง ฤทธิ์ล่อง หลังนา
แซงเจ็ดจบขบวนสล้าง เลื่อนล้ำลาชล ฯ
29. หาวหนหงส์ร่อนล้ำ ลำยอง ยิ่งเฮย
งามปีกหางกางผยอง น่านฟ้า
งามศอสง่าหงส์ทอง ฤาร่ำ เลยนา
งามเนตรเพียงดาวจ้า แจ่มเฟื้องเมืองธรรม ฯ
30. หงส์รำเพลงร่ำด้าว แดนหงส์
หงส์ห่อนสมควรพงศ์ แผ่นพื้น
สมมติเทพครองทรง หงส์หก เหินแฮ
มีแต่ธรรมธิราชชื้น ฉ่ำล้ำแรงบุญ ฯ
31. ขุนหงส์หลงเกลือกกลั้ว กลิ่นสุธา แลฤา
หงส์หากลืมสวรรยา อยู่ช้อย
กลิ่นธรรมกลิ่นบุปผา ใดยิ่ง เล่าพ่อ
หงส์จึงควรสมสร้อย เสพซ้องคลองธรรม ฯ
32. นรชนกำเนิดได้ มาเห็น
ประเสริฐสุดบุญเย็น ลาภล้น
พยุหยาตรยงเพ็ญ โฉมชื่น นี้นา
เป็นเลิศใต้หล้าพ้น ที่พร้องเพียงสยาม ฯ
33. สนามเมรุท่านท้าว สยามไท
โปรดแห่แหนพระชัย เกริกก้อง
พลับพลาพิธีไสย พุทธเวทย์
ตกแต่งตระการต้อง เลศล้วนควรฉงน ฯ
34. ฝูงชนหลายหลากล้อม รำลึก
สามเหล่าทวยหาญฮึก พรั่งพร้อม
สามมุขมาตยาตรึก การร่วม พิธีนา
สังฆราชฝ่ายสงฆ์น้อม เวทย์กล้าพุทธคุณ ฯ
35. ขุนเปรมจอมมาตย์โอ้ อ่านสาร
ยอกฤษฎาภินิหาร ผ่านเผ้า
ธโปรยโปรดประทาน ธรรมสี่ หลักเฮย
คุณพิสุทธิ์พุทธเจ้า อาจเอื้อมเอาถึง ฯ
36. หนึ่งสัจจะเสียชีพสู้ รักษา สัตย์เฮย
สองข่มจิตควรครา ขุ่นขึ้ง
สามออมอดทนหา ชูชีพ ตนเฮย
สี่สละจาคะซึ้ง สืบเนื้อนาบุญ ฯ
37. พระคุณสุริยะรุ่งเรื้อง รัศมี บนเฮย
ผืนแผ่นภูบดี เพริศแพร้ว
ผายแผ่พระธรรมฉวี เย็นยิ่ง เย็นนา
พระเมตตาพระจอมแก้ว อื่นล้ำฤาเห็น ฯ
38. เวนพลีกรรมธูปทั้ง เทียนชัย ถวายเฮย
ลมเร่งเมฆาไหล เกลื่อนฟ้า
อัศจรรย์เหตุอุทัย หาวภาค พู้นพ่อ
ทรงกลดหมดจรดจ้า เลื่อมรุ้งรัศมี ฯ
39. ประชาชื่นช้อย เปรมปรีด์ ถ้วนนา
เห็นแก่ตาตนศรี ชาติแล้ว
ธงชัยพระบารมี สยามมิ่ง เมืองเฮย
เป็นเอกจักรภพแผ้ว ผ่ายหน้าฤาขาม ฯ
40. กรุงรามเริงรื่นเรื้อง รงค์สวรรค์ แลฤา
สมโภชพระนครพลัน โด่งด้าว
สี่เมษมาสสืบวัน ยี่สิบ เอ็ดนา
ห้าเมษบ่ำบวงท้าว เทพถ้วนจักรินทร์ ฯ
41. ชินสีห์พุทธแจ่มจ้า สังสาร
แผ่พระธรรมยงนาน เมื่อนี้
พุทธพรรษบาน กับยี่ สิบห้านอ
จวบก่องโกสินทร์รี้ รื่นเลี้ยงงานฉลอง ฯ
