ประเด็นของผู้ตั้งกระทู้นี้ น่าสนใจมากจริง ๆ  คือทำไมจึงปล่อยให้สถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง คือ เอเอสทีวี ด่าว่าผู้อื่นด้วยถ้อยคำหยาบคาย ดิฉันได้ยินกับหูคุณสนธิ(ลิ้ม) เรียกนักข่าวหญิงนำหน้าสรรพนามว่า " ดอก " แล้วตามด้วยชื่อ  อย่างนี้หรือคือสื่อสร้างสรรค์  ชาวบ้านป.4 อ่านรัฐธรรมนูญออกตีความได้  แต่ทำไมผู้มีหน้าที่วินิจฉัยตัดสินจึงเข้าใจผิดพลาดได้มากเช่นนี้  แล้วประชาชนตาดำๆเขาจะพึ่งพาได้อย่างไร   

ตอบไปก่อนพอให้เข้าใจว่า  เดิมคนยังไม่เข้าใจ เข้าใจว่าการมองหลายด้านดีกว่ามองด้านเดียว  พากันเชื่อว่า เอเอสทีวีเสนอข่าวเป็นธรรม  เปิดเผยข้อมูลอีกด้านหนึ่ง  มองว่าเป็นสิทธิ์ตามระบอบประชาธิปไตย  แต่นานเข้าจึงค่อยรู้อะไรเป็นอะไร  เดี๋ยวนี้คนรู้อะไรเกี่ยวกับเอเอสทีวีดีมาก   ในประเด็นเรื่องความหยาบคายของนายสนธินั้นรู้กันแล้วว่า กุ๊ย   เวลาเขาด่า  ด่าแรง เพื่อให้เกิดเกรงกลัวจนไม่กล้าฟ้องร้อง  หรือด่าตอบ   แต่คนชั่วไม่อาจปกปิดความชั่ว ในที่สุด ขณะนี้ก็ปรากฎว่าคนทั้งหลายเห็นแล้วว่า  เอเอสทีวี เป็นทีวีที่ด่าตลอด 24 ชั่วโมงจริง   ไม่มีนาทีไหนที่ไม่ด่า   ฉะนั้น ก็จึงถึงเวลาที่คนจะผละห่างออกไปจากพวกนายสนธิลิ้ม  พวกเขาทำผิดกฎหมายและล้วนแต่รอคดีความ  เขาหลอกประชาชนไปเป็นโล่บังหน้า   และที่สำคัญอย่างท่านว่าก็คือ ดึงเอาสถาบันเบื้องสูงลงมาเอ่ย กล่าวอ้างอิงอย่างไม่สมควรอย่างยิ่ง 

ประเด็นนี้ขอให้ท่านผู้อ่านได้ช่วยกันออกความเห็นครับ

เรียนบก.ช่วยไขข้อข้องใจ

การที่ศาลปกครองสั่งให้คุ้มครองสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวีเข้าข่ายการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบได้หรือไม่เพราะเป็นการส่งเสริมให้ทีวีแห่งนี้ละเมิดศักดิ์ศรีและเสรีภาพผู้อื่นประชาชนฟ้องร้องศาลที่อยุติธรรมได้ไหม

