| |||||||||
ช่วยตอบหน่อย ด่วน ปัญหาประชาธิปไตยไทย | |
ประชาธิปไตยทางโลกและทางธรรมแตกต่างกันและเหมือนกันอย่างไร ยกตัวอย่างหลายๆข้อ ขอขอบคุณล่วงหน้าไว้นะที่นี้ด้วย | |
ผู้ตั้งกระทู้ 10236 :: วันที่ลงประกาศ 2008-06-06 11:09:40 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (1280346) | |
(โปรดคลิกเพื่อดูคำตอบทั้งหมดที่ได้นำลงในนี้ทั้งหมด...เรารวมมาไว้ที่เดียวกันเพื่อความสะดวก)
ประเด็นที่1 ประชาธิปไตยทางโลกและทางธรรมแตกต่างกันอย่างไร แตกต่างกันที่เป้าหมาย ทางโลกมุ่งหมายให้ประชาชนมีความสุขสงบด้วยวิถีอย่างโลก ๆ นั่นคือ ความสงบสุข มีเศรษฐกิจดีอุดมสมบูรณ์ มีเงินทอง ร่ำรวยโดยความขยันที่ถูกกฎหมายหรือกฎเกณฑ์ระเบียบของสังคม พูดสั้น ๆ ก็คือประชาธิปไตยเชื่อว่าคนจำนวนมากคือประชาชนทั่วแผ่นดิน มีหัวคิดกันทุกคน ไม่ควรกดความคิดของประชาชน เปิดโอกาสให้เขาทำมาหากินอย่างอิสระ มีเป้าหมายที่ความอิ่ม อิ่มอาหาร อิ่มยศฐาบรรดาศักดิ์ อิ่มลาภ อิ่มสรรเสริญ นี้เป็นเป้าหมาย ประชาธิปไตยทางโลก ส่วนประชาธิปไตยทางธรรม หมายถึงเป้าหมายแห่งธรรม คือการแสวงหาอย่างอิสระ ปราศจากการกดขี่ทางความคิด มีวิจารณญารเป็นของตนเองโดยเด็ดขาดในการวิเคราะห์ปัญหาเชิงภูมิปัญญา โดยหลักทางศาสนาพุทธ คนต้องตรัสรู้ด้วยตนเอง คนจึงต้องมีอิสระของพื้นฐานภูมิปัญญา หมายถึงมีอิสระที่จะคิด ที่จะใช้วิจารณญาณอย่างอิสระ เพื่อไปสู่การตรัสรู้ เป้าหมายประชาธิปไตยทางธรรมคือสังคมสงบสุขด้วยธรรม ประชาชนมีธรรมเสมอกัน ไม่ใช่เรื่องอามิส
ประเด็นที่ 2 ความเหมือนกัน เหมือนกันตั้งแต่หลักการ โดยตรงกันที่หลักการว่าด้วยความเป็นมนุษย์ ซึ่งหลักการนี้ได้มีการพัฒนาขึ้นในตะวันตกมีอังกฤษฝรั่งเศสเยอรมัน ซึ่งในขณะนั้นถูกปกครองโดยศาสนจักร์ที่กรุงโรม และเอาระบอบเทวสิทธิ์มาปกครองยุโรป หมายถึงการปกครองโดยคณะผู้แทนของ ทพเจ้าเบื้องบน มีคัมภีร์ทางศาสนาเป็นรัฐธรรมนูญ ซึ่งคัมภีร์นี้ได้บัญญัติฐานะของมนุษย์ทั้งปวงไว้ว่าเป็นคนบาป มีหน้าที่ต้องชำระบาปและรับใช้พระเจ้าทุกประการ นับแต่รับใช้เล็ก ๆ น้อย ๆ ไปถึงการรับใช้ด้วยชีวิต โดยไม่มีสิทธิ์คัดค้านเลย มีหน้าที่ก้มหน้าก้มตาฟังคำสั่งของคณะผู้แทนพระเจ้าคือโป๊ปและคณะบาดหลวงที่กรุงโรมอย่างซื่อสัตย์ ซึ่งนี่คือการปกครองที่กดขี่ผู้ใต้ปกครอง และผู้ใต้ปกครองไม่มีความเป็นมนุษย์ ต่อเมื่อมีการขูดรีดของคณะผู้ปกครองจนร่ำรวยอย่างมหาศาล โปที่กรุงโรมมีฐานะกินดีอยู่ดียิ่งกว่ากษัตริย์เสียอีก