42. ครรลองธรรมลุ่มล้ำ ลึกไฉน เปรียบเฮย
ทะลุโลกสวรรค์ไกร แจ่มแจ้ง
มลายทั่วทุกข์ไข อริยสัจ เล่านา
สว่างไตรโลกแล้ง ล่มแล้วโลกันต์ ฯ
43. ธรรมาวุธวิเศษล้าง ผลาญมาร มอดเฮย
ควรเหล่านักรบชาญ เชี่ยวแท้
หลากภัยหว่างสังสาร แสนโหด นาพ่อ
ธรรมอื่นฤาอาจแก้ แต่เพี้ยงพุทธธรรม ฯ
44. นำนักรบกลั่นสู้ สงคราม โหดเฮย
ฝ่าพระเพลิงผลาญกาม ขี่เกล้า
ธรรมธาตุดั่งศรราม เรืองเดช ล้ำฤา
รอนราพณ์ลงกาเจ้า แผ่นเพี้ยงพกผัน ฯ
45. ธรรมบันดาลชื่นแผ้ว มโนมัย
ไกลกิเลสราคะไกล เศิกเสี้ยน
เผด็จธรรมเทิดมไห ศวรรเยศร ยศเฮย
ธรรมธิราชฤาเพี้ยน ท่านท้าวเถลิงถวัลย์ ฯ
46. พุทธธรรม์ทานโลกไร้ รัศมี
แสงส่ำใดเดียรถีย์ ต่ำต้อย
คนเลิศเกิดกายมี ภพชาติ คนนา
ชาติหนึ่งพานรสถ้อย ลาภแล้วอภิชน ฯ
47. ดลสองร้อยขวบเข้า ขันขาน
โฉมก่องโกสินทร์บาน ชุ่มช้อย
ชมสวนสระสคราญ ถนนเอก นครเฮย
เขียวชะอุ่มพุ่มพร้อย หมู่ไม้มุงไสว ฯ
48. กรุงไทยบรรพบุรุษกล้า รังสรรค์
เอกราชรัฐทวีวัน แกร่งกร้าว
ปิ่นกษัตริย์พาผัน ศาสน์ส่ง เล่านา
ฝ่าโขดแสนเข็ญห้าว ผ่ายแผ้วสุพรรณภูมิ ฯ
49. บัวตูมคลายกลีบต้อน อรุณฉาน
เฉกรัตนโกสินทร์บาน เจิดหล้า
ปรางค์ปราสาทธรรมสถาน ผุดผ่อง พ้นเฮย
ปลูกศรัทธาชนกล้า แห่ห้อมหวงเมือง ฯ
50. ประเทืองกาลก่องแก้ว กรุงกษัตริย์
สรรแต่องค์ปฐมรัฐ เริ่มสร้าง
จวบเก้ารัชกาลปัจ- จุบันรุ่ง เรืองนา
ยกพระคุณท่านอ้าง อิ่มโอ้อสงไข ฯ
51.ไกรสีห์ปฐมกษัตริย์เจ้า จุฬา โลกเฮย
พระยิ่งยศจอมพระยา เพียบพื้น
จอมทับแกร่งเพียงผา ภูวภาค พื้นแฮ
แสนเศิกยินสะอึกอื้น ข่าวเค้าขวัญสลาย ฯ
52. เพียงนารายณ์ปราบเปลื้อง กุมภัณฑ์ แลฤา
อาวุธจักรีผัน เผด็จเสี้ยน
เก้าทัพศึกกษัตริย์สรร หลามหลาก มาเฮย
พระฮ่ำพระหั่นเหี้ยน ราบแผ้วกรุงศรี ฯ
53. จอมจักรีเกริกก้อง สมภาร พ้นนา
ทำนุศาสนผสาน เศิกกล้า
รังสรรค์พุทธพิมาน เมืองพระ โพธิ์นา
ไตรรัตน์เรืองรุ่งหล้า ผ่านเผ้าผายคุณ ฯ
54. หนุนการทุกสิ่งไว้ ฝั่งฝา
เป็นหลักรัฐสีมา อยู่แผ้ว
กวีศิลปกรรมปรา กฎก่าย กรุงเฮย
ไตรปิฎกชำระแล้ว อยู่เฟื้องฤาเข็ญ ฯ