เราจะกล่าวอย่างนั้นได้ก็ต่อเมื่อเราพิศูจน์ได้ว่า เอเอสทีวี ได้กระทำผิดอย่างนั้น ๆ เสียก่อน  ในขณะนั้นศาลท่านอาจจะยังไม่ทราบข้อมูล ดีพอเกี่ยวกับเอเอสทีวี   กระแสในขณะนั้นแรงในแง่ที่ว่าสื่อควรเสนอข้อมูลหลาย ๆ ด้าน เท่าที่ปรากฎขณะนั้นสื่อเสนอข้อมูลด้านเดียว   คือข่าวรัฐบาล และเอเอสทีวีนี่แหละเสนอข้อมูลที่คนไม่เคยได้รับฟังที่เป็นอีกด้านหนึ่ง  ฉะนั้น คนฟังก็ฟังดูมีเหตุผลดี  ในขณะนั้น แม้กระทั่งคนสำคัญ ๆ เช่น นายชวน หลีกภัย ก็ไปขึ้นเวทีเดินตามก้นนายสนธิ ลิ้มทองกุลไปออกตัวป้องกันเอเอสทีวีด้วย  นั่นจึงเป็นกระแสแรงมาถึงคราวที่ศาลท่านพิจารณา ก็อ้างเอาเรื่องข้อมูลหลายด้านนี้มาเป็นเหตุของการป้องกันให้  นานมาจนขณะนี้สำหรับนายชวน หลีกภัย ก็คงไม่รู้สึกอะไร เพราะคนของพรรคประชาธิปัตย์ก็ร่วมเป็นส่วนหนึ่งแห่งการจรรโลงเอเอสทีวีโดยตรงอยู่แล้ว  แต่ศาล ถ้าท่านมีใจยุติธรรมจริง ๆ  มีภูมิปัญญารอบรู้อยู่บ้างในเรื่องอิทธิพลของสื่อในฐานะเครื่องมือสงครามจิตวิทยา    และมองข้อเท็จจริงของการโฆษณาของเอเอสทีวีตลอด 24 ชั่วโมง จะพบว่ามีแต่เรื่องการบิดเบือนข่าวสาร เพื่อกล่าวหาให้ร้ายคนอื่น  ใช้การโฆษณาข่มขู่คนอื่นให้เข้าข้างตน ฯลฯ หากมีผู้เสนอขอระงับยับยั้งการออกอากาศของเอเอสทีวีเข้าไปอีกครั้ง ศาลท่านก็น่าจะรับฟัง  หากไม่เช่นนั้นก็แสดงว่าท่านก็มีเหตุผลส่วนตัวของท่าน  เราอย่าหวังอะไรมากจากกฎหมายและสถาบันกฎหมายเมืองไทยในยุคนี้  เราเคยวิเคราะห์เรื่อง การยุบพรรคการเมืองไว้ ว่าไม่ควร เราอ้างเหตุผลว่า พรรคการเมืองเป็นเรื่องใหญ่เกินกว่าศาล ซึ่งมีนักกฎหมายล้วน ๆ จะตัดสินได้ เหมือนตาบอดคลำช้าง     อยากให้อ่านดู อย่างไร ก็ดี ในขณะนี้ เอเอสทีวียิ่งแสดงให้เห็นความต่ำทรามลงไปเรื่อย ๆ  น่าจะเป็นที่ปรากฎอย่างชัดเจนถึงความไม่เหมาะสมของสื่อมวลชน หรือ ไร้ความเป็นสื่อมวลชนโดยสิ้นเชิงอยู่แล้ว  และให้ประชาชนพิศูจน์และรับทราบความทรามของพวกเขาไปเรื่อย ๆ  ก่อนก็ได้  เราควรช่วยกันเผยแผ่ไปว่านี่คือสื่อที่ทำร้ายวัฒนธรรมของชาติ และต่ำทรามเกินกว่าจะเป็นสื่อสารมวลชน  เพื่อให้ประชาชนได้ทราบความจริง   อนึ่ง เรื่องเอเอสทีวีนี้ ทางเราได้ติดตามมาตั้งแต่ยุคทักษิณแล้ว  โปรดลองอ่านข้อคิดของเรา ซึ่งจะมองตรงเช่นเดียวกับท่านที่ถามมา   ขอขอบคุณที่ตั้งคำถามที่ตรงประเด็นมาก ๆ