คนจึงเริ่มมองไปถึง ความเป็นมนุษย์ และได้พัฒนาต่อมาเป็นระบอบประชาธิปไตย มีการปลดแอกจากอำนาจของพระเจ้า มาปกครองตนเอง จัดระบอบการปกครองของมนุษย์ โดยมนุษย์ และเพื่อมนุษย์ขึ้น ตามที่เรารู้ดีว่า การปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชนนั่นเอง แต่นั่นเป้นการวิวัฒนาการมาของการปกครองตะวันตก ในส่วนของพระพุทธศาสนา ประชาธิปไตยคือคำสอนส่วนหลักของพระพุทธศาสนาโดยแท้จริง เพราะว่าด้วยความเป้นมนุษย์ นั่นคือ มนุษย์จะต้องช่วยตนเอง (หลัก อัตตาหิ อัตตะโนนาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งของตน) ประชาชนต้องปกครองตนเอง นี่เป้นส่วนที่เหมือนกันทั้งประชาธิปไตยฝ่ายโลกและฝ่ายธรรม
ประเด็นที่ 3. ประชาธิปไตยอันสมบูรณ์ไม่ว่าทางโลกหรือทางธรรม หมายถึงจริยธรรมอันสูงสุด คนในระบอบประชาธิปไตยต้องเคารพตนเอง เคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ในทางโลกต้องมีศักดิ์ศรีในฐานะที่ตนเองเป็นผู้มีอำนาจการปกครองประเทศคนหนึ่งทีเดียว ในการเลือกตั้งจะต้องดำรงตนมั่นคงในหน้าที่ของประชาชนผู้ปกครองตนเอง มีความรับผิดชอบอย่างสูงในการเลือกตั้ง ในทางธรรมการประพฤติดีประพฤติชอบไม่ว่าทางกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม จะต้องทำด้วยสำนึกอิสระ เห็นเหตุเห็นผลด้วยภูมิปัญญาตนเอง สังคมทางธรรมะ จึงเป้นสังคมที่มีความเห็นพ้องต้องกันในธรรมะ ถ้าเป้นสังคมพระอรหันต์ท่านจะมีสิ่งที่เรียกว่าตรงกันด้วยจิตใจที่สะอาดปราศจากกิเลสเหมือนกัน เมื่อหมู่พระอรหันต์มารวมกันเป้นหมื่นองค์ล้อมพระพุทธเจ้า จึงเป้นสังคมอันสงบและปราศจากการเคลื่อนไหว ที่สะท้อนความอิ่มเป้นนิจนิรันดร ในทางโลก เมื่อสังคมมนุษย์ มีคนแต่ละคน มีความเคารพตนเอง เคารพในความเป็นมนุษย์ รู้ธรรมมีหิริโอตตัปปะ คือ มีความละกลัวและละอายใจในการทำอะไรผิด ๆ หรือที่เห็นแก่ตัว ควบคุมตัวเองได้ด้วยตนเอง รู้ดีรู้ชั่วด้วยตนเอง มีการศึกษาในจริยธรรมอย่างสูง สังคมก็สงบ เรียกว่าประชาธิปไตยอันสมบูรณ์
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น บุษบา บุญเสฏฐ์ วันที่ตอบ 2008-06-08 21:41:45 |
ความคิดเห็นที่ 2 (1282422) | |
คำว่า ประชาธิปไตย ภาษาไทยแปลมาจาก Democracy อันเป็นบัญญัติเดิมของนักรัฐศาสตร์ยุคเริ่มแรกแห่งตะวันตก เรามาทำความเข้าใจทางภาษาก่อนก็พอจะให้เข้าใจหลักการของประชาธิปไตยไปได้ในระดับหนึ่ง Democracy และนักรัฐศาสตร์รุ่นนั้น นับแต่ จอห์น ล็อค และ โธมาส ฮอบบส์ ที่นักรัฐศาสตร์ไทยรู้จักเป็นบุคคลต้น ๆ นำมาเขียนเป็นทฤษฎีรัฐศาสตร์ ประชาธิปไตยขึ้น | |