55. พระเพ็ญคุณโปรดเกื้อ การโห รานา
จอมปราชญ์ปราชญ์ใดโข ข่มได้
จอมเวทย์วิเศษกโล บายหลาก ลึกเฮย
เกียรติศักดิ์เกียรติคุณไท้ หลากล้ำคำสนอง ฯ
56.พระปองวิริยภาพเลี้ยง พุทธธรรม์
ยอยกสู่ศิรพลัน ผ่องด้าว
แสงใดส่องสว่างบรรณ พิภพเพริศ พรายเฮย
ธรรมธิราชใดห้าว เหิ่มแท้ถึงธรรม ฯ
57. เวียงคำปราสาทแก้ว โกสินทร์
จักกฤษณ์นฤบดินทร์ ท่านสร้าง
อยุธยามิ่งเมืองอินทร์ ลอยเลื่อน ลงฤา
วัดคู่เวียงวังสล้าง ใช่ท้าวจำลอง ฯ
58. องค์สองพุทธเลิศหล้า เรื่องศิลป์
แสนเสนาะกวียิน ค่ำเช้า
สงบสงัดไพรินทร์ พสกชุ่ม เย็นเฮย
สังคีตละคอนเจ้า แผ่นฟ้าพาหลง ฯ
59. องค์รองนั่งเกล้าเกศ กรุงไทย
ทำนุศาสน์เรืองไสว สว่างล้ำ
ช่อฟ้าระกาไกว กระดิ่งย่ำ เย็นนา
ยังปราบเขมรลาวซ้ำ เวียตค้อมถวายชัย ฯ
60. ที่สี่ไกรเกศเกล้า จักรี วงศ์เฮย
จอมปราชญ์ราชเมธี แห่เฝ้า
สนิทธรรมพระจอมชี เจนปราชญ์ ปวงแฮ
ทวยฝรั่งต่างเทศเข้า สู่ซ้องสมถวิล ฯ
61. แผ่นดินปิยราชเจ้า โสภา เพริศเฮย
สยามอยู่หากพระบา รเมศรป้อง
ปลดไทยปลอดทาสา ศัลยโศรก สิ้นแฮ
เสียงเล่าฤาราษฎร์ซร้อง ห่อนเว้นวันยิน ฯ
62. บดินทร์สูรย์ผ่านเผ้า รัชกาล หกเฮย
ธีรราชสมญาขาน ท่านไท้
สู่ยุโรปสยามราญ ร่วมเศิก ชัยนา
วัฒนธรรมเทศใกล้ รั่วรั้วสยามยิน ฯ
63. ปิ่นเกศปกเกล้าโปรด พระกรุณา พ้นเฮย
ราษฎร์ร่วมรัฐขัติยา ร่วมสร้าง
เวนอธิปไตยตรา อำนาจ ชนเฮย
ทวยราษฎร์หลามแผ่นกว้าง ชอบใช้ชูไทย ฯ
64. มหันตภัยพรายภูตซ้ำ รัชกาล แปดเฮย
มหาวิบัติบรรหาร เหตุร้าว
ทั่วเทศระงมขาน เสียงโศก ซึ้งแฮ
พร่ำพระแสงลั่นท้าว ท่านม้วยคืนสวรรค์ ฯ
65. บรรลุวงศ์กษัตริย์เก้า ครองเมือง
ภูมิพลรองเรือง ยิ่งแก้ว
ธรรมประทีปเทพประเทือง ใจราษฎร์ เย็นนา
ไสวสว่างพร่างพระแพร้ว ผ่องเพี้ยงจันทร์เพ็ญ ฯ
66. เย็นศิโรฒทั่วแท้ พระคุณ ท่านเฮย
สยามราษฎร์รำลึกขุน ท่านเอื้อ
จักรีสืบวงศ์บุญ ญานุภาพ พ้นนา
เพียงปิตุเรศปกเกื้อ ราษฎร์คุ้มผองภัย ฯ
67. สมัยบุราณโลกล้วน ราชันย์
ครองครอบอาณาปัน แว่นแคว้น
จักรพรรดิ์แผ่ผายขัณฑ สีมาเขต ครองเล่า