เรื่องราวของ ASTV มีความเป็นมาตั้งแต่ยุคทักษิณ ในฐานะเครื่องมือการสงครามจิตวิทยา เพื่อล้มล้างรัฐบาล โดยตรงโดยผู้รู้จักใช้มันอย่างดีที่สุด  และทำงานเชิงการโฆษณาชวนเชื่ออย่างออกฤทธิ์ร้าย ที่รัฐบาลทักษิณ และนักวิชาการสื่อสารมวลชนในมหาวิทยาลัยไทยๆ เขลาไม่รู้เรื่อง  จนในที่สุดออกฤทธิล้มล้างรัฐบาลทักษิณ และขณะนี้ กำลังล้มล้างระบอบประชาธิปไตย เพื่อตั้งตนของพวกเขาขึ้นเป้นใหญ่ ในการเมืองใหม่ นั่นคือระบอบประธานาธิบดี ให้ไทยเป็น สาธารณรัฐไทย มีนายตั๊บ แซ่ลิ้ม เป็ฯประธานาธิบดี    แต่เรารู้ เข้าใจชั้นเชิงนี้  จึงได้พยายามเตือนรัฐบาลมาโดยตลอด  ว่าอันตราย ๆ     โปรดดูการศ฿กษาของเราเรื่องวิเคราะห์เอเอสทีวี ในหัวข้อการศึกษาเรื่องการโฆษณาชวนเชื่อ  ที่ได้ศึกษาเอาไว้ตั้งแต่เอเอสทีวีดำเนินการอยู่ในสมัยรัฐบาลทักษิณ  โปรดคลิกเพื่อติดตามเข้าไปดู

โปรดคลิกเข้าไปดู รายงานการศึกษาการโฆษณาชวนเชื่อของม็อบล้มล้างรัฐบาลทักษิณ 15 รายการ

เรียนบก.ได้เห็นสนธิพูดถึงการตัดคุณไสย์โดยนำผ้าอนามัยใช้แล้วมาวางหน้าฐานพระบรมรูปทรงม้า อยากฝากถามสว. สส.ผบ.เหล่าทัพ สื่อมวลชนรู้สึกอย่างไรกับพันธมิตรอยากให้ประเทศไทยเดินไปตามการเมืองใหม่ รู้ไหมชาวบ้านเขาเห็นอะไรเพี้ยนๆขึ้นทุกวันจากพันธมิตร

ดิฉันไม่สบอารมณ์เลย ที่เห็นพันธมิตรวางอำนาจบาทใหญ่ปิดเส้นทางถนนราชดำเนิน  ทั้งๆที่เป็นเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินในพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ ฯ  คนไทยทั้งประเทศเขาก็คงสะเทือนใจอย่างดิฉันที่เห็นพวกขี้คอกทำตัวเป็นผู้ยิ่งใหญ่คับฟ้าไม่เกรงกลัวบาปอันหนัก  ทำไมยังมีคนไทยบางส่วนยังหลงงมงายว่าแกนนำพันธมิตรหวังดีต่อประเทศชาติและจะนำพาชาติไปสุ่ความรุ่งเรือง  ฝากไปถึงผู้มีหน้าที่รับผิดชอบช่วยแก้ไขด้วยก่อนที่บ้านเมืองจะล่มจมมากไปกว่านี้  ฝากบอกถึงนักการเมืองที่เข้าข้างคนถ่อยๆระวังไว้ให้ดี  ในที่สุดความจริงจะพิสูจน์ความเท็จในอีกไม่นานนี้  แล้วคอยดูว่าจะเชิดหน้าชูตาหลอกคนไทยไปได้นานเท่าไร

เห็นด้วยอยู่แล้ว กับแนวคิดของ แสงธรรม ขอให้ช่วยกันเถอะ ช่วยกันเปิดเผยความจริง  เพราะสิ่งที่อยู่ในความมืดย่อมกลัวแสงสว่าง  อุปมาเหมือนข่าวลับไร้ความจริง ย่อมกลัวการเปิดเผยจากผู้รู้  วิธีการต่อสู้ก็คือช่วยกันบอกกล่าวออกไปว่าพวกเขาเป็นเพียงนักโฆษณาชวนเชื่อเท่านั้นเอง