ผู้แสดงความคิดเห็น บุษบา บุญเสฏฐ์ วันที่ตอบ 2008-06-11 09:03:47 |
ความคิดเห็นที่ 3 (1283591) | |
ในประเทศไทย ประชาธิปไตยเกิดขึ้น มิใช่ด้วยการวิวัฒนาการ แต่มีการเกิดขึ้นโดยปัจจุบันทันด่วน ด้วยการปฏิวัติ 24 มิถุนายน 2475 โดยคณะนายทหารทำการยึดอำนาจกษัตริย์ และแท้ที่จริงคณะทหารเหล่านั้น และแม้นักวิชาการรัฐศาสตร์ในยุคนั้น(หรือแม้ยุคนี้ก็ตาม) มิได้ทราบความหมายที่แท้จริงของประชาธิปไตยเลยว่าแท้จริงมาจากหลักการของพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติไทย และเป็นศาสนาที่บูชาของพวกเขานี่เอง เพียงแต่หลักพระพุทธศาสนานั้นมีความหมายที่เอื้ออาทรมนุษย์ทั้งหลาย ครอบคลุมให้ประโยชน์แด่มนุษย์ทั้งหลาย ในทุกระบอบการปกครอง หมายความว่า ฐานะของความเป็นมนุษย์ มีได้ในทุกระบอบการปกครอง ไม่ว่าระบอบการปกครองระบอบใดหากมนุษย์ในระบอบนั้นอยู่ในธรรมวินัยของพระพุทธศาสนา แต่ในหลักการของพระพุทธศาสนา มนุษย์จะต้องปกครองตนเอง มีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ศาสนาพุทธจึงเป็นศาสนาที่ตะวันตกพึงพอใจให้นิยามว่า เป็นศาสนาเดียวที่ไม่มีพระเจ้า ฉะนั้นในการปกครองทุกระบอบของชาวพุทธ จึงเป็นการปกครองของมนุษย์เอง เดิมเรามีการปกครองในระบอบเผด็จการราชาธิปไตย (ระบอบที่ไม่มีฝ่ายค้าน กำจัดฝ่ายค้านด้วยการลงโทษอย่างรุนแรง เช่น การตัดหัวเจ็ดชั่วโคตร เป็นต้น) แต่กษัตริย์ไทยก็พาประชาชนไทยเคารพในพระพุทธเจ้า ผู้ทรงเป็นมนุษย์ กษัตริย์พม่า ลาว กัมพูชาก็เช่นเดียวกัน เพียงแต่ยุโรปเมื่อได้รู้นิยามของความเป็นมนุษย์และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์แล้ว ได้มีการศึกษาในรายละเอียดของการที่จะปกครองโดยมนุษย์ เพิ่มเติมไปอีกจนสามารถนำไปปฏิบัติเป็นรูปธรรม และมีการวิวัฒนาการมาซึ่งการปกครองโดยมนุษย์ ของมนุษย์และเพื่อมนุษย์ ขึ้นในโลก และซึ่งโดยระบอบนี้พวกเขาได้ปลดแอกของพระเจ้าทิ้งไปเสียโดยสิ้นเชิง และโลกเชื่อว่าเป็นการปกครองที่เหมาะสมที่สุดในหมู่มนุษย์ การปกครองระบอบประชาธิปไตยจึงแพร่หลายออกไป จนเกิดค่านิยมของระบอบประชาธิปไตยขึ้นอย่างสูงสุด ประเทศใดที่ยังไม่เป็นประชาธิปไตยจะได้รับการรังเกียจว่า เป็นประเทศที่ไม่มีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ และจะต้องถูกกดดันให้เปลี่ยนแปลงเป็นประชาธิปไตยต่อไป (หมายความว่าหลักการของศาสนาพุทธได้รับการบังคับให้นำไปปฏิบัติทางการปกครองอย่างเป็นสากลแล้วในนามของ ประชาธิปไตย) ดังจะปรากฏว่ากำลังมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่ประชาธิปไตยไปตามลำดับ ภายใต้การนำของอเมริกา และยุโรป เช่นรัสเซีย จีน อิรัค อิหร่าน และประเทศมุสลิมในตะวันออกกลางทั้งหลาย