ขานขับพลไพร่แจ้น คลั่งคลุ้มสงคราม ฯ
68. เกรียงนามเกรียงเดชเจ้า ชีวิต
อำนาจราชศักดิ์สิทธิ์ ครอบเกล้า
ธรรมสู่มิ่งเมืองพิศ ไพโรจน์
ธรรมเสื่อมอาธรรมเคล้า ล่มแล้วราษฎร์แสยง ฯ
69. แสงธรรมทอห่มคุ้ม สยามวงศ์
วงศ์หากงามเพียงหงส์ ผ่านฟ้า
แสงธรรมเทิดชูธง ชัยชาติ
ชาติหากสำนึกหน้า เยี่ยมเฝ้ารินธรรม ฯ
70. ส่ำแผ่นดินสิ้นหน่อ แนวกษัตริย์ สืบเฮย
เหตุห่างทวยราษฎร์รัฐ รุ่มร้อน
ห่างธรรมพระขจายขจัด เจือราษฎร์ แรมเล่า
อยู่ยากเหลืออกข้อน ขื่นแค้นใครเห็น ฯ
71. เคืองเข็ญคร่ำเคร่งแท้ ทวยประชา ราษฎร์เฮย
กษัตริย์เกษตรเทียวหา เยี่ยมใกล้
ดินแตกระแหงสา หัสโหด พ่อเฮย
ธสั่งทดน้ำให้ แผ่นร้อนฉ่ำฉนำ ฯ
72. รำลึกคุณท่านท้าว จักรวงศ์
รัฐราษฎร์ร่วมบรรจง แต่งปั้น
สนามหลวงเพริศพรายคง ควรค่า เมืองนา
ขามรุ่นรายสี่ชั้น ห่มหญ้าคลุมดิน ฯ
73. โกมินทร์วาวแว่นฟ้า ฟืนสวรรค์ แลฤา
อ้าใช่ปรางค์หอธรรม์ พร่างแพร้ว
สามยอดรัตนสุวรรณ เวียงเทพ อมรฤา
อ้าใช่สามยอดแก้ว พ่างพื้นภูวดิน ฯ
74. รินเรืองเหลืองทาบถ้วน จตุรทิศ
อ้าใช่ธรรมโสภิต แห่งห้อง
ยืนรายเลียบพึงพิศ ขุนศึก คร้ามนา
อ้าใช่นารายณ์ป้อง ควบคุ้มพุทธคุณ ฯ
75. ไพฑูรย์เขียวขาบคร้ำ งามเมลือง
ของเอกค่าควรเมือง แต่งแต้ม
ยอบูชิตห่อนเปลือง ใจราษฎร์ เลยนา
อ้าพระมณฑปแฉล้ม เฉียดฟ้าเฟือนสวรรค์ ฯ
76. สรรค์ทองงามอร่ามล้วน อวยองค์
ใช่พระธาตุสุวรรณวง หน่อแก้ว
เพลินพิศเพียบพิศวง เวียงพระ โพธิ์นา
บอกเล่ห์ชนใดแคล้ว ข่ายพ้นสงสาร ฯ
77. ตระการปราสาทท้าว เทพบิดร
ศรีสง่าครานคร รุ่งเรื้อง
สมพิศอิ่มเพียงถอน สรรพโศรก ศัลย์เฮย
สามยอดสุดยอดเบื้อง ล่างล้ำเลอสรวง ฯ
78. สรรพวงดอกเกตุเก้า เนาวรัตน์
สิ่งประเสริฐสารพัด เสาะได้
ตกแต่งตระการชัช วาลรุ่ง เรืองเฮย
อ้านอบโพธิราชไท้ ท่านผู้ทรงธรรม ฯ
79. เขียวขำฉ่ำรุ่งแก้ว นวลมณี
โสภิตผ่องเพียงตรี โลกยื้อ
คือพุทธปฏิมาศรี สัมโพธิ์ โพ้นนา
ธรรมราชศรีอโศกรื้อ รุ่งเรื้องเรืองบุญ ฯ
80. คุณพระจอมจักรเจ้า ปฐมวงศ์
รังสฤษดิ์พุทธนิเวศปลง พระแก้ว
อ้าของค่าโลกยง ยศยิ่ง ยศนา
ควรพระศาสน์พิสุทธิ์แพร้ว ผ่องล้ำเรืองสยาม ฯ
81. ปราสาทรามชื่นช้อย ชมไกล
เพียงเลื่อนลมบนไหว พร่างฟ้า
อ้าใช่จักรีมไห ศวรรเยศร ยศนา
ปราสาททองท่านท้า เทพตั้งแต่งสนอง ฯ
82. รงรองรุจิเรขเรื้อง รจนา
ชมดุสิตพิมานมา สู่พื้น
อ้าเล็งโลกทั่วทิศา แสนโยชน์
ท้าวอื่นเมืองไกลสะอื้น อกโอ้อิสสา ฯ
83. กล่าวกลอนมาแต่ต้น ชนปลาย
กลกล่อมจิตหญิงชาย สร่างร้อน
ไกลกิเลสประจงหมาย ชูเชิด
โพธิสัตว์สั่งซ้อน เร่งเต้าตามผล ฯ
84. ยังยลไป่ทั่วแคว้น คุงสยาม
ยากยุติพองาม แต่นี้
สารรัตน์สิรินทร์ราม รายเรียบ รอเฮย
ควรปราชญ์กวีชี้ ชื่นไว้วรรณศิลป์ ฯ
85. จินตนาการสืบสร้าง กวีวรรณ
ไขเวทย์วิทยาบรรณ เจิดจ้า
ชวนชมชื่นใดอัน ชวนชื่น ชมนา
สืบมโนธารกล้า ร่วมรั้งสังคม ฯ
86. ชมสยามงามหยาดฟ้า ผลาญดิน แลฤา
เพียงหนึ่งเหนือธรณินทร์ ต่ำใต้
เกษมสุขทุกไทยริน รมเยศ
ต่างชาติชมข่าวไข้ ใคร่เมื้อมาเห็น ฯ
87. ดั่งเดือนเพ็ญเด่นด้าว โพยมหน
เพียงหนึ่งเหนือภิภพบน ลุ่มหล้า
ดาวพรายเพริศเพียงฝน ทิพย์เทพ รินฤา
เมืองอื่นเองอายหน้า ชื่นชม้ายเมียงชม ฯ
88. สมบัวบานชื่นช้อย ชลใส
เพียงหนึ่งเสวยบึงใบ โอบอ้อม
ภู่ภุมรินใด ตอมต่าย ไซร้นา
เสน่ห์สยามโลกค้อม ราบแพ้เฟือนฝัน ฯ
89. สวรรยายงกลิ่นกลั้ว ปาริสา
เพียงหนึ่งดอกดงพงา เลิศแล้ว
แก่นจันทน์กฤษณา นามหน่อ รินนา
เล็มรสสยามยิ่งแพร้ว เพริศล้ำรสใด ฯ
90. แดนไทยงามอร่ามด้าว แดนขวัญ ราษฏร์เฮย
เพียงหนึ่งรัฐเรืองถวัลย์ เกียรติก้อง
เผ่าพุทธพิสัยบรรพ บุรุษลูบ เลี้ยงเฮย
อาเภทภัยฤาข้อง ขุ่นน้อยฤาเข็ญ ฯ
91. อยู่เย็นครารุ่งครั้ง ขุนราม ราชเฮย
แผ่นไผทไทยหลาม หลากหล้า
เหนือสุดยอดจีนจาม ปานเรศ
ใต้สุดสุดแหลมร้า ฝั่งฟื้นสมุทรไกล ฯ
92. จักรวรรดิ์ไทยเทิดไท้ ทอสุพรรณ ภูมิเฮย
สามมุขหมดจรดมหรร ณพกว้าง
แดนลาวเขตเวียตผัน สารส่วย เนื่องนา
กัมโพชอ่อนกลายกระด้าง ตราบแกล้วอโยธยา ฯ
93. นเรศวรเดชห้าว ห่มนคร รุ่งเฮย
เสร็จยุทธหัตถีขจร แผ่นพื้น
กัมพุชกลับสัตย์หลอน หลายเล่ห์ กลฮา
หมิ่นพระเกียรติเครงครื้น ครั่นน้ำพระทัยหาญ ฯ