ในความหมายทั้งหมดของระบอบประชาธิปไตย หรือการมองในองค์รวมทั้งสิ้น การเลือกตั้งเป็นสิ่งจำเป็น เป็นเครื่องมือที่จักเคลื่อนระบอบประชาธิปไตยให้เป็นรูปธรรม ดังนิยามว่า A form of government in which the people have a voice in the exercise of power, typically through elected representatives. แปลว่า รูปแบบหนึ่งของการปกครอง ซึ่งพลเมืองแต่ละคนต่างก็มีเสียงของตนสียงหนึ่งเข้าไปใช้อำนาจทางการปกครอง โดยมีรูปแบบที่สำคัญผ่านการเลือกตัวแทนของประชาชนไปใช้อำนาจนั้น
นั่นคือ ประชาธิปไตยต้องมีการเลือกตั้ง การเลือกตั้งตัวแทนของประชาชนเป็นสิ่งจำเป็น และมีกติกาที่สำคัญที่สุดก็คือ control of a group by the mojority of its members แปลว่า มีการปกครองดูแลโดยถือเอาเสียงส่วนมากของพลเมืองของประเทศ หรือหลักรัฐศาสตร์ที่ว่า Majority Rule Minority Right การปกครองโดยคนส่วนมาก แต่มีการรักษาสิทธิของคนส่วนน้อย นั่นเอง
นี่คือความหมายที่สำคัญที่สุด กติกา นี่เองคือสิ่งที่คนในระบอบประชาธิปไตยต้องยอมรับ เนื่องเพราะประชาธิปไตยก็มีข้อจำกัด เราไม่สามารถจะทำอะไรให้ได้มากไปกว่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เราจะนัดคนทั้ง 60 ล้านคนมายกมือออกความเห็นพร้อม ๆ กันไม่ได้ จึงต้องมีการเลือกตั้ง ซึ่งหมายถึง การปกครองโดยการมีตัวแทนของประชาชน (Representatives) โดยเลือกฝ่ายที่มีเสียงส่วนมาก (Majority) ของประชาชนเป็นผู้ปกครอง โดยเป็นฝ่ายรัฐบาล และเสียงส่วนน้อยเป็นฝ่ายค้าน
ซึ่งกติกาข้อสำคัญ ๆ เช่นนี้ จะได้รับการบัญญัติไว้ในกฎหมายสูงสุดของประเทศเสมอไป กฎหมายสูงสุดเราหมายถึงรัฐธรรมนูญ แท้ที่จริงนั้นรัฐธรรมนูญจึงหมายถึงกติกาข้อสำคัญ ๆ ของการปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน นั่นเอง การเขียนรัฐธรรมนูญจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้กติกาเป็นสิ่งที่ชัดเจน และเป็นที่ยอมรับของปวงประชามหาชนของประเทศนั้น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศใหม่ ๆ ที่มีความมุ่งหมายทางการปกครองประชาธิปไตย เช่นประเทศไทย ซึ่งสถาบันและพลเมืองทั้งสิ้นต้องเคารพในกติกาที่เขียนไว้ในกฎหมายสูงสุดของประเทศ เพราะการเคารพในกติกา หมายถึง ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ที่ทำให้สังคมมนุษย์ในระบอบประชาธิปไตยมีความเป็นมนุษย์ที่อุดมสมบูรณ์ มีความสุขและสงบ เพราะกติกา คือการยอมรับ การจำนน การนิ่งสงัด และการไม่โต้แย้ง