94. จักผลาญงูเห่าร้าย ริษยา
ล้างย่อมล้างพงศา จึ่งแผ้ว
ปฐมกรรมพิธีตรา ปรากฏ พู้นเฮย
รองเลือดล้างบาทแล้ว ราบพื้นสุวรรณภูมิ ฯ
95. ปูมชีพชนชาติล้ำ เลอสรวง
อริพ่ายภัยตนตวง แต่ร้อน
แสนศึกคึกแข็งควง แสนศาสตร์ ก็ดี
พานพ่ายทุกข์สะท้อน โทษแท้ทันสนอง ฯ
96. กลองรบพลันเหือดห้าว หนรา มัญเฮย
สัปยุทธยงยุทธนา กลั่นแกล้ว
พนาสูรต่างผิวมา กรายเกลื่อน เมืองเฮย
เพียงสัตว์นรกหลุดแคล้ว บ่วงท้าวโลกันต์ ฯ
97. ฝูงมันมาแห่ห้อม โซหิว
ดูดดื่มโภคาฉิว อวบอ้วน
ฝูงมันพร่าผลาญทิว สมบัติ เล่านา
ขนส่งสินทรัพย์ถ้วน สู่ด้าวแดนมัน ฯ
98. ผันพระเดชนเรศล้น ปรีชา ชาญเฮย
ฝ่ามหาวาตะภยา อยู่แกล้ว
อสูรเสื่อมศักดิ์ถลา เลยลื่น ลับแฮ
กลืนกลบชาติอื่นแล้ว โลภล้ำคำหยาม ฯ
99. นามไทยยังเทศไท้ พิศวง
เพียงหนึ่งเหนือพิภพยง เยี่ยมหล้า
คำแหงแห่งสิงห์ปลง สีหนาท แลฤา
ส่ำสัตว์ละล้าวหน้า ตื่นต้านฤาเห็น ฯ
100. นามไทยเพ็ญภาคพื้น ยินผวา
เพียงหนึ่งเหนือนครา อื่นอ้าง
ถอนพิษสรรพภยา ยงเผ่า ไทยเฮย
ดุจดั่งไพรวัลย์กว้าง ถิ่นท้องทางเสือ ฯ
101. เหลือเดชทวยโลกท้า มวยไทย ทาบนา
เพียงหนึ่งศิลปชัย ห่ามห้าว
แผลงฤทธิ์รุ่งกรุงไกร กระฉอก ฉ่อนเฮย
มวยโลกพ่ายละล้าว นอบค้อมภักดี ฯ
102. พูนศรีเสริมศักดิ์ฟุ้ง กรุงสยาม
เพียงหนึ่งหน่อนิรนาม แผ่นเผ้า
สมชาติชื่อคนขาม แขยงเดช
ต่างชาตินบนอบเฝ้า ใผ่รู้วิชา ฯ
103. พรรณนาความชื่นชี้ ชมสยาม
ยังบ่ล่วงลุคาม เขตกว้าง
ชมเมืองชื่นคำงาม ยอย่อง ยศเฮย
ไป่เท่าธรรมชาติสร้าง ส่งหล้าเลือนสวรรค์ ฯ
104. ขันฑ์เขตประเทศผ้าย ไพศาล แท้เฮย
โขงลุ่มลาวครวญปาน เลือดไล้
สองฝั่งฟากอิสาณ แสนโศรก แท้เฮย
โขงคั่นพี่น้องไว้ ห่อนเว้นครวญหา ฯ
105. คราหลังเคยร่วมร้อย มาลัย งามเฮย
เอิบอาบสุชลนัยน์ เนตรปลื้ม
โขงครวญคร่ำเวียงชัย สองฝั่ง นองนา
อาเภทเงาภูตงื้ม ครอบเกล้ากลายแสยง ฯ
106. โขงแรงไหลลู่ท้อง ธรณิน ลงฤา
โขงขื่นความขมยิน เหตุข้อง
สองฝั่งพ่างสายสินธุ์ สองภาค
ชำแหละโขงสองห้อง พี่น้องสองเสวย ฯ
107. โขงเคยคลายโศรกได้ ชมชู ชื่นนา