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น บุษบา บุญเสฏฐ์ วันที่ตอบ 2008-06-12 18:45:00 |
ความคิดเห็นที่ 4 (1286139) | |
ประเด็นสำคัญของการปกครองระบอบประชาธิปไตยจึงเป็นเรื่องคุณภาพของประชาชนแต่ละคน ผู้ที่มีหน้าที่ในการปกครองตนเอง ความเป็นมนุษย์ และศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ในระบอบประชาธิปไตยจึงหมายถึงระดับการศึกษาของประชาชน มีความสามารถสูง จนพอที่จะพึ่งพาตนเองได้อย่างอิสระ ปราศจากความคิดอย่างทาสโดยสิ้นเชิง ซึ่งจะพบว่านี่เป็นความหมายที่แฝงไว้ในหลักการของพระพุทธศาสนานั่นเอง หมายความว่าชาวพุทธ ที่มีสติปัญญา คือผู้ตื่น ผู้รู้ ผู้เบิกบาน รู้ดีรู้ชั่วด้วยตนเอง และมีการตรัสรู้ด้วยตนเอง ชาวพุทธที่สมบูรณ์จะมีสติปัญญาในเชิงการวินิจฉัยและใช้ดุลยพินิจได้ด้วยตนเอง มีการสั่งการใดใดได้ด้วยตนเอง ดังจะเห็นจากคำสอนในกาลามสูตร ที่พระพุทธองค์ทรงสอนชาวกาลามว่าอย่าเพิ่งเชื่ออะไรง่าย ๆ ไม่ว่าข่าวสารเหตุการณ์ใดใด นั้น อย่าเพิ่งเชื่อเสียก่อน 10 อย่างคือ (1) อย่าเชื่อ โดยการฟังตามกันมา (2) อย่าเชื่อ โดยการถือสืบ ๆ กันมา (3) อย่าเชื่อ โดยการเล่าลือ (4) อย่าเชื่อโดยการอ้างตำรา (5) อย่าเชื่อ โดยตรรก (6) อย่าเชื่อ โดยการอนุมาน (7) อย่าเชื่อ โดยการคิดตรองตามแนวเหตุผล (8) อย่าเชื่อ เพราะเข้ากันได้กับทฤษฎีของตน (9) อย่าเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าเชื่อ (10) อย่าเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา นี่คือหลักการของประชาธิปไตยข้อสำคัญที่เกี่ยวกับประชาชน ในระบอบประชาธิปไตย นั่นหมายถึงอิสรภาพของปัจเจกบุคคล ที่จะต้องรู้ด้วยตนเอง และที่ไม่สนับสนุนให้เกิดการครอบงำทางความคิด นั่นคือแนวทางการพัฒนาทางวัฒนธรรมการเมือง และประชาชนในระบอบประชาธิปไตยจะต้องมีพื้นฐานความเป็นมนุษย์ และความคิดของมนุษย์ประชาธิปไตย ต้องได้รับการเคารพเสมอ คือ เคารพในความคิดเห็นของคนอื่น แม้ฝ่ายที่เป็นปฏิปักษ์กับเราด้วย | |
ผู้แสดงความคิดเห็น บุษบา บุญเสฏฐ์ (newworld_believe-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2008-06-15 22:29:18 |