ธารหลั่งโลมสองภู แผ่นเผ้า
เพียงพระแม่เอ็นดู สองมิ่ง สมรนา
โศกสะอึกสะอื้นเข้า อกอ้อมอุ่นไฉน ฯ
108. โขงไหลลงถั่งถ้วน สินธู
ฟองฟาดฝั่งสองดู เดชกล้า
โขงสดับข่าวสองพบู บัวชื่น ชลแฮ
วันหนึ่งสองแผ่นหล้า กลับฟื้นคืนสมาน ฯ
109. วังวนธารลุ่มเลี้ยง ภักษา หารเฮย
สองฝั่งเคยเคียงหา ใส่ข้อง
พันธุ์เผ่าเหล่ามัจฉา แสนโกฏิ
ปลาบึกเท่าช้างร้อง อื่นน้ำฤาเห็น ฯ
110. เย็นตาพาเที่ยวท้อง ธารโขง
แพเลียบเรือยนต์โยง เคลื่อนคล้อย
ชมทิวพฤกษ์สูงโทง ยอยอด เยี่ยมเฮย
ชื่นหมู่มัจฉาช้อย ชื่นไม้เริงลม ฯ
111. สมนามนามมิ่งแท้ โขงขาน ชื่อเฮย
โขงลุ่มลงทางธาร แม่กว้าง
สายเลือดเผ่าไทยหาญ สองฝั่ง ชลเฮย
กำเนิดกาพย์ขับอ้าง โอดเคล้าแคนครวญ ฯ
112. ลมหวนหวลเสน่ห์ห้าว ขับลำ
รื่นเรื่อยละความคำ โอดอ้อย
เธียรท่านย่อมยอธรรม ชูชีพ ชนเฮย
ฟังชื่นฉ่ำทรวงน้อย หนึ่งให้โหยหา ฯ
113. สาธุการพุทธศาสน์ล้ำ แดนดิน
ลุล่วงหลวงพระบางยิน ชื่นช้อย
กาพย์กล่อมกวีศิลป์ เพราะยิ่ง เพราะนา
โลมทั่วสองแผ่นคล้อย เขตคุ้งโขงคำ ฯ
114. ลำนำเพลงเพริศข้าม ขุนเขา ครืนนา
ชำแรกทั่วทิวเกลา เถื่อนถ้ำ
สืบสัจจปรมัตถ์เนา ในจิต ชนเฮย
เวรก่อกรรมกอปรล้ำ เที่ยงแท้ทวีผล ฯ
115. ชนใดในโลกล้วน ทาสา
เพียงโซ่ทองตรวนตรา หน่อเนื้อ
คือข้องแห่งทุกข์ทา รุณโทษ ชนเฮย
หิวหยากยากไร้เรื้อ โรคร้ายรอนรุม ฯ
116. สาวหนุ่มลิงโลดได้ เคียงขวัญ
สมสืบทายาทผัน ผ่ายหน้า
ชรามรณะพลัน จำพราก กันเล่า
ทอดร่างลงกลบหล้า เปื่อยเคล้าดินเดิม ฯ
117. เฉลิมโลกรัฐเขตล้วน สังสาร
ไหลหลั่งเพียงทางธาร เชี่ยวกว้าง
ส่ำสัตว์พลัดทะยาน ลิวโลด
ตาบอดต่างคนคว้าง ควั่งพ้นฤาเห็น ฯ
118. เคืองเข็ญทุกค่ำเช้า คุงคืน
หลับตื่นตาตนฝืน คั่งแค้น
สินทรัพย์นับสุดกลืน เหลือหลาก ล้นเฮย
ห่อนสั่งโสฬสแคว้น ฝั่งฟ้าลงชม ฯ
119. บรมขัตติเยศรได้ ไอศูรย์
เถลิงรัฐฉัตรทองพูน เดชด้าว
จอมทัพทศทิศทูน ศิโรราบ
ห่อนสั่งมัจจุราชห้าว ผ่อนไว้โทสา ฯ
120. ธรรมสามีเร่งล้าง ไตรภพ
สวรรค์ล่มนรกลบ แผ่นหล้า
โลกันต์ผ่านทัพทบ ทิวเศิก คลุ้งเฮย