ความคิดเห็นที่ 5 (1287175) | |
เราขอเสนอให้ลองอ่านบทวิเคราะห์เรื่อง ประชาธิปไตยไทยยังคงหลงทางอยู่ โปรดคลิกเพื่ออ่าน | |
ผู้แสดงความคิดเห็น บุษบา บุญเสฏฐ์ (newworld_believe-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2008-06-17 09:35:35 |
ความคิดเห็นที่ 6 (1287195) | |
โปรดดู ประชาธิปไตยไทยต้องมียุทธศาสตร์ ยุทธศาสตร์ประชาธิปไตยไทยต้องไม่ก้าวถอย แต่ต้องก้าวไปข้างหน้า | |
ผู้แสดงความคิดเห็น บุษบา บุญเสฏฐ์ (newworld_believe-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2008-06-17 10:15:55 |
ความคิดเห็นที่ 7 (1321190) | |
test readyplanet | |
ผู้แสดงความคิดเห็น readyplanet (jeeraporn-at-grandplanet-dot-com)วันที่ตอบ 2008-07-27 20:39:32 |
ความคิดเห็นที่ 8 (1321192) | |
ประชาธิปไตยสงฆ์ ภายใต้หลักการของพระพุทธศาสนา ภราดรภาพเป็นเรื่องสำคัญในหลักการปกครองคณะสงฆ์ เสรีภาพเป็นหลักการสำคัญของการแสวงหาความหลุดพ้น และ เสมอภาค คือ ความเท่าเทียมโดยธรรม โดยเอามาตรฐานแห่งคุณธรรม สูงสุดคือมรรคผลเป็นความหมายของความเสมอภาค | |
ผู้แสดงความคิดเห็น บุษบา บุญเสฏฐ์ (newworld_believe-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2008-07-27 20:42:16 |
ความคิดเห็นที่ 9 (1322119) | |
หลักสำคัญของประชาธิปไตยควรมีการประนีประนอมกันอย่างมีเหตุผล โดยยึดประโชน์สุขของคนส่วนใหญ่ มีการแข่งขันกันอย่างยุติธรรมและรู้จักยอมแพ้เมื่อต้องแพ้ การมุ่งเอาชนะคะคานโดยไม่นึกถึงประโยชน์ของส่วนรวมเป็นอัตตาธิปไตยประชาธิปไตยไทยเป็นเช่นนั้นเอง | |
ผู้แสดงความคิดเห็น กาขาว วันที่ตอบ 2008-07-29 19:03:56 |
ความคิดเห็นที่ 10 (1444785) | |
ไม่เข้าใจอ่ะของคุณบุษบา | |
ผู้แสดงความคิดเห็น 5555+++++ วันที่ตอบ 2009-06-05 20:25:16 |
ความคิดเห็นที่ 11 (1973205) | |
เรียน คุณ 5555+++++ เราก็เป็นคนหนึ่งที่ติดตามบทวิเคราะห์ของบุษบา บุญเสฏฐ์ และของเว็ปไซต์นี้เป็นประจำ เพราะเห็นว่าผู้แสดงความคิดเห็นแต่ละท่าน มีความรู้ ความคิดที่น่าสนใจ และเรายังได้เขียนกระทู้เข้ามาบ่อยครั้ง เพราะเป็นเว็ปของเสรีชน ซึ่งต่างจากเว็ปอื่นๆคือการโต้ตอบกระทู้กัน จะตั้งอยู่บนพื้นฐานของความจริงใจ เป็นการต่อสู้กันทางวิชาการ ผู้ตั้งกระทู้และผู้ตอบกระทู้ต้องมีเหตุผล ใจกว้าง ปราศจากอคติ ถ้าใครมีความคิดเห็นที่มีเหตุผลกว่าอีกฝ่ายต้องยอมรับ หรือถ้าไม่เข้าใจ ขัดข้องใจประการใดต้องสามารถอธิบายได้ว่า ผู้อ่านกระทู้ไม่เข้าใจเรื่องอะไร เพื่อเจ้าของกระทู้จะได้อธิบายให้เข้าใจได้ถูกต้อง เพื่อส่งเสริมให้เกิดความรู้ความเข้าใจ เป็นหลักการของบัณฑิต ซึ่งในสมัยพุทธกาลใช้เป็นวิธีการเผยแผ่พระสัทธรรม เราจึงหวังว่าคุณ5555+++++ คงจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง คือไม่เข้าใจเรื่องอะไร เข้าใจว่าอย่างไร โปรดไขปริศนาด้วย เพื่อผู้อ่านกระทู้ท่านอื่นๆจะได้iy[ประโยชน์จากการโต้ตอบปัญหาระหว่างท่านกับผู้เป็นเจ้าของกระทู้ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ภราดร วันที่ตอบ 2009-08-22 15:40:35 |
ความคิดเห็นที่ 12 (2005299) | |
ประชาธิปไตยสงฆ์ เสมอภาค คือ ความเท่าเทียมโดยธรรม โดยเอามาตรฐานแห่งคุณธรรม สูงสุดคือมรรคผลเป็นความหมายของความเสมอภาค
คำว่า สูงสุดคือมรรคผลเป็นความหมายของความเสมอภาค นั่นคือ เมื่อสำเร็จเป็นพระอรหันต์กันทั้งหมดแล้ว พระอรหันต์ทั้งหมดก็เสมอภาคกันเองโดยธรรมะ นั่นคือเสมอกัน ด้วยความที่สิ้นกิเลสไปด้วยกันทุก ๆ องค์ และเสมอกันด้วยปัญญาจักษุ ที่รู้แจ้งในกิเลสและเอาชนะกิเลสได้ด้วยปัญญานั้น ตรงนี้พระอรหันต์ท่านจะรู้เท่ากันหมด เสมอกันหมด
คุณ 5555 +++++ ไม่เข้าใจตรงนี้ใช่หรือเปล่าครับ ? เพราะนี่เป้นบทสรุปหลักธรรมสุดยอดของพระพุทธศาสนา ในเรื่อง ประชาธิปไตย ส่วนของสงฆ์เอง ต้องเข้าใจธรรมะก่อนนะครับ เข้าใจทั้งหลักปริยัติ ปฏิบัติ และ ปฏิเวธ มาพอสมควรก่อน (เราต้องการเสนอบทนี้เพื่อสงฆ์อ่านศึกษานะครับ โยม พลเรือนอาจจะอ่านไม่รู้เรื่องเลยก็ได้) :- | |
ผู้แสดงความคิดเห็น บุษบา บุญเสฏฐ์ (newworldbelieve-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2009-12-15 23:44:23 |
ความคิดเห็นที่ 13 (2025099) | |
เรื่องประชาธิปไตย มาจากหลักการของพระพุทธศาสนาทั้งหมด แต่....... ไม่ใช่พระพุทธศาสนาแบบที่เข้าใจในประเทศไทย.......แบบที่คนไทยทั่ว ๆ ไป......หรือแม้พระสงฆ์องค์เจ้าไทยเข้าใจ................ต้องปรับความเข้าใจไปสักหน่อย .................... และลองติดตามสาระในเวบไซท์นี้ ทุกถ้อยคำล้วนเป็นธรรมะประชาธิปไตย....................... ท่านที่สนใจประชาธิปไตยติดตามไปเรื่อย ๆ ก็จะเข้าใจประชาธิปไตยอย่างเป็นธรรมชาติ ........... นั่นแหละประชาธิปไตยไทยจึงจะเจริญไป....... | |
ผู้แสดงความคิดเห็น บุหรง ขวัญดิน วันที่ตอบ 2010-03-17 22:17:07 |
[1] |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 156831 |