ดับเดชมัจจุราชกล้า แต่ด้วยตาญาณ ฯ
121. ผลาญมารมรณ์มอดเสี้ยน สบสันต์
เล็งโลกแสนทิศพลัน แจ่มแจ้ง
แสงทองส่องชีวัน ทวยโลก
ธรรมอยู่จุนฤาแล้ง โลกไร้วีรชน ฯ
122. โขงวนลงลุ่มใต้ ลาวครวญ
กัมพุชวิปโยคหวล อกอื้น
สองฝั่งฟากลาวญวน โลมเลือด ลงฤา
โขงแม่ซับชลชื้น ชุ่มคลุ้งคาวคน ฯ
123.ทรชนสองเหล่าร้า รอนรบ
สองพิฆาตคาวกลบ หย่อมหญ้า
โขงแรงชะเลือดลบ สองแผ่น ภูเฮย
ทุกขโทษเทวษกล้า ร่ำพื้นระงมดิน ฯ
124. สิ้นชาติสิ้นช่อเชื้อ กรุงกษัตริย์
สุดเขตขัตติยรัฐ ร่วมสร้าง
สุดแดนแผ่นเดิมพลัด พรายพราก
สุดสั่งนคเรศร้าง ล่มแล้วจำลา ฯ
125. สาธารณ์ชนชั่วแท้ เถลิงถวัลย์
หยาบใหญ่ยงฤทธิ์ชัน เชิดเผ้า
ตระกรามอยากยศขัน ขายชาติ
ชักเศิกไกลบ้านเข้า ข่มแคว้นครองเมือง ฯ
126. กรุงเรืองยศล่มแล้ว อนาถา แท้เฮย
เพียบแผ่นพลโยธา หลบลี้
ฟายเนตรร่ำชลนา เหลืออก นิกรเฮย
เคืองเคียดชนชั้นชี้ เหตุพ้องภัยผลาญ ฯ
127. ซมซานหนีพี่งร้อน รอนเย็น
สุดเขตไทยรัฐเห็น ฉัตรแก้ว
เพียงชีพชื่นคืนเข็ญ วิปโยค
อาบอุ่นอายดินแคล้ว ชีพได้คืนเป็น ฯ
128. ยามเข็ญไทยราษฎร์เกื้อ การุณ มิตรเฮย
ประเสริฐสุดสุดนาบุญ ผ่องล้ำ
คืนชีพท่านคืนคุณ หนุนตอบ ตนนา
คือนรชาติสกุลค้ำ ชื่อชั้นชนดี ฯ
129. เป็นศรีไกรเกศเกล้า กรุงราม
เป็นสง่างามสยาม ยศเรื้อง
เป็นแสงพุทธคุณคาม ขันฑเขต บุญเล่า
เอื้อแต่เพียงน้อยเยื้อง โอษฐ์โอ้ภิปราย ฯ
130. ภายหลังคงท่านไท้ ทดแทน คุณนา
ชนชื่นหมื่นแสนชม เมื่อนี้
เพาะคุณห่อนดูแคลน คนยาก ใดเล่า
เป็นมิ่งแห่งมิตรชี้ ชีพไข้คืนชนม์ ฯ
131. โขงวนสองแผ่นเฝ้า อาดูร
ลาวหลั่งเลือดนองปูน น่านน้ำ
สู่กัมพุชโขงพูน ทวีวิโยค
ตายดาดศพเกยค้ำ แผ่นเพี้ยงภูเขา ฯ
132. เงาภูตผายผงาดเงื้อม งำสยาม
สุดฤทธิ์เทพสงคราม ช่วยเกื้อ
สำเร็จวิชชาสาม สูงส่ง ก็ดี
ใครอาจอำนวยเอื้อ เท่าเอื้อตนเอง ฯ
133.เพลงเศิกครึนครหึ่มเร้า รานใจ
อย่าละอย่าวางภัย ติดต้อย
ข่าวความขื่นควรไข คำเล่า
ดำรัสรื่นรสถ้อย ชื่นช้อยมวลชน ฯ
134. ชมชลธีน่านกว้าง โขงธาร
ไหลเลื่อนสู่สมุทรสถาน